โปรแกรมไปเที่ยวเมือง Gent หรือว่า Ghent ของเบลเยี่ยมนี้ มีขึ้นด้วยเพราะความกรุณาปรานีของคุณอากาศเค้า ... เห็นท้องฟ้าใสๆ คนข้างๆ เลยดำริมาเลยว่าอยากจะไปเยี่ยมเมือง Gent นี่กัน ฉันเองก็เห็นว่ามันนานราวๆ 5 ปีแล้วที่ได้ไป ก็เลยคิดว่าจะหวลรำลึกถึงเมืองนี้กันอีกสักรอบ ตกลงกันได้ดังนั้นแล้วก็เลยเช็ครถ ตรวจเงินตรา และก็สำรวจความเรียบร้อยของสำคัญสองสิ่ง คือกล้องและแบ็ต ...เมื่อทุกอย่างครบเราก็ไปกันเลย และถือนโยบายของการไปง่ายๆ สบายๆ แบบสะเปะสะปะทัวร์ตามใจเรา Gent ถือเป็นเมืองใหญ่และเป็นเมืองสำคัญของเบลเยี่ยมเลยนะ สำหรับการท่องเที่ยว เราเห็นว่าไม่ไกลสำหรับการขับรถไป ก็เลยไปกันอย่างตัดสินใจไม่ยากเย็น เมืองนี้ต้องบอกว่าชอบมากๆ เป็นการส่วนตัว เพราะเหมือนเป็นการคิดถึงบรรยากาศครั้งแรกที่เคยไปเที่ยวกับแม่ แม่บอกว่าชอบมาก ฉันชอบมากและคนข้างๆ ก็บอกว่าชอบมาก เราเลยเรียกให้ว่าเมืองนี้เป็นเมืองโรแมนติกสำหรับสามคนเลยก็ว่าได้ หนึ่งในวิวที่เราหลงใหล Gent เป็นเมืองท่าสำคัญเหมือนกัน และแน่นอนว่าเมื่อได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่าแล้วก็ต้องเห็นแม่น้ำลำคลองผ่ากลางเมืองกันแบบนี้ล่ะ ... สวยมากๆ โรแมนติกจริงๆ หนก่อนมากันยามเที่ยงๆ เราก็เลยถือโอกาสมานั่งหย่อนแข็งขากันที่ Graslei and the Korenlei ที่ถือว่าเป็นสถานที่หนึ่งถ้ามาแล้วคงไม่พลาดจะได้แวะมาเดินเล่นกันที่นี่ ... Graslei เป็นถนนสองฟากฝั่งตลอดริมน้ำของเมือง และตลอดถนนริมคลองก็มีร้านอาหารหลากหลาย คาเฟ่ อากาศดีๆ ก็นั่งดื่มกันริมน้ำ ริมถนนนั่นล่ะ บรรยากาศดีมากๆ ... Graslei and the Korenlei แน่นอนว่ามีลำคลองแบบนี้ก็ต้องมีการนั่งเรือชมบริเวณรอบๆ ... ค่าบริการก็หลากหลายแล้วแต่เลือกเอาว่าจะนั่งช่วงนานหรือวาสั้นยังไง ...ตกลงกันได้ ... วันที่เราไปกันนั้น ยังเช้าอยู่มากแต่ว่าก็ไม่เช้าเกินจะมีคนนั่งชมคลอง รวมถึงเด็กๆ ที่ออกมาทัศนาจรกันก็มีหลายกลุ่ม เห็นแล้วก็น่ารักดี ... ถึงจะเช้าแต่ก็มีคนนั่งเรือกันแล้ว ก่อนนั่งเรือก็ซื้อตั๋วก่อน เด็กๆ นั่งรอคิว หิวก็กัดแอ็ปเปิ้ลคุยกันไปก่อนล่ะ ผู้ใหญ่นั่งล่องมา ผู้ใหญ่ก็นั่งเรือไป เพลิดเพลินชมคลอง มองดูบ้านเรือน หลังจากที่สนุกกับการเดินเลาะริมน้ำ และการดูชาวบ้านเค้านั่งเรือผ่านไปมาได้สักพัก