Bloggang.com : Rain_sk : เที่ยวเมืองแห่งธรรมชาติ คาเมรอน เพลินชมไร่ชา....สตรอเบอรี่มาเลเซีย

เที่ยวเมืองแห่งธรรมชาติ คาเมรอน เพลินชมไร่ชา....สตรอเบอรี่มาเลเซีย

เที่ยวเมืองแห่งธรรมชาติ คาเมรอน เพลินชมไร่ชา....สตรอเบอรี่มาเลเซีย

มาเลเซีย นับเป็นประเทศหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยเท่าไรนัก ด้วยสีสันสวยงามของธรรมชาติและมากมายไปด้วยบรรยากาศอันอบอุ่น ดินแดนแห่งนี้จึงไม่ว่างเว้นจากการมาเยือนของผู้คนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ล่าสุด ฟู้ด อินดัสทรี เน็ทเวอร์ค ได้พาคณะสื่อมวลชนบินลัดฟ้าไปสัมผัส คาเมรอน เมืองแห่งธรรมชาติ ชมตลาดผักผลไม้ที่ไร้สารเคมีกันก่อนที่จะมีงาน “เอเชียน อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ ฟู้ด แอนด์ อินกริเดียน ไทยแลนด์ ครั้งที่ 2 และ ไบโอบิวตี้ แอนด์ ไบโอฟิท” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 มีนาคม – 1 เมษายน 2555 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งเป็นงานรวบรวมธุรกิจและบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจากประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน โดยมาเลเซียเป็นประเทศหนึ่งที่เข้าร่วมในงานนี้ด้วย

เมื่อมาถึงสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ หลังจากนำสัมภาระขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว จุดหมายต่อไปคือการมุ่งหน้าสู่ คาเมรอนไฮแลนด์ หลังจากเดินทางมาได้ครึ่งชั่วโมง พี่หน่อง ไกด์หนุ่มหยุดรถให้ลงมาเดินยืดเส้นยืดสายและแนะนำให้เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เพราะห้องน้ำที่นี่ถือเป็นห้องน้ำที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้และสะอาดน่าเข้าด้วย...ได้ยินอย่างนี้ต้องลงไปดูให้เห็นกับตาซะหน่อย...ปรากฏว่า ใหญ่จริง ๆ มีทั้งด้านซ้ายและขวายาวเป็นแถวเลย สะอาดสะอ้านเพราะมีพนักงานคอยทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลา

เสร็จกิจส่วนตัวแล้วออกเดินทางกันต่อ ใครที่รู้ตัวว่าเมารถควรกินยาแก้เมาเสียก่อน เพราะจากนี้ไปการเดินทางจะเป็นการไต่ระดับจากเขาลูกหนึ่งไปยังเขาอีกลูกหนึ่ง ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีความคดเคี้ยวพอสมควร ออกเดินทางมา 3 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็เข้าเขตคาเมรอน ได้มีโอกาสแวะจิบชาและลิ้มรสขนมปัง ก่อนขึ้นไปยังบนเขาด้วย

เมื่อลงจากรถอากาศเริ่มเย็นขึ้นจนรู้สึกได้ มองไปรอบ ๆ บรรยากาศเหมือนอยู่ยุโรปเลย เห็นหุบเขาที่เป็นไร่ชาเขียวขจี มองไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ได้จิบชาร้อน ๆ ทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น ชาวมาเลเซียเองก็นิยมพาคู่รักและครอบครัวมาเที่ยวพักผ่อนกัน แม้แต่ชาวสิงคโปร์ก็เลือกที่จะมาพักผ่อนที่นี่ด้วย โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่พักบนยอดเขาแห่งนี้มักจะเต็มอยู่เสมอ

