เรื่อง : เพชรกลางไฟ เขียน :ว.วินิจฉัยกุล สนพ. ทรีบีส์ / มีนาคา 2558 จำนวนหน้า : 582 หน้า ราคา : 350 บาท
#ปกหลัง เขายื่นสมุดบันทึกให้เธอ เธอก็เอื้อมมือมารับระมัดระวังมิให้สัมผัสปลายนิ้วแต่อนลก็ชื่นใจเมื่อเห็นมือขาวเรียวจับอยู่บนแผ่นหนังเขาเคยจูบสมุดบันทึกนี้ เพราะรู้ว่านิ้วของเธอจะต้องสัมผัสเมื่อได้รับบันทึกไปถึงเธอไม่มีวันรู้ เขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ เรื่องนี้ก็เป็นความลับอันสุขใจพอแล้ว "ขอบใจคุณมาก" กระดาษแผ่นหนึ่งปลิวลงจากบันทึกอุรวศีก้มลงเก็บ เข้าพระทัยว่าเป็นกระดาษที่เสด็จพ่อทรงบันทึกข้อความไว้มองเห็นตัวอักษรเขียนด้วยหมึกดำเป็นตัวหนังสือเรียงเรียบชัดเจน มิอาจพบประสบพักตร์ ใช่ว่าจักคิดหักใจ คิดถึงทุกวันไป แม้มิได้อยู่ใกล้กัน ไม่ใกล้ก็เหมือนใกล้ เพราะดวงใจอันผูกพัน เหมือนเห็นกันทุกวันเราพบกันนั้นด้วยใจ
หลังอ่าน
อ่านเรื่องนี้จบแล้วต้องบอกเลยค่ะว่า ละเมียดละมุนรู้รักแม้กายจะไม่แตะต้องแต่รู้ชอบด้วยรู้รักอย่างรู้กรอบประเพณี เป็นอีกเรื่องที่จะต้องบอกว่ายอมหมดใจเลยค่ะว่าอ่านแล้วอิ่มในความรู้สึกและชอบใจไปกับการอ่านแบบลุ้นไปพร้อมกับตัวละครว่ามันจะไปทิศทางไหนที่ผู้เขียนจะพาเราไปในจังหวะของการเปิดอ่านหนังสือไปแต่ละหน้า เรื่องราวของความรักในความต่างฐานะต่างศักดิ์ของ ท่านหญิงอุรวศีกับ อนล โดยที่ท่านหญิงอุรวศีเป็นธิดาองค์สุดท้องของเสด็จในกรมฯและหม่อมสลวย(หม่อมองค์สุดท้ายของเสด็จ) ส่วน อนลนั้นเป็นลูกชายเจ้าคุณรัชปาลีที่ทำงานในกระทรวงมหาดไทย ทั้งสองได้เจอกันภายใต้สถานการณ์ที่ต่างก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใครจนเมื่อ อนลได้รู้ทีหลังว่าท่านหญิงเป็นใครก็รู้สึกตกใจว่าได้หมายเอื้อมหญิงสูงศักดิ์เสียแล้วและเขาก็ทำได้แค่การเขียนจดหมายขอโทษและต่อมาก็เขียนกลอนเกี้ยวที่อิงไปด้วยความสุภาพมากที่สุดให้ท่านหญิงอุรวศี เมื่อเสด็จในกรมฯสิ้นก็เหมือนร่มโพธิ์ร่มไทรของบ้านได้ถูกถอดทอนเพราะหม่อมต่วนหม่อมองค์ใหญ่ของเสด็จในกรมฯที่ไม่พอใจกับหม่อมคนไหนและท่านหญิงองค์ใดความริษยาที่เคยแอบแฝงเอาไว้ก็เริ่มจะนำมาใช้ซึ่งอำนาจเมื่อเสด็จในกรมฯสิ้น