Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
6 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 

ตอนที่๒๔

ตอนที่๒๔
ตลอดทั้งอาทิตย์มาร์คัสพยายามจับสังเกตเอริค แต่ไม่มีความคืบหน้า เรื่องที่เขาต้องการความกระจ่างกลายเป็นส่วนที่ติดค้างในใจเพราะอาไม่แสดงท่าทีส่อพิรุธหรือทำสิ่งใดให้เขารู้สึกสงสัย เวลาที่โทรศัพท์ก็เป็นการติดต่อธุรกิจ หลายครั้งที่มาร์คัสลอบตามและแอบฟังก็จะได้ความแต่เรื่องของงาน การติดต่อกับฝ่ายการเงินล้วนเกี่ยวกับงานที่ทำทั้งสิ้นและต่อเมื่อต้องทำกิจกรรมทางธุรกิจ คงเพราะเขาระแวงเกินไป บางทีครั้งนั้นที่เขาแอบฟังอาพูดคุยโทรศัพท์ติดต่อกับใครบางคน คนๆนั้นคงจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจกระมัง ที่สุดข้อกังขาก็ถูกลบเลือน ชายหนุ่มเริ่มวางใจและเลิกคิดหาคำตอบ

เอริคเป็นคนฉลาดและมีความเชี่ยวชาญในสิ่งที่เขากระทำ กอปรกับประสบการณ์ชีวิตที่โชกโชนจึงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะรู้สึกเหมือนถูกมาร์คัสจับตามอง และสัญชาตญาณของเขาก็ถูกต้องเสียด้วย มาร์คัสทำให้เขาไหวตัวทันและเพิ่มความระมัดระวัง ชายหนุ่มอายุน้อยอ่อนด้อยประสบการณ์ย่อมเป็นฝ่ายถูกตบตา เรื่องนี้เอริคเคยบอกกับเจอร์ราล์ด แต่เด็กหนุ่มเชื่อมั่นในฝีมือของเขา

'มาร์คไม่เจนสังเวียนเหมือนคุณอา ไม่มีทางที่เขาจะจับผิด ผมว่าคุณอาคงมีวิธีรับมือกับเขา' เจอร์ราล์ดเอ่ยเสียงเรียบ

คนฟังหัวเราะในลำคอหึๆ

'ใช่ เขาไม่ใช่พวกมีเหลี่ยมมีคม เขาตามอาไม่ทันแน่'

'ผมห่วงด้านนังแม่หมอ เกิดแม่นั่นรู้สึกถึงความผิดปรกติ อาจหาทางกลับเข้ามาสืบเสาะอะไรอีก'

'คิดหรือว่าโจน่าจะเชื่อหล่อน ยิ่งถ้าหล่อนสงสัยพวกเรา หล่อนก็ต้องมีหลักฐานที่มัดจนพวกเราดิ้นไม่หลุด ถึงจะกล้าเปิดเผยต่อโจน่า'

'เรามีเขาเป็นเกราะ…ชั่วคราว ถึงจะไม่มีแพะรับบาปเหมือนคราวก่อน'

'ที่เธอบอกว่าชั่วคราว หมายความว่ายังไงจิล'

เด็กหนุ่มยิ้มเย็น

'ผมชักสังหรณ์ว่าเราอาจต้องเขี่ยเขาให้พ้นทางก่อนกำหนดครับคุณอา'

'อายังไม่เข้าใจอยู่ดี เรายังเหลือเวลาอีก 3 ปีนี่นา'

'ผมเกรงว่านังแม่หมอจะต้องรู้และคงจะกัดไม่ปล่อยเพราะหล่อนทำนายให้โจน่า แต่โจน่ารู้เพียงคำทำนายตื้นๆที่หล่อนบอก ผมไม่คิดว่าหล่อนจะเปิดเผยคำทำนายทั้งหมด ผมว่าหล่อนตรวจดูโชคชะตาของโจน่าอย่างมีจุดประสงค์'

'จุดประสงค์' คนฟังทวนคำ

'หล่อนคงจะเช็คดูว่าโจน่าปลอดภัยจริงหรือเปล่า'

