Gade + Dirk = GaDirk
มารู้จักกับเยอรมนี....ว่าด้วยเรื่องประเทศและประชาชน

ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (หรือต่อไปขอเรียกสั้นๆ ว่า เยอรมนี) ตั้งอยู่ในใจกลางทวีปยุโรป จึงเป็นเสมือนสะพานเชื่อมต่อตะวันตกกับตะวันออก เหนือกับใต้ เยอรมนีเป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในยุโรป ได้รวมประเทศเยอรมนีทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกันใน พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) โดยมีประเทศเพื่อนบ้านล้อมรอบอยู่เก้าประเทศ เยอรมนี เป็นภาคีของสหภาพยุโรป และนาโต้ ดังนั้นจึงเป็นมิตรประเทศของบรรดาประเทศในยุโรปตอนกลาง และตะวันออก ซึ่งกำลังพัฒนาไปสู่ยุโรปที่เป็นเอกภาพ

พื้นที่ของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี คือ 357,022 ตารางกิโลเมตร เส้นทางยาวที่สุดจากเหนือจรดใต้ เมื่อวัดทางอากาศคือ 876 กิโลเมตร ส่วนเส้นทางจากตะวันตกจรดตะวันออก คือ 640 กิโลเมตร เยอรมนีมีประชากรประมาณ 82.6 ล้านคน และมีลักษณะโดดเด่นด้วยความหลายหลายทางวัฒนธรรม ตลอดจนเอกลักษณ์ของภูมิภาค และเมืองกับภูมิทัศน์อันสวยงาม

ภูมิประเทศ
ภูมิประเทศของเยอรมนีมีความหลากหลายมาก กล่าวคือประกอบด้วยทั้งแนวเขาสูงต่ำ สลับกับที่ราบสูง ภูมิประเทศแบบภูเขา เนินเขา และทะเลสาบ เสริมด้วยที่ราบลุ่มอันกว้างใหญ่ เยอรมนีตั้งแต่ตอนเหนือไปจนถึงตอนใต้ แบ่งออกเป็นห้าเขตภูมิประเทศใหญ่ ได้แก่
ที่ราบลุ่มตอนเหนือ ซึ่งเต็มไปด้วย แถบเนินเขา พร้อมทั้งทุ่งหญ้าและท้องทุ่งอันมีสุมทุมพุ่มไม้ปกคลุม รวมกับพื้นที่อุดมสมบูรณ์ไปจนถึงแนวเทือกเขาตอนกลาง ตามแนวอ่าวที่ราบต่ำนี้ ประกอบด้วยอ่าวชายฝั่งรัฐนีเดอร์ไรน์ เวสท์ฟาเลน และซัคเซนเธือริงเรน ถัดจากชายฝั่งออกไปในทะเลเหนือ คือหมู่เกาะจำนวนมากอาทิเช่น บอร์คุม นอร์เดร์ไนย์ ซิลท์ และเฮลโกลันด์ สำหรับชายฝั่งทะเลบอลติค มีหมู่เกาะรือเกน ฮิดเดนเซ และเฟมาร์น ชายฝั่งทะเลบอลติคบางส่วน เป็นชายฝั่งพื้นราบเรียบ แต่บางส่วนเป็นชายฝั่งมีหน้าผาสูงชัน ระหว่างทะเลเหนือกับทะเลบอลติคเป็นพื้นที่เนินเขาขนาดเตี้ย เรียกว่าสวิตเซอร์แลนด์แห่งรัฐโฮลชไตน์

ตอนเหนือและตอนใต้ของเยอรมนีแบ่งแยกออกจากกันด้วยแนวเทือกเขาตอนกลาง โดยมีที่ราบลุ่มแม่น้ำไรน์ตอนกลางกับที่ราบต่ำในรัฐเฮสเซน เป็นแนวตามธรรมชาติเพื่อการคมนาคมระหว่างเหนือกับใต้ กลุ่มเทือกเขาตอนกลางประกอบด้วยภูเขาฮุนส์รึค ไอเฟล เทานุส และเวสเทอร์วัลด์ ส่วนตอนกลางของประเทศเยอรมันมีแนวเขาโดดเดี่ยวคือฮาร์ซ

