สิงหาคม 2550

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
19
20
21
22
23
24
25
26
29
30
31
 
 
27 สิงหาคม 2550
All Blog
(2) A day in Halong Bay


10 สิงหา

นังโน้ต

ชั้นตื่นเช้ามาพร้อมด้วยอาการปวดขานิดหน่อย เมื่อวานเดินเยอะไปนิด ไม่นิดหรอกแก เยอะเลยล่ะ

กว่าจะทำอะไรเสร็จก็เจ็ดโมงกว่า ตาเหลือกมาหาไรกินกัน

เห็นเฝอปากซอย เป็นเฝอโบ (Pho Bo) หรือก๋วยเตี๋ยวเนื้อ คนมากินเยอะตลอดเวลา เปิดเช้าปิดเย็น น่ากินมาก นั่งๆ กิน สั่งอะไรก็ไม่เป็น ชี้จานคนใกล้ๆ บอกว่าเอาแบบนี้สอง แบบนี้อีกสอง เค้าก็เข้าใจ

มีราคาแปะไว้หน้าร้านด้วย แต่เพื่อนแกอ่านไม่รุเรื่อง ราคาเริ่มตั้งแต่ 10,000 - 15,000 ด่ง

พอเค้ายกมาให้ เส้นเยอะมาก อร่อยดี ที่นี่เค้าไม่กินมะนาวกันเหรอ เอาส้มมาหั่นบีบใส่ ไม่มีน้ำตาลให้เติม มีพริกกะกระเทียมดองน้ำส้ม แล้วก็พริกปั่นใส่น้ำส้ม พี่ติเติมมันหมดทุกอย่างบอกว่าอร่อย แต่เพื่อความปลอดภัย ไม่เติมดีกว่า น้ำซุบธรรมดาก็อร่อยแล้ว พี่หน่อยกินเบิ้ลไปสอง สมแล้วที่จบ อก.มา




เดินกลับมานั่งรอคนมารับ จาก 7 โมงครึ่ง เป็น แปดโมง เป็นแปดโมงครึ่ง เจ๊เริ่มมีมะโหแล้วเมื่อกี้เรารีบกันแทบตาย

ในที่สุดก็มีผู้หญิงเวียดนามมารับเรา พูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย บอกให้เราเดินตามไปนั่งรอต่อที่บริษัทเค้า S-travel เดินตามกันไปเป็นงูกินหาง หลบคน หลบรถ หลบแม่ค้า พอมาถึงออฟฟิศเค้าก็ต้องรออีก กว่าจะได้ออกจริงๆ เก้าโมงกว่าแน่ะแก



รถที่ไปเป็นรถตู้คันใหญ่ ที่นี่เค้าเรียกว่า mini bus มีที่นั่งข้างในสี่แถว ไม่รวมแถวคนขับ เรานั่งข้างสาวเกาหลีที่มากะเพื่อนคนสิงคโปร์ ข้างหลังเป็นแหม่มหน้าตาใจดีนั่งคนเดียว พี่ติ เจ๊ พี่หน่อย นั่งแถวเดียวกัน บนรถมีคนประมาณสิบสองคน ไกด์สาวแนะนำตัวแล้วก็บอกประวัติคร่าวๆ ของฮาลองเบย์ แต่พวกเรานอนดีกว่า




รถวิ่งออกนอกเมือง ที่เวียดนามเค้าจัดผังเมืองค่อนข้างดี หมายถึง เขตอุตสาหกรรม ก็คืออุตสาหกรรมจริงๆ ไม่มีบ้านคนเลย เขตที่อยู่อาศัยก็เป็นที่อยู่อาศัยจริงๆ ตึกแถวสูงๆ ทาสีด้านหน้าด้านเดียว นั่นล่ะ บรรยากาศเวียดนามแท้ๆ

นั่งรถมาเกือบสิบเอ็ดโมง มีแวะพักรถให้เราลงไปดูของในร้าน เข้าห้องน้ำ ห้องน้ำที่นี่วัดใจทุกห้อง ไม่มีกลอนประตู ห้องไหนที่ประตูปิดแปลว่ามีคนอยู่ มีคนปักผ้าให้ดูในร้าน มีผ้าปักขาย เราอยากได้ภาพวาดเลยขอผ่าน แต่ยอมรับว่างานละเอียดจริงๆ ฝีเข็มละเอียด สวยมาก แต่แพงกว่าที่ทะเลสาบเยอะ