ก็ถึงคราวเราเดินเล่นกันเรื่อยเปือยไปตามน้องขาจะพาไปกัน สำหรับเมือง Gent นี้ ในความรู้สึกของตัวเองแล้วชอบที่ทุกอย่างใหญ่โต สถาปัตยกรรมไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเล่นทำเอาหลงใหลใฝ่ปองแล้ว ไม่เฉพาะฉันคนเดียวหรอกที่รู้สึกอย่างนี้ เพราะว่าเพื่อนไม่ว่าคนไหนไป ก็ต้องพุดเหมือนกันล่ะว่า มโหฬารและงดงามไปพร้อมๆ กัน แต่สิ่งที่ทำให้ตัวเองมองดูเสียดายไปเล็กน้อยสำหรับสิ่งงามๆ อย่างนี้ ก็คือเจ้าเคเบิลที่มีอยู่ทุกหัวระแหงที่รถรางหรือว่าแทรมไปถึง ... เดินกันมาเรื่อยๆ แบบไม่หลง เพราะว่าก็เดินต่อมาจาก Graslei มาได้ เราก็เดินกันมาถึง Gravensteen Castle หรือเป็นสมัยก่อนนั้นก็เป็นปราสาทของขุนน้ำขุนนาง แต่ปัจจุบันนี้ด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับห้องขัง และเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ สำหรับการทรมาน ... ที่นี่เราแค่ดูด้านนอกกัน เพราะด้วยตอนเราไปถึงนักเรียนยืนเข้าแถวกันเต็มทางเข้า เราเห็นว่าคนคงเยอะก็เลยตัดสินใจเดินดูภายนอกเอา ก็ถือว่าไม่ต้องหาความรู้สำหรับเครื่องไม้เครื่องมือที่ทรมานหรอก เพราะแค่เดินตากแดดรอบๆ ก็คงทรมานตัวเองใช้ได้พอดูอยู่แล้วล่ะ Gravensteen Castle ค่อยๆ เดินกันต่อไป อย่างไม่เร่งร้อน ก็ได้เจอะเจอกับสถาปัตยกรรมงามๆ ประตูหน้าต่างแดง น่าสนใจไม่น้อย ที่นี่ก็คือ The House of Alyns เข้าไปดูกันด้านในแบบงงๆ ว่าคืออะไรกันหนอ ที่แท้ก็คือพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับบผู้คนแล้วก็เกี่ยวกับศิลปะต่างๆ นั่นเอง แต่ว่าเรากลับบ้านมาเปิดเน็ทเช็คกันอีกทีว่ามันคืออะไรกันแน่ อ่านแล้วก็ได้ความว่าสมัยก่อนนั้นก็คือ สองครอบครัวร่ำรวยของเมืองคือครอบครัว Alyns และ Rym ทะเลาะกัน แล้วครอบครัวหลังนั้นก็ถูกฆ่าตาย ทางการก็เลยลงโทษครอบครัวของ Alyns ให้สร้างสิ่งปลูกสร้างสำหรับสาธารณกุศล ... มันก็เป็นเป็นที่มาของเจ้าตึกประตูแดงนี้แล The House of Alyns เดินกันได้สักพักเริ่มเหนื่อย เลยขอแอบพักผ่อนเที่ยวช่วงแรกแต่เพียงเท่านี้ก่อนนะค่ะ รักกันน้อยๆ แต่ขอให้รักกันนานๆ แล้วก็โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ To Be ConTinue

Create Date : 25 สิงหาคม 2549
Last Update : 25 สิงหาคม 2549 3:04:54 น.		61 comments
Counter : 1379 Pageviews.
Share Tweet