ถัดไปทางตะวันออก เป็นแนวเขาไบริเชวัลด์ ฟิคเทล และแอร์ซ ป่าชวาซวัลด์ (ป่าดำ) ซเปสซาร์ท และชเวบิเช อัลป์ เรียงรายอยู่ตามชายที่ราบลุ่มของแม่น้ำไรน์ช่วงบน อันเป็นแกนกลางสำคัญที่สุดสำหรับการคมนาคมแนวเหนือใต้เพราะไหลผ่านหุบเขาอันคับแคบไปสู่เทือกเขาชีเฟอร์
แถบไหล่เทือกเขาแอลป์ทางตอนใต้ของเยอรมนี เต็มไปด้วยเนินเขา และทะเลสาบขนาดใหญ่ทางใต้ อีกทั้งยังเสริมด้วยที่ราบอันมีกรวดหิน ตลอดจนพื้นที่เนินเขาในรัฐไบเอิร์นทางใต้ และที่ราบลุ่มแม่น้ำดานูบ เอกลักษณ์ของภูมิประเทศแถบนี้คือบริเวณที่มีซากพืชพรรณอันกลายเป็นถ่านหิน พร้อมทั้งแนวเนินเขาทรงโค้งกับทะเลสาป (คีมเซ ชตาร์นแบร์เกอร์เซ) เทือกเขาแอลป์ส่วนที่อยู่ในเยอรมนี ระหว่างทะเลสาบโซเดนเซกับเมืองแบร์ซเทสกาเดนนั้น เป็นเพียงบริเวณแคบ ๆ ในเทือกเขาดังกล่าวนี้เท่านั้น

กล่าวคือ เทือกเขาแอลป์ในอัลกอย แอลป์ในไบเอิร์น และแอลป์ในแบร์ชเทสกาเดน ท่ามกลางโลกของขุนเขาเหล่านี้ เต็มไปด้วยทะเลสาบที่วิจิตรงดงามดังเช่น ทะเลสาบเคอนิกซ์เซใกล้แบร์ชเทสกาเดน อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวในความนิยม ได้แก่การ์มิช-พาร์เทนเคียร์เชน และมิทเทนวัลด์

ภูเขา
ซูกชปิทเซ (เทือกเขาแอลป์ตอนเหนือ) 2,962 เมตร
วัทซ์มัน (เทือกเขาแอลป์ตอนเหนือ) 2,713 เมตร
เฟลด์แบร์ก (ป่าดำ) 1,493 เมตร
โกรสเซอร์ อาร์เบอร์ (ป่าไบเอิร์น) 1,456 เมตร
ฟิคเทลแบร์ก (เทือกเขาแอร์ซ) 1,215 เมตร
บรอคเคน (ฮาร์ซ) 1,142 เมตร

แม่น้ำสายต่าง ๆ ในเยอรมนี
ไรน์ 865 กิโลเมตร
เอลเบ 700 กิโลเมตร
ดานูบ 686 กิโลเมตร
ไมน์ 524 กิโลเมตร
เวเซอร์ 440 กิโลเมตร
ชเปร 382 กิโลเมตร
โมเซล 242 กิโลเมตร

ทะเลสาบ
โบเดนเซ 305 ตารางกิโลเมตร*
มือริทซ์ 110.3 ตารางกิโลเมตร
คีมเซ 82 ตารางกิโลเมตร
ชเวริเนอร์เซ 60.6 ตารางกิโลเมตร
ชตานแบร์เกอร์ เซ 57.2 ตารางกิโลเมตร

* (ส่วนที่อยู่ในเยอรมนี จากจำนวน 528 ตารางกิโลเมตร)