คนขับเดินมาตามขึ้นรถ ก็เดินตามเค้าไป นั่งรถต่ออีกเกือบชั่วโมงเที่ยงกว่าๆ ก็มาถึง




ลงจากรถ อ้าว รองเท้าสกอร์พี่ติพื้นหลุดซะแล้ว ทันทีทันใดมีเด็กหนุ่มมาคว้าพื้นรองเท้าพี่ติไปนั่งๆ ใส่กาว แหม่มที่มาด้วยกันขำใหญ่ บอกว่า Fast Service แต่มันไม่งั้นสิ พอติดกาวเสร็จ เราถามไกด์ว่าเท่าไหร่ ไกด์บอกว่าหมื่นนึง เราก็ให้ไปหมื่นหนึ่ง มันไม่เอาซะงั้น ทำมือทำไม้บอกว่าห้า เราก็โนๆๆๆๆ มันก็ยกนิ้วมาสาม จะบ้าเหรอ แค่ติดกาวจะเอาตั้งเจ็ดสิบกว่าบาท พี่ติให้มันไปหมื่นห้า แล้วเดินหนี โดนพี่เวียดซะแล้ว




ชั้นยังกลุ้มใจอยู่ ตอนนี้ยังหาตั๋วไปซาปาคืนพรุ่งนี้ไม่ได้เลย เลยเริ่มคิดแผนใหม่ ว่าถ้าไม่ได้ คงจะต้องไปที่อื่นกันแทน หรือไม่ก็ยอมนั่ง sitting cabin ไปกลางวันเอา

เจ๊กะพี่หน่อยเริ่มเปิด LP ดูว่าจะไปฮอยอันฉันรักเธอไงแล้วตอนนี้ เพราะความหวังที่จะได้ตั๋วมาเริ่มลางเลือน

ไกด์ต้อนเราขึ้นเรือ เดินผ่านเรือสวยๆ ไปมากมาย แต่แหม่ววววว ทำใมเรือเรามันเก่างี้ล่ะ




เรือเราถึงจะเก่าแต่ก็มีดาดฟ้า แล้วก็ข้างในโอเช ก่อนเรือออกร้อนมากๆ แหม่มสาวพยายามเปิดพัดลม แต่เค้าไม่เปิดให้ เลยนั่งร้อนพัดกันใหญ่ ไกด์เอาตั๋วมาแจกบอกให้เก็บให้ดีๆ แล้วเรือก็เล่นออกมาพร้อมเรือลำอื่นอีกยี่สิบสามสิบลำ



ชั้นมัวแต่นั่งคุยกะแหม่ม กะเพื่อนใหม่คนสิงคโปร์

เค้าเล่าให้ฟังว่ากล้องเค้าโดนขโมยเมื่อวาน ไม่ใช่ขโมยสิ ฉกไปจากมือที่ริมทะเลสาบเลย เค้าเลย upset มาก

เราเลยบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวเราถ่ายรูปให้แล้วเค้าก็ happy แลกเมลล์กันเสร็จเรียบร้อย

อ้าว คนอื่นๆ หายไปไหนหมด หนีขึ้นไปดาดฟ้าหมดแล้ว รวมทั้งพี่ติด้วย

เราเลยไปมั่ง

ชั้นมองไปซ้ายขวาเหมือนอยู่กระบี่ไงงั้น แต่เกาะแล้วก็ภูเขาหินของเค้าใหญ่กว่า แล้วก็อยู่กันเป็นกลุ่มเยอะๆ

คนเวียดนามที่มาทัวร์เดียวกะเราเล่าให้ฟังว่าที่นี่สลับซับซ้อนมาก ตอนสงคราม นักบินที่ขับเครื่องบินเข้ามาเคยหลง แล้วก็โดนพี่เวียดเอาปืนยิ่งร่วงในทะเลเสียก็มาก นายปีเตอร์คนเวียดนามนี้เคยมาเรียนที่ AIT บ้านเราด้วยนะแก รู้จักฟิวเจอร์พาร์ครังสิตด้วย ใกล้บ้านชั้น แต่ตอนนี้เค้าไปเรียนต่อที่ USA




ลมที่นี่แรงมาก แต่วันนี้ไม่มีแดด ถ้ามีแดด ก็คงจะสวยกว่านี้ แต่เราว่ากระบี่บ้านเราสวยกว่า เพราะน้ำทะเลใสและสวยกว่านี้ ที่นี่ทะเลขุ่นๆ แถมค่อนข้างสกปรก มีคนทำแพปลาอยู่เยอะเหมือนกัน แต่ไม่เห็นคนเรือเราจอดให้เราซื้ออาหารทะเลอย่างที่อ่านมาเลย ประมาณเกือบบ่ายสอง ไกด์ก็ขึ้นมาเรียกให้พวกเราไปกินข้าว ค่อยๆ ทยอยยกมาทีละอย่าง เราอยู่โต๊ะเดียวกะสามสาวสิงคโปร์กะเกาหลีนั่น มีปลาหมึกผัด เต้าหู้ทอด ปลาอะไรสักอย่าง กุ้งห้าหกตัว เอาน้ำพริกตาแดงมาด้วย พอกินได้สบายใจหน่อย แบ่งน้ำพริกให้สาวๆ เค้ากิน สาวสิงคโปร์กิน สงสัยจะชอบ เห็นจิ้มหลายรอบ



กินกันไป คุยกันไปสักพัก ก็อิ่ม ขึ้นดาดฟ้าไปถ่ายรูปต่อ แหม่มสาวน่ารักมากถ่ายรูปคู่ให้เรากะพี่ติด้วย เอาเลนส์ไวด์ส่องซ้าย ส่องขวาสักบ่ายสาม เรือก็เข้าไปจอดที่ท่าเล็กๆ ไกด์บอกว่าจะพาเข้าถ้ำ ให้เอาตั๋วออกมาเตรียมไว้ เดินไปถ่ายรูปไป ช้ากว่าเพื่อนตามเคย




ในที่สุดก็เหมือนฟ้าจะเป็นใจให้ชั้นได้ไปซาปา นายได้ Mr. Dai แห่ง ATP โทรมาบอกว่าได้ตั๋วให้เราแล้ว คนละ 42 เหรียญ แต่ขาไปรถไม่ดีนะ ขากลับรถจะดี ถ้าเอาเย็นนี้จะให้คนเอามาให้ แต่ปัญหาก็คือได้มาแค่สองใบ ถ้าจะเอาให้เฟริ์มเค้าเด๋วนี้ เพราะเค้าจะต้องจ่ายตังค์แล้วเอาตั๋วเลย แต่เรามากันสี่คน ทำไงดีล่ะ โทรหาเจ้าฮุง เจ้าฮุงก็บอกว่าหาให้ไม่ได้จริงๆ

ชั้นก็เริ่มลังเล ว่าจะเอาไงดี

ขอเวลานายได้ 10 นาที มานั่ง talk กันว่าจะเอาไง ในที่สุด เจ๊เลยตัดปัญหาบอกว่าแกไปกันสองคนเหอะ พวกชั้นจะไปฮอยอัน ฉันรักเธอ แล้วค่อยกลับมาเจอกันวันกลับแล้วกัน เพราะเราก็หาข้อมูลกันเผื่อไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ซึ่งถ้าเราไม่ได้ตั๋วรถไฟ เราก็จะไปฮอยอันกัน เป็นห่วงเจ๊แกกะพี่หน่อยเหมือนกันนะ แต่เจ๊ไม่ยั่น บอกว่าอียิปต์ อินเดีย ตรูก็แบกเป้เที่ยวคนเดียวมาแล้ว แบกแฟนไปอีกคนจะเป็นไรไปเวียดทั้งหลายทำไรแกไม่ได้หรอก



ชั้นเลยตอบตกลงไป อ้อ... พรุ่งนี้เราเลยจองทัวร์ไป Tam Coc กะคุณได้เลย เปิดราคามาสิบเก้าเหรียญ ต่อไปคำเดียวว่า 15 ต่อคน แกงงๆ แล้วก็มีเสียงกดๆ อะไรสักอย่าง ฟังในโทรศัพท์ ไม่ชัด คงกดเครื่องคิดเลขคำนวณอยู่มั้ง แล้วก็เซย์เยส ว่าเย็นนี้จะให้คนเอาตั๋วกะใบทัวร์ไปให้ที่โรงแรม พร้อมตั๋วรถไป Hue ของเจ๊กะพี่หน่อย




