ด้วยความที่ช่วงนี้คนข้างๆ ติด Lost ซีซั่น 3 เกือบจบแล้ว ฉันเองดูบ้างไม่ดูบ้างเพราะว่าเกิดเบื่อหน้าพี่แจ็คพระเอกหนุ่ม ก็เลยเปลี่ยนใจอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาดูหนังไทยบ้างดีกว่า อย่างน้อยๆ อุดหนุนหนังไทย ทำตัวเป็นคนดีของคนไทยด้วยการดูหนังไทยสักนิดหน่อยคงดี อย่างน้อยๆ หนังดีไม่ดีก็พิสูจน์ด้วยตัวเองบ้างว่าชอบหรือว่าไม่ชอบ จะว่ายังไงก็จะได้มีต้นทุนเอาไว้ก่อน ไม่ใช่ปาวๆ บอกว่าหนังไทยไม่ดี ไม่สนุก อันนี้ก็จะว่าไปก็ว่าไม่ได้เหมือนกันนะค่ะ เพราะว่ามันแล้วแต่รสนิยมส่วนตัวล่ะ ว่าแล้วไม่กี่วันที่ผ่านมาก็เลยได้ฤกษ์ไปร้านเช่าหนังแผ่นกันสักที ตอนแรกก็เลือกไม่ถูกเหมือนกันว่า เอ แล้วเราอยากดูเรื่องอะไร แนวไหนล่ะ เดินวนสักรอบทั่วร้านก็งกๆ เงิ่นๆ เลือกมากก็เสียเวลาจริงๆ มีเยอะจนเลือกไม่ถูกเอาซะเลย แต่แล้วก็มาหยุดตรงเซคชั่นหนังไทย เอาเลยค่ะ เห็นมันเยอะจัดก็เลยนั่งลงไปมันตรงนั้นเลยแล้วก็สอดส่ายสายตาล่ะค่ะว่าเรื่องไหนดีน๊อ ... และแล้วช่วงเวลาเสพหนังไทยของเราก็เริ่มขึ้นเอาว่าวันนี้ขอเป็น 3 เรื่องของครั้งแรกก่อนค่ะที่จะเริ่มอัพบล็อก แต่ว่าขอไม่เขียนเป็นเชิงวิจารณ์นะคะ เพราะว่าฉันเองวิจารณ์ไม่เก่งเพราะเชื่อว่าคนที่พูดเรื่องอะไรได้ดีกับเรื่องหนึ่งๆ นั้นเป็นเพราะประสบการณ์ต้องแน่นปึ๊ก ไม่อย่างนั้นจะเอาหลักอะไรไปวิจารณ์เค้าได้ล่ะ จริงหรือเปล่าค่ะ ... อ่ะ งั้นมาดูกันดีกว่าว่า ฉันดูอะไรไปบ้าง ซึ่งบางเรื่องเชื่อแน่ว่าดูกันมาแล้วล่ะ เลยกลายเป็นว่าอิฉันนี่หลังเขาเพิ่งได้มาดูจริงๆ ตุ๊กแกผี .... เรื่องนี้เรียกว่าประเดิมจริงๆ ค่ะ เพราะว่าเห็นใบปิดของหนัง เตะตาดี ตอนแรกขำดีเพราะว่าตั้งชื่อได้เก๋และไม่ซ้ำใครจริงๆ ..(ใครเค้าจะรู้ไม๊ว่าเราประชด) ... แบบว่าบ้านเราหรือว่าไม่ก็หนังเกาหลีผีๆ บางเรื่องที่เราเอามาดูกันนี่ บางทีตั้งชื่อไม่ออกก็ตั้งมันอะไรก็ได้แล้วตบท้ายด้วยผี เพราะว่าไม่ต้องเดาให้เหนื่อยก็รู้เลยว่ามันต้องเป็นหนังผีแน่ๆ ยกตัวอย่าง บันไดผี ห้องผี บ้านผีสิง แมวผี และอีกหลายๆ เรื่องผีๆ เห็นแล้วก็ขำๆ ดีเพราะว่าเข้าใจหาชื่อตั้งจริง (ไม่ต้องตีความอื่นใด) ... ว่าด้วยเรื่องตุ๊กแกผีนี้แล้วก็แบบว่า เฮ้อ ยอมรับว่าเทคนิคของเค้าก็ใช้ได้นะ อย่างน้อยๆ ก็น่ากลัวเวลาที่เราเห็นตุ๊กแกผี (สาว) เพราะว่าแต่งหน้าได้ดีเชียว โดยเฉพาะตอนที่ว่า ตุ๊กแกขึ้นไปบนดาดฟ้า