เปิดประตูโป่งน้ำร้อน สู่พระตะบอง-เสียมเรียบ
เปิดประตูโป่งน้ำร้อน สู่พระตะบอง-เสียมเรียบ
คุยกันได้ว่า “เมืองไทย” ไม่ว่าชาติไหน ๆ ก็ให้อิจฉา ในเรื่องลักษณะของที่ตั้งอันได้ชื่อว่าเป็นจุดศูนย์กลางอยู่ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านรายรอบตั้งแต่เหนือจดใต้กระทั่งตะวันออกจนจดตะวันตก ซึ่งก็ส่งผลให้เกิดความได้เปรียบในเชิงชั้นของการส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่เรามักจะได้ยินได้ฟังกันอยู่เสมอว่า ประเทศไทยคือปากประตูเข้าสู่กลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอินโดจีนที่ถือได้ว่าคือประเทศเปิดใหม่ด้านการท่องเที่ยว เมื่อประมาณ 3 ทศวรรษที่ผ่านมา
ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวสำหรับตลาดคนไทยเรากันเอง ก็ลอกความละม้ายคล้ายกันกับการทำตลาดในต่างประเทศ คือ ขายประเทศไทยเป็นเป้าหมายแรกก่อนจะเดินทางเข้าสู่กลุ่มประเทศอินโดจีนนั่นหมายถึง การเลือกประเทศเพื่อนบ้านเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ให้กับคนไทยได้ใช้เป็นตัวเลือกในการวางแผนเดินทางไปที่หนึ่งที่ใดแบบซ้ำครั้ง เช่น กลับคืนสู่ดินแดนอู่อารยธรรมอีสานอีกสักครั้ง เพื่อเดินทางต่อไปยัง สปป.ลาว
หรือย้อนไปแรมคืนเชียงรายก่อนผ่านด่านแม่สายไปเที่ยวท่าขี้เหล็กและอาจจะไกลออกไปจนถึงเมืองเชียงตุงของพม่าอะไรทำนองนี้
เช่นกันกับการเลือกมุ่งหน้าไปที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แล้วเดินทางผ่านประตูปอยเปตออกไป สู่เสียมเรียบ อาณาจักรแห่งมรดกโลก นครวัด นครธม อันเลื่องชื่อลือนามอยู่ในขณะนี้
- ในปัจจุบัน…หลังประเทศเพื่อนบ้านหยุดงานศึกสงครามภายในแล้วหันมาตั้งหน้าตั้งตาพัฒนาประเทศอย่างเป็นจริงเป็นจังเพื่อแข่งกับประเทศไทยที่ก้มหน้าก้มตาพัฒนาประเทศมานาน ทว่าเพิ่งจะเลือกเดินถอยหลังกลับมาทำสงครามการเมืองภายในประเทศกันเอง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
กัมพูชาซึ่งได้ชื่อว่าขยับก้าวเดินไปข้างหน้าช้าสุดในกลุ่มประเทศอินโดจีนด้วยกันก็เริ่มที่จะขมีขมันผลักดันบ้านเมืองของตนเองให้ก้าวล้ำกว่าที่เคยเป็น และแน่นอน…สิ่งสำคัญเหนืออื่นใดทั้งหมดย่อมหนี ไม่พ้นการเปิดประตูประเทศให้กว้างออกและมากขึ้น เพื่อรองรับกับคลื่นของนักลงทุนบวกกับกระแสของการค้าการท่องเที่ยวพร้อมกันไปในตัว
มีเรื่องอยากชวนกันมอง ในแนวเขตประเทศที่เป็นรอยต่อระหว่าง อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี กับฝั่ง จ.พระตะบอง ของกัมพูชา ซึ่งแต่เดิมแผ่นดินตรงนั้นเคยเป็นสมรภูมิสงครามของฝ่ายเขมรแดง ที่ยึดครองพื้นที่เอาไว้ต่อสู้กับฝ่ายรัฐบาล บ่อยครั้งในครั้งนั้นที่มีแต่เสียงปืนเสียงระเบิดก้องดังเข้ามาถึงฝั่งเรา ยามนั้นจึงมิมีใครที่คิดจะหาญกล้า พากันเข้าไปยังบริเวณพื้นที่อันเป็นพรมแดนซึ่งต่อเชื่อมถึงกัน เพราะมันอันตราย!