'ถ้างั้นหล่อนก็มองออกว่าเรื่องของลอเรนซ์เป็นการจัดฉากขนานใหญ่ของพวกเรา'

'อาจเป็นได้ครับ'

'คำทำนายที่เราและโจน่าไม่รู้คงจะช่วยยืนยันข้อข้องใจของหล่อน'

'ที่น่าสนใจคือนังแม่หมอนึกคิดแผนการแบบไหน'

'เธอเห็นอะไรจิล'

เจอร์ราล์ดส่ายหน้าแทนคำตอบ

'ผมอ่านแผนของหล่อนผ่านทางโจน่าไม่ได้ ต้องได้ตัวหล่อนถึงจะอ่านความคิดของหล่อนออก'

'มิน่าพักนี้หล่อนไม่ยอมมาที่บ้าน'

'เกรงเจอผมละผมจะรู้ความคิดของหล่อนตอนเผลอสติมังครับ'

'มีอยู่ไม่กี่หนที่หล่อนมา หลานอ่านอะไรได้ไหม'

'ผมเจอแต่ความว่างเปล่าในตัวหล่อน หล่อนน่าจะฝึกจิตมาดีพอสมควร แต่ยังไม่ดีเข้าขั้น ไม่งั้นหล่อนคงจะกล้ามาบ่อยๆอย่างทุกที'

'เราต้องตัดไฟแต่ต้นลมหรือเปล่า'

'ถ้าหล่อนแสดงออกว่ารู้ระแคะระคายและมีเบาะแสที่ชี้ตัวพวกเรา เราค่อยกำจัดหล่อนพร้อมกับใครก็ตามที่ขวางทางเรา' เด็กหนุ่มเว้นจังหวะนิดหนึ่ง

'ที่แน่ๆผมเห็นการเผชิญหน้าระหว่างผมกับหล่อน แน่นอนครับว่ามีคุณอากับโจน่ารวมอยู่ด้วย อ้อ ตกไปคนนึง…มาร์ค' คนตอบเอ่ยต่ออย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ

คนฟังก็ให้รู้สึกไม่สบายใจ

'อีกนานแค่ไหน' เป็นถ้อยความที่คิดและเตรียมจะเปิดปากถาม ทว่าหลานชายคนเล็กก็เฉลยอย่างล่วงรู้ด้วยดวงตาวาววับ

'ไม่นานเกินรอครับ ระหว่างนี้คุณอาก็คอยระวังมาร์ค บางทีเขาอาจอยากแส่หาเรื่องใส่ตัว'

ท่าทางเหม่อลอยของเอริคทำให้ชายหนุ่มผมทองที่ตรวจทานแฟ้มงานต้องเรียกขาน

"คุณอาครับ"

เอริคมองหน้าหลานชายเป็นเชิงถาม

"คุณอาใจลอยน่ะครับ"

"ฮื่อ ว่าแต่แฟ้มนี่เรียบร้อยไหม" เขาจงใจถามอย่างเปลี่ยนเรื่อง

"ผมยังตรวจทานไม่หมดครับคุณอา"

"ส่วนที่ดูไม่หมด เธอก็ดูต่อ ส่วนที่แล้วเสร็จ อาจะให้เลขาฯเอาไปที่ฝ่ายการเงิน" พูดจบเขาก็กดอินเตอร์คอมเรียกหาเลขานุการหน้าห้อง

ชายหนุ่มผมทองเลิกแปลกใจกับการที่อาต้องติดต่อกับฝ่ายการเงินเป็นบางครั้งบางคราว และเขาก็ไม่ติดใจแม้แต่น้อย นับแต่เปลี่ยนตัวผู้จัดการฝ่ายการเงินก็ทำให้ทุกคนต่างทำงานด้วยความสบายใจ ไม่ต้องคอยพะวงว่าจะมีการฉ้อโกงเกิดขึ้นซ้ำสอง ด้วยผู้จัดการคนใหม่เป็นผู้ที่เคยให้ข้อมูลการฉ้อโกงเงินของลอเรนซ์กับเอริค งานที่ฝ่ายการเงินดูแลไม่จำเป็นต้องถูกตรวจสอบ ทุกๆเรื่องที่ผู้จัดการฝ่ายคนใหม่ลงนามย่อมจะผ่านความเห็นชอบจากผู้บริหารระดับสูง…โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นรายใหญ่อย่างญาติผู้น้องของเขา