วันนี้เป็นวันหยุดกระมัง คนเยอะมากเลย ส่วนใหญ่จะเป็นคนเวียดนามมากกว่านักท่องเที่ยว ปีนขึ้นบันไดไป ถ่ายรูปกะจุดชมวิว หลงกะไกด์อีกแล้ว พยายามมองหาแหม่มเสื้อส้มเข้าไว้ ได้ผล ในที่สุดพวกเราก็กลับไปรวมกลุ่มกันอีก



ในถ้ำสวยดี จัดไฟซะแจ่ม โอ่โถง กว้างมาก ไกด์ก็อธิบายไป เราก็ถ่ายรูปไป ถ่ายไปถ่ายมา อ้าว ISO 1600 มิน่าล่ะ แจ่มเชียว น้อซส์เยอะแน่ๆ เลย แต่ช่างเหอะ มาหนเดียว ถ่ายต่อดีกว่า



เดินไปเดินมา พี่เวียดมากมาย นักท่องเที่ยวก็มาก ชอบถ้ำนี้อยู่อย่างนึงว่าอากาศดี ไม่อุดอู้เลย แล้วก็เค้าทำทางเดินไว้ค่อนข้างดี ไม่มีลื่นเลย คนแก่เดินได้สบายมาก




แต่เสียอย่างเดียว ไฟมันเยอะก็สวยดีอยู่หรอก แต่ดูๆ ไปแล้วมันเฟคๆ อ่ะ ริชาร์ด หนุ่มอเมริกันหนุ่มเดียวในคณะของเราบ่นว่าถ้ำนี้ตายไปแล้ว หมายความว่าไม่สามารถเติบโตได้อีก เพราะไม่มีน้ำหยดๆ แล้ว บางส่วนของถ้ำเป็นที่สำคัญด้วย ประมาณว่ามีตำนานหรือว่าเป็นที่หลบสมัยสงคราม



พี่ติติดใจช่องแสงข้างบน คว้ากล้องไปถ่าย กะจะเอาแสงเป็นลำๆ ลอดออกมา แล้วก็บ่นกะตัวเองว่าไม่ได้เอาขาตั้งกล้องมา ช่วยไม่ได้นะพี่นะ ไม่แบกเอง



หันไปหันมา อ้าว มัวแต่ถ่ายรูป ไกด์เราหายอีกแล้ว อยู่นั่นไง กำลังรวมกลุ่มกันฟังอะไรอยู่ อ๋อ เค้าชี้ไปหินรูปหน้าอกผู้หญิง บอกว่า ถ้าผู้ชายจับแล้วจะ lucky เรื่องความรัก มิน่า จับกันทุกคน มันแผล่บเชียว



ใกล้ๆ ทางออกที่ต้องเดินเรียงกันขึ้นบันไดแคบๆ ลอดช่องอะไรสักอย่างออกไป มีน้ำพุ ไม่รู้ว่าของจริงหรือของปลอม ทั้งพี่เวียดทั้งนักท่องเที่ยวโยนเหรียญกันใหญ่ ประมาณว่า fortune frontier เราก็โยนมั่ง เอาเหรียญบาทที่ติดกระเป๋าโยน แอบๆ มองดู เป็นบ่อเหรียญสหประชาชาติเลย

เดินออกมา อากาศข้างนอกร้อนนิดๆ ลมแรง มีที่ขายน้ำ ไอติมไว้ดักคนเหนื่อย มีจุดชมวิวสวยดี แต่แคบไปนิด จะถ่ายรูปต้องต่อคิวกันนานเลย ถ่ายรูปเสร็จปีนบันไดลง มีห้องน้ำอยู่ริมผา มองๆ ไปน่ากลัวดีเหมือนกัน