วันนี้…เมื่อเสียงปืนฝั่งตรงข้ามหยุดคำรามขณะที่แผ่นดินโป่งน้ำร้อนซึ่งเคยเป็นเพียงแปลงเกษตรผืนใหญ่ก็กลับกลายเป็นแหล่งการค้าสำคัญที่ต่อสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา อันเนื่องมาจากจุดพรมแดนด้านด่านบ้านแหลม ต.เทพนิมิตซึ่งอยู่ห่างตัว อ.โป่งน้ำร้อนประมาณ 32 กิโลเมตรนั้นได้ถูกยกระดับขึ้นเป็นจุดผ่านแดนถาวร เพื่อเข้าไปสู่ปฐพีเพื่อนบ้านตรงบ้านกรอมเรียง อ.กรอมเรียง จ.พระตะบอง
สภาพของด่านบ้านแหลม ณ วันนี้ จึงถูกแปลงโฉมให้เป็นตลาดการค้าขนาดใหญ่ที่ชาวกัมพูชา นิยมเดินทางเข้ามาจับจ่ายพร้อมกับนำสินค้าเข้ามาวางขาย ขณะเดียวกันก็เป็นจุดที่รถบรรทุกสินค้า แล่นผ่านเข้าออกแข่งกับกองทัพแรงงานกัมพูชาที่แห่กันเข้ามาค้าแรงงานในแถบชายแดนบ้านเรา นับพันนับหมื่นคนในแต่ละวัน
แล้วก็อีกนั่นแหละ เมื่อแผ่นดินทั้งสองฝั่งได้ถูกพลิกผันให้กลายมาเป็นแผ่นดินเดียวกัน แถมมีความมั่นคงปลอดภัยเป็นทุนหนุน การบุกเบิกเพื่อจุดประกายด้านการท่องเที่ยวจึงอุบัติขึ้นได้อย่างไม่มีเงื่อนไข ใด ๆ นั่นคือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานระยอง ได้ร่วมกับสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรีส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อชักนำนักท่องเที่ยวจากทุกภูมิภาคให้เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวยังพื้นที่ จ.จันทบุรี ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวทั้งเชิงประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ ตั้งแต่ภูเขาถึงหาดทรายชายทะเล อีกทั้งส่วนที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอีกมากมาย จากนั้นถึงเลือกเดินทางต่อไปยังเป้าหมายใหม่ คือ กัมพูชา
การบุกเบิกเส้นทางท่องเที่ยวสายใหม่ของ จ.จันทบุรี ได้เริ่มต้นขึ้นโดยการนำขบวนแรลลี่รถยนต์ 50 คัน เดินทางผ่านด่านบ้านแหลมเข้าสู่ อ.กรอมเรียง จ.พระตะบอง ผ่านแปลงนาและชุมชนไปบนถนนที่อยู่ระหว่างการพัฒนาให้เป็นเส้นทางหลัก เพื่อนำไปสู่เมืองสำคัญ ๆ ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของกัมพูชา ประมาณ 105 กิโลเมตร ก็เข้าถึงยังตัวเมืองพระตะบอง หรือ Battambang เมืองซึ่งมีประวัติศาสตร์ผูกพันกับสยามประเทศมานับแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นและเป็นเมืองที่มีร่องรอยตึกรามเรือนปูนรูปทรงสไตล์เดียวกับนักล่าอาณานิคมฝรั่งเศสหลงเหลือให้เห็นอยู่ทั่วมุมเมืองมากมาย
ด้านการท่องเที่ยว ที่นี่เหมาะสำหรับการสัมผัสวิถีดิบ ๆ ของผู้คน ที่มีอยู่ประมาณ 1 ล้านคน คือ พวกเขายังใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย คล้าย ๆ คนไทยในถิ่นชนบทเมื่ออดีต แต่ที่แปลกตาสุดก็คือ รถไฟไม้ไผ่ ที่เรียกกันว่า Bambootrains ด้วยพวกเขาบรรจงสร้างมันขึ้นมาเป็นเรือนไม้ไผ่ขนาดให้พอนั่งโดยสารกันได้ แล้วก็มีล้อเลื่อนแล่นไปบนรางรถไฟคู่ ในยามที่ต้องแล่นสวนกันบนราง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะต้องเสียสละ ด้วยการหยุดรถ แล้วลงไปช่วยกันยกเจ้าแบมบูเทรนส์ที่ว่านี้ออกจากรางลงไปก่อน มันเป็นความน่ารักบนวิถีที่ยังเรียบง่ายนี้จริง ๆ