เจอร์ราล์ดดูภาพยนตร์จากแผ่นซีดีอยู่ภายในห้องนั่งเล่น พอเครื่องอ่านแผ่นเล่นจบแผ่นแรก เขาจ้องมองตลับพลาสติคที่วางอยู่บนโต๊ะ ฝาตลับพลาสติคเปิดอ้า ซีดีแผ่นที่สองลอยออกจากตลับและหยุดอยู่หน้าเครื่องเล่น ปุ่มนำแผ่นออกยุบตัวราวกับถูกนิ้วมือกดลงไป ถาดรองแผ่นก็เลื่อนออกมา ซีดีแผ่นแรกลอยกลับคืนตลับเก็บ ซีดีแผ่นที่สองเข้าแทนที่และเครื่องอ่านก็เล่นต่อ ขณะคนรับใช้หญิงอายุราวยี่สิบตอนต้นเดินเข่าเข้าหาเด็กหนุ่ม ในมือถือถาดของว่างยามบ่าย หล่อนนิ่งเฉยต่อปรากฏการณ์เหนือความธรรมดาสามัญที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเหมือนเป็นความเคยชินเวลาที่ต้องรับใช้เด็กหนุ่ม

น้องชายของโจนาธานเหลือบตามองคนรับใช้ที่นั่งพับเพียบอยู่ไม่ห่าง ริมฝีปากเหยียดยิ้ม ทนายความประจำตระกูลก็มีสภาพไม่ต่างจากคนรับใช้ในบ้าน ทุกคนล้วนอยู่ในอาณัติ…ด้วยอำนาจจิตกล้าแข็งที่ครอบงำ!

สณาจิณห์พยายามเก็บอาการร้อนรนกระวนกระวายใจและขบคิดอย่างแนบเนียน หล่อนไม่คิดว่าภวาวดีจะล่วงรู้ แต่เจ้าตัวก็ร้อนใจกับการรอคอยเพื่อนที่หล่อนไหว้วานให้ทำงานสำคัญบางอย่างและถึงกับติดต่อถามไถ่กับอีกฝ่ายแทบทุกวันโดยปิดบังเพื่อนสนิทอย่างภวาวดีโดยตลอด หล่อนย่อมต้องรู้ว่าเพื่อนสนิทจะรู้สึกนึกคิดอย่างไรกับการกระทำของหล่อน ทางที่จะกีดกันเพื่อนสาวหรือใครๆให้ออกห่างจากภาวะอันตรายและเสี่ยงภัยมีเพียงตัวหล่อนต้องดำเนินการเป็นความลับโดยลำพัง ยิ่งกับโจนาธานก็ยิ่งต้องเก็บงำเพราะเขาอาจไม่เชื่อข้อสันนิษฐานของหล่อน ถ้าเอริคกับน้องชายของเขามีส่วนพัวพันกับมรณกรรมของลอเรนซ์ หรือขั้นหนักคือคนที่คิดร้ายต่อตัวเขา หล่อนเดาออกว่าความสัมพันธ์ของหล่อนกับเขาคงถึงขั้นแตกหัก ทางที่ดีที่สุดคือต้องหาหลักฐานรองรับ และการแอบบันทึกเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ก็เป็นทางเดียวที่หล่อนคิดออก เพื่อนของหล่อนสามารถช่วยยืนยันเลขหมาย ที่สำคัญแม้เอริคจะใช้โทรศัพท์มือถือก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเพื่อนผู้กว้างขวางในวงการติดต่อสื่อสาร เพราะความสามารถในการล้วงลึกทุกข้อมูลโดยไม่มีใครเคลือบแคลง อันที่จริงสณาจิณห์ออกจะรู้สึกภูมิใจเสียมากกว่าที่เพื่อนของหล่อนเป็นผู้มากด้วยเพทุบายและลื่นไหลเอาตัวรอดเก่งเนื่องจากเคยถูกหล่อนขอร้องแกมบังคับให้ทำแต่เรื่องยากๆ ถ้าใครถามหล่อนถึงวิธีการที่เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยกระทำ หล่อนก็คงจะไม่มีคำตอบให้ และไม่คิดจะถามไถ่ให้อีกฝ่ายต้องเดือดร้อน…นังกิ๊กอุตส่าห์ช่วย ก็ถือเป็นพระคุณอย่างล้นเหลือ

