Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
25 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
Oops!ผิดอีกแล้ววววววว ลำดับที่ 38-37

ดั๊น in กับละตรเรื่องนั้นเหลือเกิน


ต้องการอ่านลำดับที่ 40 คลิกที่นี่

  ใครที่เพิ่งเข้ามาอ่านบล็อกภาษาต่างประเทศ  ย้อนไปอ่านอันดับที่ 40 นิดหนึ่ง กรณีที่ยังไม่ได้อ่านหรือหลงเข้ามา..นะครับ เพราะมีอธิบายความในใจเล็กๆไว้ที่นั้น...


ไม่ทราบ ว่าเป็นข้อผิดพลาดทางภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษกันแน่ แต่ผมสังเกตว่า คำว่า 
in  ซึ่งแปลว่า "ใน" ใน 5 ปีที่ผ่านมา ได้ค่อยๆ เข้ามาอยู่ในบรรดาศัพท์ภาษาไทย ตัวอย่างเช่น พาดหัวข่าวข้างบนนี้  ปัจจุบันนี้อะไรที่คนไทยคลั่งไคล้อย่างมากเขาจะบอกว่า "อุ้ย หนู in  กับนั่นเหลือเกิน คำว่า เท่าที่ผมได้ศึกษามาในภาษาไทยแปลว่า  เข้าถึงอย่างลึกซึ่ง มีอารมณ์กับเหตุการณ์นั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราว ละครโทรทัศน์ เพลง ภาพยนต์หรือเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้น


ก่อนอื่นผมต้องบอกว่าผมไม่อยากยุ่งกับการตีความของศัพท์ภาษาไทยเลย หมายถึง ไม่อยากสอนอะไรเกี่ยวกับความหมายของคำศัพท์ภาษาไทยเพราะความรู้ทางด้านภาษาไทยของผมไม่พอ ไม่ถึงหรือที่คนไทยชอบพูดว่าไม่  in  กับไวยกรณ์และความหมายของศัพท์ไทยเท่าที่ตวร ไม่เชี่ยวชาณน่ะครับ 


ภาษาไทยเป็นภาษาของคุณและเป็นภาษาที่ไพเราะ ดังนั้นถ้าคนไทยอยากจะตีความหมายของคำว่า in คือเข้าถึงอย่างลึกซึ่ง  ผมไม่ว่าอะไรครับเป็นเรื่องของคุณ   เพียงแต่อย่าไปเชื่อว่าความหมายของ in ในภาษาอังกฤษจะเหมือนกัน  เพราะว่าในภาษาอังกฤษนั้น in  แปลว่า ใน  ความหมายเดิมนั้นเองครับ แม้ในเชิง slang  ก็ไม่มีความหมายของ in ในภาษาไทยครับ 


  • ส่วนประโยคข้างต้นที่พาดหัวเรื่องนั้นเราจะแปลเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไรดี อย่าแปลว่า 

I am so in with that soapia!

(soapie  ย่อมาจาก soap opera ซึ่งแปลว่า ละครน้ำเน่า คำว่าละคร ถ้าบนเวทีมักจะแปลว่า drema ถ้าเป็นละครทาง TV ให้ใช้ drama  series หรือ  serial ครับ)


ประโยคนี้ผิดด้านความหมายครับ คุณไม่สามารถแปลคำว่า เข้าถึงอย่างลึกซึ้งกับอะไรบางอย่างว่า  in with เป็นการแปลตรงตัวมากเกินไป  ถ้าคุณ in with ใครหรือบุคคลพวกหนึ่ง  ความหมายก็คือ คุณสนิทสนมกับคนพวกนั้นเช่น

I'm really in with Tul. She thinks I'm the most handsome guy she's ever met. (ผมสนิทกับตุ๋ย เธอคิดว่าผมเป็นหนุ่มรูปหล่อที่สุดที่เธอเคยเห็น)

If you want to get in with that goverment department, you have to pay them a lot of money under the table. (ถ้าอยากจะใกล้ชิดกับหน่วยราชการนั้น  คุณจะต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะเป็นจำนวนมาก)


เพราะฉะนั้นถ้าไม่สามารถแปล เข้าถึงอย่างลึกซึ้ง ว่า in ในภาษาอังกฤษเราต้องใช้อะไรดีสำหรับความหมายของ in ในภาษาไทย ง่ายนิดเดียวครับ ให้ใช้  in to แทน

ในเชิงสำนวลถ้าคุณเข้าถึงอะไรอย่างลึกซึ้ง เราถือว่าคุณ in to สิ่งนั้น อย่างในตัวอย่างพาดหัวของเรา

I'm really into soapie.