จากจุดหยุดพักให้ชมวิว จิบชา ไม่นานก็มาถึงยอดเขาคาเมรอน ซึ่งถือเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในมาเลเซีย โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 4,500 ฟุต ทำให้อากาศบนนี้หนาวเย็นตลอดทั้งปี โรงแรม ที่พัก จึงไม่มีการติดตั้งแอร์ แต่จะให้แขกผู้มาพักเปิดหน้าต่างรับลมจากด้านนอกแทน รับรองว่า อากาศเย็นสบายไม่แพ้ติดแอร์แน่นอน

ไกด์หนุ่มให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ที่นี่จะแบ่งเป็นชุมชนเมืองมี 3 ระดับชั้นด้วยกัน ชั้นแรก คือ ชั้นที่อยู่ล่างสุดของเขา มีชื่อว่า ริงกิต เป็นชุมชนเล็ก ๆ ส่วนใหญ่คนพื้นเมืองดั้งเดิมของที่นี่จะอาศัยอยู่กันที่ชั้นนี้ ถัดขึ้นไปอีกนิดเป็นชั้นที่ 2 มีชื่อว่า ทานาราตะ ซึ่งเป็นชั้นที่คณะของเราจะฝากท้อง ซึ่งถ้าใครขึ้นมาที่คาเมรอนต้องลองชิมอาหารพื้นเมืองที่เรียกว่า สตีมโบ๊ท ซึ่งก็คือ สุกี้หม้อไฟ นั่นเอง เพราะอากาศที่หนาวเย็นจึงต้องกินอาหารที่อุ่น ๆ

ชั้นสุดท้าย ชื่อว่า บริงชา เป็นชั้นที่มีความเจริญมากที่สุด มีโรงแรม ที่พักให้เลือกอยู่หลายแห่ง ขณะที่ชั้นอื่นก็มีที่พักเช่นกัน แต่ฝรั่งและนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนิยมพักกันที่ชั้นนี้ เมื่ออิ่มอร่อยแล้วยังไม่หมดแรงเลยแวะเที่ยวตลาดพื้นเมืองกลางคืนก่อนเข้านอน ของส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์เกษตร มีทั้งผัก อาหารพื้นเมือง และที่เห็นมากเป็นพิเศษ คือ สตรอเบอรี่ มีทั้งเป็นแพ็ก และเสียบไม้เหมือนขายลูกชิ้นบ้านเราเลย รวมทั้ง ยังมีข้าวของอื่น ๆ ที่ล้วนเป็นรูปสตรอเบอรี่ ทั้ง ร่ม กระเป๋า รองเท้า หมอน ละลานตาไปหมด จากนั้นเข้าที่พักเก็บแรงไว้สำหรับวันพรุ่งนี้

เช้าของวันใหม่ที่สดชื่น อากาศเย็นสบายกำลังดี ชาวคณะพร้อมที่จะเดินทางไปเที่ยวชมไร่กันแล้ว เพราะเขาคาเมรอนแห่งนี้ เป็นแหล่งเกษตรกรรมแหล่งใหญ่ของมาเลเซีย มีการเพาะปลูกพืชทางการเกษตร และพืชเมืองหนาวคล้ายทางภาคเหนือของไทย โดยคำว่า คาเมรอน นั้น เป็นชื่อของนักสำรวจชาวอังกฤษที่ชื่อว่า วิลเลียม คาเมรอน นักสำรวจผู้มาบุกเบิกพื้นที่บนเขาเพื่อทำแผนในปี 2428 ในสมัยที่อังกฤษยังปกครองมาเลเซียอยู่ในขณะนั้น

จากการสำรวจเห็นว่าพื้นที่บริเวณนี้เหมาะแก่การเกษตร ทำให้ในปี ค.ศ. 1925 รัฐบาลอังกฤษจึงส่ง จอร์ท แมกเวล มาตั้งสถานีทดลองบนคาเมรอนขึ้น โดยพืชชนิดแรกที่ทำการทดลอง คือ ชา ซึ่งเป็นชาพันธุ์ดีจากประเทศอินเดีย จนกระทั่งประสบความสำเร็จ จากนั้น มีการ นำสตรอเบอรี่มาทดลองปลูก รวมทั้ง มีการตั้งฟาร์มเลี้ยงผึ้ง ผีเสื้อ ปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ พืชผักต่าง ๆ ซึ่งก็ได้รับความสำเร็จเช่นกัน จนเทือกเขาแห่งนี้เป็นที่รู้จักและได้ขยายพื้นที่ออกไปมีกิจการใหญ่โตขึ้นตามลำดับ