ภวาวดีรู้สึกติดใจกับคำทำนายของคนเป็นเพื่อนที่ทำการทำนายให้โจนาธานเพราะหล่อนพอจะรู้ความหมายของไพ่ ถึงจะไม่ใช่ทั้งสำรับไพ่ก็ตาม แต่หล่อนก็ไม่ซักถามเพื่อนสนิทและปล่อยให้วันเวลาล่วงเลยด้วยสณาจิณห์ไม่เคยมีความลับกับหล่อน หล่อนจึงคิดว่าสักวันอีกฝ่ายต้องเปิดปากบอกกล่าว ผ่านพ้นไปหลายวันคนเป็นเพื่อนก็ยังทำเฉยและไม่คิดจะบอกกล่าวสิ่งใด ตัวหล่อนเองก็คิดไม่ตกและไม่เข้าใจว่าทำไม 'แม่หมอ' หลีกเลี่ยงที่จะบอกความหมายของไพ่อย่างตรงตัว ดูเหมือนถ้อยความที่เอ่ยจะลดทอนความร้ายแรงของความหมายที่ถูกต้อง บางตำแหน่งเพื่อนสนิทของหล่อนก็จงใจมองข้ามและไม่เอ่ยถึง เป็นการทำนายที่สรุปอย่างรวบรัดยิ่งชวนให้รู้สึกสนเท่ห์ หล่อนได้แต่เก็บงำความสงสัยไว้ในใจจนความใคร่รู้ที่สะสมนานวันถึงขีดจำกัดที่เกินความอดทน หล่อนก็ตัดสินใจเดินขึ้นชั้นลอย

คนประสาทไวอย่างสณาจิณห์เป็นฝ่ายเอ่ยก่อน แต่สายตาจับจ้องหน้าหนังสือ

"วดี"

ฝ่ายหลังเดินไปหยุดที่ราวเหล็กก่อนหันหลังยืนพิงพลางเอ่ยถาม

"หลายวันมานี้ท่าทางของซันเหมือนมีเรื่องต้องคิด"

คนฟังแสร้งไม่ใส่ใจ

"เหรอ ฉันมีเรื่องอะไรให้ต้องคิดล่ะ"

"เรื่องคุณโจน่า" เพื่อนสาวพูดตรงใจอีกฝ่าย

สณาจิณห์นิ่วหน้าเล็กน้อย พอรู้ตัวหล่อนก็ตีหน้าซื่อ

"ทำไมวดีคิดงั้น ฉันกับคุณโจน่าออกจะสวีทหวาน"

"เธอกับฉันเป็นเพื่อนกันมานาน ถึงเธอจะกลบเกลื่อน ตอนเผลอๆก็ต้องมี และเวลาที่เธอเผลอ สีหน้าเธอจะดูเครียดๆ คงเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักใช่ไหม"

สณาจิณห์เงียบเสียง

"ซัน เราเป็นเพื่อนกัน เรื่องที่ทำให้เธอไม่สบายใจ ฉันก็อยากรับรู้ และถ้าช่วยได้ก็จะช่วย ถ้าเธอเห็นฉันเป็นเพื่อน…ก็ควรจะบอกฉัน แบ่งปันความในใจอย่างที่คนเป็นเพื่อนควรทำ"

