มีนาคม 2554

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
27
28
29
30
31
 
 
25 มีนาคม 2554
Fukuoka [福岡] Japan 2010 ภาค1



เชิญพบกับการท่องเที่ยวเมืองฟุคุโอกะแบบมั่วๆไป เพลินๆคนเดียวก็ได้(มั้ง) กับการเดินทางไปต่างประเทศคนเดียวครั้งแรกในชีวิตค่ะ ค่าใช้จ่ายในทริปนี้ถูกจนน่าตกใจไป 5 วันเสียไปไม่ถึง 5,000 บาททำไมถึงถูกขนาดนี้ ต้องติดตามนะคะ^^





ความจริงแล้วที่เที่ยวได้ถูกขนาดนี้เนื่องจากมีสปอนเซอร์การเดินทางค่ะ เป็นคุณเพื่อนสาวชาวญี่ปุ่นที่แสนจะใจดี เป็นผู้อุปถัมภ์อย่างเป็นทางการในเรื่องค่าตั๋วเครื่องบินและที่พักค่ะ ออกเดินทางกันคืนวันที่ 4/12/53 ถึง 8โมงเช้าที่สนามบิน ฟุคุโอกะ




มีเรื่องระทึกใจนิดหน่อย แต่ตอนนั้นซีเรียสมาก เนื่องจากเป็นคนไม่มีลายนิ้วมือ (แต่ก่อนมี) เพราะว่าเป็นแพ้ผื่นสัมผัส (แพ้พวกผงซักฟอกกับน้ำยาล้างจาน) ตอนกำเริบมันจะคันมากๆ แล้วมีตุ่มใสๆ อยู่ใต้ผิวหนังเต็มไปหมด

แต่พอตอนมันหายกำเริบมันทำให้มือแห้งมากจน แทบมองไม่เห็นลายนิ้วมือเลย ไม่สามารถสแกนนิ้วได้แน่ๆเพราะตอนที่ทำงานอยู่ก็ต้องใช้นิ้วโป้งนิ้วเดียว ที่มีลายสแกน เพราะนิ้วอื่นสแกนไม่ติดเลย

การผ่านด่านตรวจคนเข้า เมืองนั้น มีข้อบังคับสำหรับทุกคนว่า จะต้องใช้นิ้วชี้ในการสแกนและห้ามปฎิเสธการสแกนลายนิ้วมีก่อนเข้าประเทศโดย เด็จขาด มิฉะนั้นจะโดนส่งกลับประเทศทันที

ในใจนี่คิดว่าเอาแล้วไง กรู....... เดินทางคนเดียว เป็นผู้หญิงด้วย โดนแน่ๆ พอถึงตรง ตม. เค้าก็ให้สแกนจริงๆ เราก็ไม่ปฎิเสธหรือบอกกล่าวอะไรคุณเจ้าหน้าที่ ก็จิ้มมันลงไปเลย ในใจก็โดนแน่ๆ แล้วก็จริงๆด้วย คุณเจ้าหน้าที่เค้าให้สแกนใหม่อีกรอบ เราก็จิ้มเลย ก็คาดว่าไม่ติดแน่ กำลังจะอ้าปากบอกว่า นิ้วมือมีปัญหา สแกนไม่ติดหรอก เจ้าหน้าก็ให้ผ่านเฉยเลย งงมาก!!!

ตอนแรกคิดอยู่ว่าจะรอดมั๊ย 555+++ จากนั้นก็ออกมาแบบงงๆ และดันลืมข้อมูลที่เตรียมท่องเที่ยว ที่เตรียมใส่ซองไว้ตรงเค้าท์เตอร์ตรวจคนเข้าเมือง คุณเจ้าหน้าที่เค้าก็ใจดีมาก รีบวิ่งมาให้หน้าตายิ้มแย้มบอกว่าเราลืมของ^^ หลังจากออกมาได้ ก็เจอคุณเพื่อนมารับที่สนามบิน พาขึ้นรถแล้วไปเก็บของไปทานข้าวที่บ้าน

คิววันนี้เรามีโปรแกรม ไปดูคอนฯวงโปรดของดิฉัน GLAY ROCK AROUND THE WOLRD ที่เมื่องฟุคุโอกะ โดยผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการเจ้าเดิมค่ะ ขอบคุณนะคะจุ๊บๆๆ