ส่วนแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติ ศาสตร์ ที่เกี่ยวพันกันกับบ้านเราก็ตรงวัดเชียงขาว ซึ่งอยู่ตรงกลางใจเมือง และผู้สร้างก็คือพระยาอภัยภูเบศร์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ปกครองนครแห่งนี้ แต่ในแง่ของสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับด้านโรงแรมที่พัก บ้านนี้เมืองนี้เขาก็เริ่มแข่งขันด้านการลงทุนในโรงแรมระดับหรูกันพอสมควรแล้ว
ในส่วนของแหล่งท่องเที่ยวธรรม ชาติ เมืองที่ได้ชื่อว่ายักษ์ทำตะบองหายนี้ มีทะเลสาบ “กำปิงปวย” Kom Ping Puoy ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่ประเทศอิตาลีกับญี่ปุ่น เข้าไปร่วมกันสร้างเป็นเขื่อนกักเก็บน้ำไว้ให้ มันจึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนของผู้คนในท้องถิ่นไปจนถึงอาคันตุกะต่างแดน
จากตัวเมืองพระตะบองต่อขึ้นไปตามเส้นทางหมายเลข 6 อีกไม่นานก็จะผ่านเข้าสู่เมือง บันเตียเมียนเจย หรือ Banteay Meanchey ที่คนไทยเราคุ้นปากในชื่อ ศรีโสภณ ซึ่งปัจจุบันมีฐานะเป็น จังหวัดหนึ่งของกัมพูชา แต่ความคับคั่งของมุมเมืองก็ยังดูน้อยกว่าพระตะบอง และจากท้องถิ่นแห่งนี้ขึ้นไปประมาณ 160 กิโลเมตร ก็จะเข้าถึงยังเมืองท่องเที่ยวชั้นนำของกัมพูชา อันได้แก่ เมืองเสียมเรียบ Siem Reap หรือเสียมราฐ แหล่งมรดกโลกสำคัญคือ นครวัด นครธม และปราสาทบริวารที่รายรอบอีกมากมาย
เมืองนี้แทบจะไม่ต้องใช้คำบรรยายใด ๆ ให้ได้มองเห็นภาพ เพราะสถานที่แห่งนี้ต่างเป็นที่รับรู้ของคนทั้งโลกแล้วว่า มันคือเมืองที่ช่างมีคุณค่ามหาศาล ต่อการอนุรักษ์ไว้เป็นมรดกสู่มนุษยชาติรุ่นต่อ ๆ ไปไม่รู้จบ
ทั้งหมดที่ได้เกริ่นนำมานี้เป็นเพียงฉากตัวอย่างบางส่วนของการเดินทางท่องเที่ยวแบบเชื่อมโยง ระหว่างภาค
ตะวันออกที่ อ.โป่งน้ำร้อน กับเมืองที่กำลังได้รับการขานรับด้านการท่องเที่ยวของกัมพูชาในอนาคต แต่ในความหลากหลายและน่าสนใจจริงๆ แล้วนั้น ทั้งสองฝั่งแผ่นดินคือบ้านเราและบ้านเขา ยังมีสิ่งดี ๆ ดิบ ๆ ให้เลือกหาเลือกชมกันอีกมากมายทั้งนี้และทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะคิดมุ่งหมายชายตา หาวันเวลาให้กับมันแค่นั้นเอง?. ......................................... รู้ไว้ก่อนเที่ยว จากกรุงเทพ-จันทบุรี ระยะทาง 220 กิโลเมตรจากจันทบุรี-อ.โป่งน้ำร้อนระยะทาง 46 กิโลเมตร ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 317 จาก อ.โป่งน้ำร้อน-จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม 32 กิโลเมตร ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3210พระตะบอง ( Battambang) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของกัมพูชา เคยได้ชื่อว่าคือ จังหวัดหนึ่งในมณฑลบูรพาของสยามประเทศมีพระยาอภัยภูเบศร์ (ต้นสกุลอภัยวงศ์) เป็นผู้ปกครองนครในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ตรงกับสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ปี พ.ศ.2450 สมเด็จนโรดมสีสุวัตถิ์ มีพระบรมราชโองการให้แบ่งเมืองพระตะบองออกเป็น 3 เขต คือ เขตพระตะบอง เขตศรีโสภณ และเขตเสียมเรียบ “พระตะบอง” มีความหมายในตำนานเขมรที่เกี่ยวกับยักษ์ หมายถึง ตะบองหาย ดังนั้น มักจะปรากฏภาพปั้นและภาพเขียน เกี่ยวกับยักษ์อยู่ทั่วไปในเมืองพระตะบอง. Credit : //www.dailynews.co.th/article/224/18612
Create Date : 24 มีนาคม 2555 |
Last Update : 24 มีนาคม 2555 2:11:11 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1834 Pageviews. |
|
|