เกาะต่าง ๆ
รือเกน 930 ตารางกิโลเมตร
อูเซดอม 373 ตารางกิโลเมตร
เฟมาร์น 185 ตารางกิโลเมตร
ซิลท์ 99 ตารางกิโลเมตร
เฟอร์ 83 ตารางกิโลเมตร*

*(ที่อยู่ในเยอรมนีจาก 445 ตารางกิโลเมตร)
ลำคลองเพื่อการคมนาคม
คลอง มิทเทลลันด์คานาล 321 กิโลเมตร
คลอง ดอร์ทมุนด์-เอมส์-คานาล 269 กิโลเมตร
คลอง ไมน์-ดานูบ-คานาล 171 กิโลเมตร
คลอง เชื่อมทะเลเหนือ-ทะเลบอลติค 99 กิโลเมตร
เขื่อนในหุบเขา
ไบลลอค (ม.ซาเล) 215 ล้านลูกบาศก์เมตร
ชวันเมนเอาเอล (ม.รัวร์) 205 ล้านลูกบาศก์เมตร
เอเดอร์เซ (ม.เอเดอร์) 202 ล้านลูกบาศก์เมตร

ภูมิอากาศ

เยอรมนีตั้งอยู่ในแถบลมตะวันตกที่มีอุณหภูมิหนาวเย็นปานกลาง ระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติค และภูมิอากาศแบบทวีปในเขตตะวันออก ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีการแปรเปลี่ยนของอุณหภูมิอย่างมาก มีฝนตกตลอดทุกฤดูกาล ในฤดูหนาวแถบที่ราบต่ำอุณหภูมิเฉลี่ยคือ 1.5 องศาเซลเซียส และแถบเทือกเขา -6 องศาเซลเซียส ส่วนค่าเฉลี่ยเดือนกรกฎาคม แถบที่ราบต่ำคือ18 องศาเซลเซียส และแถบหุบเขาร่มรื่นปราศจากแสงแดดทางใต้ 20 องศาเซลเซียส แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึง หุบเขาของแม่น้ำไรน์ตอนบนซึ่งมีภูมิอากาศสบาย และไบเอิร์นตอนบน ซึ่งมีลมอุ่นพัดผ่านอย่างสม่ำเสมอ ร่วมด้วยลมใต้อบอุ่นจากเทือกเขาแอลป์ ตลอดจนเทือกเขาฮาร์ซ อันมีกระแสลมหนาว มีฤดูร้อนที่หนาวเย็น และฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยหิมะ จึงเป็นเขตภูมิอากาศที่มีลักษณะเฉพาะตัว

พลเมือง
ในเยอรมนีมีประชากรประมาณ 82.6 ล้านคน จากจำนวนนี้ 7.3 ล้านคนเป็นชาวต่างชาติ คิดเป็นร้อยละ 8.9 ของประชากรทั้งหมด ซึ่งย่อมหมายถึงความหลากหลายอันได้มาจากผู้อพยพเข้ามาอยู่ในเยอรมนีชนกลุ่มน้อย ตลอดจนภูมิภาค และรัฐต่าง ๆ พร้อมด้วยขนบธรรมเนียมและภาษาถิ่น

ประชากร
ประชากรในเยอรมนีกระจายตัวอยู่ แตกต่างกันมากในแต่ละภูมิภาคนั่นคือประมาณหนึ่งในสามของประชากรได้แก่ประมาณ 25 ล้านคน ใช้ชีวิตอยู่ใน 82 เมืองใหญ่ ส่วนอีก 50.5 ล้านคนอยู่ในชุมชนและเมืองที่มีประชากรระหว่าง 2,000 ถึง 100,000 คน นอกจากนั้นอีกประมาณ 6.4 ล้านคน อาศัยอยู่ในย่านที่มีประชากรไม่เกิน 2,000 คน บริเวณผู้อพยพเข้าในเบอร์ลิน ซึ่งขยายตัวอย่างรวดเร็วตั้งแต่การรวมประเทศเยอรมนี มีประชากรมากกว่า 4.3 ล้านคน ในเขตอุตสาหกรรมริมแม่น้ำไรน์ และรัวร์ ที่ซึ่งเมืองต่าง ๆ มักเหลื่อมล้ำเข้าหากัน เพราะไม่มีเส้นขีดคั่นอย่างชัดเจนนั้นมีประชากรมากว่า 11 ล้านคน กล่าวคือ 1,100 คนต่อตารางกิโลเมตร