春日原駅 สถานี คาสุกะบารุ




วิวสวยๆระหว่างทาง ต้นไม้-ดอกไม้สวยจังขนาดไปช่วงเข้าฤดูหนาวนะนี่ คนญี่ปุ่นนี้ช่างเอาใส่ใจกับภูมิทัศน์ดีจริงๆค่ะ ความสะอาดก็สุดยอดค่ะ




ระหว่างเดินทางไปดูคอนเสิร์ตคราวนี้จัดที่
MARINE MESSE FUKUOKA[マリンメッセ福岡]
อยู่ใกล้ BAYSIDE PLACE HAKATA-FUTO [ベイサイドプレイス博多埠頭 ]
ออก จากบ้านขึ้นรถไฟฟ้า ไปลงสถานนี TENJIN [天神駅] แล้วต่อรถเมลล์ ปกติการคมนาคม ค่อนข้างสะดวก แต่วันที่ไปนี้บังเอิญมีการแข่งขันวิ่งมาราธอนค่ะ

และ ประกอบกับตรงที่คณะวิ่งต้องผ่าน เป็นทางเดียวกับทางไปงานแสดงคอนฯ รถเลยติดมากๆ ชนิดไม่ขยับเลย ก็เลยตัดสินใจกับคุณเพื่อนว่าเราเดินไปก็แล้วกัน ใช้เวลาเดินไปประมาณ 20 นาทีค่ะ บรรยากาศระหว่างทางเพลินตาดีแท้^^




คุณตำรวจเท่ห์มากๆ




ต้นไม้สวยๆ




บ้านเมืองสะอาดๆ




คนที่มาดูคอนเสิร์ต




MARINE MESSE FUKUOKA[マリンメッセ福岡] ทางขวามือ
อยู่ใกล้ BAYSIDE PLACE HAKATA-FUTO [ベイサイドプレイス博多埠頭 ]




ถึงที่หมายแล้วค่ะ ภาพบรรยากาศรอบๆก่อนแสดงค่ะ เต็มไปด้วยสาวๆซะส่วนใหญ่ แอบเนียนขอถ่ายรูปด้วยคนนะคะ^^




เปรี้ยวๆกันทั้งนั้นเลย




น่ารักจัง




ROCK AROUND THE WOLRD




GLAY^^




หลังจากชมคอนฯเสร็จ ก็ออกเดินทางไปหาของกินโดยคุณเพื่อนนัดแนะเพื่อนท่านอื่นๆ ไว้พาไปทานกันที่ร้านอาหารโอกินาวาค่ะ

แต่ ลืมถ่ายรูปไว้ T_T อาหารมือนั้นอร่อยมากค่ะ จะไม่เหมือนอาหารญี่ปุ่นที่คนไทยเราชินๆกันเท่าไร แล้วกินอะไรไปก็จำไม่ค่อยได้ด้วย จำได้แต่อร่อยอย่างเดียว555+++ บ้าจริงๆ

หลังจากกินกันจนพุงกางเราคุณเพื่อนของเพื่อนก็จะพาเราสองสาว ไปส่งที่สถานนีรถไฟฟ้า แต่นึกได้ว่ามีการตกแต่งไฟที่สวนสาธารณะใกล้ๆ

คอนเซปคือ แสงแห่งแฟนตาซี ที่สวนตรงสถานีเทนจิน สวยงามมากทีเดียวค่ะ

เนื่อง จากเป็นช่วงเริ่มเข้าสู่เทศกาลศริตส์มาส จึงมีการประดับประดา ตกแต่งไฟกันอย่างสวยงามราวกับเทพนิยาย ตามสถานที่ต่างๆ ประทับใจมากๆค่ะ




สวยอะ! ดูเอาเองก็แล้วกัน ขนาดกล้องเราเป็นกล้องดิจิตอลธรรมดาๆ ยังถ่ายภาพมาได้สวยขนาดนี้เลย ไม่มีการแต่งภาพเพิ่มเติมใดๆทั้งสิ้นด้วยนะคะ




อยากได้ไว้ตั้งที่บ้าน555+++




สวยมาก




จากนั้นก็ขึ้นรถไฟฟ้าไปลงที่ สถานี คาสุกะบารุ 春日原駅 ไปเอารถที่จอดไว้กลับบ้าน และเข้าโอฟุโระครั้งแรกในชีวิต