นี่คือการแปลที่ถูกต้องสำหรับพาดหัวของเราครับ ขอยกตัวอย่างอีกสามตัวอย่าง

Somcheng's really into Tata Young,but i prefer Ruangthong Thonglanthom. ส้มเช้งคลั่งไคล้ทาทา ยัง แต่ผมชอบรสงทอง ทองลั่นทม มากกว่า)

Thais really into hot food. คนไทยชอบทานอาหารเผ็ดเหลือเกิน)

Somchai was into yoga until he fell over anf broke his neck.สมชายชอบไปฝึกโยคะจนกระทั้งเขาล้มแล้วคอหัก)

ท่านผู้อ่านอาจจะรู้สึขำนิดนึงตรงที่เราจะต้องแปลคำภาษาอังกฤษเป็นคำภาษาอังกฤษอื่นมช่ไหมครับ คือคำคำเดียวในภาษาไทยไม่ตรงกับความหมายมนภาษาอังกฤษ คนไทยมีเสน่ห์จริงๆครับ

สรุปว่า...........

ใช้
in to แทน in  ในความหมายว่า คลั่ง หรือ เข้าถึงอย่างลึกซึ้ง

  • Oops!ผิดอีกแล้ววววววว ลำดับที่ 37

อันดับที่37 ''I'm a freshy at university.''

ไม่รู้ เป็นอะไรกับคำว่า freshy เป็นศัพท์ที่ฟังแล้วน่ารำคาญมาก ก่อนที่ผมจะมาเมืองไทยไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน fresh เคยใช้บ่อย แต่ freshy   กลายเป็นลูกคนใหม่ในชีวิต.....และเป็นลูกที่ผมไม่ค่อยปิ๊งเท่าไร ผมขอยกตัวอย่างครับ

I'm freshy at Ckulalongkorn University.


มีอะไรผิดพลาดกับประโยคนี้ไหมครับ ก็ไม่มีอะไรทางไวยากรณ์ แต่มีปัญหาตรงคำว่า freshy คือไม่มีคำนี้ในพจนานุกรมภาษาอังกฤษ


ขอพูดอีกครั้งนะครับคือ ภาษาอังกฤษไม่มีคำว่า 
freshy  ถ้าท่านผู้อ่านสามารถที่จะหาคำนี้มนพจนานุกรมภาษาอังกฤษ(ที่ไม่ได้เขียนในประเทศไทย)ผมยอมแก้ผ้าวิ่งตามถนนสีลมตอนหัวค่ำพร้อมกับร้องเพลง"เป็นแฟนฝรั่งต้องทนหน่อยน้อง พี่นี้ไม่มีเงินทอง...."


ถ้าไม่มีคำนี้ผมขอบอกศัพท์ที่มีอยู่ในพจนานุกรมคือ fresh พร้อม freshman และ fresher ขอเริ่มที่  freshman ก่อนดีกว่า คำนี้มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา หมายถึงนักศึกษาปีแรกของมหาวิทยาลัย คำว่า fresher ก็เหมือนกัน เป็นคำย่อมาจาก freshman ซึ่งผมเองไม่เคยได้ยินและได้ใช้ในชีวิต แต่ก็ยังอยู่ในพจนานุกรม สงสัยถูกใช้ที่สหรัฐ เหมือนกัน แต่ส่วนประเทศอื่นที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักของเขาบางประเทศก็ไม่ใช้ อย่างออสเตรเลียครับ ฟังแล้วคำนี้เชยเหลือเกิน ไม่อยากใช้ fresh หรือ freshman แต่ใช้ first year  ดีกว่า เช่น


Somcheng is a freshman a Buffalo University.

Somcheng is a fresher at Bufflo University.