หม่อมต่วนก็เริ่มที่จะตอกย้ำการไม่อยากข้องเกี่ยวอันใดกับใครด้วยการล้อมกำแพงวังกั้นกับเรือนเล็กเรือนน้อยของหม่อมเรี่ยมและเรือนของหม่อมสลวยซึ่งการจะอยู่ในเรือนขณะที่คนงานมากมายมาทำงานก็ไม่เหมาะในตอนนั้นนั่นเองหม่อมสลวยจึงออกความคิดจะให้ท่านหญิงอุรวศีเข้ามาอาศัยกับเสด็จพระองค์หญิงซึ่งเป็นเสด็จป้าของท่านหญิงอุรวศีที่บรมมหาราชวังซึ่งหม่อมสลวยเองได้บอกแค่ว่ามาชั่วคราวแต่แล้วก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเพราะเมื่อผ่านไปช่วงเวลาท่านหญิงได้กลับไปยังเรือนและไปเยือนคุณตาซึ่งก็คือจางวางสม ที่เคยทำงานเป็นข้ารองของราชวังแต่เก่าแก่ก็ได้รู้ว่าหม่อมสลวยนั้นได้ย้ายที่อยู่ไปพร้อมด้วยข้อครหานินทาที่ท่านหญิงเสียพระทัยที่สุดกับการที่จะต้องเผชิญกับปัญหาครั้งนี้แต่ก็ได้อนลให้คำแนะนำและนั่นก็คงเป็นครั้งที่ท่านหญิงอุรวศีได้เห็นว่าอนลนั้นแตกต่างจากชายหนุ่มคนอื่น แต่ในที่สุดปัญหาเรื่องแม่ที่สุดท้ายแล้วหนีไปทางไหนไม่พ้นเพราะหม่อมใหญ่( หม่อมต่วน ) ได้สร้างปัญหาเพราะได้นำเรื่องเหล่านี้เข้าไปทูลเสด็จพระองค์หญิงพร้อมว่ากล่าวด้วยถ้อยคำเสียดสีอย่างแรงว่าเป็นเสนียดกับวงตระกูล พร้อมกับได้ลูกคู่อย่างธิดาอีกสององค์ท่านหญิงองค์กลางและเล็กที่ถวายตัวรับใช้พระองค์หญิงอยุ่ที่นั่นด้วยและไม่ว่าแม่จะลากชักไปทางไหนก็ตามติดไปเสมอเพราะอิจฉาริษยาในตัวท่านหญิงอุรวศีอยู่แล้วยกเว้นแต่กับท่านหญิงอรุณวาสีแม้ว่าพี่สาวทั้งสองและมารดาจะเป็นยังไงก็ยังคงเอ็นดูและสงสารท่านหญิงอุรวศี ซึ่งความรู้สึกนี้ก็คงไม่ต่างกับ หม่อมเรี่ยมหม่อมอีกองค์ของเสด็จในกรมฯและธิดา-หม่อมเจ้าเมรา และไม่เฉพาะความวุ่นวายในครอบครัวในรั้วในวังมีเยอะแยะมากมายส่วนทางครอบครัวของอนลก็ไม่น้อยหน้ามีปัญหาอีกด้วยในเรื่องของการทำงานที่มีผลพวงถึงครอบครัวอย่างยิ่งใหญ่และการไม่หนีกับปัญหาการจับคู่ตุนาหงันของผู้ใหญ่ปัญหาเล็กมี ปัญหาใหญ่มา พ่วงพาไปด้วยความเดือดร้อนและต่างจะแก้ไขกันยังไงอันนี้น่าจะต้องอ่านกันค่ะ ด้วยเพราะตัวหนังสือของอาจารย์มีเสน่ห์แม้ตัวเองจะบอกว่าพล็อตนี้ไม่ได้มีอะไรแปลกเพราะจะว่าไปถ้าพูดถึง รักต่างชั้น ความริษยาของบ้านเล็กบ้านใหญ่ การแย่งทรัพย์สมบัติ มันก็พอจะเดาทางกันได้บ้างล่ะค่ะว่าจะไปทางไหนแต่ด้วยเพราะว่าเป็นฝีมือนามปากกาว.