"ที่ฉันไม่บอกเพราะไม่อยากให้เธอต้องพลอยเป็นกังวล"

"ฉันอยากรู้" ภวาวดียื่นคำขาด

"ฉันบอกได้ เธออาจตกอยู่ในอันตราย เธอยังจะอยากรู้อีกไหม"

"ฉันไม่แคร์เพราะฉันอยากช่วยเธอ"

เพื่อนสนิททอดถอนใจ

"เธอจะเชื่อฉันเหรอวดี"

"เธอเป็นเพื่อนฉันนะซัน"

"ตามใจ เรื่องที่ว่าคือคุณโจน่ายังไม่พ้นจากอันตราย คนร้ายตัวจริงยังลอยนวล เรื่องของคุณลอเรนซ์เป็นแค่ละครที่ถูกสร้างตบตาเรา"

สีหน้าแววตาของคนฟังบ่งบอกว่าหล่อนไม่เชื่อถ้อยคำของคนพูดสักเท่าใด

"ซัน เรื่องมันจบลงด้วยดี จบ เข้าใจไหม"

"จบเหรอ ไพ่มันฟ้องทนโท่ว่าเรื่องยังไม่จบ"

ภวาวดีไตร่ตรองก็เห็นความสอดคล้องของเรื่องที่ติดค้างใจหล่อนกับคำพูดของคนเป็นเพื่อน

"มิน่า คำทำนายที่เธอบอกคุณโจน่าถึงแปลกๆ ฉันกำลังสงสัยอยู่ว่าทำไมเธอต้องโกหกเขา"

"วดี เธอพอจะเป็นแม่หมอกะเขาได้เหมือนกันนี่นา"

"ฉันไม่เก่งเหมือนเธอหรอก"

สองสาวเงียบเป็นครู่ คนรักของธัชรัตน์พงศ์ก็เอ่ยว่า

"เธอจะทำไง"

"ฉันไหว้วานกิ๊กให้ช่วยในเรื่องที่เชี่ยวชาญ"

"กิ๊กน่ะหรือ" เพื่อนสาวย้ำถาม

"ใช่ ก็วันที่เธอเห็นฉันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไง ฉันโทร.หากิ๊ก แต่โกหกเธอ"

"เธอให้กิ๊กทำอะไร" คนถามหรี่ตามองอีกฝ่าย ลองสณาจิณห์ไหว้วาน…พูดให้ถูกคือขู่เข็ญเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยย่อมหมายความว่าเรื่องที่ใครอื่นซึ่งมีความคิดความอ่านไม่คิดกระทำตรงข้ามกับเจ้าของร่างบางที่นั่งไขว่ห้างอยู่ตรงหน้า

"ดักอัดเสียงทางโทรศัพท์เพื่อเป็นหลักฐาน เหอะน่า ยังไงลูกคุณป๋านักการเมืองก็ไม่ติดคุก" คนพูดยิ้มน้อยๆ

คนเป็นเพื่อนทำหน้าเมื่อย ปากก็พึมพำถ้อยคำแสดงความเห็นอกเห็นใจคนที่ต้องทำงานเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายเพราะเพื่อนสนิทของหล่อน…ต่อให้กิ๊กเป็นลูกคุณป๋านักการเมืองอย่างที่รู้กันดี หล่อนก็อดห่วงไม่ได้

"อย่าเพิ่งบอกโก้ ฉันอยากให้เรามั่นใจว่าคนร้ายคือคุณเอริคกับน้องจิล" คนพูดเอ่ยอย่างรู้เท่าทันความคิดของอีกฝ่าย
คนฟังมีท่าทางตกตะลึงในทันใด

"ฉันน่าจะสงสัยน้องจิลแต่แรก แต่ก็พลาด เพราะเขาปกปิดตัวตนได้ดี ดีที่คุณเอริครีบสรุปเรื่องทำให้ลางสังหรณ์ของฉันประท้วงอย่างแรง ทำให้รู้ว่าพวกเขาน่าจะร่วมมือกัน วดีก็พยายามทำเฉยๆล่ะ"

