YOU are not afraid. You think YOU are afraid. ~Shantimayi~
วันที่ 9 ฤาษีเกศ มามองน้ำมองวัว มาดูตัวดูใจ







มีใครสนใจจะไปล่องแก่งบ้าง - หนุ่มจากเดลีเพื่อนร่วมห้องถามขึ้น

เราไม่ได้ตกลงปลงใจในทันที เพราะยังติดทริปว่าจะไปคังโคตริกับเพื่อนๆ จากอาศรมอยู่

แต่ทำไปทำมาไม่ได้ไปคังโคตริ เพราะติดที่ความไม่ลงรอยกันของเคมีในเพื่อนที่ว่าจะร่วมทริป

เลยต้องถอนตัววินาทีสุดท้ายแล้วลาขาดจากคนกลุ่มนี้ แล้วก็เลยโชคดีได้ไปล่องแก่งแทน

แล้วแอบคิดต่อ น่าจะอีกไม่นาน จะกลับมาเก็บคังโคตริ ต่อไปโคมุข แล้วขึ้นไปให้สุดเลย


คนเราน่ะนะ มันไม่ต้องรู้จักกันนานหรอก

คนบางคน เจอกันแปบเดียวแต่กลับเหมือนรู้จักกันมานานแสนนาน

คือสิ่งที่เรารู้สึกกับเพื่อนร่วมทริปในวันนี้ ผึ้ง อินเดีย (สาวอังกฤษนามว่าอินเดีย) เร็ก และซาเฮล

การล่องแก่งที่ฤาษีเกศไม่เคยอยู่ในความสนใจของเราเลย แต่ที่ตัดสินใจไปก็เพราะ

อยากสัมผัสพระแม่คงคาจากอีกมุมหนึ่ง คือมุมตรงกลางแม่น้ำเลย


ไชต้มจากน้ำแม่คงคา


พร้อมเดินทาง



หยุดพักถ่ายรูปเก็บไว้เป็นระลึกกับหนุ่มสาวอังกฤษคู่นี้นาม อินเดีย และเร็ก สักหน่อย


ที่ฤาษีเกศการล่องแก่งเป็นกิจกรรมที่เป็นที่นิยมมากๆ และมีให้บริการแบบสะดวกสบายมากๆ

สนนราคาไม่แพง 450 รูปี กี่กิโลเมตรไม่รู้ จำไม่ได้ รู้แต่ใช้เวลาราวๆ ชั่วโมงครึ่ง

เริ่มจากรถกระบะขนเรือพร้อมพวกเราขึ้นไปยังต้นทาง สวยสงบ จนรู้สึกผิด เหมือนมารบกวน

แถมวันนี้ทั้งฝนตก ทั้งแดดออก ได้สัมผัสทุกอารมณ์เลย ถือว่าโชคดีนะ

ไกด์ประจำเรือแนะนำวิธีการพายเรือเบสิคให้คร่าวๆ ซึ่งทุกคนก็เข้าใจกันดี

แล้วเราก็เริ่มต้นเดินทางกัน


เพียงไม่นานก็มาถึงบริเวณที่น้ำเชี่ยวแก่งแรก Level อะไรไม่รู้ฟังไม่ทัน รู้แต่ตื่นเต้นมาก

ไกด์บอกว่าให้เราล็อคเท้าไว้ในที่ล็อคให้ดี และให้ฟังดีๆ ว่าให้พาย หรือให้หยุด

เรือกระเด้งแรงมากเมื่อโดนน้ำกระแทก น้ำจากแม่น้ำคงคากระเซ็นถูกตัว เย็นเจี๊ยบ

แล้วพระอาทิตย์ก็หลบไปไหนไม่รู้

หุบเขาตรงนี้สวยมากๆ เราดีใจที่คิดไม่ผิดที่ตัดสินใจมาอยู่ตรงนี้

เพื่อนร่วมทีมพูดคุยกัน หัวเราะสนุกสนาน แต่เรากลับอยากนั่งเงียบๆ

ก็แปลกดี ทั้งที่มีเสียงพูดคุย ท้งจากเรือเรา และจากลำอื่น แต่ก็ไม่อาจกลบความเงียบนั้นได้

