สวัสดีคะ.... ขอเขียนเรื่องที่แอบใกล้ตัวเอ๋ยมากๆมาฝากกันคะ เพราะเอ๋ยเชื่อว่ามีเพื่อนๆหลายๆคน ที่อยากมาเป็นคริสต์...แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไงดี วันนี้เอ๋ยก็ขอเสนอ... คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจจะมาเป็นคริสต์
(หมายรวมถึง..คริสเตียนและคริสตังนะคะ)
การเปลี่ยนศาสนาเนี่ย...ไม่ใช่เรื่อง เล็กๆนะคะ
เอ๋ยคนหนึ่งที่เปลี่ยนมุมใหม่มาเป็นแนว นี้
เอ๋ยเลยอยากแนะนำสำหรับเพื่อนๆที่สนใจนะ คะ
ขอย้ำว่า...กรุณาใช้วิจารณญาณประกอบการอ่าน
เพราะบทความนี้เขียนจากทัศนคติของผู้เขียน และประสบการณ์ล้วนๆ
ในมุมมองของผู้เคยนับถือศาสนาพุทธมาก่อน
ไม่ได้มุมหมายจะทำร้ายศาสนาใดๆทั้งนั้น
เนื่องจากเรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วน บุคคลนะคะ
ก็ขอให้เพื่อนๆที่คิดว่าอยากเปลี่ยนมุม มองเป็นคริสต์
มองในแง่ว่า....
ทำไมคุณคิดจะเปลี่ยน? (เพราะที่โบสถ์ถามเป็นคำถามแรกเลยคะ)
เปลี่ยนแล้วจะเปลี่ยนกลับเป็นศาสนาเดิมหรือเปล่า หากเปลี่ยนแล้วยังรู้สึกไม่ดีเท่าศาสนาเดิม?
แล้ว.. ทำไมคุณถึงคิดว่าศาสนาคริสต์ จะช่วยพัฒนาหรือยกระดับจิตใจและชีวิตของคุณได้?
ซึ่งเอ๋ยเอง...ก็คิดมานานและ... โดน เพื่อนสนิทๆถามแนวนี้มาตลอดเลยคะ
และถ้าคุณคิดจะเปลี่ยนมุมมอง....เป็น คริสต์แล้ว
อย่าเพิ่งตัดสินว่าจะเลือกเดินทางไหนโดยทันทีเลยนะคะ
เพราะตัวเราเองจะไม่รู้ว่าจริงๆเราต้องการและ ใช่ตัวเราหรือเปล่า
(เอ๋ยก็...เกือบไปแล้วเหมือนกันคะ...)
พอคุณคิดได้ว่า...โอเค พร้อมแล้วล่ะ
ลองดูความต่างของแต่ละนิกายของศาสนา คริสต์
ซึ่งในประเทศไทยมีคริสต์ 3 รูปแบบ
นั้นคือ....
คริสเตียน = Protestant
คริสตัง = Catholic
และ...ที่ศาสนจักรและศาสนาคริสต์กันเอง ยังไม่ยอมรับคือ..มอมอน
(โดยส่วนตัวเอ๋ยเอง...ได้ปรึกษาเพื่อน ที่เป็นคริสเตียน เค้าก็บอกว่ามอมอนเน้นการสอนเชิงไสยศาสตร์)
และแต่ละนิกายนั้นก็ล้วนมีแก่นของตัวเอง ที่แตกต่างกันเยอะคะ
ซึ่งเอ๋ยเองก็คงไม่ค่อยได้.. เพราะ เรื่องอย่างงี้คุณต้องพิจารณาด้วยตัวเองคะ
และที่อยากแนะนำคือ... ถ้าแถวบ้านมีโบสถ์ ของคริสต์ทั้งคริสตังและคริสเตียน
แนะนำเลยคะ...ว่าให้ลองไปทั้งสองนิกายเลย
ไม่ใช่ไปลองนั่งๆแค่ครั้งเดียวนะ คะ ...ต้องลองหลายๆครั้ง
เพราะเราจะรู้สึกมึนๆในครั้งแรก ทำให้เรารับรู้อะไรไม่ได้มาก
ลองไปสัมผัสสังคม วิถีชีวิต วัฒนธรรมของพวกเค้าก่อน
