YOU are not afraid. You think YOU are afraid. ~Shantimayi~
วันที่ 2 ลุยฤาษีเกศ : สวัสดีพระแม่คงคา กับประสบการณ์โดนหลอกแล้ว คือมาถึงอินเดียแล้ว









Hostel นามว่า Zostel Rishikesh นั้น 

นับว่าเตียงนอนสบายและราคาประหยัดดีมาก ข้าพเจ้าขอแนะนำ

ซึ่งการพักผ่อนเมื่อคืนสำคัญมาก เพราะวันนี้เป็นวันแห่งการเดิน เดิน เดิน และ เดิน


วันนี้ตื่นเช้ากว่าชาวบ้านเขา ในห้องมี 8 เตียง เราเด้งขึ้นมาก่อนเป็นเตียงแรก

ตื่นเวลาเดียวกับตอนอยู่ที่อาศรม คือ ตี 5 ไม่อยากให้นิสัยดีๆ เสียหาย ฮ่าๆ

ทั้งๆ ที่เมื่อคืนนอนดึกมาก เที่ยงคืนกว่ายังมีเจ้าหน้าที่ hostel โผล่เข้ามาในห้อง

เหตุเพราะมีเพื่อนร่วมห้องไปโวยว่ามีคนไปนอนเตียงเขาเมื่อคืน แล้วเตียงยังไม่ได้เก็บ

เจ้าหน้าที่เลยมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ตอนเที่ยงคืนกว่า ก็ตื่นทั้งห้องสิ


หกโมงนิดๆ เราเดินออกจากห้องขึ้นมาบนดาดฟ้าพร้อมเสื่อโยคะ

ลมพัดค่อนข้างแรง แต่ทัศนียภาพค่อนข้างคับตา ป้ายไฟ และตึกโรงแรมข้างๆ เบียดบัง

แต่ที่ชอบมากคือ ความเงียบ .. เงียบไม่ชิ้ง แต่เงียบจ๊อกแจ๊กไปด้วยเสียงนก

เราว่ามันเป็นความสวยงามนะ มันผสานกันอย่าง .. ไม่ค่อยลงตัวหรอก แต่มันก็อยู่ของมันได้

เราเองนี่แหละที่ตั้งความหวังกับมัน คาดหวังกับมัน แทนที่จะยอมรับในความทั้งหมดทั้งมวลของมัน


นั่งฟังเสียงนกได้พักหนึ่งก็เริ่มฝึกหายใจ ไม่นานเมืองก็เริ่มตื่น 

เราออกจากโฮสเทล ตั้งใจมุ่งหน้าข้ามสะพานลักษมันจุฬาไปอีกฝั่ง

แวะกินกาแฟที่ร้านที่เล็งไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ไม่อร่อยมาก ไม่พูดถึงละกัน ฮ่าๆ

แต่ยังเดินไม่ถึงสะพาน ผ่านวัดแห่งหนึ่งเรากับผึ้งมองเข้าไป แล้วคนเฝ้าประตูก็ดึงตัวพรึ่ดเข้าไป

รู้เลยนั่นไง โดนแล้ว คุณคนเฝ้าประตูจับไม้จับมือ แล้วทำเป็นพูดภาษาอังกฤษไม่ได้

แล้วดึงตัวให้เข้าไปไหว้ วินาทีนั้นคิดในใจ ต้องจ่ายเท่าไหร่เนี่ย เหอๆ

คุณคนนั้นทำตัวเป็นไกด์ทัวร์ พาเดิน พร้อมบอกข้อมูล แบบไม่รู้เรื่อง 

คล่องอยู่อย่างเดียวคือชื่อเทพเจ้า ที่มีมากมายมาก จำไม่หวาดไม่ไหว

ที่ฮาสุด คือ มีการกะเกณฑ์ให้เราถ่ายรูปด้วย ต้องทำท่าตามคุณเธอด้วยนะ

คุณเธอพาเข้าไปถึงห้องที่ “กูรู” ของคุณเธอนั่งอยู่ ก็คือสาธุนั่นแหละที่เป็นคนเจิมหน้าผากให้คนที่เข้าวัด