อันนี้เป็นข้อดีที่พักบ้านเพื่อน เพราะได้เห็นวิถีชีวิตความเป็นคนญี่ปุ่นว่า เค้าใช้ชีวิตกันยังไง เนื่องจากช่วงที่ไปเป็นฤดูหนาว ส่วนใหญ่สมาชิกในบ้านจะมาอยู่รวกันที่ห้องนั่งเล่นแล้วเปิดฮีทเตอร์เพื่อให้ความอบอุ่นและทานอาหารเย็นร่วมกัน

แต่วันนี้กลับมาดึก และทานข้าวจากข้างนอกมาแล้ว ก็เลยรีบเข้าโอฟุโระ (ชาวญี่ปุ่นจะให้เกียรติแขกที่มาพักที่บ้านในการให้เข้าโอฟุโระก่อน จากนั้นก็จะเป็นสมาชิกคนอื่นๆในบ้านเข้าต่อโดยไม่มีการเปลี่ยนน้ำใหม่ เพราะก่อนลงแช่ต้องอาบน้ำฟอกสบู่ให้สะอาดก่อนทุกครั้ง และการแช่แต่ละครั้งไม่ควรแช่เกิน 15 นาที เนื่องจากอาจจะหน้ามืด เป็นลมเอาได้)

หลังจากอาบเสร็จสบายตัวมากจริงๆ ก็ได้เวลาพักผ่อนเพื่อเก็บแรงเอาไว้ท่องเที่ยวต่อในวันพรุ่งนี้ค่ะ

สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้ 1,000 เยน = 360 บาทขาดตัว ถูกจังเลย อิอิ^^

วันที่ 2 ตื่นเช้ามาพร้อมกับอาหารเช้าเสริฟถึงเตียงอร่อยดี




วันนี้คุณเพื่อนจะพาไปออนเซ็นที่เบปปุเมืองแห่งน้ำพุ ร้อน แต่ต้องไปสัมมนาเกี่ยวกับการส่งออกสินค้าก่อน ซึ่งจัดที่นั่นเช่นกัน ก็เลยขับรถกันไป

ออกเดินทางจากฟุคุโอกะ ไปเบปปุใช้เวลาประมาณ 2 ช.ม. วิวข้างทางสวยมาก แต่ถ่ายรูปไม่ค่อนทัน ได้แต่ไอ้ที่สวยน้อยๆ

ตอนที่ไปยังพอมีใบไม้แดงหลงเหลืออยู่บ้างนิดหน่อย แต่ก็มีต้นแปะก๊วยสีเหลืองให้ชื่นชมเยอะอยู่ ก็แทนกันได้นะเพราะสวยเหมือนกัน^^




วิวระหว่างทางค่ะ มีลอดอุโมงหลายแห่งด้วย แต่ถ่ายไม่ทันอะ ตรงปากอุโมงเค้าจะตกแต่ง หรือบางอุโมงก็จะมีต้นไม้ขึ้นอย่างอย่างสวยงาม เสียดายที่




ถึงที่หมายคุณเราก็พากันไปเข้าสัมนา555+++ ฟังรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้เรื่อง55 รู้แต่ง่วงมาก แอบสัปงกนิดหน่อย พอถึงเวลาเวิร์คช้อปดิฉันก็เลยขออนุญาต ออกมาเดินเล่นแก้เซ็ง




บ้านเมืองสะอาดสวยงาม




บ้านนี้คงมีตังค์น่าดู สวยเชียว^^




เดินเที่ยวไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็ไม่พัก กลัวไม่ทันเวลานัดคุณเพื่อนเอาไว้ ตอนห้าโมงเย็น




เจอโทอิริ แสดงว่ามีศาลเจ้า ดีใจใหญ่รีบเดินเข้าใส่เลย




ไม่ผิดหวัง ศาลเจ้าแห่งแรกตั้งแต่มาถึงที่นี่สวยดีแต่ไม่มีคนเลย อาจเป็นเพราะเย็นแล้วก็ได้




ติดกับศาลเจ้าก็มีสวนสาธารณะและสวนเด็กเล่น มีต้นไม้ใหญ่เยอะแยะ




สีสันสวยงาม^^




ต้นไม้ใหญ่สีสวย




เกือบได้เวลาแล้วรีบกลับไปหาคุณเพื่อน เจอร้านอาหารระหว่างทางน่ารักๆ เมืองที่นี่เงียบมาก ขนาดอยู่ติดถนนใหญ่ก็ไม่ค่อยเห็นคนออกมาเดินสักเท่าไร