ชั้นกะเจ๊ซื้อไอติมโคนมาคนอัน อันละหมื่นสองด่ง ไม่ค่อยอร่อย หวานแต่ไม่มัน แหม่มในกรุ๊ปซื้อสับปะรดมากิน ท่าทางอร่อย เค้าแบ่งพี่ติกินด้วย พี่ติว่าใช้ได้ พอคนครบก็เดินขึ้นเรือ เรือจอดเรียงกันสามสิบกว่าลำได้ เกิดอาการงง จำเรือตัวเองไม่ได้ซะงั้น เห็นสาวๆ แว๊บๆ อ้อ... เรือเราอยู่นี่เอง มังกรแก่ๆ งี้มีลำเดียว




เรือเล่นออกจากท่า ไม่ได้กลับมาทางเดิมแต่เหนื่อยอ่ะ เลยนอนยาว ตื่นอีกทีพี่ติปลุกว่าเรือจะถึงฝั่งแล้ว ทำใมเร็วนักก็ไม่รุ ขึ้นจากเรือตอนประมาณสี่โมงกว่า เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ค่าเข้าคนละพัน สงสัยเราจะมาช้าเพราะรถนักท่องเที่ยวหายกันจะไปหมดแล้ว พอออกมาเจอแหม่มกำลังโวยอยู่เลย



ให้เจ๊ถ่ายรูปกะแหม่มให้



พี่ติถ่ายตอนกะลังหม่ำไอติมอยู่





ถามๆ ไปได้ความว่าแหม่มเค้าพักที่โรงแรมไฮโซ โซฟีเทล ไกลจากเมืองไปสักหน่อย เมื่อเช้าที่มาช้าก็เพราะไปรับเค้านี่ล่ะ เค้าเลยจะฝากแหม่มไปกะรถทัวร์คนใหญ่อีกคันที่ไปโรงแรมนั้น แต่แหม่มแกไม่ยอม คงกลัวโดนทิ้ง จ่ายก็จ่ายมาแพง คนขับเริ่มอารมณ์ไม่ดี แถมที่นั่งยังไม่พออีก เพราะมีคนเวียดนามที่ขึ้นเรือกะเรา แต่ขามาไม่ได้นั่งรถคันเดียวมากะเรากลับด้วย ไกด์เลยต้องเอาเก้าอี้มือถือไปนั่ง

ขากลับเรามานั่งกะแหม่ม ฟังแหม่มบ่นไป หลับไป ตื่นมาอีกทีแวะเข้าห้องน้ำหกโมงกว่าแล้ว ตายแน่ จองหุ่นกระบอกน้ำรอบสองทุ่มครึ่งไว้กะโรงแรม บอกเค้าว่าเอาแถว A B สี่หมื่นด่ง ซะด้วย พยายามอธิบายกะเจ้าของโรงแรมว่า I’m too short นะเฟ้ย เอาหน้าๆ จะได้ไม่ต้องชะเง้อผ่านซอกคอใคร เห็นเค้าพยักหน้ารับดี ไม่ชาร์จด้วย




มาถึงที่หุ่นกระบอกน้ำ ทุ่มกว่า ยังเหลือเวลาอีกหน่อย คืนนี้ต้องจัดของเตรียมไปซาปาพรุ่งนี้ เลยต้องซื้อเป้ ถามราคาเรียบร้อย ได้มาสิบเจ็ดเหรียญ ถามราคาอย่างอื่นไว้ด้วย บอกเค้าว่าเด๋วจะกลับมาซื้อวันที่กลับมาจากซาปา

กลับมาถึงโรงแรมตอนสองทุ่มตรง เจ้าของโรงแรมยื่นตั๋วให้บอกว่า hurry up the show start already อ้าว ก็ไหนเมื่อเช้าแกบอกชั้นว่ารอบสองทุ่มครึ่งไง เจ้าตู๋กะนายฟ้าแห่ง ATP ที่เอาตั๋วกะทัวร์มาส่ง บึ่งมอไซค์ไปส่งเรา มาช้าไปสิบห้านาที มาทันได้ดูที่มีคนไล่จับกบในนา อะไรประมาณนี้ ดีนะที่ที่นั่งอยู่ริม แต่ชั้นสั่งไปว่าเอาแถว AB นี่หว่า ไหงเอาตั๋วแถว H มาให้ตรูฟร่ะ แต่เอาน่า อย่างน้อยมันก็เอาชั้นมาส่งล่ะ โรงละครสวยดีเหมือนที่เอ็กซ์ถ่ายรูปมาให้ดู