ก่อนจะเข้าพบกับ “กูรู” คุณเธอก็จุดธูปหอมให้เรากับผึ้งถือด้วยกัน สวดร่วมกัน

หลังจากนั้นได้เจิมหน้าผากร่วมกัน ทำบุญร่วมกัน

คืออยู่ๆ กลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานต่อหน้าพระแม่คงคาซะงั้น

แล้วยื่น “สินค้า” ซึ่งได้แก่สายสิญจน์เพื่อความเป็นสิริมงคล ลูกประคำ โถใส่น้ำจากแม่น้ำคงคา 

แล้วก็อะไรสักอย่างหน้าตาเหมือนผอบ เขาบอกว่าเอาไว้นวดตา ใส่หิมะจากหิมาลัยมา (คือ.. นะ?)

แล้วคุณไกด์บังคับให้เราจ่ายกูรูคนละ 300 รูปี แล้วพาออกมาส่งเป็นอย่างดี

เสร็จปุ๊บบอกเราว่า เอ้าเมื่อกี้ให้ “กูรู” เขานะ ตอนนี้ต้องให้เขาด้วยคนละ 200 รูปี

คือขอกันดื้อๆ อย่างนี้ เราก็ให้สิคะ เหมือนโดนสะกดจิต

สรุปงานนี้สองสาวหมดกันไปทั้งหมด 1,000 ถ้วนค่ะ ก็.. ได้ค่ะ ได้ very nice very nice

คุณไกด์คนนั้นยังมีบอกอีกว่า ตอนนี้เธอไปเดินดูต่อได้ละ หลังจากนี้ไม่ต้องเสียตังค์ละนะ

เรากับผึ้งเลยเดินลงบันได มุ่งหน้าหาแม่น้ำคงคาที่สวยมากจริงๆ แต่ลงไปได้ไม่ถึงเพราะทางปิด 

ระหว่างทางมีนักบวชอีกคนเรียกให้เข้าไปหา ไปไหว้เทพ ตอนนี้เริ่มฉลาดแล้ว ยิ้มให้แล้วเดินหนี

เข้าวัดนี้ได้ภาพมาหลายภาพอยู่ คือกะเอาให้คุ้ม ฮ่าๆ

เข้าวัดมันก็เหมือนวัดความรู้สึกตัวเองน่ะนะ ว่ารู้สึกยังไงที่โดนวัดฟันไปถึงคนละ 500 รูปี 

เราโกรธนะ แต่ผึ้งแหละที่เป็นคนบอกว่าไม่เป็นไรๆ เราเลยรู้สึกไม่เป็นไรจริงๆ

แล้วถึงมารู้ว่า จริงๆ แล้วที่โกรธเนี่ย เป็นเหมือนความโกรธเพราะรู้สึกแพ้มากกว่า

แบบเสียรู้ .. อะไรงี้ ไม่ได้โกรธที่เงินออกจากระเป๋าเท่าไหร่หรอก

(คือนี่ครั้งที่ 2 ไง ครั้งแรกโดนมาแล้วที่ทริมแบคสองปีก่อน)


แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ก็ขอแนะนำซะเลย สมมติถ้ามาอินเดียแล้วจะไปวัด

ข้อแนะนำคือ เดินเข้าไปเลยค่ะ อย่าทำหน้าไม่รู้เรื่องว่าที่นี่คือที่ไหน

ถ้าใครจะมานำทางบอกเลย ไม่ต้อง ไปเอง ทำเอง ไหว้เอง 

ถ้าอยากเจิม ต้องเสียตังค์นะคะ ไม่เจิมก็ต้องเสียตังค์ ยกเว้นอยากทำบุญก็อีกเรื่องหนึ่ง