ภูมิภาคอันมีประชากรหนาแน่นดังกล่าวนี้แตกต่างจากอาณาบริเวณที่มีประชากรเบาบางมาก อาทิเช่น บริเวณอันกว้างใหญ่ของรัฐมาร์ค บรันเดนบวร์ก และเมคเคลนบวร์ก-ฟอร์พอมเฟิร์น

กล่าวโดยสรุปแล้ว นับได้ว่าเยอรมนีซึ่งมีประชากรหนาแน่นถึง 230 คนต่อตารางกิโลเมตร เป็นประเทศที่มีความหนาแน่นมากแห่งหนึ่งในยุโรป แต่ก็มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างบริเวณสหพันธ์ดั้งเดิม กับบริเวณอดีตสาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมัน กล่าวคือในรัฐใหม่ของสหพันธ์ฯ และเบอร์ลินตะวันออกมีประชากรหนาแน่นถึง 140 คนต่อตารางกิโลเมตร ในขณะที่รัฐของสหพันธ์ฯ เดิม มีประชากรหนาแน่นถึง 267 คนต่อตารางกิโลเมตร
เยอรมนีจัดว่าอยู่ในบรรดาประเทศที่มีอัตราการเกิดต่ำที่สุดในโลก เนื่องจากมีจำนวนการเกิดใหม่เพียง 9 คนต่อประชากร 1,000 คนต่อปี นอกจากชาวเยอรมันจะมีบุตรน้อยแล้ว ยังมีบุตรช้าอีกด้วย ผู้หญิงมักให้กำเนิดบุตรคนแรก เมื่ออายุ 30 แล้ว ขณะนี้ผู้หญิงแต่ละคนมีบุตรเพียง 1.3 คนเท่านั้น อย่างไรก็ตามจำนวนประชากรของเยอรมนี ยังคงเดิมในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนั้นจำนวนการเกิดที่ลดลงก็มีการชดเชยด้วย คลื่นผู้อพยพประมาณ 3 ล้านคน กล่าวได้ว่าอัตราการเกิดต่ำและอายุที่ยืนยาวมากขึ้นซึ่งสำหรับทารกชายที่เกิดใหม่คือ 74.4 ปี และสำหรับทารกหญิงเพิ่งคลอดคือ 80.6 ปี มีผลกระทบต่อโครงสร้างอายุของประชากร ในพ.ศ. 2573 คาดว่าจำนวนผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี จะเพิ่มจากร้อยละ 23 เป็นร้อยละ 30 ฉะนั้นสัดส่วนของกลุ่มประชากรซึ่งยังคงทำงานอยู่และกลุ่มประชากรที่เกษียณอายุงานแล้ว จะขยับไปอยู่ในกลุ่มหลังซึ่งมิได้ประกอบอาชีพอีกต่อไป

การมีครอบครัวยังคงเป็นรูปแบบการใช้ชีวิตร่วมกันที่นิยม นั่นคือส่วนใหญ่ของประชากรอยู่ในครอบครัว โดยครึ่งหนึ่งเป็นครอบครัวตามแบบแผนได้แก่คู่สมรสกับบุตร อย่างไรก็ตามจะเห็นว่ามีความโน้มเอียงไปสู่ลักษณะครอบครัวขนาดเล็ก ในท่ามกลางจำนวนครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ทุกคนที่ 4 ของประชากรในเมืองใหญ่อยู่คนเดียว แต่ทุกคนที่ 7 ในชนบทหรือเมืองเล็กอยู่คนเดียว ผู้คนประมาณ 2.4 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงใช้ชีวิตคนเดียวร่วมกับบุตร

