หัวหน้าเผ่า กุ๊ก กุ๊ก กู๋
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2548
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
25 พฤษภาคม 2548
 
All Blogs
 
แนวคิดเรื่องปรับบทบาท... ตอนที่ 8

สวัสดีครับ


หลังจากที่ได้ติดตามกันแล้วในตอนที่ 7 นะครับ สำหรับวันนี้ แวะมาต่อกันในตอนที่ 8 ได้เลยนะครับ


: ธุรกิจของ ... คือธุรกิจของความรู้


วันก่อนไปเจอเอกสารสัมมนาของสายงานหนึ่งใน... ซึ่งบอกไว้ว่า ธุรกิจของ...คือธุรกิจของความรู้ นั่นละใช่เลย....ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง...ธุรกิจของ ...คือการผลิต ขาย และให้บริการสิ่งที่เป็นความรู้หรือด้วยความรู้...ทุนของเรา วัตถุดิบของเรา กระบวนการแปรูปข้อมูล สารสนเทศ และความรู้ที่มีก็ไปเพื่อการสร้างความรู้ใหม่ๆ หรือใช้ความรู้ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ วิธีการทำงาน การเสนอผลงาน เป็นเรื่องของ ธุรกิจของความรู้ทั้งสิ้น

แต่ก็แปลก เรามีคนเก่งมาก(ที่เขาว่ามา) ข้อมูลสานสนเทศก็มาก แต่ทำไมไม่มี innovative idea หรือ innovative หรือ creative policy เกิดขึ้นมาจาก สศช. หรือเป็นเพราะเรามีแต่ knowledge capital แต่เราบริหารมันไม่เป็น ไม่สามารถนำมาต่อยอดสร้าง value added ได้

ดูให้ดีๆ จะยกระดับ ... ไปสู่ next performance level เราจะต้องมีการทำ knowledge management ภายใน ...อย่างจริงจัง ที่รู้มาบ้าง บริษัท consultant ระดับ Top ten เขาทำกันทั้งนั้น และต้องลงทุนด้วย


ความคิดเห็นเพิ่มเติม


: ข้าวใหม่

ความคิดเห็นของคุณ Oppenheimer น่าสนใจมาก แต่โดยส่วนตัวแล้ว เห็นว่าการที่จะทำ ให้นำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างจริงจังนั้น ต้องมีการปรับทัศนคติ หรือความคิดของคนในองค์กรด้วย ให้มีความรู้สึกตี่นตัวในการเปลี่ยนแปลง รู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นการทำ ให้ดีขึ้น ไม่ใช่ทำลาย ก็เลยอยากถามความเห็นเลยว่า จะทำอย่างไรกับวัฒนธรรมนี้ หรือที่คุณยกตัวอย่างเรื่องการ transfer knowledge นั้น จะทำอย่างไรให้คนที่มีองค์ความรู้อยู่กับตัว ตั้งใจจริงๆ ที่จะถ่ายทอดความรู้ทั้งหมด ไม่ใช่แค่ถ่ายทอดพอเป็นพิธี เพราะกลัวว่าบอกหมดแล้ว ตนเองจะหมดความสำคัญ เรื่องนี้ เป็นอะไรที่ sensitive มาก แก้ยาก ยากจริงๆ


ความคิดเห็นเพิ่มเติมโดยคุณ Oppenheimer


ตอบคุณข้าวใหม่ ต้องขอโทษที่ทำทีคล้ายผู้รู้ แต่ขอให้เป็นการแลกเปลี่ยนและช่วยกันคิดนะครับ

เราจะไม่ไปเปลี่ยน แต่เราจะต้องสร้างวัฒนธรรมใหม่ สิ่งที่ต้องการอันดับแรก คือภาวะผู้นำที่จะสร้างให้เกิดความเห็นร่วม ความเข้าใจ และความจำเป็นของการเปลี่ยนแปลงเป็นการ mobilize human power ภานใน...



อันดับต่อไปคือ การ set ระบบ ที่จะ facilitate การเปลี่ยนแปลงและการทำงานของระบบใหม่ ตย. ที่สำคัญ เช่นระบบการให้รางวัลและผลตอบแทนที่จะต้องเอื้อให้เกิดการ สร้าง แบ่งปัน และใช้ความรู้

ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ มีอยู่ คงต้องจ้างมาละ



: หยุดคิดสักนิด ... สำหรับ strategic planning


ขณะนี้ ดูเหมือน ... กำลังคิดจะปรับตัวเองไปทำ strategic planning ซึ่งยอมรับว่ายังไม่ค่อยชัดเจนนัก ว่า แต่ละคนที่พูดนั้น มีภาพอย่างไร และเหมือนกันแค่ไหนประเด็นที่อยากจะตั้งข้อสังเกต ก็คือ หากแผนกลยุทธของประเทศ ก็คล้ายๆกับแผนกลยุทธของ ...แล้ว เราก็ยังจะมีปัญหาเหมือนเดิมหรือมากกว่าเดิม

หากเราไม่หลอกตัวเอง เกือบจะพูดได้ว่า แผนกลยุทธ ของ ... ยังไม่ใช่แผนที่มีความหมายในทางปฏิบัติแต่อย่างใด อันนี้ไม่ได้หมายความว่า แผนไม่มีการนำไปปฏิบัติ ค่อนข้างตรงข้ามด้วยซ้ำ คือไอ้ที่ปฏิบัติกันนั้นส่วนใหญ่ก็อยู่ในแผนทั้งสิ้น เพราะโดยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แผนกลยุทธไม่ได้ช่วยชี้นำการปฏิบัติ(ซึ่งแปลว่ามาก่อน) แต่แผยกลยุทธเป็นตัว justify สิ่งที่ปฏิบัติอยู่แล้วต่างหาก(ซึ่งแปลว่ามาทีหลัง) แล้วแผนชาติในช่วงหลังๆก็เป็นอย่างนี้ใช่มั้ย แล้วบางทีนะบางที แผนอื่นๆก็มีดีกรีของความเป็นอย่างนี้อยู่มากน้อยต่างกันไปเหมือนกัน

มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกผิด แต่นี่เป็นสิ่งที่ต้องเข้าใจให้ถูกต้องก่อนว่าความเป็นจริงคืออะไร

ที่เป็นอย่างนั้นได้เพราะอะไร เพราะการทำงานที่ผ่านมาจริงๆแล้วเราทำงานแบบroutine พัฒนาประเทศแบบงาน routine เราไม่ค่อยทำงานกันแบบ vision driven จริงๆ ถ้าจะเกิด idea หรือ vision เจ๋งๆขึ้นมาบ้าง ก็เป็นเพราะมี "คน" ที่มีกึ๋นมากกว่าเพราะกระบวนการวางแผนเราดี

กระบวนการวางแผนช่วยสร้าง platform ให้มาคิด ปฏิสัมพันธ์ของคน insight ของคน และ deep knowledge ของผู้บริหารหรือของผู้ปฏิบัติ เป็นพื้นฐานที่จะไปสู่การเกิด strategic vision

implication ของประเด็นนี้ก็คือว่า หากการสร้าง strategic vision เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ strategic planning ...ที่วางตัวเองเป็น strategic thinker จะต้องมีกลไกการบริหารจัดการความรู้ทั้งในระดับองค์กร และระดับประเทศที่จะช่วยให้คนของเรามีความสามารถที่จะคิดแบบ strategic, systematic และ integrative

ทั้งนี้เพราะ หากไม่ระมัดระวัง การวางตัวเองเป็น strategic thinker ที่ทำเฉพาะเรื่องยุทธศาสตร์คงจะทำให้เราหลุดโลกและไม่ relevant เข้าสักวันหนึ่ง

นักวิชาการด้านวางแผนเคยบอกไว้ว่าอย่างนี้

Effective strategists are not people who abstract themselves from the daily detail but quite the opposite: they are the ones who "immerse" themselves in it, while being able to abstract the "strategic message" from it. Perceiving the forest from the trees is not the right metaphor at all, therefore, because opportunities tend to be hidden under the leaves. A better one maybe to detect a diamond in the rough in a seam of ore.

Or to mix the metaphors, no one ever found a diamond by flyin g over the forest. From the air, a forest looks like a simple carpet of green, not the complex living system it really is.

สำหรับ ... แล้ว daily details ของเราควรเป็นอะไร เพื่อให้เราสามารถ immerse ตัวเรากับกระบวนการเปลี่ยนแปลงของประเทศและจะช่วยให้เราเข้าถึง ข้อมูลหรือองค์ความรู้ที่จะทำให้เราสามารถ abstract the "strategic message" from it. ได้โดยง่ายเพราะคงไม่ได้หมายความว่า เราต้องเป็นหน่วยปฏิบัติเสียเองแต่ก็ไม่ใช่ strategist ที่คิดเฉพาะเรื่องยุทธศาสตร์อย่างเดียวเหมือนกัน

มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น


: Strategic planning: justification vs anticipation


กลับไปที่เรื่อง justification ที่แผนมีบทบาทมากอีกครั้ง

ดูให้ดี ธรรมชาติการวางแผนซึ่งมักเผชิญกับปัญหาสภาพแวดล้อมที่ไม่หยุดนิ่งเคลื่อนตัวไปตลอดเวลาแม้ในระหว่างการทำแผน ทำให้เป็นการยากที่จะ anticipate อนาคต โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่อายุเทคโนโลยีสั้นขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นยิ่งกระบวนการวางแผนมีความเป็น "ล่วงหน้า" มากเท่าไร โอกาสที่จะไม่ relevant ก็มีมากเท่านั้น

ก็เลยกลายเป็นว่าแผนมักจะเสร็จหลัง และช่วย justify มากกว่า anticipate or guide



: กระบวนการวางแผน...ช่วย...อะไร


อย่างไรก็ดี ถ้าไม่เสียเวลามากเกินไปกับการพยายาม elaborate แผนจนถึงระดับ too ridiculous

กระบวนการวางแผน ช่วยในการ articulate and consolidate ideas หรือ vision หรือแผนงานโครงการต่างๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ ให้เป็นระบบมีความเชื่อมโยงเป็นภาพรวมได้ และตัวแผนก็คือ document ที่ช่วย formalize สิ่งต่างๆดังกล่าว

บางทีจึงไม่น่าแปลกใจหากเราจะมีทัศนคติว่า ไอ้ที่ทำอยู่มันใช่อยู่แล้วไม่เห็นต้องมีแผน ยกเว้นใครจะเอาแผนมาเป็นไม้บันทัดวัด performance ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

แต่นั่นก็เป็นการ control มากกว่า create


มาถึงตอนนี้ ก็ใกล้จะถึงบทสรุปที่แท้จริงของเรื่องนี้แล้วล่ะครับ สำหรับในตอนหน้า ก็จะเป็นตอนจบของเรื่องนี้นะครับ ลองติดตามอ่านกันต่อไปนะครับ


สำหรับวันนี้ ขอบคุณและสวัสดีครับ



Create Date : 25 พฤษภาคม 2548
Last Update : 25 พฤษภาคม 2548 7:03:09 น. 0 comments
Counter : 845 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คุณเบ๊สะพานขาว
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add คุณเบ๊สะพานขาว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.