มารู้เอาตอนไปวัดที่สองคือวัดหนุมานเนี่ยแหละ ก็เดินดุ่มๆ เข้าไป แล้วก็เดินนิ่งๆ ออกมา

สวยงาม จบข่าว


อาหารเช้าวันนี้

อาหารเช้าวันนี้ ที่ร้านที่กาแฟไม่อร่อย และไชก็ไม่อร่อย ไชที่อร่อยที่สุดอยู่ที่ข้างถนนเมืองทริมแบคค่ะ เมืองทริมแบคเป็นเมืองเล็กๆ ทางตอนใต้ เป็นเมืองแสวงบุญที่เงียบใช้ได้เลยทีเดียว ลองหาดูในบล็อกเก่าๆ นะคะ (ที่มุมไบและฤาษีเกศ ยังไม่เจอไชอร่อยเลยค่ะ)



ต้นไม้ต้นนี้ชอบมาก ตอนถ่ายรูปมีมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่าน เลยเป็นอย่างนี้



ในวัดจ้ะ 




ทำอะไรกัน -_-"



กำลังหาทางลงไปแม่น้ำคงคา แต่ลงไม่ได้เลยได้แต่ถ่ายรูปจากด้านบน 


เป็นแว่บแรกที่ได้เห็นแม่น้ำคงคาแบบเต็มๆ ตา สวย..


เมื่อวานตอนลงไปสะพานลักษมันจุฬา เรากับผึ้งไปทางลัด วันนี้เลยตั้งใจไปทางไม่ลัด

ซึ่งเสียเวลามากกว่าเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว ถามสิว่าทำไม ^^”


ทำไม?


คือไปเดินผ่านโรงเรียนสอน indian music school ไง เห็นบันไดสวยดีก็เลยเดินลงไป

ประตูล็อคก็ให้คนแถวๆ นั้นโทร.ตามให้อีกต่างหาก อยากถามระเบียบการ อยากเรียน tabla

รอคนมาตั้ง 10 นาที ได้ความมาว่าเรียนครั้งละชั่วโมง 1 คน 300 2 คน 500 จะเรียนเลยไหม

รออะไรล่ะ เรียนเลยสิ วิธีเรียนที่นี่ไม่ซับซ้อน อยากเรียนเมื่อไหร่ก็โทร.ตามครู

นั่นแหละ เลยเป็นชั่วโมงเลย แต่มีความสุขมาก ฝันที่เป็นจริงมาก

มันไม่ซับซ้อน แต่มันคือสมาธิอย่างสูงส่ง ตีกลองเนี่ยแหละ ทำสมาธิดีนักแล



โน้ตที่ครู Narayan เขียนให้



สงสัยข้าพเจ้าจะได้แบกกลองกลับบ้านก็คราวนี้แหละท่านผู้ชม



แวะเติมพลังข้างทาง (ใครบอกอร่อยคะ เหอๆ) รูปนี้แม่บอกหน้าเธอเปลี่ยนไปเยอะ แหม่..ใครจะไปมีอารมณ์แต่งหน้าทำผมคะ แค่หลบรถ หลบคน หลบลิง หลบวัว ก็เหนื่อยแล้วจ้า



วัวอาบแดดค่ะ ไล่อะไรไล่ไป ห้ามไล่วัว เข้าใจนะ



เทวดารักษาสะพาน (รึเปล่า)



ดึ๋ง!


กะให้เอาป๊อบคอร์นไปเลี้ยงลูก แต่เปล่าเลย แม่เหมา ^^"




ในที่สุดก็มาถึงสะพานลักษมันจุฬา แต่ก่อนหน้าจะขึ้นไป เราแวะหาแม่น้ำคงคาก่อน

เลยเดินเลี้ยวลงแม่น้ำ ในที่สุดก็ได้สวัสดีพระแม่คงคาเสียที น้ำในแม่น้ำเย็นเยียบมาก