มันเป็นความเงียบที่ออกมาจากขุนเขารอบข้าง จากเสียงนก และเสียงน้ำ

ลมเย็นพัดผ่าน ฝนเม็ดใหญ่ๆ ตกจากฟ้า พระอาทิตย์จ้า สลับกันไปตลอด 

เรามองไปรอบๆ ตัว รู้สึกละม้ายคล้ายความอบอุ่นปลอดภัย ทั้งที่กำลังล่องแก่งอยู่เนี่ยแหละ

แปลกตรงที่ฤาษีเกศไม่ทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้าของที่นี่

อาจจะเพราะอัธยาศัยที่น่ารักของคนที่นี่ที่คุ้นชินกับคนต่างชาติด้วยละมั้ง




เรือผ่านจุดที่น้ำเชี่ยวมาน่าจะ 4 ไม่ก็ 5 ที่ ไกด์บอกว่า จุดข้างหน้านี้ให้กระโดดลงน้ำได้เลยนะ 

เรามองไปยังจุดที่ไกด์บอกก็พบว่ามันคือบริเวณสะพานที่วันก่อนเดินมากับผึ้งและ Alex 

วันนี้ไกด์บอกว่าให้เราโดดลงน้ำ ณ จุดนั้นเลย ลงได้ ปลอดภัย

จำได้ วันนั้นยังมาหยุดอยู่ที่กลางสะพานและมองแม่น้ำ พลางคิดว่า แม่น้ำคงคาน่ากลัวอยู่เลย

แต่ด้วยความที่ตัวเปียกไปแล้วมากกว่า 50% เพราะโดนน้ำกระเด็นใส่ไปหลายยก

แถมการลอยลำอยู่กลางแม่น้ำ ทำให้รู้สึกว่าแม่น้ำคงคาเป็นน่ากลัวน้อยกว่าที่เห็นจากข้างบนสะพาน

เพื่อนร่วมเรือเริ่มถอดรองเท้า และเก็บไม้พายให้เรียบร้อย เร็กนั่งยองๆ อยู่บนกาบเรือเตรียมโดดแล้ว

ตู้ม! กลายเป็นว่าเรานี่แหละลงไปก่อนเป็นคนแรก น้ำเย็นจัด เย็นเจี๊ยบ เย็นจี๋ 

ราวกับตกลงไปในหิมะ แทบจะร้องเพลง My Heart Will Go On กันเลยทีเดียว

หลังจากเราตู้มลงไปแล้ว กลับไม่มีตู้มต่อมา เร็กนั่งยองๆ อยู่ที่เดิม ไม่ตู้มตามกันลงมา 

กระแสน้ำเชี่ยวไม่เบา เริ่มพัดเราออกห่างจากเรือ ไอ้ย่ะ! เริ่มกลัวแล้วสิวะ 

เราป๋อมแป๋มๆ ว่ายทวนน้ำกลับมา แต่ทวนไม่ไหวฮ่ะ กลายเป็นลอยคอเป็นลูกหมาตกน้ำอยู่ที่เดิม

แต่รออีก 2 วินาที เรือก็ถูกน้ำพัดมาหาเอง แหะๆ ตกใจไปก่อนอีกละ

แล้วตู้ม 2, 3, 4 ก็ตามมา สุดท้ายก็ลงกันมาหมดเรือ ตอนนี้มีลูกหมาตกน้ำเต็มไปเลย เย่!

แล้วอะไรยากกว่าตอนลงคะ เดาไม่ยาก .. ตอนขึ้นอะดิ -_-“

Banana Boat ว่าขึ้นยากละนะ ไอ้นี่ยากกว่าอีก ต้องให้ไกด์ดึงเสื้อชูชีพขึ้น 

พอขึ้นไปก็กะแด่วๆ อยู่กับพื้นเรือเป็นปลาเลย พูดถึงปลา .. ไม่เห็นปลาสักตัวเลยในแม่น้ำ แปลกดี

กว่าจะเก็บปลา เอ้ย คนขึ้นเรือให้ครบ น้ำก็พัดทั้งคนทั้งเรือเลยสะพานไปไกลแล้ว 

เสียดาย เมื่อกี้ตัวแต่ตื่นเต้น ลืมรู้สึกถึงแม่น้ำเลย แต่กระนั้น ครั้งนี้ก็ถือว่าใกล้ชิดมากๆ แล้ว

ดีใจที่ได้มีโอกาสนี้ ทั้งที่ไม่ได้วางแผนไว้ก่อนเลย อยู่ๆ ก็ได้มาร่วมก๊วนครั้งนี้ด้วย

