เรื่อง พร่างพรายในความเงียบงัน
เขียน มาภา
สนพ.อรุณ
จำนวน 334 หน้า ราคา 275 บาท
ฉันพบกับเขาในผับคืนหนึ่งที่ดีซี
ชายหนุ่มนัยน์ตาสีเมฆฝนคนนี้ชื่อโทเบียส
จากนั้นฉันก็ตามเขามาที่นี่
หมู่บ้านเงียบๆ กลางหุบเขาประเทออสเตรีย
เราอยู่ด้วยกันในบ้านหลังเล็กราวกับคู่สามีภรรยา
โทเบียสใจดีมาก และเข้าอกเข้าใจเสมอ ฉันมีความสุขในทุกๆ วัน
แต่ความสุขนั้นคงไม่ชอบอยู่กับใครสักคนนาน
นิทราคุณว่าฤดูหนาวปีหน้าเราจะยังมีกันอย่างนี้ไหม
ไม่ว่าฤดูหนาวปีไหนเราจะยังมีกันอย่างนี้เสมอ
และฉันหมายความอย่างนั้นจริงๆ
...
อ่านแล้วคุยกัน
หน้ากระดาษสุดท้ายของพร่างพรายในความเงียบงันได้ปิดลง แต่สำหรับคนอ่านกลับเปิดหัวใจออกกว้างเท่าที่จะมากได้เพราะเรื่องนี้เป็นสาเหตุ
ถ้าจะนิยามเรื่องพร่างพรายในความเงียบงันว่าเป็นนิยายแนวไหน คงต้องบอกเลยว่ามันเป็น#นิยายรัก ที่ สื่อถึงความรักที่สวยงามในรูปแบบที่เป็นธรรมชาติอย่างที่สุดโดยปราศจากความหวือหวาอลังการใดๆแต่มันกลับเป็นความรักที่เรียบง่าย ละเมียดในการสื่อความและสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดมันยังเป็นสิ่งที่ธรรมชาติช่างจัดสรรให้มันเป็นอยู่โดยสมบูรณ์ในตัวของมันเอง
ตัวละครหลักสองคนคือ นิทราและโทเบียส เป็นตัวละครที่ต่างก็มีปมเบื้องลึกเบื้องหลังอยู่ทั้งคู่ซึ่งก็เหมือนทุกเรื่องของคนเขียนที่สร้างตัวละครออกมาไม่มีใครเลยจะสมบูรณ์พูนสุขเพราะทุกตัวนั้นมักจะมีปัญหาติดตามมาเสมอโทเบียสและนิทราต่างก็เป็นคนแปลกหน้าที่ตกลงจะมาอยู่ด้วยกันโดยข้อตกลงคือทั้งสองคนจะไม่มีการพูดถึงความรู้สึกของกันและกันการดำเนินเรื่องจะเล่าผ่านมุมมองของนิทราคนอ่านจะได้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังอ่านไดอารี่ของเธอ เรื่องราวที่เธอเล่าเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปความเป็นอยู่ในเมืองหุบเขาเล็กๆ ของออสเตรียที่หนาวเย็น อาหารการกินเธอทำและเขาทำ การเรียนภาษาที่แม้แต่ตอนมาครั้งแรกแทบจะพูดไม่ได้เลยแม้แต่คำว่าขอโทษ การซื้อของ เรียกว่าทุกเรื่องที่อ่านเราจะรู้สึกว่ามันธรรมดาอย่างยิ่ง แต่ความธรรมดานี่ล่ะค่ะที่มันเป็นการเล่าเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกร่วมอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไปแล้วมันก็จะพาเราไปลึกกว่านั้นอีกคือความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนแบบก้าวชิดก้าว
เรื่องราวของพล็อตนั้นพูดตามความจริงมันไม่ได้ถึงขั้นซับซ้อนจนทำให้เราอยากรู้อยากเห็นกับปลายทางของความสัมพันธ์หรือแม้เราอาจจะรู้ว่ามันเป็นอย่างไร #แต่สิ่งสำคัญกว่าคือสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทางของเรื่องราวต่างหากที่คนเขียนค่อยๆปล่อยให้เราได้รู้สึกร่วมไปกับตัวละคร ให้รู้ว่าสุขให้รู้ว่าทุกข์ ให้รู้ว่าดีใจ ให้รู้ว่าเสียใจตรงนี้ล่ะค่ะที่เราคิดว่าเสน่ห์ของเรื่องราวมันอยู่ที่วิธีการเล่าของคนเขียนที่ทำให้คนอ่านรู้สึกกันตั้งแต่ต้นดำเนินมากลางทางและก้าวไปสู่จุดหมายปลาทางด้วยความรู้สึกร่วมที่มีไปด้วยกันจนเหมือนว่าเรื่องราวของคนสองคนที่ดำเนินมาคือเพื่อนที่เรามองอยู่ไกลๆ เพื่อนที่เราหวังดีอยากให้เขามีความสุขได้มีความรู้สึกนั้นจริงๆและเพราะด้วยเหตุนี้ทำไมที่เราอ่านนิยายเล่มไม่หนา เล่าง่ายๆ ดำเนินเรื่องสบายๆกลับรู้สึกน้ำตาที่มันค่อยๆ ไหลโดยที่เราไม่ต้องบีบเค้นแม้แต่น้อยด้วยแรงสัมผัสของความรักคำสั้นที่มีความหมายกว้างไกลเกินคำจำกัดความ
ด้วยการติดตามงานของมาภามาทุกเล่มเอกลักษณ์ของคนเขียนมีแน่นอนค่ะอย่างน้อยๆก็มีเรื่องของสำนวนและภาษาที่ไม่ต้องคิดคำให้เหนื่อยเพราะคนเขียนนั้นใช้ภาษาง่ายๆที่เราเข้าถึงและมันทำให้เรารู้สึกได้ไม่ยากแต่สิ่งที่มักจะมากับงานของมาภาในแต่ละเล่มที่อ่านมันคืออาการปิดหนังสือแล้วก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างตามมาเสมอเช่นกับกับเรื่องนี้อ่านจบไปเมื่อคืน ตาบวมมาเกือบครึ่งวัน คำถามที่มีและคำตอบที่ได้รับมันก็ยังคงมีประโยคนี้เป็นสิ่งที่เราคงย้ำคิดเสมอว่า
#ความทรงจำอาจะเลือนหายไปตามเวลา
#แต่ความรักจะอยู่กับหัวใจเสมอ
จดลงลิสต์ด่วนๆ เผื่องานหนังสือปีนี้ได้สอยหละ
แสดงว่ามีเล่มอื่นๆ ของนักเขียนท่านนี้ที่น่าสนใจอีก
มีเล่มไหนแนะนำอีกบอกได้นะคะ
อ่านรีวิวแล้วคิดว่าน่าจะถูกจริตเราแหละค่ะ