เรากับผึ้งแยกกันเดิน ต่างคนต่างเงียบ ต่างคนต่างมีวิธีสิ่อสารกับแม่น้ำคนละแบบ







ผึ้งถ่ายตอนไหนไม่รู้ แหะๆ



เวลาผ่านไปพักหนึ่งเราก็ตัดสินใจเดินทางต่อ .. ข้ามสะพานลักษมันจุฬา

ความยากของการข้ามสะพานที่นี่คือ 

1.หลบคน ที่เบียดกันเดิน เบียดกันเบียด (เข้าใจไหมเนี่ย)

2.หลบมอเตอร์ไซค์ ที่ตอนสอบใบขับขี่เขาไม่ได้สอนให้เหยียบเบรค แต่สอนให้บีบแตรอย่างเดียว

3.หลบลิง โดยเฉพาะถ้ามีของกินอยู่ในมือ ผึ้งโดนแย่งเปลือกกล้วยไปจากมือเลย (ดีเนอะ ลิงช่วยเอาไปทิ้งให้)

ด้วยความที่เป็นสะพานแขวน มันเลยแกว่งๆๆๆ สนุกดีนะ







อีกฝั่งของแม่น้ำคงคา


ข้ามไปอีกฝั่งก็แวะกินข้าวก่อนที่ร้าน Ganga Beach Cafe อาหารอร่อยมาก

ใครกลัวอาหารอินเดียไม่ถูกปาก ให้ลองสั่งอาหารแล้วบอกเขาว่า less spicy นี่แหละ ใช่เลย




เป็นครั้งแรกที่สั่งอาหารเองแล้วอร่อย


เมื่อท้องอิ่ม หนังตาก็เริ่มหย่อน แต่เราจะยอมให้แข้งขาอ่อนไม่ได้

ตัดสินใจมุ่งหน้าไปสะพานรามจุฬาที่ห่างออกไป 2 กิโลเมตร เพื่อดูพิธีคงคาอารตี

ตลอดทางที่เดินไปเรากับผึ้งสนุกสนานกับการ window shopping มากๆ 

เล่นเกมส์กับตัวเองด้วยการทำให้ตัวเองอยากได้นู่นนั่นนี่ แล้วบอกตัวเอง เดี๋ยวจะกลับมาพรุ่งนี้

เพื่อเช็คความรู้สึกตัวเองไง ว่าอยากได้จริงรึเปล่า ถ้าอยากได้ พรุ่งนี้ก็จำได้ ถ้าไม่อยากได้ เดี๋ยวก็ลืม

แบบฝึกหัดนี้จะได้ผลดีขึ้นเวลาไม่มีตังค์ในกระเป๋านะคะ อิอิ

ผึ้งเช็คราคาผ้าแขวนผนังที่ซื้อมา ปรากฏว่าราคาต่างกันมาก (เสียรู้อีกแล้ว)

เราเลยบอกว่า ซื้อแล้ว อย่าเช็ค ถ้าเราแฮปปี้กับราคาที่เราได้จ่ายไปแล้วก็โอเคแล้วล่ะ

ตลอดทางนั้น เราเลยสนุกสนานกับการถ่ายรูปกันแทน







เห็นฝรั่งคนหนึ่งเดินเท้าเปล่า พร้อมวางลูกแก้วไว้บนหัว เป็นการฝึกสมาธิที่น่าจับตามองมาก


คนเดินผ่านไปผ่านมาก็ลุ้น แต่ไม่รู้ลุ้นให้มันตก หรือลุ้นให้มันไม่ตก


เราตั้งใจไว้ตั้งแต่ก่อนมาแล้ว จะมาส้งเกตต้นไม้ที่นี่ เพราะเราชอบต้นไม้มาก

เลยได้เห็นต้นมะม่วงยักษ์ที่ดูแล้วเหมือนผู้อาวุโสประจำสถานที่เลย 

ต้นโพธิ์ต้นใหญ่ๆ และต้นอะไรอีกก็ไม่รู้เรียกชื่อไม่ถูก แต่ใหญ่โตทั้งนั้น











แตกต่าง หลากหลาย





ข้าวเกรียบเค็มๆ



ใกล้ถึงแล้ว สะพานรามจุฬา


เราเดินไปถึงสะพานรามจุฬาแล้วก็แวะพักที่ริมแม่น้ำคงคาอีกรอบ บ่ายแก่พระอาทิตย์ลงต่ำแล้ว

