Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
5 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
โมนาลิซ่า ยิ้ม เพราะ..

โมนา ลิซา" หญิงสาวที่มีผู้ต้องการค้นหามากที่สุดในโลก เพราะสีหน้าของเธอมีรอยยิ้มที่ผู้คนพยายามตีความมาหลายร้อยปีว่ายิ้มแบบนี้สื่อถึงอะ

ไร นับเป็นผลงานชิ้นเอกของยอดศิลปินลีโอนาโด ดาวินชี




เอพี – รอยยิ้มอันอันลือเลื่องที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของ “โมนา ลิซา” สร้างความฉงนให้แก่ผู้ชมภาพชิ้นเอกของดาวินชี ที่ยากจะวิเคราะห์ว่าสีหน้าของเธอบ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ นับเป็นสิ่งท้าทายและมีความพยายามหาคำตอบมานานหลายศตวรรษ แต่นักวิทยาศาสตร์ชาวดัชต์กลับเผยว่าการตีความรอยยิ้มของโมนาลิซานั้นไม่อยากอย่างที

่คิด

ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งกรุงอัมสเตอร์ดัม (University of Amsterdam) ประเทศเนเธอร์แลนด์ ออกมาฟันธงอย่างชัดเจนว่า ยิ้มที่ปรากฏอยู่บนภาพของโมนา ลิซา ผลงานชิ้นเอกของลีโอนาโด ดาวินชี (Leonardo da Vinci) นั้นเป็นยิ้มที่เปี่ยมสุขถึง 83%

ผลวิเคราะห์อารมณ์บนใบหน้าของโมนา ลิซายังแสดงถึงอารมณ์อื่นๆ ออกมาอีกว่า ใบหน้าของเธออีก 9% แสดงถึงความชิงชัง, 6% สื่อถึงความหวาดกลัว และแสดงอารมณ์โกรธผ่านใบหน้าเดียวกันนี้ออกมา 2% แต่สีหน้าที่แสดงอาการเฉยๆ โปรแกรมตีความออกมาว่าน้อยกว่า 1% ซึ่งทั้งหมดนี้ทีมนักวิทยาศาสตร์เผยว่าไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ

ซอฟต์แวร์ “การจดจำสภาพอารมณ์” (emotion recognition) เป็นโปรแกรมที่พวกเขาได้พัฒนาขึ้น โดยร่วมมือกับนักพัฒนาจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ (University of Illinois) เพื่อใช้เทคโนโลยีอันสุดทันสมัย ตีความผลงานชิ้นเอกของดาวินชี ซึ่งงานวิจัยครั้งนี้ไม่ใช่งานใหญ่สลักสำคัญอะไร แต่ต้องการแสดงให้เห็นถึงเหตุแห่งยิ้มของหญิงสาวที่ถูกกล่าวขวัญมากที่สุดหลายศตวรรษ



ศ.ฮาร์โร สโตกแมน (Harro Stokman) ม.อัมสเตอร์ซึ่งร่วมทีมวิจัยครั้งนี้ เปิดเผยว่า บรรดาผู้ร่วมงานต่างรู้ดีว่าผลการวิเคราะห์ไม่ได้เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ ซอฟต์แวร์ชิ้นดังกล่าวไม่ได้ออกแบบมาให้จดจำอารมณ์หรือสีหน้าที่แสดงออกมาเป็นเลศนัย

ดังนั้นจึงไม่สามารถตรวจจับร่องรอยแห่งชู้สาวและความรังเกียจที่หลายๆ คนอ่านได้ผ่านดวงตาของเธอ

อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีการวิเคราะห์อารมณ์นั้นสร้างขึ้นมาเพื่อใช้กับภาพดิจิตอลยุคใหม่ ซึ่งแรกสุดนั้นจะต้องมีการจดจำสภาวะไร้อารมณ์ หรือภาพใบหน้าที่ดูเฉยๆ ไม่ส่ออารมณ์ใดๆ ก่อน จึงจะสามารถจับสภาพอารมณ์อื่นๆ ได้อย่างแม่นยำ

ทางด้าน นิกู เซเบ (Nicu Sebe) หัวหน้าทีมวิเคราะห์รอยยิ้มโมนา ลิซา ก็ได้พยายามหาภาพใบหน้าของหญิงสาวที่สืบทอดเชื้อสายจากชาวเมดิเตอร์เรเนียนจำนวน 10 หน้าเพื่อนำมาเป็นภาพต้นแบบที่แสดงอารมณ์นิ่งเฉย จากนั้นเขาได้เทียบภาพหญิงสาวทั้งหลายกับโมนา ลิซาด้วยอารมณ์พื้นฐาน 6 ชนิด คือ สุข ประหลาดใจ โกรธ รังเกียจ กลัว และเศร้า

”ตัวโปรแกรมจะสำรวจดูริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า จากนั้นก็จะได้เห็นโพรงจมูกที่ขยายมากขึ้น หรือความลึกของรอยย่นบริเวณรอบๆ ดวงตา” สโตกแมนกล่าวถึงใบหน้าที่แสดงถึงความสุข ซึ่งพบบนใบหน้าของโมนา ลิซา 83% นับเป็นอารมณ์หลักของผู้หญิงทั่วไป

