ทริปเดินเล่นในเมืองร็อตแบบสั้นๆ หนนี้ เราไปกันตั้งแต่วันที่ 16 มิย. เนื่องด้วยว่า คนข้างๆ ต้องออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงที่บาร์ในเมือง เค้ากะว่าราวๆ สัก 2 ชม.ก็คงพอ ฉันเองเห็นว่าเป็นสองชั่วโมงสั้นๆ ไม่นานเลย ก็เลยติดรถไปด้วย เอาไปจอดไว้ที่สถานทีแทรมเมืองใกล้ๆ แล้วก็นั่งแทรมเข้าเมืองไปถือว่าสะดวกโสภาดี อีกอย่าง งานนี้เค้าไปดริ้งก์ถึงจะนั่งแทรมจะเมืองใกล้เข้าไปแต่ยังไงก็ต้องขับรถกลับบ้าน ฉันก็เลยอาสาขอติดสอยห้อยตามเค้าไปด้วยจะได้แปลงร่างเป็นสารถีจำเป็นสั้นๆ เอา อีกอย่างก็คือ วันที่ไปกันนั้น ฮอลแลนด์มีตารางเตะกับไอเวอรี่ โคสต์ ฉันก็เลยอยากไปปล่อยใจซะก่อนจะมานั่งเกร็งกับการเชียร์บอล .... เมื่อฉันก็ปล่อยจระเข้ลงคลองไปแล้ว ตัวเองก็เลยมาเพลิดเพลินกับแม่น้ำลำคลอง หรือว่าท่าเรือของเมืองร็อตดีกว่า ที่แห่งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้มาเยือน จะว่าไปก็นับครั้งไม่ถ้วนเหมือนกันนะ เพราะตั้งแต่มาปีแรกๆ คนข้างๆ ก็ชวนมาดูงานเกี่ยวกับการโชว์เรือที่นี่ หนุ่มๆ เพียบเลยล่ะ เพราะว่าเค้ามีเรือจากกรมทหารเรือมาบ้าง เรือตำรวจมาบ้าง เรียกว่ามาแล้วไม่ผิดหวัง นั่นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นการมาเที่ยวครั้งแรกก็ติดใจเพราะหนุ่มหล่อเป็นแม่เหล็กนี่เอง ยิ่งอยู่ในเครื่องแบบด้วยแล้ว อ่ะโห เยี่ยม เยี่ยม เพราะไม่ใช่ครั้งแรก ฉันจึงไม่รู้สึกว่าแปลกถิ่นแปลกที่แต่อย่างใด ไปเดินเล่น ไปเยือนก็เหมือนได้กลับไปเยือยบ้านเก่า เสียดายว่าช่วงที่ไปเดินเล่นนั้นดันไปไม่ตรงวันที่เค้ามีการจัดแข่งขันการเล่นเรือรอบโลกหรือ Volvo Ocean Race ไป น่าเสียดายจริงๆ ... ไปร็อต ไปเดินเล่นท่าเรือ จะไม่มีใครพลาดไปชมความงามของสะพานพระราม 8 เอ๊ย ไม่ใช่สิ สะพาน Erasmus Bridge ได้เลย ที่บอกว่าไม่พลาดก็คือ ก็เพราะมันตั้งเด่นเป็นสง่า ทนโท่อยู่อย่างนี้อ่ะนะ ไม่พลาดได้เยี่ยมชมหรอก สะพานนี้ถือได้ว่าเป็นสะพานสวยงาม มีเสน่ห์ สำหรับโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมไม่น้อยเชียวล่ะ คนที่นี่จะเรียกสะพานนี้อีกอย่างคือสะพานหงษ์ ก็คงจะด้วยเพราะลักษณะเหมือนหงษ์จริงๆ ก็เลยนิคเนมให้แบบนี้เลย ความสวยงามในส่วนตัวของสะพานแห่งนี้ มองกลางวันก็เหมือนหงษ์ร่อน ขาว สวย แต่ถ้ามองกลางคืน มีไฟประดับประดา ก็คงให้อารมณ์ลึกลับชวนค้นหาจริงๆ ... ยืนอยู่ชื่นชมความงามกับสะพานยามแดดจัดๆ สักพักก็หาเรื่องเดินไปต่อ ...ไปมันเรื่อยๆ ไม่มีทิศทาง แล้วแต่น้องขาจะพาไป เราก็ไปหยุดอยู่กับอาคารพิพิธภัณฑ์ที่ไหนสักที ด้วยเหตุเพราะมะเคยได้เข้าไป แต่ก็ได้ยืนชมแค่ความงามด้านนอก แต่กระนั้นมันก็ทำให้เราอิ่มเอิบกับความงามนะ เดินไปทางไหนก็ถ่ายรูปได้ แถมฟ้าก็สีออกแจ่มๆ แบบนี้ สีของตัวตึกก็ทำให้เราคนมองเย็นตาได้สบาย ๆเหมือนกันนะ เดินไปเรื่อยๆ ก็จะไปเจอ Veerhaven ซึ่งเป็นท่าเรือเล็กๆ ที่เค้าตั้งเป็นสมาคมโดยในส่วนงานก็เป็นการดูแลในส่วนของสถานที่ ที่ผู้มีเงินทั้งหลายสามารถเอาเรือเข้ามาจอดได้ เสียเงินเป็นรายปี แล้วจะมีอาคารอยู่ในส่วนรับผิดชอบสองส่วนซึ่งถือว่าผู้ที่เข้ามาจอดเรือนั้น ก็สามารถเข้ามาใช้งานได้ สำนักงานของ Veerhaven Foundation เดินไป เดินมา เดินมา เดินไป ... ก็เดินไปเจอพวกหนุ่มๆ ทำงานที่กำลังรื้อพวกป้าย แผ่นพับจากงานส่วนของ Volvo Ocean Race ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร ก็เดินเฉียดๆ ไป เพราะต้องไปถ่ายรูปแถวนั้นอยู่แล้ว พอเดินผ่านไปก็ได้ยินเสียงนก วิ้วววววววว วิด ... อ่ะ แต่เปล่าหนิ เป็นเสียงผิวปาก มะใช่เสียงนก จะทำเพิกเฉยก็กระไรอยู่ (เพราะนานๆ มีคนหลงมาวิ้วใส่ ) หันไปก็ยิ้มอย่างที่พอจะทำได้ หันไปก็ได้เค้าพูดว่า หนีห่าว หนีห่าว ... อ่ะอ้าว เข้าใจว่าฉันเป็นสาวจีน หน้าใสไปซ๊าแล้วพ่อคู๊ณณณณณ นี่ถ้าเพียงแต่ว่าคนผิวปาก และคนพูดเป็นหนุ่มน้อยที่ยืนข้างๆ อันนี้จะรีบรี่ไปแก้ความเข้าใจผิดซ๊าหน่อย แต่ว่านี่เป็นรุ่นคุณปู่เชียว ฉันก็เลยได้แต่ยิ้มแล้วก็เดินจากไป อย่างเงียบๆ ... เดินเล่นไป ฟังเพลงไป ... เหนื่อยก็นั่งพักเล่นๆ แถวแม่น้ำเพราะ ก็เพลินเพลินดี เพราะนอกจากวิวธรรมชาติจะมีให้ดูไม่มีเบื่อแล้ว ก็มีวิวหนังสดแถวนั้นให้ดูไม่ขาดสาย จะว่าไปมีตั้งสองคู่แน่ะ คู่หนึ่งก็นั่งชิดติดกันจนแบบว่าชาตินี้ฉันจะไม่พลาดจากเธอ ... เห็นแล้วก็เกิดความอิจฉาซะ เพราะว่านานแล้วน่อ อดีตชาติของฉัน แต่เดี๋ยวเหอะ เผื่อแต่งงานไปแล้ว เธอจะรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนั่นล่ะเป็นเรื่องที่จะเกิดแบบเลี่ยงไม่ได้ คริ ๆๆๆ ส่วนอีกคู่นั่นก็เป็นคู่แขกๆ ... ฉันว่าการพบปะหนนี้เป็นเรื่องลักลอบแน่ๆ เพราะเธอนั่งคุยกันไป ก็หันหน้ามองดูผู้คนแบบตื่นๆ เหมือนมีชะนักติดหลังเล็กๆ สังเกตุเค้าก็น่าสงสาร จะเจอกันทั้งที ก็ต้องมาเป็นห่วงกลัวใครจะมาเจอ ... นั่งเป็นถ้ำมองคนอยู่ได้สักพัก สองชั่วโมงที่ต้องรอก็กลายเป็นอีก 15 นาทีก็ได้เวลากลับแล้ว รอแค่คนข้างๆ จะโทรเข้ามาเรียกแค่นั้นเอง สุดท้ายไม่อยากเร่งก็เลยเดินกลับทางเดินเก่าเรื่อยๆ พอเห็นว่ายังพอมีเวลาก็เลยเดินไปส่อสะพานแดงอีกเล็กน้อย เพราะยามตะวันเริ่มจะตกดินนั้นภาพสะพานทอดยาวแบบนี้ก็งดงมไปอีกแบบนะ สะพานแดงนี้ถือเป็นสะพานสำคัญที่เชื่อมระหว่างเมืองทางด้านเหนือและใต้ของเมือง สร้างขึ้นเมื่อปี 1978 แต่ว่ากว่าจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์นั้นก็เมื่อปี 1980 ก่อนแน่ะ ... เช่นเคยว่า ถ้าหากว่าอยากเห็นความงามแบบลึกลับ ก็น่าจะได้เห็นกันยามค่ำคืน แอบออกมาเดินเล่นค่ำๆ ก็จะได้เห็นภาพสวยๆ ของสองสะพานดังของเมืองแน่ๆ แต่ว่าเลือกมาเที่ยวช่วงเค้ามีงานเทศกาลอะไรบ้างก็ดี เพราะไม่อย่างนั้นแล้วมาเดินท่อมๆ เปลี่ยวๆ ก็น่ากลัวดีเหมือนกันนะ ... เมืองร็อตเตอร์ดัมถือเป็นเมืองใหญ่ มีอะไรให้ดูมากมาย ถึงแม้ว่าอาจจะเป็นเมืองที่ตึกรามเก่าแก่เหลือน้อยไปสักหน่อยเพราะเป็นผลจากสงครามและถูกบอมส์ อาคารบ้านเรือนเก่าๆ ก็ได้รับการทำลาย และก่อสร้างขึ้นด้วบสถาปัตยกรรมใหม่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่เหลือความงามเลยสำหรับเมืองใหญ่อย่างเมืองนี้ เสียดายเล็กน้อยกับการสูญเสีย แต่ถ้ามีเวลา เราจะพาเที่ยวส่วนอื่นๆ กันบ้าง ( ถ้ามีโอกาสได้ไปอีก )

Create Date : 13 กรกฎาคม 2549
Last Update : 13 กรกฎาคม 2549 0:34:26 น.		90 comments
Counter : 1447 Pageviews.
Share Tweet