จากที่สัมมนา ต้องเดินทางต่ออีกหน่อยจึงจะถึงที่ที่ เราจะไปออนเซ็นกัน

ระหว่างทางเจอ เบปปุทาว์เวอร์ด้วย




ถึงที่หมาย มีการประดับไฟต้อนรับวันคริสต์มาสสวยอย่างงาม




วันนี้เรามาออนเซ็นกันที่ Suginoi Palace เห็นคุณเพื่อนบอกว่า ที่นี่เป็นออนเซ็นที่วิวดีที่สุด ของเบปปุ

เนื่องจากอยู่มุมสูง ทำให้มองเห็นวิวเมืองและแสงไฟยามค่ำคืนสวยงามชัดเจน ที่นี่เป็นออนเซ็นที่ชาวต่างชาตินิยมมาก ที่เห็นๆก็มี จีนกับเกาหลีที่จะมีมากเป็นพิเศษ

(ชาวเกาหลีสามารถมาเที่ยวที่ฟุคุโอกะได้ทางเรือ โดยโดยสารเรือมาจากเมืองปูซานใช้เวลา 2 ช.ม. ก็ถึงเมืองฟุกุโอกะได้สบายๆ)




เข้าออนเซ็นญี่ปุ่นครั้งแรก หญิงไทยอย่างเราต้องทำเป็นใจกล้าหน้าด้านเข้าไว้ ที่นี่เค้าจะมีพวกอุปกรณ์ในการอาบน้ำให้ครบถ้วน รวมทั้งผ้าเช็ดตัวด้วย

ดิฉัน ก็แกล้งเอาผ้ามาพาดๆไว้ ปิดสักนิดก็ยังดี แต่แกล้งทำเป็นว่า ชั้นไม่สนใจใครทั้งสิ้น ความจริงก็ไม่มีใครสนใจใครจริงๆหรอก เค้าถือเป็นเรื่องปกติอะนะ

คุณเพื่อนถามว่าอยากถ่ายรูปไหม ดิฉันตกใจแล้วถามว่า ถ่ายได้เหรอ เธอบอกว่าได้ ก็เลยเอาเข้ามาถ่าย คนอื่นเห็นเค้าก็เฉยๆกัน ก็งงดีเหมือนกัน แต่ไม่ได้แอบถ่ายคนอื่นไว้นะ^^




น่าแช่ไหม^^




อาบไปดูวิวไปเพลินๆ




บ่อส่วนตัว เลือกได้ตามใจชอบ



แยกโซนหญิง-ชาย




หลังจากสบายตัวแล้วคุณเพื่อก็พาไปกิน ที่ร้าน กัปปะซูชิ เพื่อจะได้สบายท้อง555




ซุปมิโซะแดงของดิฉัน ส่วนของคุณเพื่อนเป็นซุปมิโซะขาว ทั้งสองแบบใส่หอยด้วยอร่อยมาก




ซูชิหน้าแซลม่อนกะหอยเม่น และไข่ตุ๋นนุ่มนิ่มรสกลมกล่อมแสนอร่อย



หลังจากอาหารเริ่มมาลงความตะกละก็เข้าสิง กินซะไม่ได้ถ่ายรูปต่อ อิ่มแล้วนึกได้ ก็เลยไปตามเก็บรูปตามสายพาน



ของหวานก็มีนะคะ




ใครที่ไม่อยากรอหน้าที่ตัวเองชอบนานๆละก็ เค้ามีบริการเสริม ชินคันเซ็นกัปปะ น่ารักดีจัง^^




อิ่มแล้วก็พากันกลับบ้าน นอนหลับฝันดี กะหมีสองตัว อิอิ




สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้ = 0บาท

เช้าวันที่ 3 ตื่นมาอารมณ์แจ่มใส พร้อมกับพุดดิ้งอร่อยๆ วันนี้คุณเพื่อนไม่ว่างต้องทำงาน ดิฉันเลยต้องออกผจญภัยคนเดียว แผนการเที่ยววันนี้คือเดินเล่นทางเดินใต้ดินและเดินเที่ยวห้างแถวเทนจิน ,Canal city, และแม่น้ำนากาสุ

เนื่องจากวันนี้ต้องออกไปผจญภัยคนเดียวจึงต้องทำการบ้านเป็นพิเศษ แผนการเที่ยววันนี้เดินทางไปแบบมีจุดหมาย แต่ไม่มีแผนที่ เนื่องจากดูไม่เป็น555+++ อาศัยถามทางชาวบ้านเค้าไปเรื่อย ซึ่งคนญี่ปุ่นใจดีมาก