พี่ติเอา 350 มาเก็บภาพ แต่เราเอาพานา fz ที่รักมาอัดเป็นวีดีโอเลย กะจะเอามาเปิดให้แม่ดู เผื่อคุณนายเห็นแล้วอยากจะไป ชั้นจะได้ติดสอยห้อยตามคุณนายมาอีกรอบ

ทำไงได้ ก็เม็มมันเหลือเยอะนี่นา ชั้นหอบ portable harddisc มาด้วย 80 gig ดูดกันทุกวันเลย




ยอมรับเลยว่าคนเชิดเค้าเก่งมากๆ หุ่นก็ไม่ใช่ตัวเล็กๆ นะ แต่เชิดได้มีชีวิตชีวา คุ้มค่ากะราคาคนละร้อยบาทไทยมากมาย ถ้ามีเวลาก็อยากมาดูใหม่ เห็นแล้วคิดถึงหุ่นโจหลุยส์เรา สวยกว่าเค้าเยอะ แต่ยังไม่โปรโมทอย่างนี้ ที่นี่เหมือนเป็นของสำคัญประจำเมืองเลย อยากให้บ้านเราเป็นอย่างนั้นบ้างจังเลย พูดไปพูดมา มาถึงครูสดใส ยังเขียวสดได้ไงเนี่ย

ออกมาจากหุ่นกระบอก แวะถ่ายรูปด้านหน้านิดหน่อย ไม่เห็นมีใครเค้าถ่ายเลย อาจเป็นเพราะเค้าถ่ายตั้งแต่ก่อนเข้าไปแล้วมั้ง ดี ไม่ต้องแย่งมุมกะใคร อิๆ





ได้เจอคนไทยกะเค้าสักที บ่นกะเจ๊อยู่เหมือนกัน ว่าไม่ได้เจอเลยตั้งแต่มาถึง คุยกันเองอยู่สามคนจนเบื่อแล้ว ดีใจมาก แต่เค้าบอกว่าเจอคนไทยเยอะมาก เต็มไปหมด แล้วชั้นไปหลบอยู่มุมไหนของฮานอยฟร่ะ เลยไม่ได้เจอใครเนี่ย

ออกมาเดินดูเป๋าต่อ เจอร้านลุงใกล้ๆ กะร้านที่เราต่อไว้ก่อนเข้าโรงแรม ต่อไปต่อมา เออ ได้ราคาดีกว่าร้านนั้นอีกแฮะ แต่ยังไงก็ยังไม่เอาวันนี้ เก็บเป็นข้อมูลเฉยๆ รีบกลับโรงแรม แวะกินเฝอหน้าบ้าน ก่อนเค้าปิดร้าน ราคาเดิม ถ้วยละหมื่น ได้เยอะมโหฬารมากๆ เหมือนลุงคนขายประชด




ถึงห้อง เจ๊ก็จัดเป๋าเจ๊ เราเลยจัดเป๋าเรามั่ง เพราะพรุ่งนี้กลับจากทัวร์ เจ๊ก็ขึ้นรถต่อเลยตอนสามทุ่ม ไปเช้าที่เว้ ประหยัดค่าโรงแรมไปได้อีกคืน ส่วนเราก็นั่งรถไฟต่อไปลาวไก เพื่อไปซาปา กะตลาดบัคฮา

เจ๊เรา ปรมาจารย์ด้านการแบกเป้สอนให้เราแพ็คของออกเป็นสองเป๋า เป๋าแรก เก็บไว้ที่นี่ คุยกะเจ้าตู๋ว่า วันกลับจะโทรมาถามว่ามีห้องว่างไหม แล้วจะมาเคาะประตูตอนเช้า เจ้าตู๋ก็โอเช ส่วนเป้ที่เพิ่งซื้อมาใหม่อีกใบ เป็น 75+20 ลิตร เอาของเรากะพี่ติใส่รวมกันเป็นใบเดียว แยกกล้องไว้ตะหาก จะได้ถือง่ายๆ กว่าจะจัดของเสร็จปาไปตีสองกว่า ไล่พี่ติไปนอน เราก็นอน พรุ่งนี้ต้องไปทัวร์ต่อ เค้าบอกว่าจะมารับตอนแปดโมงเช้า

Good night ฮานอย พรุ่งนี้ค่อยมาฟาดฟันกันใหม่

ปล.ชั้นถ่ายรูปตั๋วที่หามาด้วยความยากลำบากมาให้แกดู เฮ้อ... เหนื่อย






Create Date : 27 สิงหาคม 2550
Last Update : 10 ตุลาคม 2550 15:05:02 น.
Counter : 978 Pageviews.