นอกจากนี้ เหล่าผู้เชี่ยวชาญทางด้านชีวมิติ (biometrics) แม้ไม่ได้ร่วมการทดลองก็แสดงอาการสนใจผลการศึกษาใบหน้าของโมนาในครั้งนี้ โดยลาร์รี ฮอร์นัค (Larry Hornak) ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเทคโนโลยีการพิสูจน์รูปพรรณ (Center for Identification Technology Research) มหาวิทยาลัยแห่งเวสต์ เวอร์จิเนีย (West Virginia University) กล่าวว่า เทคโนโลยีการจดจำใบหน้านั้นพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว แต่เรื่องการจดจำสภาพอารมณ์นั้นกลับคืบคลานไปอย่างต้วมเตี้ยม

"เหมือนว่าพวกเขาได้พยายามใช้ข้อมูลชุดหนึ่งมาวิเคราะห์ แม้ว่าขอบเขตของข้อมูลจะดูแคบ และตัวงานก็เหมือนๆ กับคนอื่นทั่วไปที่ใช้เทคนิคใหม่ในสาขานี้ แต่ผลที่ออกมาก็ถือว่าน่าสนใจทีเดียว" นักชีวมิติจากสหรัฐฯ แสดงความเห็น

อย่างไรก็ดี สโตกแมนเชื่อว่า ความพยายามของทีมนักวิจัยจากอัมสเตอร์ดัมคงไม่ใช่เพื่อพิสูจน์หรือหักล้างทฤษฎีที่เก

ี่ยวกับการวาดภาพ ซึ่งหนึ่งในคำวิพากษ์วิจารณ์ที่มีการกล่าวถึงภาพโมนา ลิซานั่นก็คือแท้จริงแล้วหญิงสาวผู้นี้เป็นภาพที่ดาวินชีวาดตัวเองขึ้นมาโดยต้องการใ

ห้เป็นผู้หญิง

"แต่ใครจะรู้ล่ะว่าอีก 30, 40, หรือ 50 ปีพวกเขาอาจจะสามารถวิเคราะห์ได้ถึงขนาดว่าหญิงสาวในภาพกำลังคิดอะไรอยู่" สโตกแมนกล่าวติดตลก ขณะที่ฮอร์นัคหัวหน้าทีมวิจัยก็สนใจกับแนวคิดที่น่าสนุกเช่นกัน โดยเชื่อว่าถ้าทำได้จริงคงจะมีความกระจ่างถึงปริศนาต่างๆ ที่ผู้คนตั้งคำถามไว้มากมาย

ทางด้าน จิม เวย์แมน (Jim Wayman) นักวิจัยชีวิมิติจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐซานโฮเซ (San Jose State University) แสดงความเห็นต่อการศึกษาภาพโมนา ลิซาครั้งนี้ว่ามันเหมือนการเล่นกล ไม่ใช่กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่เคร่งเครียด แต่ก็นับเป็นผลงานที่สร้างสีสันและไม่ได้ทำร้ายใคร

ภาพ “โมนาลิซา” เป็นผลงานชิ้นเอกของดาวินชี จิตรกรชาวอิตาเลียน (และยังเป็นนักดนตรี นักวิทยาศาสตร์ และนักประดิษฐ์) ดาวินชีวาดภาพชิ้นนี้ในช่วงปี 1479 – 1528 โดยรู้กันดีว่าหญิงสาวในภาพคือ “ลา จิโอกอนดา ” (La Gioconda) ภรรยาของฟรานเซสโก เดล จิโอกอนดา (Francesco del Giocondo) ขณะนี้ตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟว์ (Louvre) กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในนาม “ลา โฌกงด์” (La Joconde)

ที่มา //xchange.teenee.com/index.php?showtopic=64642


Create Date : 05 สิงหาคม 2551
Last Update : 5 สิงหาคม 2551 16:33:33 น. 3 comments
Counter : 2045 Pageviews.

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คนที่รู้ดีที่สุด ก็ดาวินชี นั่นแหละ... เนอะ


โดย: คุณน้ำตาล วันที่: 8 สิงหาคม 2551 เวลา:15:51:52 น.  

 
ชั่ยๆ

ถาม ดาวินชี เรย


โดย: โจ๊ก IP: 202.91.19.205 วันที่: 31 สิงหาคม 2551 เวลา:16:23:40 น.  

 
ตอนนี้ผมกำลังคิดจะเปิด นิตยสารหัวใหม่อยู่ครับ

ยังไงก็เข้ามาคุยกันได้นะครับ

พอดีเห็นในพันทิปว่า อยากเป็นคอลัมนิส

dn-angle@hotmail.com


โดย: อิ๊คคิว IP: 192.168.100.10, 58.8.102.135 วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:44:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

successG
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add successG's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.