ในเมื่อเราตัดสินใจแล้วว่า...จะเลือกทาง แนวนี้
เราก็ควรศึกษาทั้งในแง่ทฤษฎีและในแง่ ปฏิบัติ
เพราะเราจะตัดสินวิถีชีวิตใหม่ของเรา ด้วยข้อมูลแง่ ทฤษฎีอย่างเดียวไม่ได้หรอกคะ
และมันจะทำให้เราไม่เข้าใจชีวิตตัวเอง เลย
แล้วเมื่อลองไปสัมผัสกับชีวิตในโบสถ์ของ ทั้งสองนิกาย
ทีนี้...คุณต้องถามใจตัวเองแล้วล่ะคะ
ว่าอยากเลือกทางเดินไหน
ในกรณีที่คุณตัดสินใจได้แล้วว่าจะเป็น คริสตัง
คุณต้องไปเรียนศาสนาที่โบสถ์ของCatholic
ย้ำว่าต้องเป็นโบสถ์นะคะ...วัดเล็กๆ ไม่ได้นะคะ
เพราะบางแห่งไม่มีการเรียนการสอนศาสนา
ซึ่งถ้าคุณอยากเรียนเป็นห้องเรียนใหญ่ๆ
ก็เชิญที่อัสสัมชัญที่บางรักนะคะ
(ก็ในโรงเรียนอัสสัมชัญนั้นแหละคะ)
ถ้าอยากเรียนแบบ...เลือกเวลาเรียนได้
ขอเชิญที่วัดพระมหาไถ่ ซอยร่วมฤดี แถวสวนลุม
หรือแล้วแต่ความสะดวกในการเดินทางของเพื่อนๆนะคะ
เอ๋ย...เป็นคนกรุงเทพ.. .จะแนะนำในเขตต่างจังหวัดคง..ได้ข้อมูลไม่ดีเท่าไร
แล้วกว่าจะเป็นคริสตังได้... คุณต้องเรียนศาสนากับบราเดอร์ หรือบาทหลวงของโบสถ์
ตั้งแต่ปฐมกาล ประวัติศาสตร์ของศาสนาคริสต์เลยคะ
ซึ่งบอกได้เลยว่า... ต้องใช้ความพยายาม และต้องตั้งใจเรียนพอสมควรคะ
และ...ถ้าคุณรีบร้อนเปลี่ยนเป็นคริสตัง คุณก็คิดผิดแล้วล่ะคะ
อย่างน้อยๆคือ 3 – 4 เดือน(กรณีมาเรียนทุกวันนะคะ)
นานสุดคือประมาณ 1 ปี(มาเรียนแค่อาทิตย์ละครั้ง)
เมื่อเรียนได้...สักช่วงหนึ่งแล้ว..หรือ ตามที่บราเดอร์เห็นสมควร
คุณก็จะได้เข้าพิธีเข้ารีตเป็นคริสตัง
ส่วนคริสเตียน...ก็ไม่เชิงว่าเหมือนกับ คริสตังมากหรอก
คือคุณต้องรับเชื่อก่อนหรือเรียนศาสนาแล้วรับเชื่อก็ได้
รับเชื่อคืออะไร?
รับเชื่อคือการที่ยอมรับแล้วถึงการมีตัว ตนของพระเจ้า
พร้อมกับยินดีที่จะเดินตามวิถี ที่พระองค์ได้เลือกสรรให้เรา
(เอ๋ยอาจใช้ภาษาไม่ถูกต้องก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ ...แต่สรุปๆได้ก็ประมาณนี้อ่ะคะ)
พอรับเชื่อหรือเรียนได้สักระยะหนึ่ง แล้ว...
ก็จะเข้าพิธี บัพติสมา... (ในส่วนนี้เอ๋ยก็ยังไม่ได้เข้าพิธีเลยคะ)
เพื่อเป็นการ ประกาศตัวว่า ...เราเป็นคริสเตียนแล้ว(อย่างเต็มตัว)
วันนี้ก็อาจจะเขียนเยอะไปนิดหน่อยนะคะ
แต่ถ้าเพื่อนๆคนไหนสงสัย ก็ถามเข้ามาได้ในกล่องcommentด้านล่างเลย นะคะ
หรือจะหลัง ไมค์หรือทางไหนก็ได้คะ...เอ๋ยยินดีช่วยคะ
แค่อย่าเม้น อะไรเสียๆหายๆก็แล้วกันคะ
|