ในขณะที่ตั้งสถานีทำการทดลอง มีการก่อสร้างสำนักงาน เรือนรับรองให้กับรัฐบาลชาวอังกฤษ บ้านพักในสไตล์อังกฤษไว้หลายหลังด้วยกัน ทำให้คาเมรอนในช่วงนั้น กลายเป็นสถานที่พักผ่อน เมืองตากอากาศอันดับต้น ๆ ของชาวอังกฤษเลยทีเดียว ซึ่งปัจจุบันยังมีบางแห่งได้รับการอนุรักษ์ไว้ ส่วนอาคารบ้านเรือนที่สร้างใหม่ก็ยังคงยึดตามแบบ
เดิม ๆ ไว้อยู่ ด้วยบรรยากาศของธรรมชาติที่สวยงาม อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี และที่สำคัญมีการควบคุมดูแลด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างดี ทำให้ที่นี่ได้รับการขนานนามให้เป็น สวิตเซอร์แลนด์มาเลเซียเลยทีเดียว

ในหุบเขาคาเมรอนแห่งนี้ เป็นที่ที่ราชาไหมไทย จิม ทอมป์สัน เดินทางมาท่องเที่ยวและหายตัวไปด้วย คนพื้นที่ก็ไม่แน่ใจว่าโดนลักพาตัว หรือว่าเกิดอันตรายขึ้นในระหว่างที่เขาเดินป่ากันแน่ เพราะที่นี่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนและยังมีความสมบูรณ์ของป่าไม้อยู่มาก ซึ่งยังเป็นปริศนากันอยู่จนถึงทุกวันนี้

เมื่อรถมาถึงจุดหมาย ทุกคนไม่รอช้า รีบสะพายกล้องลงไปชมความงามกันอย่างพร้อมเพรียง ภายในสวนการเกษตรจะถูกจัดตกแต่งอย่างสวยงาม แบ่งเป็นโซน ๆ เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่พร้อมต้อนรับผู้มาเยือน สิ่งแรกที่เห็น คือ เนินไร่ชาที่ปลูกเรียงกันเป็นขั้นบันได เมื่อเดินขึ้นไปด้านบนจุดแรกที่ได้ชม คือ สวนกระบองเพชร ที่มีให้ชมหลากหลายสายพันธุ์ด้วยกัน สามารถถ่ายรูปได้หลายมุมไม่ซ้ำกัน เดินขึ้นไปด้านบนจะเป็นสวนไม้ดอก ไม้ประดับ นานาชนิด ที่ต่างพากันอวดโฉมและพร้อมถ่ายรูปคู่ด้วย ถัดขึ้นไปอีกจะเป็นสวนมะเขือเทศ

เดินต่อขึ้นไปอีกเพื่อไปชมพืชเมืองหนาวที่กำลังโตได้ที่ แต่ละต้นใหญ่มาก บนเขาคาเมรอนนอกจากจะเป็นแหล่งผลิตชาที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลกแล้ว ยังเป็นแหล่งผลิตสตรอเบอรี่ที่ขึ้นชื่ออีกด้วย เห็นได้จากอีกด้านหนึ่งจะเป็นสวนสตรอเบอรี่กำลังออกลูกสีแดงสดเต็มไปหมด จนไม่รู้ว่าจะถ่ายรูปลูกไหนดี งาม ๆ ทั้งนั้น

ก่อนกลับแวะชมตลาดพื้นเมืองกันอีก แต่คราวนี้เป็นอีกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้กับเชิงเขา บรรยากาศคล้าย ๆ กับตลาดพื้นเมืองตอนกลางคืน เป็นแบบเรียบง่าย ของที่ขายมีสารพัดชนิด ทั้งพืชผักสด ไม้ดอก ไม้ประดับ ของกินเล่น และผลไม้สด จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่จึงเป็นแหล่งผลิตพืชผลทางการเกษตรขนาดใหญ่ เพราะมีให้เห็นเกือบทุกที่บนยอดเขาคาเมรอนแห่งนี้.