มารวมกันเป็นทีมโดยแทบจะไม่รู้จักกันเลย แต่นั่นแหละ ก็คงจะเหมือนชีวิต

บางครั้งบางอย่างก็มาโดยไม่ได้วางแผน ทั้งเรื่องราว ทั้งผู้คน

บางครั้งเราก็ต้องปล่อยให้ชีวิตพัดไป เหมือนปล่อยให้น้ำพัด

บางครั้งเราก็ต้องพายไปข้างหน้า และกำหนดชีวิตไม่ให้หลงทิศ

และในบางครั้ง ก็ปล่อยให้ชีวิตนิ่งๆ อยู่เงียบๆ

ใช้ชีวิตอย่างไม่กลัว ทรหด แต่ไม่ทรนง แล้วชีวิตจะดูแลตัวมันเอง

อย่าเพิ่งรีบดึงร่มชูชีพตั้งแต่ยังไม่โดดลงมา Mooji พูดไว้ใน Satsang จำได้



เพื่อนร่วมทีม



จุดพักกลางทาง



สะอาดสะอ้านดีทีเดียว



สองสาวกับเลย์สีเหลืองกลางแม่น้ำคงคา



ณ จุดแวะพัก พี่เขาต้มมาม่ากันจริงจังมาก


รถพากลับมาส่งที่ Hostel ครึ่งทีมที่พักที่เดียวกันแยกย้ายกันเข้าห้อง

อีกครึ่งทีมที่เป็นคนอินเดียมาจากไหนไม่รู้ แล้วเดินไปทางไหนก็ไม่รู้

เราต่างพบกันเพียงชั่วคราว ถึงเวลาก็ไปตามทิศทางของตัวเอง

..

รวบรวมเพื่อแตกสลาย แยกกระจายเพื่อกลับมาใหม่

..

ในทุกๆ เรื่องไป


เหมือนกับในวันนี้ที่เราและผึ้งได้เจอเพื่อนเก่าต่างวัยอีกครั้ง คือ ลุงเบนนี่

ลุงเบนนี่เป็นชาวฮ่องกงที่เป็นเพื่อนร่วมคลาส Yoga therapy 

แต่เรานับถือลุงเหมือนเป็นครู เพราะวิถีชีวิตของลุงจากที่เราได้เห็นเอง สัมผัส และรับฟังเรื่องเล่าจากลุง

ทำให้เรารู้สึกว่าลุงคือตัวอย่างที่แท้ ที่ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดนักบวช หรือให้ใครเรียกตัวเองว่ากูรู

เมื่อเริ่มรู้จัก ลุงแนะนำตัวด้วยคำว่า 

จริงๆ แล้วผมไม่ใช่ครูสอนโยคะ แต่ผมเป็นอาจารย์สอนด้านการออกแบบต่างหาก 

ลุงบอกว่าเด็กนักศึกษาของลุงนั้นยิ่งวันยิ่งมีความคิดที่ตื้นเขิน

เพียงทำงานไปเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าเพื่อหาเงิน แต่ความลุ่มลึกของชีวิตมันหายไป 

ลุงอยากสอนให้ลูกศิษย์ของลุงได้เข้าในชีวิตด้านอื่นๆ ที่นอกเหนือจากทุนนิยมบ้าง 

แต่ลุงเองก็ไม่รู้จะสอนอะไร ลุงจึงตัดสินใจเดินทาง 

และเมืองฤาษีเกศ ประเทศอินเดียคือสถานที่ที่ลุงเลือกเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้


แม้ที่นี่จะเป็นที่รู้จักของชาวโลกว่าเป็นเมืองแห่งโยคะ 

แต่ลุงไม่ได้ตั้งใจไปเรียนโยคะ ไม่ได้อยู่ในความสนใจเลยด้วยซ้ำ 

ลุงบอกว่าแค่ไป “ดูๆ" และไอ้สิ่งที่ลุงดูก็ไม่เหมือนที่ชาวบ้านเขาดูกัน ลุงเขาดูวัว 

เขาเล่าว่ามีอยู่วันหนึ่งเขาออกไป “ดูๆ” ก็เห็นนักท่องเที่ยวจำนวนมากหลั่งไหลกันไปทางหนึ่ง 