บรรยากาศสวยมาก มากๆ เลย เราเองก็เริ่มชินกับเสียงแตรแล้วด้วย จนบางครั้งก็เหมือนไม่ได้ยิน

เรากับผึ้งแยกกันเดินอีกครั้ง ต่างคนต่างไป .. แต่มีจุดจบเดียวกัน คือ ถูกรุม!

เด็กๆ ขายกระทงดอกไม้รุมเราสองคน เราโดนไปสองกระทง 100 รูปี ผึ้งโดนไปหนึ่งในสนนราคา 10 รูปี

เอาซี่! นึกว่าจะนั่งปล่อยใจไปกับแม่น้ำคงคาซักหน่อย .. ก็นั่นแหละ ไม่งั้นก็ไม่เหมือนมาอินเดียสิ

เสียงกระซิบดังขึ้นมาในใจ

..พวกเขาคือส่วนของแม่น้ำคงคาเช่นกัน 

..พวกเขามีชีวิตอยู่ที่นี่ 

..พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของพลังในที่แห่งนี้

..อย่าเลือกรับเพียงสิ่งที่เจ้าอยากเห็น 

..แต่จงรับความทั้งหมดทั้งมวล

..ทั้งสิ่งที่สวยงามและด้านตรงข้ามของมัน







ต่างคนต่างถ่าย ต่างถ้อยคำ ต่างมุมมอง


เราไปถึงบริเวณที่จัดพิธีคงคาอารตีสายกว่าเวลาเริ่มไปหน่อยนึง

ที่นี่ต้องถอดรองเท้า และเอาไปฝาก ขาเข้าไปก็ดีอยู่หรอก แต่ตอนหันกลับมานี่สิ

ลองนึกภาพการเดินสวนกับคนอินเดียที่ไม่ได้ต่อคิวนะ แต่ดาหน้าเข้ามาพร้อมชูรองเท้าร่อน

มันก็เข้าหน้าสิคะ ดีหน่อย คุณป้าคนหนึ่งรู้ตัวเลยบอกว่า อุ๊ย ขอโทษ เราก็อุ๊ย ไม่เป็นไรหรอกค่ะ 

เข้าใจว่าเขารีบ เพราะคนอินเดียรีบตลอดเวลา ขับรถต้องชิดคันหน้าตลอด 

แต่เวลาที่ไม่เดินทางไปไหน เขาจะช้า ช้ามาก ช้าแบบ ช้าาาาาาาาาาาาาาอ่าาาาาาาาาาาาาา

เราไม่ค่อยอินกับพิธีคงคาอารตีนี้เท่าไหร่ ไปดูให้รู้ ให้เห็น แล้วเลือกเอา

นักท่องเที่ยวที่ทะลักทะล้น ทีวีถ่ายทำ เฮลิคอปเตอร์บินวนพานักท่องเที่ยวเก็บภาพจากมุมสูง

จงเป็นแสงนำทางของตนเอง .. คำนี้แว่วเข้ามาในหู เราชวนผึ้งเดินออก




ครูของเขา เราเคารพ



มีศิลปินมาวาดภาพ


ผ่านแผงขายหนังสือ เลยจัดมาเบาๆ สองเล่มนิดๆ เป็นของ Mooji หนึ่งเล่ม

แล้วก็บทกวีของ Rumi อีกหนึ่งเล่ม ถูกกว่าที่ไทยและที่สิงคโปร์หลายเท่าอยู่

ส่วนนิดๆ ที่ว่านั่นน่ะ คือหนังสือภควัทคีตาเล่มจิ๋วน่ารักมาก

มีคนแวะเข้ามาคุยด้วย คุยไปคุยมาคุยเรื่อง introvert กับ extrovert 

พอเขารู้ว่าเราเพิ่งเดินออกมาจากพิธีคงคาอารตี และไม่ชอบ Bhajan เอาเสียเลย

เขาเลยบอกว่าเราน่าจะเป็นพวก introvert ให้เราลองมานั่งที่แม่น้ำคงคาเงียบๆ ตอนพระอาทิตย์ตก