Somcheng is a first year at Buffalo University.

ทั้ง 3 ประโยคให้ความหมายเดียวกันคือ ส้มเช้งเรียนปี 1 ที่ มหาวิทยาลัยควาย

freshman  ถึงแม้ว่าประกอบด้วยคำว่า man แต่ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย รวมทั้งกะเทยครับ

เมื่อก่อนผมทำงานกับเพื่อนชาวอเมริกันคนหนึ่งที่กรุงเทพฯ เขาพูดภาษาไทยได้คล่องเพราะขยันเรียน นอกจากนั้นเขาได้แฟนเป็นคนไทย(แถวขอนแก่น) และมีลูกน่ารัมาก...ข้อมูลนี้อาจจะนอกเรื่อง
freshy แต่ผมก็อยากจะบอก เพราะว่าเขากลับอเมริกาไปแล้ว และผมก็คิดถึงครอบครัวนี้มาก อย่างไรก็ตามเพื่อนผมคนนี้เคยบ่นเรื่องนี้เหมือนกัน "แหม ไม่เคยได้ยินเด็กอเมริกันเรียกตัวเองว่าเป็น freshy เลย แล้วทำไมเด็กไทยต้องเรียกด้วย"

พอฟังเพื่อนพูดก็โล่งใจ เพราะคิดทั้งนานว่า
freshy อาจเป็ยแสลงจากสหรัฐอเมริกา ถึงแม้ไม่ใช่ที่บ้านเกิดผมก็ต้องทน เพราะประเทศสหรัฐอเมริกานำมาใช้ แต่ทราบที่หลังว่า ไม่มีการใช้ freshy ในจักรวาลนี้ นอกจากเมืองไทยนั้นเอง

คำคำเดียวกันนี้ถูกใช้ในเชิงที่ผิดอย่างหนึ่งคือ ถ้าหากคุณรู้สึกสดชื่น อย่าไปบอกว่า I feel freshy นะครับ เพราะมันผิด อย่างที่บอกไปแล้วว่า 
freshy ไม่มีในภาษาอังกฤษ ดังนั้นเราดูว่าfresh ใช้อย่างไรบ้าง

fresh  เป็น adjective ครับ  ใช้อธิอะไรที่สด เช่น อาหาร ข่าว  เหตุการณ์ หรือความคิดเห็น เช่น

I'd like a fresh cup of tea, please.(ผมขอกาแฟแก้วใหม่ได้ไหมครับ)

This fruit is fresh.(ผลไม้เหล่านี้สด)

There is some fresh news about the bus crash in Ayuthaya.(มีข่าวล่าสุดเกี่ยวกับอุบัติเหตุรถเมล์ที่อยุธยา)

The meeting discussed fresh developments in investment.(การประชุมนั้นได้พิจณาความเกือบหน้าใหม่ๆ ในโครงการลงทุน)

Are there any fresh ideas on this topic?(มีความคิดเห็นอะไรใหม่ๆเกียวกับหัวข้อนี้ไหม)

นอกจากความหมายนี้แล้ว
fresh ใช้กับอากาศด้วย ความหมายก็คือ อากาศเย็นดี เช่น

The weather is fresh this time of the year in Chiang-Mai.(ช่วงเวลานี้ที่เชียงใหม่อากาศหนาวนิดๆ)


fresh air คืออากาศที่สูดแล้วสดชื่น

This room is stuffy a window and let in some fresh air.(ห้องนี้แออัดจนหายใจไม่ออก เปิดหน้าต่างให้อากาศเข้าบ้าง)

Every weekend I escape Bangkok and head for the fresh air upcountry.(ทุกเสาร์-อาทิตย์ผมจะหนีกรุงเทพฯ ไปสูดอากาศที่สดชื่นต่างจังหวัด)

fresh ใช้อธบายความรู้สึกตื่นตัว ไม่ง่วงนอนโดยเฉพาะหลังจากตื่นนอน

I always feel fresh after an afternoon nap.(ผมรู้สึกสดชื่นหลังจากผมนอนงีบรอบบ่าย)

fresh มีความหมายเชิงสำนวนด้วย เช่น ในการอธิบายใครๆที่ไม่มีประการณ์

Bunting's still very fresh. He needs further instruction.(บุญทิ้งยังใหม่อยู่เขาจำเป็นจะต้องได้รับการฝึกอบรมต่อไปอีก)