ภาษาเยอรมัน

ภาษาเยอรมันจัดเป็นกลุ่มหลักในภาษาอินโด-เจอร์มานิค แต่จัดเป็นภาษาเจอร์มานิคในกลุ่มหลักอีกทีหนึ่ง ดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์กับภาษาเดนิช นอร์เวย์ สวีดิช ดัตช์ และเฟลมิช รวมทั้งภาษาอังกฤษด้วย เมื่อตอนปลายสมัยกลางนั้น มีภาษาเขียนตามท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากการเผยแพร่คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลของลูเธอร์ อย่างกว้างขวางแล้ว ภาษาเขียนอันเป็นเอกภาพก็ค่อยปริวรรตน์ขึ้น ภาษาเขียนดังกล่าวมีรากฐานส่วนใหญ่มาจากภาษาทางการของซัคเซน (ไมส์เนอร์)

เยอรมนีมีภาษาถิ่นจำนวนมาก ฉะนั้นภาษาถิ่นและสำเนียงจึงบ่งบอกว่าแต่ละคนมาจากภูมิภาคใด ด้วยเหตุนี้ถ้าชาวเมคเคลนบวร์กสนทนากับชาวไบเอิร์นด้วยภาษาท้องถิ่นของตน ก็จะทำความเข้าใจกันด้วยความยากลำบากยิ่ง ทั้งนี้เนื่องจากในอดีตมีคนหลายเผ่าอาศัยอยู่ในอาณาบริเวณอันเป็นเยอรมนีปัจจุบัน ซึ่งได้แก่ เผ่าฟรังค์ ซัคเซน ชวาเบน และไบเอิร์น แม้ว่าทุกวันนี้เผ่าพันธุ์เก่าแก่เหล่านี้ จะไม่ปรากฏในรูปแบบดั้งเดิมแล้วก็ตาม ขนบธรรมเนียมและภาษาถิ่นของพวกเขาก็ยังคงดำรงอยู่ต่อไปในกลุ่มภูมิภาคต่าง ๆ

ปัจจุบันภาษาเยอรมันเป็นภาษาแม่ในออสเตรีย ลิคเทนชไตน์ ในส่วนใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ ทิโรลตอนใต้ (อิตาลีทางเหนือ) ชเลสวิกตอนเหนือ (เดนมาร์ค) และในบางบริเวณขนาดเล็กในเบลเยียมกับลักเซมเบิร์ก ตามแนวชายแดนเยอรมนี นอกจากนี้ยังมีชนกลุ่มน้อยดังเช่น ชาวเยอรมันไนโปแลนด์ โรมาเนีย และประเทศต่าง ๆ ในสหภาพโซเวียดเดิม ซึ่งคงอนุรักษ์ภาษาเยอรมันไว้ ภาษาเยอรมันเป็นภาษาแม่ของผู้คนมากกว่า 100 ล้านคน หนังสือทุกเล่มที่สิบ ซึ่งเผยแพร่ในระดับโลก เขียนเป็นภาษาเยอรมัน

ชนกลุ่มน้อยในชาติ

ในเยอรมนีมีชนกลุ่มน้อยในชาติสี่กลุ่ม ได้แก่ ชาวเซิร์บ (60,000) ฟรีเซน (10,000) เดน (50,000) และชาวซินที่กับโรมา-เยอรมนี (70,000) ชาวเซิร์บจากเลาซิทซ์เป็นอนุชน สืบเนื่องมาจากเผ่าพันธุ์สลาฟ ซึ่งเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำเอลเบกับแม่น้ำซาเลในคริสต์ศตวรรษที่ 6 ชื่อของพวกเขาปรากฏในเอกสารเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 1174 ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ภาษาเขียนเซิร์บ ก็ถือกำเนิดขึ้นโดยได้รับอิทธิพลจากการปฏิรูปศาสนา ชาวฟรีเซนเป็นอนุชนสืบต่อมาจากเผ่าเจอร์มานิคตามชายฝั่งทะเลเหนือ (ระหว่างแม่น้ำนีเดอร์ไรน์กับแม่น้ำเอมส์) ชนกลุ่มนี้อนุรักษ์ภาษาของตนเอง อีกทั้งขนบธรรมเนียมอันมากมายไว้ได้เป็นอย่างดี ส่วนชนกลุ่มน้อยชาวเดน อาศัยอยู่ในรัฐชเลสวิก-โฮลชไตน์ โดยเฉพาะรอบเมืองเฟลนส์บวร์ก