เราน่าจะได้อะไรๆ จากมันเยอะกว่า ..จงเป็นแสงนำทางของตนเอง.. 

คำนี้แว่วเข้ามาในหูอีกครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน

แวะคุยกับร้านหมออายุรเวท นัดแนะกัน ก็ไม่แน่พรุ่งนี้จะเข้าไปตรวจดูซิว่าเราน่ะเป็นคนประเภทยไหน 

วาตะ ปิตตะ หรือ กับฝะ อะไรผสมกับอะไรบ้าง ล่าสุดเช็คมา เป็นปิตตะวาตะ

คือเป็นปิตตะ 50% วาตะ 40% ที่เหลือกับฝะ คือแค่ 10% ถือว่าไม่นับ

(วาตะ คือ เป็นลม ปรู๊ดปร๊าด ลังเล ไม่อยู่นิ่ง

ปิตตะ คือ เป็นไฟ ร้อนแรง โกรธง่าย มีไฟในการทำสิ่งต่างๆ

กับฝะ คือ เป็นดิน คนนิ่งๆ หนักแน่น เอื่อยเฉื่อย) 

คนแบบต่างๆ ก็มีโรคต่างๆ กัน มีวิธีรักษาสุขภาพต่างๆ กันไป ก็น่าสนใจดีนะ




มัวแต่เดินเล่นกันเพลิน รู้ตัวอีกทีทุ่มกว่าแล้ว ฝนเริ่มลงเม็ด ต้องรีบกลับ 

เราไม่ชอบอินเดียตอนกลางคืน มันเศร้าๆ ทึมๆ ดูไม่มีความหวัง แต่นั่นแหละ คงยังไม่ชิน

รีบเดินข้ามสะพานรามจุฬากลับมาอีกฝั่ง แต่เดินไปอีก 2 โลในความมืดคงไม่ไหว

รีบจ้ำมากถึงท่ารถริกชอว์ที่เห็นเราเป็นหมูในอวย รุมซะไม่กล้าเลือกใครเลย เหอๆ

เสียไปอีก 100 รูปี ตอนนั้นเยอะหรือน้อยไม่รู้ รู้แต่แฮปปี้ก็โอเคแล้วล่ะ

(แต่ถ้าจะให้ดี อย่าให้เขารีดเราเกิน 30 รูปีนะคะ เหอๆ)

กลับถึง hostel ก็สั่ง kitchari มากิน เพราะท้องไส้ค่อนข้างปั่นป่วน 

กินโจ๊กอินเดียนี่แหละอร่อย ปลอดภัยสุดแล้ว อาหารจานนี้มีเสน่ห์นะจ๊ะ 

แต่ละที่รสไม่เหมือนกันเลย เหมือนเป็นสูตรของแต่ละบ้านเลย น่าค้นหามากๆ


วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยมากทีเดียว ไม่ใช่แค่เดิน แต่เป็นการเดินท่ามกลางเสียงแตรรถ

ที่ถึงแม้จะเริ่มชินแล้ว แต่มันก็ทำให้เราสะดุ้งตกใจอยู่หลายๆ ครั้ง โดยเฉพาะเวลาที่คนเยอะๆ 

เหนื่อยกับการเล่นเกมส์ของคนอินเดีย และการต้องเล่นให้ทันเกมส์ของพวกเขา 

เพื่อไม่ให้เราเสียเปรียบมากจนเกินไป

ที่เหนื่อยที่สุดเห็นจะเป็นมลภาวะทางจิตวิญญาณ (ไม่รู้ใช้คำนี้ได้ไหม)