ต้องแสงมองลงมาแลบลิ้นกินแมลง ตรงนี้ล่ะดีเลย เพราะว่าภาพยังติดตาไม่ลืมเลือน .... ส่วนเรื่องราวก็ไม่มีอะไรมาก ก็ไม่งง เพราะว่าตุ๊กแกผีมาอาละวาดได้ก็เพราะคนที่ไปสำรวจดันไปเจอกับกล่องไม้ปริศนา และแล้วมันก็ตกมาอยู่ในมือของนักเขียนสาวที่เขียนเรื่องตุ๊กแกผีแล้วดังเป็นหนังสือติดอันดับ นานไปก็มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นกับนักเขียนสาว ร้อนถึงชายหนุ่มผู้เป็นแฟน (พีท ทองเจือ) ต้องมาคอยดูแลว่าแฟนสาวตัวเองนั้นเป็นอะไร แล้วก็แปลกอีกที่คนใกล้ชิดหญิงสาวก็ดันมาตายไปทีละคน ... เรื่องนี้เรียกว่าดูแล้วก็มาอ่านเวปวิจารณ์ก็เลยทำให้เห็นเลยว่า หนังเรื่องนี้อยู่ในหนังที่ติดอันดับได้รางวัล อย่าดีใจไปค่ะว่ารางวัลอะไรดีๆ หรอก เพราะว่ารางวัลนี้เค้านำเสนอในแง่หนังแย่ไม่ได้เรื่องน่ะค่ะ ฉันเองดูเรื่องนี้แล้วก็บอกได้ว่าไม่ได้ดูก็ไม่เสียดายค่ะ แต่ว่าถ้าได้ดูก็ดีนะค่ะ เพราะว่าดูเพลินดีเหมือนกัน ไม่น่ากลัวอะไรเลย เพราะตุ๊กแกนั้นก็เป็นตุ๊กแกปลอมแบบว่าหลอกไม่ได้หรอกค่ะ ไม่น่ากลัวสักนิด อยากพิสูจน์ก็มาดูกันนะคะ จะได้มายืนยันกับฉันอีกคนว่า พีท ทองเจือ เล่นได้แข็งเหมือนหินผาจริงๆ The Letter เขียนเป็นส่งตาย เรื่องนี้ต้องบอกว่าเห็นแล้วไม่ได้คาดหวังเลยจริงๆ น๊า เพราะว่าฉันเองไม่ได้คุ้นเคยกับเหล่าดารานักแสดงเลย แต่เพราะเห็นว่าแผ่นซีดีวางอยู่ตรงหน้า ตัดสินใจว่าจะดูหนังไทยก็เอาล่ะน่ากลัวหน่อยก็ไม่เป็นไร เพราะดูเหมือนว่าซาดิสต์ทางอารมณ์เล็กน้อยที่แบบว่ายิ่งกลัวสำหรับการดูหนังผีตอนกลางคืน แต่ก็ยังไม่วายอยากดู เอาค่ะ ยืมมาแล้วก็ต้องดู .. ด้วยเพราะไม่คาดหวัง เรื่องนี้ก็เลยเป็นเรื่องที่ดูเพลินไป ได้เห็นการฆ่าที่แบบว่าหลากหลาย ไม่น่ากลัวเท่าไหร่แต่ก็สยองบางภาพเหมือนกัน อย่างใบเลื่อยพุ่งเข้าเจาะหัวแบบนี้ใครบ้างจะไม่สยอง แต่ดีนะค่ะว่าไม่ได้เห็นภาพเต็มๆ ไม่อย่างนั้นมีสั่นเหมือนกัน รวมๆ เรื่องนี้เรียกว่าไม่มีเหตุผลสักกะตี๊ดเลยค่ะ แต่ว่าก็ยังดูด้วยความเพลิน เนื้อเรื่องก็ไม่มากไม่มาย กลุ่มเพื่อนไปงานเลี้ยงรุ่น แล้วก็เหมือนเป็นสูตรคือ รวมตัวกันเมื่อไหร่ก็ได้เกิดเหตุเมื่อนั้น สืบสาวไปมาก็เจอเพือนที่ตัวเองเคยแกล้งเอาไว้แต่เด็กมาแก้แค้น ด้วยการส่งจดหมายลูกโซ่ให้ (ตรงนี้เจตนาให้เหมือนเดอะริงไปหน่อย คือ อ่านแล้วก็ต้องส่งจะกี่คนก็ได้ว่ากันไป แต่ว่าถ้าไม่ส่งตายแหงๆ ) แบบนี้เดากันออกแต่ว่ากว่าจะเชื่อกัน