และนี่เป็นการเที่ยวคนเดียวในต่างประเทศครั้งแรกทำ ให้รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย เกิดมายังไม่เคยไปไหนไกลๆคนเดียวเลย ไกลสุดก็บางนาตอนไปเรียน แล้วนี่ต่างประเทศ ต่างที่ต่างถิ่นด้วย แอบเครียดนิดนึง

เริ่มออกเดินทางจากบ้านถึงสถานีคาสุกาบารุ ตอน 11โมง มาถึงก็ยืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋อหน้าเครื่องซื้อตั๋วรถไฟ เนื่องจากเมื่อวานคุณเพื่อนเอาบัตร Monica ของคุณแม่มาให้ยืม ก็เลยไม่ได้ซื้อตั๋วที่เครื่อง ดิฉันก็เอาแล้วไง วันนี้จะไปถึงเทนจินไหมเนี่ย อ่านดูข้างบนเห็นชื่อสถานนีเทนจิน แต่ก็ไม่เข้าใจวิธีซื้อ เพราะตรงปุ๋มกดมันไม่มีตัวเลขอะ ทำไงล่ะทีนี้

หัน ไปเห็นเหยื่อรายแรกของเรา เดินมากดอยู่ข้างๆ เลยแอบชำเลืองมองแบบมีมรรยาท555+ ก็เกือบๆจะเข้าใจละ แต่ก็ไม่เข้าใจสักเท่าไร พอดีมีคุณป้าคนหนึ่งเดินมาซื้อตั๋วเหมือนกัน พอคุณป้าซื้อเสร็จเราก็เลยขอความช่วยเหลือ ซึ่งคุณป้าน่ารักมาก ให้การช่วยเหลือเป็นอย่างดี แถมพาไปส่งหน้าชานชาลาเลย ขอบคุณค่ะคุณป้า ^^

และ วันนี้ก็โชคดี ได้รถไฟแบบขบวนพิเศษ เพราะขบวนปกติ จะเป็นที่นั่งแถวยาวๆ สองฝั่ง รถไฟฟ้าทางที่ญี่ปุ่นไม่ต้องกลัวหลงเพราะเค้าจะบอกทุกป้ายเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ไม่ต้องกลัวจะฟังไม่รู้เรื่อง หากคุณทราบว่าคุณจะลงสถานีไหนคุณก็ฟังเค้าเรียกชื่อสถานนีนั้นๆ ตอนกำลังจอดได้เลย รับรองไม่หลง บางขบวนก็มีป้ายไฟวิ่งบอกไว้ด้วย




ถึงสถานนีเทนจินดิฉันก็เดินออกมาจากฝั่งตรงกันข้ามกับรูปนี้ค่ะ




ห้าง Solaria Stage ใกล้ทางออกของสถานีรถไฟ




เที่ยงตรงพอดี ตุ๊กตาเต้นระบำ และหิมะ(ปลอม)ก็โปรยปราย




ทุกคนหยุดดูให้ความสนใจหิมะ(ปลอม)




ตั้งแต่ลงรถไฟมาความรู้สึกแรกเลยก็คือหิวจัง กินพุดดิ้งไปแค่ถ้วยเดียวเอง ต้องหาอะไรใส่ท้องซะหน่อย เดินได้ไม่นานเพราะหิวมาก เจอร้านอุด้งหน้ากินมาก ชื่อร้าน Goro udon รีบเดินเข้าไปทันที




คนเยอะนิดหน่อยเพราะเป็นช่วงเที่ยง เข้าไปก็เลือกอุด้งที่เราอยากกินแล้วกดปุ่มหยอดเหรียญ รับตั๋วแล้วเข้ามานั่งในร้าน จะมีเจ้าหน้าที่มารับตั๋ว รอสักพักก็ได้อุด้งแสนอร่อยมาวางอยู่ตรงหน้า แถมน้ำเปล่าฟรีให้ 1แก้วด้วย^^




เดินเล่นไปเรื่อยๆเจอ สตอเบอรี่ อะมะโอว あまおうมาจากคำว่าหวาน+ใหญ่ ของดีเมืองฟุคุโอกะ อยู่ญี่ปุ่นแพคละ 680เยน= 252บาท มาเมืองไทยแพคละ 790บาท ราคามหาโหดได้อีก