"ทั้งสองคนเป็นคนที่คุณโจน่ารัก เธอจะบอกเขายังไง" คำถามแผ่วเบา

"รอให้อะไรๆแจ่มแจ้งแดงแจ๋ค่อยบอก ขืนบอกตอนนี้เขาก็ไม่เชื่อ"

"เธอทำเรื่องนี้คนเดียว ฉันไม่เห็นด้วย"

"ฉันรู้ว่าวดีเป็นห่วง…ฉันจำเป็น ฉันไม่อยากดึงใครมาเกี่ยวข้อง รวมทั้งเธอ เธอแค่รับรู้ก็พอ"

"บ้าแน่ๆซัน ทำไมฉันต้องอยู่เฉยๆรอดูเธอเสี่ยงอันตราย"

ริมฝีปากของสณาจิณห์ระบายยิ้มอ่อนๆ

"ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน เธอเป็นคนที่รับรู้เรื่องราวจากปากของฉัน ก็ย่อมเป็นพยานได้"

"เธอจะให้ฉันเงียบเฉย ฉัน…" ไม่ทันที่ภวาวดีจะพูดต่อ คนเป็นเพื่อนก็ชิงพูด

"ถือว่าฉันขอร้อง"

สุ้มเสียงจริงจังและแววตาวอนขอของ 'แม่หมอ' ทำให้เพื่อนสนิทนิ่งงันอยู่หลายนาทีกว่าจะหลุดคำพูดออกมาด้วยสายตาฉายแววกังวลระคนหวาดหวั่น

"ฉันไม่อยากรับปาก และฉันจะพิจารณาความเหมาะสมจากสถานการณ์ที่จะเกิดกับเธอ"

"ไม่ร้ายแรงน่า เพราะจากการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอทำให้ฉันมีพลังจิตระดับหนึ่ง" คนพูดบอกอย่างอารมณ์ดี

"คิดว่าฉันจะเชื่อเธองั้นสิ"

คนฟังเพียงหัวเราะน้อยๆ

ช่วงเย็นโจนาธานก็รับหญิงสาวไปที่บ้านของเขาตามความต้องการของหล่อน หล่อนหลบเลี่ยงการพบเจอเจอร์ราล์ดระยะหนึ่ง และก็เป็นหล่อนอีกที่คิดเห็นว่าถึงเวลาอันควรที่จำต้องหยั่งเชิงเด็กหนุ่มกับอาของเขา

คุณแม่บ้านบอกชายหนุ่มลูกครึ่งว่าน้องชายกับอาของเขาเดินเล่นอยู่ภายในบริเวณสวนหย่อมที่อยู่ข้างตัวบ้าน เขากับสณาจิณห์จึงไปที่นั่น

เด็กหนุ่มแลเห็นหญิงสาวร่างบางที่เคียงข้างกับพี่ชาย เขาก็ยิ้มกว้างอย่างต้อนรับ ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายประหลาด

"ดีใจจังที่พี่ซันมา"

สณาจิณห์ส่งยิ้มตอบ พอเอริคละสายตาจากรังนกบนต้นไม้และมองผู้มาเยือน หล่อนก็ยกมือไหว้อย่างมีมารยาท

"ว่างมาเยี่ยมเยียนหรือครับคุณสณาจิณห์"

คนฟังรู้สึกเหมือนฝ่ายตรงข้ามพูดเหน็บ

"ค่ะ" หล่อนแสร้งตอบอย่างพาซื่อ

"ผมคิดถึงพี่ซันที่สุดเลย" เจอร์ราล์ดใช้สองมือหมุนล้อเข็นเข้าใกล้หล่อน

"พี่ก็คิดถึงน้องจิลค่ะ"

"โจน่า เราปล่อยให้คุณสณาจิณห์อยู่กับจิลตามลำพังดีไหม จิลคงมีเรื่องพูดคุยกับคุณสณาจิณห์เยอะแยะเชียว"

"ครับคุณอา" หลานชายคนโตตอบรับอย่างว่าง่าย

คล้อยหลังผู้ชายต่างวัย เด็กหนุ่มก็เอ่ยกับ 'แม่หมอ'