รู้ไว้ก่อนไปเที่ยว

สภาพอากาศ บนเขาคาเมรอนอุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 12-20 องศาเซลเซียส แต่งกายควรใส่เสื้อผ้าที่ใส่สบาย ๆ และควรพกเสื้อกันหนาวหรือเสื้อกันลม ถุงเท้า และรองเท้าหุ้มส้นที่สวมใส่สบาย เพื่อความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยว

เวลา ประเทศมาเลเซียเวลาจะเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง

เงินสกุล มาเลเซีย ใช้เงินสกุล ริง กิต ชื่ออักษรย่อว่า RM (MYR) เงินที่ใช้จ่ายในมาเลเซีย มีทั้งเหรียญ และธนบัตร อัตราแลกเปลี่ยน จะขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ประมาณที่ 10-15 บาท ต่อ 1 ริงกิต

ระบบไฟฟ้า ประเทศมาเลเซียมีระบบไฟฟ้าเป็นแบบ 240 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิรตซ์ และใช้ปลั๊กไฟแบบสามขาแบน ดังนั้น หากจะนำอุปกรณ์ไฟฟ้าไปใช้ที่มาเลเซีย ควรพกอะแดปเตอร์ไปด้วย

สถานที่ใกล้เคียง ตึกเปโตรนาส เป็นตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก มีความสูงถึง 452 เมตร มีชั้นทั้งหมด 88 ชั้น โดยทางการใช้งบประมาณการก่อสร้างทั้งหมด 20,000 ล้านบาท ซึ่งเจ้าของตึกนี้เป็นเจ้าของผู้ผลิตน้ำมันยี่ห้อเปโตร นาส ชื่อเดียวกับตึกนั่นเอง การออกแบบตึกได้รับแรงบันดาลใจจากลักษณะของเสาหินทั้ง 5 ของอิสลาม นอกจากความสวยงามและความสูงของตึก ที่ทำให้คนทั่วโลกต้องตะลึงแล้ว ภายในตึกยังเป็นแหล่งรวมความรู้ ศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี บันเทิงและแหล่งชอปปิงขนาดใหญ่อีกด้วย ขณะที่ ชั้น 4 ของตึกแห่งนี้ เป็นศูนย์วิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่ง เรียกว่า เปโตรซายน์ส ที่นี่จะได้ชมธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยจำลองเป็นป่า มีการใช้ภาพสไลด์มัลติวิชั่นฉายประกอบ เป็นการย้อนกลับไปสู่โลกยุคเมื่อ 200 ล้านปี ได้เห็นดินแดนไดโนเสาร์และได้ดูการค้นพบน้ำมัน

มัสยิดปุตรา เป็นมัสยิดสีชมพูที่สำคัญในเมืองปุตราจายา ก่อสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1997 แล้วเสร็จในอีก 2 ปีถัดมา ตั้งอยู่ข้างกับเพอร์ดานาปุตรา ซึ่งเป็นทำเนียบรัฐบาลของมาเลเซีย และทะเลสาบปุตราจายาซึ่งเป็นทะเลสาบที่สร้างโดยมนุษย์ ด้านหน้าของมัสยิดยังมีจตุรัสที่ประดับด้วยธงแต่ละรัฐของมาเลเซีย.

ทีมวาไรตี้
//www.dailynews.co.th/article/224/15260

Create Date : 03 มีนาคม 2555

Last Update : 3 มีนาคม 2555 8:13:28 น.

0 comments

Counter : 5939 Pageviews.