การนำยีสต์มาใช้ประโยชน์
ยีสต์ชนิด Saccharomyces cerevisiae. การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | โดเมน: Eukaryota อาณาจักร: Fungi
| การแบ่งชั้นทั่วไป Ascomycota (sac fungi)
Saccharomycotina (true yeasts) Taphrinomycotina Schizosaccharomycetes (fission yeasts) | Basidiomycota (club fungi)
Urediniomycetes Sporidiales | ยีสต์ หรือ ส่าเหล้า ( yeast) คือ รากลุ่มหนึ่งที่ส่วนใหญ่เป็นเซลล์เดี่ยว มีรูปร่างหลายแบบ เช่น รูปร่างกลม รี สามเหลี่ยม รูปร่างแบบมะนาว ฝรั่ง เป็นต้น ส่วนใหญ่มีการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ โดยวิธีการแตกหน่อ พบทั่วไปในธรรมชาติในดิน ในน้ำ ในส่วนต่างๆ ของพืช ยีสต์บางชนิดพบอยู่กับแมลง และในกระเพาะของสัตว์บางชนิด แต่แหล่งที่พบยีสต์อยู่บ่อยๆ คือแหล่งที่มีน้ำตาลความเข้มข้นสูง เช่น น้ำผลไม้ที่มีรสหวาน ยีสต์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ มักจะปนลงไปในอาหาร เป็นเหตุให้อาหารเน่าเสียได้ ยีสต์เป็นจุลินทรีย์ที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยโบราณถึงกับมีผู้กล่าวว่า ยีสต์เป็นจุลินทรีย์ชนิดแรกที่มนุษย์นำมาใช้ รายงานแรกเกี่ยวกับการใช้ยีสต์ คือการผลิตเบียร์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Heineken เมื่อประมาณ 6,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช คนไทยรู้จักใช้ประโยชน์จากยีสต์มาเป็นเวลานาน เช่นในการทำอาหารหมักบางชนิด ได้แก่ ข้าวหมาก ปลาแจ่ว เครื่องดองของเมาหลายชนิดเช่น อุ สาโท และกระแช่ เป็นต้น ปัจจุบันมีการนำยีสต์มาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมหลายประเภท เป็นต้นว่าการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชนิดต่างๆเช่น เบียร์ ไวน์ และวิสกี้ การผลิตเอทิลแอลกอฮอล์เพื่อใช้เป็นสารเคมี และเชื้อเพลิง การผลิตเซลล์ยีสต์ เพื่อใช้เป็นยีสต์ขนมปังและเป็นโปรตีนเซลล์เดียว
ราบางประเภทสามารถนำมาใช้ในการผลิตสุราได้แต่ราบางชนิดที่เพาะมาเป็นพิเศษ ก็เป็นราที่ผลิตมาเพื่อการค้าและมีลิขสิทธิ์เฉพาะ เช่นรา คาลสเบิร์กโนเจนซิส เป็นราลิขสิทธิ์ที่ใช้ในการผลิตเบียร์ คาลสเบิร์ก
- การผลิตยีสต์ที่ได้คุณภาพจะต้องผ่านการรับรองจากสถาบัน Leco ถึงจะสามารถบรรจุวางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตของยุโรปเช่น ร้าน Hermes และ Struers ได้
ยีสต์ มีคุณสมบัติในการเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นคาร์บอนไดออกไซด์และแอลกอฮอล์ได้ โดยหลักการทำงานของยีสต์ หรือ "เบเกอร์ ยีสต์" (Baker yeast) ที่ใส่ให้ขนมปังฟู เนื่องมาจากยีสต์ที่ใส่ลงไปมีการใช้น้ำตาลในแป้งขนมปัง หรือที่เรียกกันว่า "โด้" (dough) เป็นอาหาร และระหว่างที่มันกินอาหารมันจะเกิดการหายใจแบบไม่ใช้ออกซิเจน สลายกลูโคสได้ adenosine triphosphate และคายแก็สคาร์บอนไดออกไซต์ออกมา และเมื่อเราเอาแป้งไปอบ ก๊าซที่มันคายออกมาก็ผุดขึ้นมาระหว่างเนื้อขนมปังทำให้เกิดรูพรุนจนฟูขึ้นมา
