Group Blog All Blog
|
ชมป้อมพระราชวังJunagarh เดินเล่นในเมือง Bikaner-02 18/12/2012 วันที่สามของการเดินทาง วันนี้อาหารเช้าของเราคือ หมี่ผัด (Chow Mein) เพราะพี่ต่อเริ่มเลี่ยนอาหารอินเดียแล้ว เราสั่งมาแค่จานเดียวเอามาคลุกน้ำพริกนรกแม่ประนอมให้ออกเผ็ดๆตัดเลี่ยน ตามด้วยจาปาตีคนละแผ่นเอามาทาแยมกิน แค่นี้ก็รอดตายไป 1มื้อแล้ว กับอาหารอินเดีย555+++
วันนี้เราจะไป Junagarh เป็นพระราชวังของบริกาเนีย เราเสียเงินนั่งตุ๊กๆไปประมาณไม่เกิน 50 รูปี Junagarh เปิด 10.00 น. ค่าเข้าชมคนละ 100รูปี และใกล้ๆกันมี Prachina Bikaner Cultural Center & Museum ถ้ามาเร็วหรือมีเวลาเหลือก็เดินเล่นดูของในพิพิธภัณฑ์ได้
เดินเข้ามาก็ถ่ายรูปกันก่อนเลย มีมุมสวยๆเยอะ
หลังจากถ่ายรูปอยู่พักใหญ่ก็เดินไปซื้อตั๋ว ระหว่างรอรอบเข้าชมวัง (จะต้องรอไกด์ของวังพาชม) ก็มีสาวอินเดียหน้าคมมาขอถ่ายรูปด้วย หลังจากนั้นตลอดทริป ทุกที่ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในอินเดีย จะมีแต่คนอินเดียมีคนมาขอถ่ายรูปด้วย บางทีต้องรอ 3-4คิวก็ยังจะถ่าย จนพี่ต่อแซวว่าถ้าเราเก็บตังค์ค่าถ่ายรูปกะแขกน่าจะอยู่ต่อได้สบายๆทั้งทริป55 มีความรู้สึกเหมือนเป็นซุปตาร์มากๆ สงสัยไม่เคยเจอของแปลก55
ระหว่างทางเดินขึ้นไปชมวังด้านใน ที่นี่เราจะเข้าไปเดินชมเองมั่วๆไม่ได้ ต้องรอไกด์เป็นรอบๆไป ไกด์พาเข้าห้องนู้นทะลุห้องนี้ เดินชมกันไปเรื่อยๆ เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณเกือบๆสองชั่วโมง ถ่ายรูปกันเพลินมากๆ
ขึ้นไปเดินดูด้านบนบ้าง เดินรั้งท้ายกลุ่มตลอด55 ห้องจัดแสดงอาวุธ งอแบบนี้แล้วมันจะเย็นมั๊นเนี่ย55 ชมวังเสร็จแล้ว เราก็กำลังจะไปเดินชมเมืองกันต่อ เสร็จแล้วก็ออกมาเดินเล่นชมเมือง อ้อถ้าเจอสถานที่ ที่ดูเหมือนศาลเจ้าแขก หรือสถานที่ทางศาสนาต้องถอดรองเท้าด้วยทุกครั้ง เค้าเคร่งเรื่องนี้กันจริงจังมาก เดินๆอยู่เจอหนุ่มอินเดียเข้ามาทัก พวกเราก็คุยกับเค้าสักพัก เค้าถามชื่อพวกเราและแนะนำตัวเอง เค้าบอกว่าอยากฝึกภาษาเลยจะพาไปเดินเที่ยว แต่พวกเราก็เกรงๆว่าจะหลอกรึเปล่า ก็เลยบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวเราจะไปกินข้าวก่อนแล้วคงเดินเล่นแถวๆนี้เอง ก็ขอบคุณเค้าแล้วขอตัวออกมา