8 comments
  
อ่านแล้วเหนื่อยด้วย...

เรื่องกล้องนี่กระชากไปจากมือ..น่ากลัวแฮะ...
โดย: Gorgeous Girl วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:16:02:34 น.
  
อยากไปเที่ยวด้วยคน สวยมั๊กมาก ไว้มีโอกาศคงได้ไปบ้างตอนนี้ก็นั้งเก็บตังก่อน ขาดอีกเยอะ
โดย: iamorange วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:16:49:10 น.
  
^^
โดย: ^^ IP: 124.120.234.51 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:11:10:23 น.
  
ชอบเวียดนามมากๆ เพราะมีเพื่อนเป็นคนเวียดนามอ่ะ
แต่เค้าบอกว่าที่โน่น คนเวียดนาม อ่ะ เป็นคนที่โกง อ่ะ น่ากลัว มันจิงเหรอ
แต่เพื่อนเราไม่เห็นเป็นง้านเลย ออกจะน่ารักนะ

ไปเที่ยวก้อน่าสนุกดีนะคะ
นู๋เจนจะมาคอมเม้มให้เรื่อยๆๆ นะคะ
anyting_3@hotmail.com
ของนู่เองค่า
โดย: เจน IP: 125.25.172.140 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:15:52:01 น.
  
อย่าว่าเขาขี้โกงเลยถ้าเป็นเมืองท่องเที่ยวก็เป็นเหมือนกันกับบ้านเราแหละอย่างเช่นพัทยาค่าห้องพักค่ารถสองแถวค่าต่างๆถ้าเป็นต่างชาติละก็ชาร์จเขาไปอีก70%ที่เรารู้เพราะอยู่พัทยาราคาคนไทยกับฝรั่งไม่เหมือนกันบางคั้รงพวกขับสองแถวบ้านเรานิสัยไม่ดีมำกๆๆต้องมาเห็นด้วยตาแล้วจะรู้ มันจะมีดีกับไม่ดีปนกัน บางคนอาจประทับใจ บางคนอาจไม่ประทับใจกัลบ
โดย: เจ้าอานนท์ IP: 124.157.138.230 วันที่: 16 กันยายน 2550 เวลา:17:16:58 น.
  
ผมจะยกตัวอย่างโค๊กกระป๋อง 14บาทคนไทยแต่ต่างชาติ 60บาท อย่างอื่นก็คิดเองนะ อันนี้ในพัทยานะ ในพัทยาในช่วงกลางคืนน่ากลัวมากๆชายหาดในตอนนี้ ในเวียดนามผมว่าน้องๆเรานะ
โดย: เจ้าอานนท์ IP: 124.157.138.230 วันที่: 16 กันยายน 2550 เวลา:17:30:26 น.
  
เห็นด้วยค่ะ สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว ที่ไหนๆ ก้อแพงทั้งนั้นล่ะ

แต่ที่เวียดนาม นักท่องเที่ยวค่อนข้างจะโดนขูดรีดมาก แล้วที่แปลกคือ ต่อไปเหอะ ต่อมากๆ ไม่ได้เดินออก แล้วเราก็จะได้ราคานั้นเอง ถ้าเป็นบ้านเรา คงโดนด่า แต่ที่นี่เค้ายิ้มแย้มลดราคาให้เราเองค่ะ

ปล.จะไปอีกรอบ ไม่เข็ดๆ ค่ะ
โดย: แก้มยุ้ย จขบ. IP: 61.19.222.31 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:45:30 น.
  
เคยดูในรายการทีวี น่าไปค่ะ

อ่านแล้วคล้อยตามแอบขำ very old dragon เอิ๊กๆ
โดย: ม่านหมอกในตะเกียง วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:06:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมวยแก้มป่อง
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



"All Or Nothing"

ถ้าจะรักต้องให้หมดทั้งใจ หรือก็ไม่ต้องเลย
Friends Blog
[Add หมวยแก้มป่อง's blog to your weblog]