"หมู่นี้พี่ซันไม่ค่อยแวะมาหาผม" คำพูดตัดพ้อกึ่งน้อยใจอยู่ในที

"พี่ขอโทษค่ะ" หล่อนตีหน้าสลด

ตั้งแต่หล่อนย่างก้าวเข้าสู่เขตบ้านของโจนาธาน หล่อนก็ปิดกั้นจิตใจของตนเป็นที่เรียบร้อยด้วยสภาวะอารมณ์ของผู้วางเฉย แม้จะมีความรู้สึกก็ต้องให้น้อยที่สุด ทั้งที่หล่อนต้องทำการปั้นสีหน้าและแสดงออกทางแววตาให้สมจริงยามเผชิญหน้ากับคู่อาหลาน ถือเป็นเรื่องเหนื่อยหนักสำหรับหล่อนที่ต้องป้องกันตัวเองจากกระแสพลังอันเข้มข้นที่สัมผัสได้และจ้องเจาะปราการแห่งจิตของหล่อนตลอดเวลา ถ้าปราการอ่อนแรงลงเมื่อใดก็เป็นการง่ายที่ฝ่ายตรงข้ามจะเจาะทะลวงล้วงใจหล่อน

"พี่ซันโกรธอะไรผมหรือเปล่าครับ"

หล่อนเลือกการส่ายหน้าแทนคำตอบ

"พี่ซันดูจะเย็นชากับผม" เด็กหนุ่มตั้งข้อสังเกต

"เปล่านี่คะ"

"พี่ต้องไม่ลืมว่าผมประสาทไวกว่าคนธรรมดา" เขายิ้มมุมปาก

"ค่ะ พี่ทราบ และพี่ก็ทราบว่าน้องจิลเก่งกล้าสามารถหลายอย่าง มีดีที่เก็บซ่อน"

คนฟังไม่อาจจับความรู้สึกของหล่อนแม้สักนิด

"ผมก็เก่งกล้าและมีดีที่เก็บซ่อนพอๆกับพี่ซันแหละครับ" เขาเลียนถ้อยคำหล่อน

"พี่ขออนุญาตพูดเรื่องบางเรื่อง" หล่อนพูดเป็นเชิงถาม

"เชิญครับ"

"พี่ไม่คิดว่าคุณลอเรนซ์จะเป็นคนร้ายค่ะ" หญิงสาวเอ่ยเข้าประเด็นอย่างต้องการกระตุ้นความรู้สึกของฝ่ายตรงข้าม หล่อนยอมเสี่ยงพูดเรื่องนี้เพื่อจะดูปฏิกิริยาและท่าทีของเจอร์ราล์ด เสียดายที่เอริคไม่อยู่ด้วย ท่าทางของเขาน่าจะบ่งบอกชัดเจนกว่าเด็กหนุ่ม

"คุณลุงสารภาพเอง"

"พี่ทำนายโชคชะตาให้พี่ชายของน้องจิลเมื่อไม่นาน ผลที่ปรากฏ…ไม่เป็นผลดีต่อตัวเขา"

สีหน้าปราศจากความรู้สึกของคนฟังอ่านยากยิ่ง นอกจากการป้องกันจิตของตนกับการแสดงสีหน้าสีตา หล่อนยังต้องใช้อำนาจจิตช่วยในการจับพิรุธของเขา ความยากเพิ่มเป็นเท่าตัวเท่ากับที่ความอ่อนล้าอาจถาโถมสู่ตัวหล่อนทุกเมื่อและย่อมหมายถึงโอกาสที่อาจพลาดพลั้ง

"ถ้าไม่ใช่คุณลุงลอเรนซ์ พี่ซันคิดว่าใครเป็นคนร้ายครับ"

"คนที่ใกล้ชิดกับพี่ชายของน้องจิลค่ะ"

"ผมว่าเรื่องมันชัดออก พี่ซันคิดมาก หวาดระแวงเกินเหตุ"