และอีกอย่างที่ เป็นของขึ้นชื่อของเมืองนี้ก็คือ เมนไทโกะ คือไข่ปลาคอตปรุงรสจัดจ้านแบบญี่ปุ่น เหมาะเป็นของฝากอย่างยิ่ง อธิบายซะดีแต่ไม่มีรูปเมนไทโกะนะคะแหะๆๆ^^




ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะ คือตอนที่ไปเดินเล่นในห้างแล้วหิวน้ำ ก็เลยเดินเข้าร้านฟาสฟู้ดร้านหนึ่งในห้างนั่นแหละ แอบแปลกใจว่า ทำไมเค้าถึงมีที่นั่งสำหรับคนสูบบุหรีอยู่ภายในห้างด้วย และก็จัดโซนได้ติดกับโซนไม่สูบบุหรี่มากๆด้วย แล้วจะแยกโซนเพื่อ? แปลกใจมากค่ะสามารถสูบบุหรี่ในห้างได้ด้วยอะ!!!

และที่นี่สาวๆ พนักงานขายตามร้านต่างๆ แต่ละนางเปรี้ยวมากถึงมากที่สุด ดูสวยดีกิ๊บเก๋ซะ ไม่มีใครยอมใครจริงๆ แต่ละคนอย่างกะนางแบบหรือดาราหลุดออกมาจากแมกกาซีน555+++

ร้านน่ารักๆแต่ตุ๊กตาเนี่ยเหมือนเคยเห็นที่เมืองไทยนะเนี่ย




เดินไปเรื่อยๆเพื่อจะไป Canal city




ถนนหนทางสวยงามสะอาดตาตั้งแต่ไปจนถึงวันกลับ เห็นขยะอยู่ประมาณแค่ 5ชิ้นเอง น้อยมากๆ




เรื่องระเบียบวินัยการข้ามถนนคนส่วนใหญ่ปฎิบัติตาม กันอย่างเคร่งครัด ข้ามถนนตรงทางม้าลาย และถึงแม้จะไม่มีรถก็ไม่ข้าม ต้องหยุดรอสัญญาณไฟก่อนเสมอ ตรงสัญญาณไฟแดงระหว่างรอก็มีดนตรีน่ารักๆด้วย น่ารักจัง ^^




ถึงไม่มีรถก็ไม่ข้าม ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญนะจ๊ะ




เดินๆซักจะอยากเข้าห้องน้ำ ห้องน้ำที่ญี่ปุ่นอยู่ในระดับสะอาดมากถึงมากที่สุด อย่าว่าในห้างเลย แม้แต่ห้องน้ำตามสถานีรถไฟ หรือห้องน้ำที่สวนสาธารณะก็เหอะ สะอาดสุดๆ ไม่มีกลิ่นเลยและไฮเทคด้วย มีเซ็นเซอร์แทบทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งถังขยะ




วันนี้เป็นวันฝนตก ดูพยากรณ์อากาศแล้ว แต่ดันลืมเลยต้อง ซื้อร่มใสๆ มาอันนึงเสียไป 602 เยน




ต้นไม้สีสวยๆ อยู่ตรงบริเวณที่คืนวันแรกที่ถ่ายรูปแสงแห่งแฟนตาซี




ดอกไม้สวยๆ




งมทางไปเรื่อยๆจนขี้เกียจงม เลยถามลุงยามว่า Canal city ไปอย่างไร

ร้าน Big Camera ใครอยากได้กล้องราคาดีๆ เชิญร้านนี้เลย รู้สึกว่าแถวเทนจินมี 2ร้านนะคะ ถ้าจำไม่ผิด




บรรยากาศช่วงก่อนวันคริสต์มาสกับร้านน่ารักๆ




หมีคริสต์มาสรักษ์โลก




เดินไปเรื่อย




ข้ามแม่น้ำนากาสุ เห็น Canal city แล้วดีใจจัง ไม่หลงด้วย^^




วิวสวยๆ




เดินตรงไปเรื่อยๆใกล้ถึงแล้ว

ข้างแม่น้ำนากาสุตรงนี้แหละเป็นที่ตั้งของ Yatai ของดีที่ต้องลองของเมืองนี้ (ร้านอาหารแผงลอย)