วินิจฉัยกุลเสียอย่างขอพูดเลยว่าถึงจะเดาทางกันได้ถึงจะง่ายแค่ไหนแต่ตัวหนังสือของอาจารย์สามารถพาให้เราได้ก้าวเข้าไปสู่เนื้อเรื่องได้แบบน่าตลอดเสียทั้งเล่ม ความมีเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ในเรื่องนี้อาจจะต้องบอกว่าความรักที่ต่างชั้นแม้มันจะสร้างความอึดอัดให้คนอ่านอย่างเราจนอยากจะกระซิบบอกให้ตัวละครแหวกพงหญ้าออกมาเสียบ้างแต่มันก็ทำไม่ได้เพราะชนชั้นที่ว่ามีกฏอย่างชัดเจนและถือว่าครั้งนี้อาจารย์ได้สร้างคาแร็กเตอร์ให้กับท่านหญิงอุรวศีมีความงาม พร้อมสมอง ดำเนินตนตามรอยทางของการเป็น เจ้านาย ได้อย่างไม่ขาดส่วน อนล เองแม้จะมีความรักให้กับท่านหญิงแต่ด้วยเพราะความต่างศักดิ์เขาก็ต้องทำตามขนบ รัก / ชอบแต่ก็ต้องเก็บไว้ด้วยให้เกียรติกับความเป็นเจ้านายสูงชั้นซึ่งตรงนี้เราถือว่าอ่านไปลุ้นไปนะคะว่าแล้วมันจะยังไงต่อกันล่ะ เมื่อเรื่องราวมันดำเนินมาเป็นแนวพีเรียดไปเสีย100 กว่าปีโน่นยังไงก็คงหนีไม่พ้นกับ ประเพณีคลุมถุงชน ก็เรียกว่ามันต้องเป็นไปตามความเหมาะสมของพ่อแม่อ่านเมื่อไหร่ก็รู้สึกอึดอัดทุกที เพราะความรักมันไม่สามารถกำหนดได้แต่เขาเหล่านั้น มี " ห น้ า ที่ จะต้องทำและเรื่องนี้ก็เล่นกับขนบนี้ได้อย่างจับใจเพราะมันมีทั้งดีและเสียจนทำให้เราได้เห็นแบบละเอียดแม้ว่าตัวละครบางคู่อาจจะสุดโต่งในการวาดฝันแต่แล้วเมื่อมันไม่เป็นไปอย่างใจหรือผิดจากคาดมันก็ส่งผลทั้งสิ้น เมื่อมีชมก็อาจจะมีขัดในบางเรื่องอยู่บ้านสำหรับความคิดของตัวเองเพราะบางเรืองความสัมพันธ์ทั้งเรื่องรัก และเกลียด มันยังดูไม่สุดทาง อย่างเช่นเรืองของพระเชษฐาของท่านหญิงอุรวศีจริงๆน่าจะทำให้มันมีพื้นและทางมากกว่านี้สักหน่อยกลับไม่ได้ปูทางนักทั้งๆที่ว่าถ้ายังคง ใช้สอยตัวนี้ อาจจะมีเรื่องทำให้ได้แน่นขึ้น หรือว่าไม่ก็เป็นความสัมพันธ์ในความร้ายกาจของท่านหญิงองค์อื่นของหม่อมต่วนนั่นก็น่าจะใส่ต่อได้เหมือนกันนะ แต่ไม่เป็นไร ถึงแม้จะ คิดเองเออเอง ว่าอยากให้มีเพิ่มอะไรแต่ว่าเท่าที่มีและอ่านก็ถือว่าประทับใจกับความสนุกของเรื่องนี้และยินดีแนะนำบอกต่อว่าน่าอ่านเป็นอย่างแรงค่ะ | |
เพราะน้องพู่การันตีว่า
น่าอ่านอย่างแรง
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
JewNid Book Blog ดู Blog