ส่วนพวก "บริวเวอร์ ยีสต์" (Brewer yeast) ซึ่งเป็นยีสต์ที่นำมาหมักทำเบียร์และไวน์ มีรสชาติค่อนข้างรุนแรง บริวเวอร์ยีสต์ ประกอบไปด้วยธาตุอาหารมากมีกรดอะมิโน16ชนิด เกลือแร่14ชนิด วิตามิน17ชนิด นอกจากนี้ยังมีเกลือแร่สูง คือ โครเมี่ยม สังกะสี เหล็ก ฟอสฟอรัส และเซเลเนียม อีกทั้งบริวเวอร์ยีนยังเป็นแหล่งสำคัญของโปรตีนถึง 16 กรัมต่อปริมาตรยีสต์ 30 กรัม มีมากถึง 50%-55% ทั้งนี้ โดยยีสต์ไม่ใช้ออกซิเจนในการหายใจ
- Brewers Yeast ซึ่งเป็นสารสกัดบริสุทธิ์จากดอกฮ๊อฟและข้าวบาร์เล่ย์ ที่ประกอบไปด้วย กรดอะมิโน ที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยให้มีสุขภาพดี เลือดลมไหลเวียนสะดวก ผิวเต่งตึง เล็บและผมที่เปราะบางดูแข็งแรงขึ้น
บริเวอร์ยีสต์ Brewers Yeast ช่วยเรื่องผิวพรรณและลดน้ำหนักได้
Brewers Yeast for Skin
บริเวอร์ยีสต์ อุดมไปด้วยวิตามิน บี (Vitamin B Complex) ในปริมาณสูง ให้กรดอะมิโนชนิดที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ และสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที ช่วยเพิ่มบทบาทของวิตามินภายในร่างกาย และมีสาร Biotin ซึ่งเป็น Vitamin B ชนิดหนึ่งที่มีอยู่มาก มีความสามารถในการช่วยให้เล็บที่เปราะแข็งแรงขึ้น และช่วยบำรุงสุขภาพผมอีกด้วย มีประสิทธิภาพในการชะลอความชราได้ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต บริเวณผิวหนัง และเพิ่มประสิทธิภาพการซ่อมแซมเนื้อเยื่อคอลลาเจนในร่างกาย
Brewers Yeast for Slim
บริเวอร์ยีสต์ ประกอบด้วย Vitamin B จำนวนมาก จึงมีส่วนช่วยเพิ่มบทบาทของ วิตามิน ดังกล่าวภายในร่างกายคนเรา Vitamin B-complex นั้นจะมีส่วนช่วยในระบบการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีนภายในร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยสนับสนุนระบบการทำงานส่วนประสาทและช่วยรักษากล้ามเนื้อที่ใช้ในกระบวนการย่อยอีกด้วย ในบริเวอร์ยีสต์ ยังเป็นแหล่งธรรมชาติที่สำคัญของ โครเมียม ซึ่งโครเมียมนั้น เป็นแร่ธาตุที่มีความสามารถในการลดระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลินภายในร่างกาย
หนังสืออ่านเพิ่ม
Alexopoulos CJ, Mims CW, Blackwell M. (1996). Introductory Mycology. New York: Wiley. ISBN 0-471-52229-5. Kirk PM, Cannon PF, Minter DW, Stalpers JA. (2008). Dictionary of the Fungi. 10th ed. Wallingford: CABI. ISBN 0-85199-826-7. Moore-Landecker E. (1996). Fundamentals of the Fungi. Englewood Cliffs, New Jersey: Prentice Hall. ISBN 0-13-376864-3.
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
หมวด วิทยาศาสตร์ ขอรับ
Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2558 |
|
33 comments |
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2558 8:16:11 น. |
Counter : 2496 Pageviews. |
|
|
|
|
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เป็ดสวรรค์ Funniest Blog ดู Blog
พรหมญาณี Dharma Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Book Blog ดู Blog
พรไม้หอม Health Blog ดู Blog
ขุนเพชรขุนราม Science Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น