จัดฉลองเทศกาลคริสต์มาส




จัดฉลองเทศกาลคริสต์มาส




ร้านค้ากับเทศกาลคริสต์มาส




สวยจัง^^




คิดถึงจังบรรยากาศแบบนี้




มาถึงที่นี่ก็เดินถ่ายรูปซะเพลิน เพราะจัดประดับประดาไว้สวยมาก เหนื่อยนิดหน่อยเนื่องจากเดินมานานมากกะว่านั่งพักแล้วก็จะได้จดค่าใช้จ่าย ว่าจ่ายอะไรไปมั่ง เดี๋ยวลืม

แต่พอดีมีการแสดงน้ำพุประกอบดนตรี ด้วยความรีบอยากดู เลยรีบวิ่งไปโดยลืมของที่รื้อแล้วเอามาวางไว้บนเก้าอี้ ดูจบก็กลับมาจดต่อตรงเก้าอี้ตัวเดิม นั่งพักสักครู่หายเหนื่อยพอกำลังจะเดิน ก็รู้สึกว่าทำไมกระเป๋ามันเบาผิดปกติอะ

นึกอยู่สักพักว่าลืมอะไร แล้วก็นึกออกว่าเป็นกระเป๋าเครื่องสำอางใบใหญ่ ตกใจมาก ว่ามันหานไปได้ไงวะ ก็เลยเดินไปที่ประชาสัมพันธ์ชั้นล่าง แจ้งว่าทำของหาย บอกลักษณะของที่หายกับเจ้าหน้าที่ไป

เจ้าหน้าที่ให้รอสักครู่ แล้วเค้าก็โทรไปหายามที่ประจำชั้นนั้นๆแป๊ปเดียวได้คืนเลย หลังจากได้ของเค้าจะมีแบบฟอร์มให้กรอกเพื่อรับของคืนด้วย โชคดีไปที่นึกได้ก่อน ไม่งั้นเดินกลับมาขาลากแน่ แล้วก็จริงอย่างที่เคยได้ยินมาว่า ทำของหายที่ญี่ปุ่นมักจะได้คืน^^

รูปเจ้าน้ำพุต้นเรื่อง




มาที่ Canal city ต้องอย่าลืมมาชิมราเม็ง ที่ Ramen Stadium เป็นสถานที่ที่รวบรวมราเม็นอร่อยๆจากทั่วประเทศ โดยกติกาก็คือทุกๆปีหากยอดขายร้านไหนน้อยที่สุด จะถูกโหวดออก แล้วให้ร้านใหม่เข้ามาแทน

แต่เนื่องจากยังอิ่มอยู่ เลยไม่ได้แวะกิน และตอนเย็นกะว่าจะไปกิน Yatai ตรงข้างแม่น้ำนากาสุ เดี๋ยวจะกินอาหารเย็นไม่ได้ เลยไม่ได้ลองค่ะ เสียดายอยู่เหมือนกัน




บรรยากาศภายใน Ramen Stadium




จากนั้นก็เล่นไปเรื่อยๆฆ่าเวลาเพื่อรอเวลาอาหารเย็น โดยย้อนกลับทางเดิม ป้องกันการหลงทาง555+++

ดอกกระดุมทองสีขาว มองไกลๆคล้ายหิมะเหมือนกันนะเนี่ย




กำลังเตรียมเปิดร้าน




นกน้อยแถวแม่น้ำยืนเป็นระเบียบเรียบร้อยเชียว หันมายิ้มหวานให้ด้วย^^




น้ำใสสะอาดมาก




ลองแวะดูไหมคะ555+++




ศาลเจ้าใกล้ๆสถานีเทนจิน




ได้เวลาทุ่มกว่าๆคิดว่าเค้าน่าจะจัดร้านกันเสร็จแล้ว ก็เดินกลับไป มีอาหารให้เลือกมากมาย ถ้ามาฟุคุโอกะก็ลองมาชิมดูได้นะคะ ร้านอาหารแผงลอยแบบนี้เป็นของขึ้นชื่อที่นี่ค่ะ




สั่งฮะกะตะราเมน รสชาติก็อร่อยดีค่ะแต่คิดว่าน่าจะอร่อยได้มากกว่านี้นะ ลืมบอกว่าฮะกะตะราเมนเป็นของขึ้นชื่อของเมืองฟุคุโอกะเหมือนกันค่ะ