สำหรับจำนวนชาวซินทีและโรมา ที่มีสัญชาติเยอรมันนั้นได้เป็นเพียงตัวเลขประมาณการเท่านั้น มีคณะกรรมการกลางชาวซินทีและโรมาเยอรมัน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลของสหพันธ์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2525 ดำเนินการเพื่อให้การชดเชยแก่ผู้มีรอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ ตลอดจนเพื่อสิทธิของชนกลุ่มน้อย และปกป้องภาษาของชาวโรมา อีกทั้งยังต่อต้านการเหยียดเผ่าพันธุ์และการมีอคติด้วยพลเมืองที่มีพื้นภูมิจากการอพยพ ขณะนี้มีผู้อพยพอาศัยอยู่ในเยอรมนีประมาณ 7.3 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 8.9 ของประชากรทั้งหมด

นับแต่ตั้งทศวรรษ พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา ได้มีคนงานชาวต่างชาติทั้งชายและหญิงเดินทางเข้ามาในเยอรมนีตะวันตก ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจขยายตัว และต้องการกำลังงานเพิ่มเติม คนเหล่านี้ถูกเรียกว่าคนงานอาคันตุกะ ในตอนแรกเป็นชาวอิตาเลียน ต่อมาจึงตามมาด้วยชาวสเปน ปอร์ตุเกส ยูโกสลาเวีย และตุรกี คนเหล่านี้จำนวนมากยังคงอาศัยอยู่ ต่อไปในเยอรมนี ประมาณสองในสามของผู้อพยพได้ใช้ชีวิตอยู่ในเยอรมนีมาแล้วแปดปี หรือนานกว่านั้นเมื่อปลายปี พ.ศ. 2545 ส่วนอีกหนึ่งในสามตั้งรกรากอยู่ ในสหพันธ์สาธารรัฐเยอรมนียาวนานกว่า 20 ปี ฉะนั้นจึงมีเด็ก และเยาวชนซึ่งมีภูมิหลังจากการอพยพ จำนวนมากกว่าสองในสามถือกำเนิดในเยอรมนี

การอพยพเข้ามาและสิทธิการลี้ภัย

อนุสนธิจากการผนึกกันของสหภาพยุโรป ร่วมกับการล่มสลายของอาณาบริเวณตะวันออก และการอพยพเข้าของผู้คนจากประเทศแถบเอเชียกับอัฟริกาทำให้มีผู้คนอันมีที่มาแตกต่างกันไป จำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในหลายสิบปีที่ผ่านมา เยอรมนีเปิดประเทศรับผู้ขอลี้ภัยและผู้ลี้ภัยสงครามเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงนับได้ว่าเป็นผู้นำทางด้านเสรีภาพในการเลือกที่อยู่อาศัย ตลอดจนเสรีภาพในการประกอบอาชีพ และการตั้งถิ่นฐานภายในสหภาพยุโรป