และน่าเป็นห่วงที่สุด...
fresh ในเชิงแสลงให้ความหมายว่า พูดจาไม่สุภาพ หรือ หน้าด้าน

  Don't get fresh with me.(อย่าหยาบคายกับผมแบบนั้น)

สรุปว่า....ถ้าคุณเรียนปีแรกที่หมหาวิทยาลัย เป็น freshman ไม่ใช่ freshy

ขอบคุณพิเศษ แอนดรูว์ บิ๊กส์ Oops! ผิดอีกแล้ว

ปล.หากว่าเพื่อนๆอยากอ่านเร็วๆก็หาซื้อได้ตามร้านบุ๊คสโตร์ ทั่วไปเล่มละ 125 บาท ที่มีอยู่เล่มนี้เมื่อ 5ปีก่อน เดี๋ยวนี้อาจจะถูกกว่าก็เป็นได้



Create Date : 25 พฤษภาคม 2555
Last Update : 26 พฤษภาคม 2555 7:15:48 น. 4 comments
Counter : 6480 Pageviews.

 
Call on/Visit ไปเยี่ยม/แวะเยี่ยม


Please call on me next time if you come in town.

ครั้งหน้าถ้าคุณเข้ามาในเมืองกรุณาแวะมาเยี่ยมฉันบ้างนะ หรือจะใช้ pay a call on.

I will pay a call on Tony Tonight.

ฉันจะไปเยี่ยมโทนี่คืนนี้

He went to visit his family.

เขาไปเยี่ยมครอบครัวของเขา

ถ้าจะไปเยี่ยมคนโดยไม่ได้นัดหมายใช้ drop in.

If you want to see me, just drop in.

ถ้านายอยากจะเจอฉันก็แวะมาซิ

Over my dead body!

ให้ฉันตายซะก่อนถึงจะได้หมายถึง สิ่งที่ยินยอมไม่ได้อย่างเด็ดขาด ยอมตายซะดีกว่าที่จะยอมให้มันเกิดขึ้น

Hey! Pakboong, I heard that you’re going to marry Suthat.

เฮ้! ผักบุ้ง ได้ข่าวว่าเธอจะแต่งงานกับสุทัศน์หรือ

Over my dead body!

ให้ฉันตายซะก่อนถึงจะได้

Why? I think he’s alright.

ทำไมล่ะ ฉันคิดว่าเขาก็โอเคนะ

No! He’s not alright, he’s a jerk!

เขาไม่โอเคเลย เขาเป็นคนที่ห่วยมากๆ

Jerk - ในที่นี้เป็น Slang หมายถึงห่วย, ไม่ดี, กะล่อน

John : can I take your daughter out?

จอห์น : ขอพาลูกสาวคุณไปเที่ยวหน่อยได้ไหม

Over my dead body! A..hole! ไอ้...ตูด


ขอบคุณ นสพ สยามธุรกิจ


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 19 มิถุนายน 2555 เวลา:21:50:34 น.  

 
A Fun way tolearn English

Continue with Idioms and phrases

To break the ice : การเปิดบทสนทนาถ้าเราได้รับการแนะนำให้รู้จักคนคนหนึ่ง แต่เราไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดกับเขาอย่างไรคำว่า

break the ice ก็จะนำมาใช้ได้

I tried to break the ice with my new Boss.ฉันได้พยายามที่จะรู้จักหรือเข้าถึงหัวหน้าคนใหม่ของฉัน

It took us a while before we broke the ice in the class room.มันใช้เวลาสักพักหนึ่ง กว่าเราจะทำความรู้จักกันในห้องเรียน

In the same boat : มีปัญหาอันเดียวกัน

Can you believe that Susan? I failed the exams twice this year.ซูซาน เธอเชื่อไหมว่าฉันสอบตก 2 หนแล้วในปีนี้

Yes, I’m in the same boat, Nansy.ค่ะ ฉันก็ตกที่นั่งเดียวกันกับเธอล่ะ แนนซี่

Out of the blue : อย่างไม่คาดฝัน

Out of the blue, Pop wants to Open SomTum stall (papayasalad) at soi 25th ไม่คาดฝันมาก่อนว่า อยู่ๆ ป๊อบก็จะเปิดร้านขายส้มตำที่ซอย 25

Out of the blue, John said he wanted to be a woman.!?!