เพื่อนกลุ่มนั้นก็ตายกันไปทีละคน ทีละคน ... สำหรับเรื่องราวของนักแสดงแต่ละคน ขอบอกว่าแข็งเหมือนกันค่ะ ดูไปแล้วก็ไม่เกิดอารมณ์ร่วมใดๆ เลย เรียกว่าทื่อสุดๆ แต่ก็ดูไปล่ะค่ะ เช่าเสียเงินมาแล้วหนิเน๊าะ ฮี่ๆๆๆ พลอย หนังที่ใครๆ ก็ขู่ไว้ว่าเป็นงานของเป็นเอก ... ต้องระดับสูง ระดับเทพ ... พอได้มาดูแล้วก็บอกได้ว่า อาร์ตจริงๆ ค่ะ ดูแล้วเรียกได้ว่าอึดอัดเป็นที่ซู๊ดดดดด เพราะว่าส่วนตัวไม่ค่อยได้ดูหนังแนวนี้เลย หนังเรืองนี้ต้องบอกว่าดูกันไปก็งงกันไปค่ะว่า อะไรเป็นเรื่องจริง อะไรเป็นฝัน แล้วพูดมานั่น ทำอันนี้มันมีความหมายหรือว่านัยยะยังไงบ้าง แต่ว่าฉันเป็นพวกไม่คิดมาก หนังเค้าจะว่ายังไงก็ดูไปล่ะค่ะ แต่ว่าชอบนะค่ะสำหรับนักแสดงเพราะถือว่าลื่นมาก สำหรับเรื่องราวของหนังนั้นก็เอาแค่สั้นๆ ก็ การถ่ายทอดความรักของคนสองคู่ คูหนึ่งแต่งงานอยู่กันกันมา 7 ปีแล้ว ความสัมพันธ์ก็เริ่มระหองระแหง ภรรเมีย (หมิว)ก็เหมือนว่าต้องการความรัก ความเอาใจใส่จากสามี ต้องการนั่น ต้องการนี่ คือเหมือนว่าอยากให้สามีเข้าใจ เอาใจใส่และรู้สึกเค้าให้มากๆ ซึ่งตรงนี้ตัวสามีเองก็บอกว่าเค้าก็ทำอยู่ไง แต่ว่าภรรเมียก็บอกว่ายังไม่ใช่แบบที่เธอต้องการ .... ส่วนพลอย ซึ่งเป็นตัวเดินเรื่องก็เป็นแค่เพียงหญิงสาวคนหนึ่ง น่ารักเลยค่ะ ... เข้ามาอยู่ตรงกลางเลยกลายเป็นการสร้างความระแวง ขาดความไว้วางใจให้กับภรรยาอย่างหมิวลลิตาคิดมากไป ... อีกคู่ก็เป็นคู่ของเมด รร.และบาร์เทนเดอร์ ซึ่งตรงนี้จะเป็นเรื่องจริง หรือว่าฝันของพลอยหนอ แต่ว่าภาพมันบอกให้เรารู้ว่าคู่นี้เป็นคู่รักใหม่ เพิ่งเริ่มต้นอะไรก็ดี เพราะว่าภาพมันบ่งบอกของการมีความสัมพันธ์ทางกายที่เราเห็นในภาพมันแสดงออกเป็นเรื่องของกามารมย์อย่างไม่ต้องปิดบัง .. เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ของสองคู่นี้ล่ะค่ะ เลยเป็นเรื่องราวที่ทำให้มันออกมาแบบนี้ ดูไปดูมา พอหนังจบยังร้องเลยว่า “เฮ้ยจบแล้วเหรอ” ... งงเลยคะ แต่เรื่องนี้ชอบค่ะ เพราะว่าภาพสวยดี ชอบหมิว แล้วก็ชอบโทนแสงของหนัง เรียกว่าไม่ต้องพูดมา เห็นภาพก็รับเรื่องได้เลย เจ๋งค่ะเรื่องนี้ ... เอ หรือเพราะว่าฉันเป็นพวกไม่คิดมากหนอ ยังมีต่ออีกหลายเรื่อง แต่ก็ค่อยๆ ดู ค่อยๆ พูดถึงอีกทีนะค่ะ ...

Create Date : 04 ตุลาคม 2550
Last Update : 4 ตุลาคม 2550 7:45:51 น.		60 comments
Counter : 1213 Pageviews.
Share Tweet