เยอรมนีมุ่งจะบูรณาการผู้คนจากประเทศและกลุ่มวัฒนธรรมอื่น เข้าด้วยกัน ด้วยเหตุนี้นโยบายของรัฐบาลสหพันธ์ฯ จึงเป็นการกำกับและจำกัด การเพิ่มจำนวนชาวต่างชาติ ด้วยกฎหมาย โดยอนุโลมตามผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และภารกิจทางมนุษยธรรมของเยอรมนีไม่เพียงแต่เท่านั้น ยังมีการจัดสรรทรัพยากรอันมีคุณวุฒิสูงเพื่อตำแหน่งงานต่าง ๆ ซึ่งยังไม่อาจดำเนินการได้ทั้งที การว่างงานยังสูงมากในขณะนี้ ดังนั้นจึงช่วยให้เกิดตำแหน่งงานใหม่ อีกทั้งเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้แก่เศรษฐกิจและวิทยาการของเยอรมันด้วย นอกเหนือจากนั้นคือวัตถุประสงค์ในอันที่จะปรับสิทธิในการกำกับให้ง่ายขึ้น ตลอดจนกระชับกระบวนการลี้ภัยเช่นกัน
เยอรมนีต้อนรับผู้ลี้ภัยทางการเมืองจำนวนมาก รัฐธรรมนูญเยอรมันคือกฎหมายพื้นฐานนั้นให้ความคุ้มครองจากการคุมคามทางการเมืองในรูปของสิทธิพื้นฐานของปัจเจกบุคคล ในพ.ศ. 2536 สิทธิในการลี้ภัย แสดงถึงภารกิจอันแท้จริง นั่นคือ ให้ความคุ้มครองแก่ผู้ที่ถูกคุมคามทางการเมืองด้วยเหตุนี้ ชาวต่างชาติที่มาจากประเทศที่สามอันปลอดภัย จึงไม่สามารถอ้างอิงด้วยสิทธิพื้นฐานข้อนี้ได้อีกต่อไป นอกจากนั้นเยอรมนียังรักษาสิทธิ โดยมิได้ละเมิดสนธิสัญญาการลี้ภัยแห่งเจนีวา ในอันที่จะจัดทำรายชื่อประเทศต่าง ๆ ที่ไม่มีการคุกคามทางการเมือง ตามข้อมูลของทางการ และเพราะฉะนั้นจึงไม่มีสิทธิในการลี้ภัยแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามในเยอรมนีผู้ขอลี้ภัยทุกคนสามารถใช้สิทธิทางศาลได้เสมอ และดำเนินการได้จนขึ้นไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญ นับแต่ พ.ศ. 2535 เป็นต้นมา ปรากฏว่าจำนวนผู้ขอลี้ภัยลดลงอย่างต่อเนื่อง
ดังจะเห็นได้ว่าในแต่ละปีใน พ.ศ. 2535 มีผู้ขอลี้ภัยถึง 438,191 คน และลดลงต่ำกว่า 100,000 คน ตั้งแต่ พ.ศ. 2541 เป็นต้นมา และใน พ.ศ. 2545 มีเพียง 71,127 คน

สัญชาติ

เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2543 นั้นบทบัญญัติอันสำคัญในกฎหมายใหม่เพื่อปฏิรูปสิทธิเกี่ยวกับสัญชาติ มีผลบังคับใช้ เด็กที่เกิดในเยอรมนีโดยมีบิดามารดาต่างชาติ จะได้สัญชาติเยอรมัน โดยกำเนิด แต่เงื่อนไขในการนี้ก็คือ บิดาหรือมารดาต้องพำนักอยู่ในเยอรมนีถูกต้องตามกฎหมายมาแปดปีแล้ว โดยมีสิทธิในการพำนัก และได้ใบอนุญาตให้พำนักโดยไม่มีกำหนดเวลามาก่อนสามปี แต่ถ้าเด็กมีสัญชาติอื่น โดยกำเนิดให้เลือกได้เมื่อบรรลุนิติภาวะระหว่างสัญชาติเยอรมันกับสัญชาติอื่น