คนที่มาที่นี่หลายคนกำลังแสวงหา และคนที่นี่ก็รู้ว่ามีคนกำลังแสวงหา และหาประโยชน์จากมัน

ที่น่าเศร้าที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องนี้ ฤาษีเกศคือถิ่นกำเนิดโยคะ มีฤาษี มีคุรุ ตัวจริงมากมาย

แต่เพราะเหตุใด โรงเรียนโยคะส่วนใหญ่ที่จัดคอร์สครูโยคะนั้นจะต้องโฆษณาตัวเองว่า

โรงเรียนของตัวเองนั้น ได้รับการรับรองจาก Yoga Alliance สหรัฐอเมริกา

สหรัฐอเมริกายิ่งใหญ่ขนาดนั้นเชียวหรือ โลกถึงกลับตาลปัตรไปถึงเพียงนี้

จบวันที่ 2 แล้ว เราก็ยังไม่รู้ว่าเรามาตามหาอะไรที่นี่ คำตอบคืออะไร และเราควรถามอะไร

สิ่งที่เราอยากรับรู้นั้น มันไม่มีอยู่ที่นี่ หรือที่จริงแล้ว เราแค่ยังไม่เจอมัน







Create Date : 06 มีนาคม 2559
Last Update : 5 กันยายน 2559 22:30:44 น. 3 comments
Counter : 1328 Pageviews.

 
ฤาษีไม่ใช่สิ่งที่เล่นปาหีอยู่ในอาศรม แต่สถิตย์อยู่ในทุกอณูของพื้นที่ฤาษีเกศ ที่นั่นเป็นแหล่งพลังโยคะชองเหล่าฤาษี

หากยังค้นหาก็จะไม่เจอ หยุดค้นหาจะพานพบ

สรรพสิ่งทั้งหลายไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ

พี่แนะมี่ให้ไปที่นี่ไม่ใช่เพื่อไปค้นหา แต่ให้ไปหยุดการค้นหา แล้วเปิดใจสัมผัส

ถ้าเข้าใจก็จะพานพบ....


โดย: พี่เล็ก IP: 180.183.150.189 วันที่: 6 มีนาคม 2559 เวลา:21:41:07 น.  

 
ค่ะพี่เล็ก ขอบคุณค่ะ


โดย: gluhp วันที่: 6 มีนาคม 2559 เวลา:23:38:03 น.  

 
โดนหลอกแล้ว คือมาถึงอินเดียแล้ว เอิ้กกก ๆ
.

..พวกเขาคือส่วนของแม่น้ำคงคาเช่นกัน
..พวกเขามีชีวิตอยู่ที่นี่
..พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของพลังในที่แห่งนี้
..อย่าเลือกรับเพียงสิ่งที่เจ้าอยากเห็น
..แต่จงรับความทั้งหมดทั้งมวล
..ทั้งสิ่งที่สวยงามและด้านตรงข้ามของมัน
...สายตาของนักภาวนา มองออกมาจากข้างใน ^____^
.
...มีแสงนำทางของตนเอง คุณสมบัตินี้เป็นรางวัลของความเพียรสำหรับผู้รักการภาวนา แฮ่ ๆ อยากโม้ ๆ บาง

ขอบพระคุณครับ ที่เขียนให้อ่าน


โดย: ลมหายใจที่เหลืออยู่ IP: 27.145.226.65 วันที่: 1 เมษายน 2559 เวลา:14:29:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

gluhp
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




Here...
I'm on the rooftop

Between...
pavement and stars.

Here's...
hardly no day
nor hardly no night

There're things...
half in shadow
and half way in light

It's where...
I gather my thoughts
and grow my dreams

which...
are scattered
all around

In my words,
my songs,
my dance.

คน นั่งจ้องชีวิต
Group Blog
 
 
มีนาคม 2559
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
6 มีนาคม 2559
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add gluhp's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.