คุณเพื่อนเห็นรูปนี้แล้วบอกว่าร้านที่มีชื่อคือร้านรูปขวามือค่ะ




บรรยากาศค่ำคืนก่อนกลับบ้าน




บรรยากาศค่ำคืนก่อนกลับบ้าน




นั่งรถไฟจากเทนจินกลับไปคาสุกาบารุ พอถึงสถานีแล้วเนื่องจากมันมืดพอสมควร แล้วเป็นคนหลงทิศทางอย่างแรง เลยต้องถามทางชาวบ้านเค้าว่าป้ายรถเมลล์อยู่ไหน เจอสาวญี่ปุ่นสองคน น่ารักมากช่วยพาเราไปส่งถึงป้ายรถเมลล์เลย ทั้งๆที่ตอนนั้นก็ดึกแล้ว ใจดีจริงๆ ขอบคุณค่ะ^^

ขึ้นรถเมลล์หน้าห้างนี้




รถเมลล์มี่ผ่านบริเวณนี้มี 3สี คือแดง เขียว เหลือง วิธีดูเวลาก็ไม่ยาก สมมติสายสีแดงละกันนะ ให้ดูตารางของสีแดง จะมีตัวเลขตามแนวดิ่งอยู่ 3แถว แถวแรกเลข6-21 เป็น เวลาว่ากี่โมง ส่วนกี่นาที ให้ดูที่สองแถวหลัง

ยกตัวอย่างตามจริง เช่นตอน 11โมงจะ มีรถมาตอน 11.00น.และ11.30น. ตรงเวลามาก




สรุปค่าใช้จ่ายวันที่สาม ค่ารถไฟ ไป-กลับ 560 เยน (เที่ยวละ 280เยน)
ค่าอุด้ง 480เยน ค่าร่ม 602เยน ค่าราเมน 490เยน รวม 2,132เยน = 746บาทค่ะ



Create Date : 25 มีนาคม 2554
Last Update : 3 กันยายน 2555 12:53:21 น.
Counter : 3086 Pageviews.

11 comments
  
กรี๊ด....มีป้ายเกรย์ด้วยอ่ะ
โดย: mariabamboo วันที่: 26 มีนาคม 2554 เวลา:6:57:43 น.
  
วงสุดโปรดค่ะ^^
โดย: gohachimitsu วันที่: 26 มีนาคม 2554 เวลา:15:31:56 น.
  
ว้าว อยากไปด้วยคนจังครับ =)
โดย: ต่อ IP: 124.121.215.158 วันที่: 26 มีนาคม 2554 เวลา:16:02:57 น.
  
ภาพดูแล้วน่าไปเที่ยวมั่งจังคร้าา ถ้าไปที่ไหนมาอีกเอามาลงให้ดูกันอีกนะค่ะ
โดย: เอ๋หยอย IP: 124.121.3.227 วันที่: 27 มีนาคม 2554 เวลา:0:41:44 น.
  
ขอบคุณ คุณต่อกับ คุณเอ๋หยอยด้วยนะคะ ที่เข้ามาให้กำลังใจ^^
โดย: gohachimitsu วันที่: 28 มีนาคม 2554 เวลา:0:24:22 น.
  
กรี๊ดดดดดดดด Glay !!!

บล๊อกเขียนสนุก ข้อมูลเยอะมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
โดย: กระต่ายลอยคอ วันที่: 28 มีนาคม 2554 เวลา:20:47:17 น.
  
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ คุณกระต่ายลอยคอ เหมือนกันคะ^^ แอบเห็นรีวิวที่ห้องแป้งกับจีบันบ่อยๆด้วย ขอบคุณที่เข้ามาเม้นท์ให้นะคะ^___^
โดย: gohachimitsu วันที่: 31 มีนาคม 2554 เวลา:14:37:14 น.
  
เจ๋งว่ะแก ไปช่วงหน้าหนาวพอดี อากาศกำลังเย็นได้ใจ ตอนที่ไปออนเซ็น ถ้ามีคนไทยไำปด้วย คงตะขิดตะขวงใจน่าดูเลยนะเนี่ย 555
โดย: spydark IP: 180.183.121.161 วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:18:42:27 น.
  
ขอบใจแอน^^
โดย: gohachimitsu วันที่: 9 มกราคม 2555 เวลา:17:41:20 น.
  
ดูรูปเพลินดี เมืองเปบปุยังไม่เคยไปน่าสนใจค่ะ
โดย: Noi IP: 182.52.94.132 วันที่: 12 มีนาคม 2555 เวลา:16:51:23 น.
  
คุณNoi ต้องลองไปค่ะ^^
โดย: gohachimitsu วันที่: 13 มีนาคม 2555 เวลา:20:23:27 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

gohachimitsu
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



New Comments