ปกหลัง :
นอกจากข้าเขาก็ไม่เคยคิดจะแต่งกับใครเพราะข้าเคยขึ้นเตียงกับเขาแล้ว
หลิ่นซิ่วจู ประกาศกร้าวกับสตรีที่เข้ามารายล้อมตัวเถียนเยวี่ย
บุรุษปริศนาที่บิดานางช่วยชีวิตไว้
นั่นคงกล่าวอ้างได้อยู่กระมังแม้ตอนขึ้นเตียงกับเขานั้น นางจะมีอายุ 7 ขวบ
ซ้ำที่นางกระโดดขึ้นเตียงเขาก็เพราะกลัวเสียงฟ้าร้อง
บิดาวุ่นวายกับเรื่องสมุนไพรอีกทั้งมารดามาลาโลกตั้งแต่แบเบาะ
เขาผู้เป็นเพื่อนบิดาควรอยู่ในฐานะพ่อบุญธรรมหรือท่านอาใช่หรือไม่
แต่เหตุใดมิทราบได้เด็กสาวจึงวางเขาไว้ในฐานะ สามี ของนางโดยตลอด
เวลาเกือบสองปีที่บิดาหายตัวไปอย่างไร้รร่องรอย
ยังสร้างเรื่องราวความผูกพันใกล้ชิดจนบังเกิดความสนิทเสน่หา
ผู้อาวุโสเช่นเขาก็เพียรหักห้ามใจตัวเองเสมอมาว่า... ไม่ควร
แต่ใจเจ้ากรรมพลันสั่นไหวแกว่งไกว ทั้งใกล้สมยอมอยู่รอมร่อ
ที่สุดแล้วเขาคงมิอาจรอดเงื่อมมือนางไปได้!
เถียนเยวี่ยในวัย 14 ปี ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ที่ไม่ปรารถนาอำนาจใดๆถูกลอบทำร้ายถึงเรือนได้เจอกับหมอเทวดา หลันหมิงจึงได้รอดพ้นจากความตายมาได้โดยเถียนเยวี่ยนับถือหลันหมิงเป็นท่านพี่และเป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่งและก็ผูกพันกันกับสาวน้อยลูกสาวของหมอเทวดานามว่า หลันซิวจูซึ่งในขณะนั้นเธอยังเป็นเด็กวัย 3 ปีเท่านั้น ซึ่งหลังจากที่เถียนเยวี่ยหายดีแล้วก็ไปมาหาสู่กันเป็นประจำและเขาเองก็กลายเป็นอาเถียน ของหลันซิวจูไป
เรื่องราวของความผูกพันของหนุ่มสาวที่เรียกกันเล่นๆว่าอาและหลานนอกไส้ อย่างเถียนยวี่ย และ หลันซิวจู ต้องบอกว่า น่ารักอบอุ่นมากๆ เลยค่ะ เพราะมันเป็นความผูกพันที่ค่อยๆก่อเกิด เพราะตอนที่เจอกันนั้นทั้งคู่ต่างก็ยังเป็นเด็กทั้งคู่ โดยเฉพาะตัวนางเอกอย่างหลันซิวจูนั้นรู้จักกับอาเถียนเอาเมื่อตอน 3 ปี ต่อมาก็จะเว้นช่วงไว้ สองปีบ้าง สามปีบ้าง ที่อาของเธอจะแวะมาเยี่ยมเยือนครอบครัวตระกูลหลัน เพราะหลักๆแล้วเถียนเยวี่ยพักอยู่ที่หุบเขาไผ่หอมและจะมีโอกาสได้เข้ามาเยี่ยมครอบครัวหลันก็ต่อเมื่อหมอเทวดาอย่างหลันหมิงจะออกเดินทางไปเสาะหาสมุนไพรแปลกใหม่มาปรุงยาซึ่งช่วงเวลานั้นล่ะที่ที่หลันมิงจะขอความช่วยเหลือไปยังเถียนเยวี่ยให้แวะมาอยู่ดูแลหลันซิวจูลูกสาวคนเก่งของหลันหมิง ช่วงเวลาแห่งความเศร้าที่จู่ๆ หลันหมิงออกไปหาสมุนไพรแต่กลับหายตัวไปหลันซิวจูได้ได้ท่านอาเถียนนี่ล่ะที่ช่วยเหลือดูแลกัน
ในความเป็นเด็กและเก่งฉอเลาะ ฉลาด ช่างต่อปากคำได้ของ หลันซิ่วจู อยากบอกเลยว่าคาแร็คเตอร์นี้ล่ะที่ทำเอาคนอ่านอย่างฉันชอบ เพราะเธอน่ารักแม้จะเป็นเด็กอวบอ้วนแต่หลันซิวจูก็มีเสน่ห์ในแบบของเธอเลย และช่วงที่เธอได้อยู่กับท่านอาเถียนเมื่อไหร่ ก็มักจะมีเรื่องราวอมยิ้มไปด้วยตลอดเลย สารภาพว่าอ่านไปยิ้มไปจนปวดแก้มกับความน่ารักของสองอาหลานค่ะ แม้จะไม่ได้เป็นฉากรักในตอนต้นๆ แต่ว่าแต่ละฉากแต่ละตอนของเรื่องมันทำให้เราเห็นการได้เรียนรู้ระหว่างสองคนที่มันจะค่อยๆเริ่มก่อออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้ชัดเจน และแม้ว่าอาหลานนอกไส้คู่นี้เค้าจะมีวัยที่ต่างกัน 11 ปี ก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นช่องว่างอะไรเลยก็เพราะด้วยคำว่าความผูกพันที่ค่อยเป็นค่อยไปนี่ล่ะค่ะ