กฎหมายมอบสิทธิการเข้าเป็นพลเมืองตามกำหนดโดยเงื่อนไขเดียวกันให้แก่เด็ก ซึ่งยังมีอายุไม่ครบ 10 ปี ณ วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2543 ไม่เพียงเท่านั้น ชาวต่างชาติทั้งชายและหญิงก็มีสิทธิโอนสัญชาติ เมื่อผ่านไป 8 ปีแทนที่จะเป็น 15 ปีแต่เดิม สิทธิดังกล่าวนี้ผูกพันกับความรู้ภาษาเยอรมันอย่างเพียงพอ รวมกับการยอมรับรัฐธรรมนูญแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี แต่มี “ข้อจำกัดเพื่อป้องกัน” ประการใหม่ ซึ่งขัดขวางการโอนสัญชาติในชาวต่างชาติที่มีแนวคิดการเมืองอันรุนแรงสุดโต่ง ตามหลักการนั้นการโอนสัญชาติย่อมหมายถึงการยกเลิกสัญชาติเดิม อย่างไรก็ตามยังมีข้อยกเว้นที่บัญญัติในกฎหมาย กล่าวคือ ถ้ามีการยื่นคำร้องของสัญชาติอื่นให้สัญชาติเยอรมันเป็นอันจบสิ้นไปโดยปริยาย ทั้งนี้โดยไม่เกี่ยวข้องกับข้อที่ว่าบุคคลนั้นยังคงมีที่อยู่อาศัยในประเทศเยอรมนีหรือไม่ พร้อมกันนั้นก็ยังเปิดโอกาสให้สามารถขออนุมัติดำรงสัญชาติเยอรมันต่อไปได้ สำหรับผู้อพยพรุ่นหลังจากยุโรปตะวันออกจะได้สัญชาติเยอรมันโดยอัตโนมัติ เมื่อได้รับใบรับรองผู้อพยพ

บุคคลผู้กำกับดูแลผลประโยชน์ของพลเมืองชาวต่างชาติ คือ ผู้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลสหพันธ์ฯ เพื่อประเด็นปัญหาต่าง ๆ ทางด้านนโยบายชาวต่างชาติ อีกทั้งดำเนินการเจรจาร่วมกับนักการเมืองทั้งจากเยอรมนีและต่างชาติ ตลอดจนร่วมกับผู้แทนพันธมิตรทางสังคม และกลุ่มสังคมอื่น ๆ นอกจากนั้นยังเป็นคู่เจรจากับองค์กรทางด้านกิจการเกี่ยวกับชาวต่างชาติ และสานสัมพันธ์ต่อเนื่องกับสถานเอกอัครราชทูตของบรรดาประเทศ ซึ่งทรัพยากรกำลังงานและเดินทางมาเยอรมนี พร้อมทั้งดำเนินการเจรจากับผู้แทนรัฐบาลในประเทศนั้น ๆ อีกด้วย

ที่มา...//www.german-embassy.or.th


Create Date : 13 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 25 สิงหาคม 2550 22:48:34 น. 2 comments
Counter : 673 Pageviews.

 
อยู่มาก็หลายปี บางเรื่องก็ยังไม่รู้เลย

danke schoen


โดย: monchen วันที่: 14 พฤศจิกายน 2549 เวลา:19:41:38 น.  

 
ยินดีค่ะ เอามาแบ่งปันความรู้กันค่ะ เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่เกดเองก็ต้องเรียนรู้ค่ะ


โดย: gadeja วันที่: 27 พฤศจิกายน 2549 เวลา:19:34:38 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

gadeja
Location :
Bangkok Germany

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เป็นผู้่หญิง เป็นภรรยา เป็นคุณแม่ลูกสอง ที่มีอะไรอีกมากมายที่อยากทำ แต่ ณ ตอนนี้สุขภาพและครอบครัวสำคัญกว่า เราคงไม่หักโหมทำอะไรเกิน และไม่คิดมากอีกต่อไป จะมองแค่ว่า...เราจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อให้เรามีสุขภาพที่ดีที่สุด เพื่อคนที่เรารักดีกว่า
Lilypie Third Birthday tickers Lilypie Angel and Memorial tickers Lilypie Angel and Memorial tickers Lilypie First Birthday tickers
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
13 พฤศจิกายน 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add gadeja's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.