ลุงไม่อยากตามนักท่องเที่ยวไป เห็นวัวฝูงหนึ่งกำลังเดินไปอีกทาง ลุงเลยเดินตามวัว 


วัวมันก็เดินของมันไปเรื่อยๆ ลุงก็ตามวัวไปเรื่อยๆ จนมาสุดทาง วัวมันก็หยุดเดิน 

ลุงก็เลยหันรีหันขวาง แล้วผู้หญิงคนหนึ่งก็รี่เข้ามาถามว่าลุงจะไปไหน 

ลุงก็เขินที่จะบอกว่า เดินตามวัวมา ลุงเลยแก้เก้อบอกไปว่า มาหาโรงเรียนโยคะ 

ผู้หญิงคนนั้นเลยบอกว่า อ้อ อยู่ทางนี้ ตามมาเลย ลุงไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตาม 

แล้วสุดท้ายลุงก็ได้เรียนโยคะ ฝึกอยู่ที่นั่นเป็นเวลาครึ่งเดือน 

และนั่นคือการเริ่มต้นการเดินทางสายโยคะของลุง


วันนี้เราได้รับข้อความจากลุง ว่าลุงมาถึงฤาษีเกศแล้ว ดีใจมากเหมือนได้เจอญาติผู้ใหญ่

จะว่าไปลุงเบนนี่ก็เป็นอีกคนนะ ที่เรารู้สึกเหมือนรู้จักลุงมานานมากแล้ว

เหมือนเคยได้รู้จักเคยคุ้นกัน และแยกแตกสลาย กระจายกันไป ในอดีตที่เราหรือใครก็จำไม่ได้

ก่อนจะกลับมารวมกันใหม่ในชีวิตนี้ เราไม่ได้ร่ำลาลุงที่อาศรม 

คืนนั้นลุงนั่งรถไปสถานีรถไฟ ส่วนเราเข้าห้องไปนอน รู้ว่าลุงออกเดินทางแล้ว

รู้อีกนั่นแหละ เรากับลุงยังไงก็ได้เจอกันอีกแน่นอน


วันนี้เรากับผึ้งคุยกับลุงหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องวัว 

เราบอกว่าเราพยายามจะเดินตามวัวเหมือนลุง แต่วัวเดินช้าไป ไม่ทันใจเรา

ลุงหัวเราะ แล้วบอกว่า หนูเอ้ย! วัวแต่ละตัวไม่เหมือนกันนะ ไปตามวัวแถวไหนมา

ให้เราลองเดินไปที่สะพานรามจุฬา วัวแถวนั้นมัน Spiritual กว่าวัวแถวนี้

เราหัวเราะพรืด แต่ลูกกะตาลุงจริงจังมาก แม้หน้าลุงจะยิ้ม ลุงพูดต่อ 

วัวแถวนี้ (แถวๆ สะพานลักษมันจุฬา) คุ้ยแต่ขยะ วันๆ กินไม่หยุด 

แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปเติบโตทางจิตวิญญาณ ลองมองตามัน เราจะรู้

วัวมันก็เหมือนคน ขวัญที่หัวมัน ยังเหมือนของคนเลย และแต่ละตัวก็ไม่เหมือนกันด้วย

วันนี้เรากับผึ้งเลี้ยงไชลุง ลุงถาม ..เลี้ยงทำไม..

เราตอบไป ..เพราะเรารู้สึกลุงคือครูของเรา..



ถ่ายกับลุงเบนนี่เพื่อนเก่า ที่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเก่าแค่ไหน



German Bakery and restaurant


แล้วเราก็แยกจากกันอีกครั้ง ลุงจะขอตัวไปดูหนังสือในร้านข้างๆ

ผึ้งต้องเก็บข้าวของกลับไปโรงเรียน ส่วนเราก็มีนัดเรียน Tabla

ระหว่างทางที่เดินไปนั้นเราเจอวัวหลายตัว นึกถึงคำพูดของลุง

เรามองตาวัว ที่แปลกคือ เหมือนเราจะรู้ว่าวัวแต่ละตัวมันรู้สึกยังไง

บางตัวมันหลบตา บางตัวมองกลับมาทื่อๆ ไม่มีอะไรในสายตา

บางตัวไม่ชอบ มันอาจจะไม่ชอบให้มองหน้า มันจะเขม็งตาใส่ 

จนมาถึงตัวนี้ .. พี่มองหนูก่อนหนูจะมองพี่อีก ดีนะ พี่ไม่ผิวปาก ^^”



วัวมองหน้า จึงมองตาวัว ปิ๊งๆๆ


เย็นวันนี้ ผึ้งกินข้าวที่โรงเรียนโยคะ เราเลยออกไปกินข้าวกับเพื่อนๆ Hostel ที่ Namaste Cafe