"ไพ่ของพี่เป็นจริงเสมอ" หล่อนแย้งขรึมๆ

เด็กหนุ่มสบตาหล่อน ฝ่ายหลังกล้าสู้ตาเขาด้วยดวงตาที่แน่วนิ่ง หล่อนอำพรางความรู้สึกนึกคิดอย่างดีเยี่ยมจนรอดพ้นจากการถูกอ่านใจ

สณาจิณห์ไม่แน่ใจว่าตนเห็นรอยยิ้มและสายตาบ่งบอกความชื่นชมของเจอร์ราล์ดที่เพียงชั่วครู่ก็เลือนหายหรือไม่

"พี่เชื่อถือไพ่ของพี่ ผมกับทุกคนก็เชื่อถือหลักฐานที่ตำรวจพบ ต่างคนต่างเชื่อถือสิ่งที่ตนประจักษ์อย่างชัดแจ้ง สำคัญที่พี่โจน่าจะเชื่อพี่หรือเปล่า พี่ซันพูดไปก็รังแต่จะทะเลาะกับพี่โจน่า ทางที่ดีพี่ซันเลิกคิดเลิกสงสัยดีกว่าไหมครับ" คนพูดเอ่ยอย่างเป็นต่อ

หญิงสาวฝืนยิ้ม อย่างน้อยๆถ้อยความของเจอร์ราล์ดก็ใกล้เคียงกับการเปิดเผยบางสิ่งให้หล่อนล่วงรู้

"อ๊ะ! พี่โจน่ามาพอดี" เด็กหนุ่มบอกหล่อน

"พี่ไม่อยากทิ้งแฟนไว้นานๆ" ดวงตาพราวระยับจับอยู่ที่ใบหน้าของสณาจิณห์

เป้าสายตาเกิดความรู้สึกกระดากอายและเกือบเผลอสติ ตั้งตัวติดหล่อนก็ข่มใจสุดความสามารถ หล่อนตระหนักรู้ว่าโจนาธานอาจเป็นต้นเหตุของการเผลอสติ การที่มีเขาอยู่ย่อมส่งผลเสีย เจอร์ราล์ดจะสบช่องทางเจาะปราการเข้าถึงจิตใจของหล่อน

เด็กหนุ่มยั่วยิ้มอย่างผู้มีชัยเหมือนล่วงรู้ความคิดของหญิงสาว

ทางเดียวที่จะรอดพ้นจากสถานการณ์สุ่มเสี่ยงคือ…

"ซันเพิ่งนึกออกว่าลูกค้านัดพบที่ห้องพักค่ะ" หล่อนบอกเสียงเรียบเรื่อยทำเอาเสียบรรยากาศทีเดียว

สองพี่น้องมองหล่อนเป็นตาเดียว คนร่างสูงโคลงศีรษะอย่างไม่เข้าใจ ผิดกับน้องชายที่ยิ้มมุมปากด้วยดวงตาฉายแววรู้ทัน




 

Create Date : 06 กรกฎาคม 2550
0 comments
Last Update : 6 กรกฎาคม 2550 13:05:03 น.
Counter : 330 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


กาญจน์ฏี
Location :
ลำปาง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




โอม ศรี คเณศา ยะ นะ มะ ฮา โอม คะชานะนัม ภูตะคะณาธิเสวิตัม กะปิตะถะชัมพูผะละ จารุภักษะณัม อุมาสุตัม โศกะวินาศะการะกัม นะมามิ วิฆเนศวะระปาทะปังกะชัม.


ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นใน blog นี้เป็นของผู้เขียนตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อ ด้วยวิธีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน หากต้องการนำงานเขียนชิ้นใดไปเผยแพร่ ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์ กรุณาติดต่อขออนุญาตโดยติดต่อผ่าน ได้ที่อีเมลล์ภายในบอร์ดข้อมูลส่วนตัว มิฉะนั้นอาจเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย

**คำบูชาองค์ไกรลาสบดี**
'โอม นะมัห ศิวายะ'









Friends' blogs
[Add กาญจน์ฏี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.