สำหรับบางส่วนบางตอนอาจจะคิดว่ามีบ้างเพื่อไม่ให้มันขาด ก็เป็นส่วนของเรื่องปูมหลังในการผูกร้อยในเรื่องของราชบัลลังก์การลอบฆ่า วิทยายุทธ์ อันนี้เรียกว่าในเรื่องนี้พอมีนิดหน่อยเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันโดดไปนัก แต่ความเป็นส่วนตัวนั้นคิดว่าถ้าหากว่าใส่รายละเอียดอีกนิดกับเรื่องนี้ก็น่าจะทำได้อยู่ค่ะเพราะว่าบางตอนอารมณ์ของการดำเนินเรื่องอาจจะมีตัดฉับนิดหน่อยเรียกว่าเร็วเกิน แต่มันก็ไม่ได้ขาดอรรถรสอันใดนะค่ะเพียงแค่คิดว่าถ้าใส่รายละเอียดเพิ่มมาอีกหน่อยก็ทำได้และอาจจะทำให้เรื่องมันครบเครื่องมากขึ้นค่ะแต่ในเมื่อนักเขียนได้มีเจตนาอยู่แล้วสำหรับเนื้อเรื่องที่เน้นความสัมพันธ์จิกหมอนมาแล้ว ก็คงไม่มีอะไรนอกจากว่ามันสำเร็จแล้วล่ะค่ะเพราะคนอ่านบอกได้ว่าจิกหมอนแตกไปสองใบล่ะมั้งค่ะ 555 ถ้ามีคะแนนให้ฉันคงให้ 10เต็มไปเลยค่ะ เพราะว่ามันอมยิ้มได้ตลอดเวลาเลยล่ะ อ่านไปบิดไป เชื่อเลยว่าถ้าวัดระดับน้ำตาลในเลือดมันน่าจะพุ่งทะลุขีดไม่น้อยเลยค่ะ จริงๆนะ
นักเขียนเรื่องนี้ต้องขอชมเป็นการส่วนตัวมากๆเลยค่ะที่สามารถเขียนเรื่องกลิ่นไอของนิยายจีนในภาษาที่อ่านได้เข้าใจไม่ยาก เพราะไม่อย่างนั้นแล้วตัวเองก็อาจจะมีสิทธ์วางเอาได้เหมือนกันเพราะว่าเป็นคนแพ้ทางงานเขียนแนวจีน อาจจะด้วยเพราะไม่ใช่คนจีนด้วย ประเพณีวัฒนธรรมของคนจีนก็ไม่ค่อยรู้แต่สำหรับเรื่องนี้เมื่อเจอบางฉากบางตอนที่เอ่ยถึงช่วงเทศกาลฉันกลับอ่านมันได้ไหลลื่นดีไม่มีปัญหา แถมอ่านไปก็คิดฉากให้เสร็จเลยว่าน่าจะออกมาประมาณไหนกลายเป็นว่าเราได้มาอ่านแล้วสนุกไปกับการคิดถึงหนังจีนสมัยก่อนที่เราดูกันทุกบ่อยและตอนนี้ก็ดันไม่มีโอกาสในการรับชมไปแล้ว ก็เรียกว่าสนุกมากๆ เลยนะค่ะ ส่วนภาษานั้นต้องบอกว่าไม่ยากที่จะเข้าใจเลยค่ะ เพราะว่าจะมีหลายคำมากที่เขียนทับศัพท์เอาและก็มีคำแปล รับรองว่าอ่านแล้วไม่มีงงแน่นอนเลยค่ะ
*เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ได้ลองงานเขียนแบบนี้ต้องบอกว่าไม่ผิดหวังเลยค่ะเรียกว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองอ่านงานเขียนแนวจีนอย่างนี้โดยคนไทย แม้บางคนอาจจะบอกว่าสำนวนมันไม่ใช่ ไทยจ๊ะไทยจ๋าเหลือเกิน แต่สำหรับตัวเองแล้วไม่มีปัญหาค่ะ ตราบใดที่ถ้าอ่านแล้วเรายังคงชอบและไหลลื่นกับมันได้ดีก็ไม่มีปัญหาอะไรกับการอ่านงานเขียนในทุกแบบ แต่เรื่องนี้ยกให้เพราะถือว่าเป็นเรื่องแรกที่ได้ลองและชอบและก็หลงรักพระนางอย่าง อาเถียนและหลันซิวจู
ใครที่ยังไม่เคยและอยากลองหาอ่านงานแนวนี้แนะนำเลยว่าน่าลองนะค่ะ อ่านไม่ยากเลย เพราะขนาด จขบ.ยังเข้าใจได้คนอื่นก็จิ๊บๆ ล่ะค่ะ
แต่อ่านพล๊อตแล้วน่ารัก ชอบแบบนี้ อิอิ