ดูเหมือนร้านนี้จะเป็นตัวแทนของความเป็น ฮิปปี้ ในยุคก่อนหน้านี้ไม่กี่ปี

ผู้คนร้องเพลง เล่นดนตรี สูบบุหรี่ (และ/หรือกัญชา) ดีที่เมืองนี้ไม่มีเครื่องดื่มมึนเมาเลย

แต่ละคนดูมีความสุขในโลกของตัวเอง บ้างเล่นไพ่ บ้างร้องเพลง บ้างตีกลอง 

บ้างก็นั่งกินดุ่ยๆ enjoy กับดนตรีที่คนอื่นเขาเล่นอย่างเรากับน้องที่ Hostel อีก 2-3 คน 

ต่างคนต่างสุข สุขในที่เดียวกัน แต่ต่างสาเหตุกันไป

เรากินเสร็จแล้วขอตัวออกมาก่อน ตั้งใจกลับบ้านมาลอกโน้ตเพลง Tabla ของครูต่อ

ระหว่างทางกลับสวนทางกับคนหลากหลาย คนอินเดียในชุดส่าหรี 

คนต่างชาติในชุดแตกต่างกันไป ตามสไตล์ ตามภาพลักษณ์ที่แต่ละคนอยากให้ตัวเองเป็น

แว่บหนึ่งรู้สึกเหมือนนี่เป็นเมืองแห่งความฝัน ไม่ใช่ฝันใฝ่ไขว่คว้าจะไปให้ถึง แบบนั้นนะ

แต่เป็นเมืองที่ทุกคนเหมือนปลดปล่อยสิ่งที่พันธนาการเขาอยู่ แล้วใช้ชีวิต ณ อีกฝั่งของความเป็นจริง

รู้สึกเหมือนมันเป็นเมืองแห่งเทพนิยายกลายๆ ไม่ก็คล้ายๆ กับโลกของแฮร์รี่พอตเตอร์

ลมพัดแรงมาก เราเดินอยู่บนสะพานลักษมันจุฬา สะพานแกว่งตามแรงลม

วินาทีนั้นบรรยากาศ Surreal เหนือจริงมากๆ




เมืองเหมือนฝัน


คลิก pause เพลงที่ข้างบนนี้ก่อนเล่นวิดีโอ Namaste Cafe ด้านล่างนะคะ



ท่าทางจะต้องนั่งสมาธิกับจักระแรกสักหน่อยแล้ว 

Lam Lam Lam Lam Lam..


note : 

Lam คือมันตราสำหรับมูลาธารณะจักระ หรือ จักระที่หนึ่งที่อยู่บริเวณก้นกบ

ซึ่งช่วยยึดโยงเรากับผืนโลกหากจักระนี้แข็งแรงพอเหมาะ 

มันจะช่วยให้รู้สึกถึงความปลอดภัย ความเป็นส่วนหนึ่ง 

และไม่หลุดหายไปโลกอื่น :)




Create Date : 13 มีนาคม 2559
Last Update : 7 กันยายน 2559 21:39:58 น. 2 comments
Counter : 989 Pageviews.

 
ยังไม่เคยไปล่องแก่งเสียที
ไม่ชอบลงน้ำ หนาวนะนั่น 555

เพิ่งไปเห็นที่คอมเมนต์เอนทรี่เก่า

ตกลงไม่ไปที่โน่นต่อแล้วเหรอ...??

แต่ เป้าหมาย รูปแบบ เงื่อนไข ฯ
มันก็แทนนิยามการเดินทางในแต่ละคนไม่ได้เนอะ ^^


โดย: กาบริเอล วันที่: 13 มีนาคม 2559 เวลา:14:07:19 น.  

 
น่าสนุกนะคะ ถ้าได้เพื่อนร่วมทางที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กัน


โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 13 มีนาคม 2559 เวลา:20:04:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

gluhp
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




Here...
I'm on the rooftop

Between...
pavement and stars.

Here's...
hardly no day
nor hardly no night

There're things...
half in shadow
and half way in light

It's where...
I gather my thoughts
and grow my dreams

which...
are scattered
all around

In my words,
my songs,
my dance.

คน นั่งจ้องชีวิต
Group Blog
 
 
มีนาคม 2559
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
13 มีนาคม 2559
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add gluhp's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.