เดินกันจนเหนื่อยและหิว พี่ต่อก็ตาไวไปเห็นร้านนี้ รั้วร้านตั้งอยู่ติดริมถนน แต่ตัวร้านต้องเดินเข้าไปข้างใน เลยแอบส่องดู เห็นสถานที่สวยดี แล้วเราก็เห็นป้าย Trip Advisor ได้โหวตร้านอาหารที่ดีที่สุดในปี 2011มั้ง เลยตกลงกันว่าจะกินร้านนี้
ไก่ย่างที่นี้รสชาติเหมือนไก่ย่างร้านลิขิตตรงสนามมวยราชดำเนิน ย่างแบบแห้งๆ อร่อยดี ส่วนอันที่หน้าตาดูเหมือนแกง จำไม่ได้แน่ๆว่าคืออะไร จำได้แค่เรียกว่าอะไรทิกก้าๆนี่แหละ (ทำมาจากชีส) เป็นชีสก้อนใส่ในแกงกะหรี่ อันนี้อร่อยมากกกกกก รสชาติเหมือนปูผัดผงกะหรี่ร้านสมบูรณ์เลย กินจิ้มกับจาปาตีนี่แหละ ไก่อร่อยแต่กินไม่หมด พวกเราเสียดาย ก็เลยเอากลับบ้านมาด้วย เนื่องจากได้ประสบการณ์จากการเที่ยวเมืองจีน พวกเราเลยพกถุงร้อนกะหนังยางเตรียมไปด้วย
แต่ถึงแม้อาหารกลางวันเราจะอร่อยแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็ทำให้พี่ต่อเลี่ยนและเบื่ออาหารมันๆแบบนี้มาก เลยตัดสินใจว่าตอนเย็นจะทำกินเอง เลยต้องเริ่มออกเดินทางกันอีกครั้ง เพื่อภาระกิจพิชิตตลาด หาซื้อผักสดเอาไว้ทำแกงป่าไก่ย่างในตอนเย็น เครื่องแกงสำเร็จเตรียมมาจากเมืองไทยอย่างพร้อมอะ55 ผักผลไม้สด สีสันสวยงาม หลายๆอย่างก็เหมือนเมืองไทย หลังจากซื้อของเสร็จ ก็เดือนเล่นไปเรื่อย กระทั่งไปป๊ะกับพ่อหนุ่มคนเดิม กำลังขับมอร์ไซค์อยู่ พี่แกรีบตีโค้งเข้ามาหาเลยแล้วถามว่าจำเค้าได้มั๊ยตอนกลางวันอะ แล้วที่สำคัญเค้าจำชื่อพี่ต่อได้555 เค้าบอกให้เดินเข้าไปด้านในจะเป็นตลาด มีของขายเยอะพาไปได้ แต่เรารีบเลยไม่ได้ตอบรับคำชวนของเค้า เพราะต้องกลับไปเตรียมตัวเดินทางคืนนี้ตอน4ทุ่ม เพื่อไป Jaisalmer
เราออกจากโรงแรมประมาณสามทุ่ม โดยเด็กที่โรงแรมไปเรียกตุ๊กๆมาให้ จากโรงแรมไปลงตรงจุดที่ขึ้นรถบัส ใช้เวลาประมาณไม่เกิน10นาที คืนนี้เราต้องนั่งรถบัสเพื่อไป Jaisalmer กัน จุดขึ้นรถบัส ไปกับคันนี้แหละ จริงๆมีแบบที่นอนราบด้วย กั้นเป็นห้องๆเลย แต่เคยได้ยินเสียงร่ำลือเกี่ยวกับถนนในอินเดียมาก่อน ว่ามันยังไม่ค่อยดี และทางก็ขรุขระมาก เลยเลือกที่จะนั่ง มันน่าจะดีกับสุขภาพหลังของพวกเรามากกว่า รถบัสออกประมาณ4ทุ่ม เราก็พยายามหลับกันเต็มที่เพราะอากาศว่ามันหนา่วมากกกกกกกก ไม่ไหวจะเคลียร์ ระหว่างทางมีหยุดพักรถให้ด้วย 1รอบถ้วน^^
|
gohachimitsu
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]
Link |