Continue with Idioms and phrases

To burn someone up / %B


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 19 มิถุนายน 2555 เวลา:21:58:46 น.  

 
A Fun way tolearn English

Continue with Idioms and phrases

To break the ice : การเปิดบทสนทนาถ้าเราได้รับการแนะนำให้รู้จักคนคนหนึ่ง แต่เราไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดกับเขาอย่างไรคำว่า

break the ice ก็จะนำมาใช้ได้

I tried to break the ice with my new Boss.ฉันได้พยายามที่จะรู้จักหรือเข้าถึงหัวหน้าคนใหม่ของฉัน

It took us a while before we broke the ice in the class room.มันใช้เวลาสักพักหนึ่ง กว่าเราจะทำความรู้จักกันในห้องเรียน

In the same boat : มีปัญหาอันเดียวกัน

Can you believe that Susan? I failed the exams twice this year.ซูซาน เธอเชื่อไหมว่าฉันสอบตก 2 หนแล้วในปีนี้

Yes, I’m in the same boat, Nansy.ค่ะ ฉันก็ตกที่นั่งเดียวกันกับเธอล่ะ แนนซี่

Out of the blue : อย่างไม่คาดฝัน

Out of the blue, Pop wants to Open SomTum stall (papayasalad) at soi 25th ไม่คาดฝันมาก่อนว่า อยู่ๆ ป๊อบก็จะเปิดร้านขายส้มตำที่ซอย 25

Out of the blue, John said he wanted to be a woman.!?!

Continue with Idioms and phrases

To burn someone up / ทำให้โกรธ

A: I don’t like Nisa, she always burn me up. ฉันไม่ชอบนิสา เธอชอบทำให้ฉันโกรธเป็นประจำเลย

B: What did she do? หล่อนทำอะไรให้ล่ะ

A: She told her friends that I was fat. เธอบอกเพื่อนๆ ของเธอว่าฉันอ้วน

B: May be she’s just kidding. บางทีหล่อนอาจจะแค่ล้อเล่นมั้ง

To get down to business / เริ่มทำ เริ่มเข้าเรื่องกันดีกว่า

You guys keep talking about this project all day long nothing’s happened, let’s get down to business. พวกคุณพูดเรื่องโครงการนี้มาทั้งวันแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย พวกเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า

To butt in (to interfere) / ขัดจังหวะหรือเข้ามายุ่ง

When the couples argue, don’t butt in. เมื่อสามีภรรยาหรือคู่หนุ่มสาวทะเลาะกัน อย่าเข้าไปยุ่ง

Every time I’m about to tell Mai that I love her, Noi always butts in. ทุกๆ ครั้ง ที่ฉันกำลังจะบอกใหม่ว่าฉันรักเธอ หน่อยจะคอยขัดจังหวะทุกทีเลย


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 19 มิถุนายน 2555 เวลา:21:59:29 น.  

 
Civil war” หมายถึงสงครามกลางเมือง เป็นสงครามระหว่างกลุ่มหรือภูมิภาคในประเทศเดียวกัน มีจุดมุ่งหมายเพื่อยึดครองประเทศ เรียกร้องความเป็นอิสระ หรือเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐ คำว่า “civil” แปลว่าพลเมือง ส่วน “war” แปลว่าสงคราม civil war จึงแปลได้ว่าสงครามระหว่างพลเมือง หรือของพลเมือง เช่น “The conflicts between the Parliamentarians and the Royalists resulted in a civil war from 1642 to 1651.” ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายรัฐสภากับฝ่ายกษัตริย์นิยมก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองตั้งแต่ปี ค.ศ. 1642-1651


ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 8 ฉบับที่ 368 วันที่ 14 – 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 หน้า 10 คอลัมน์ สะเก็ดศัพท์ โดย มีน่า


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 15 กรกฎาคม 2555 เวลา:11:56:42 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.