Webblog : Futbol Review ท่องไปในดินแดนมหัศจรรย์ที่เรียกว่า...ฟุตบอล
Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
21 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
“ฝน” ที่ตกวันนั้น

19 ก.ย.52 สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬา ยูไนเต็ด 1-1 เมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด


“จะไปดูบอลก็รีบ ๆ หน่อยนะ...ฝนจะตกแล้ว”

น้องสาวจอมแก่นของผมตะโกนบอกระหว่างที่ผมอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปดู “สงครามของสองยูไนเต็ด” ที่สนามจุ๊บ ยูไนเต็ดหนึ่งก็อปปี้ยูไนเต็ดที่เป็นแบรนด์ฟุตบอลดังระดับโลกมา อีกยูไนเต็ดนึงสร้างขึ้นเพื่อรวมใจชาวจุฬาฯ (และคนรักบอลทั่วไป) รวมทั้งเป็นสถานอนุบาลให้นักบอลฝีเท้าดี (แต่ยังเรียนมหาลัย) ได้เพาะบ่มฝีเท้า

แม้จะรีบแล้ว แต่พอแต่งตัวเสร็จ ผมกลับทำได้เพียงมองสายฝนพรำ ๆ ผ่านหน้าต่าง ลมที่โหมกระหน่ำพัดพาให้หยดน้ำมาเกาะพร่างพราวอยู่บนกระจก สายตาที่มองผ่านกระจกและหยดน้ำทำให้ภาพที่มองเห็นเป็นภาพเบลอ ๆ

ภาพเบลอ ๆ นั้นเป็นหน้าของหญิงสาวคนหนึ่ง...เธอชื่อ “ฝน”

12 ปีที่แล้วผมได้เจอเธอเป็นครั้งแรก ใบหน้าหวานใส ดวงตากลมโตสะกดใจผมให้หยุดมองเธอ...แต่ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

ด้วยความแมนส่วนตัว พอเห็นเพื่อนและรุ่นน้อง “ออกตัว” ว่าจะจีบ ผมจึงเฟดตัวเองออกมาอย่างว่าง่าย

ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมบังเอิญได้เจอเธอถึง 2 ครั้ง ล่าสุดก็คืนก่อนจุฬา ยูไนเต็ดแข่งกับเมืองทองฯ ยูไนเต็ดนี่เอง

หลังจากทักทายกันตามมารยาท ผมก็ทำได้แค่แอบมองเธอทั้งงาน...บอกไม่ถูกว่ายังชอบเธออยู่ไหม?...แต่วินาทีที่ผมรู้สึก “จี๊ด” มันเกิดขึ้นหลังพิศใบหน้าเธอแล้วกลับทำให้ผมนึกถึงผู้หญิงอีกคนหนึ่ง

และแล้วเมื่อถึงเวลาอันสมควร เธอก็ขอตัวกลับก่อน

วินาทีนั้นผมคิดถึงหนังหลาย ๆ เรื่องที่พระเอกต้องความรู้สึกช้า...แต่ลงท้ายก็จะวิ่งตามไปเผยความในใจกับนางเอกเสมอ อันเป็นจุดไคลแมกซ์ของหนัง

ผมนั่งตัดสินใจว่าจะวิ่งหรือไม่วิ่ง...

“แข่งหรือไม่แข่ง...ไม่ใช่ปัญหาครับ แข่งแน่นอน แต่จะคิกออฟเลทไปครึ่งชั่วโมงครับ เริ่มแข่งเวลาสี่โมงครึ่ง”

ผู้สื่อข่าว (น่าจะเป็น) สปอร์ตเรดิโอโฟนอินเข้ามายังคลื่นวิทยุที่ผมฟังบนแท็กซี่เพื่อรายงานความคืบหน้าเกมไทยพรีเมียร์ลีกระหว่างจุฬา ยูไนเต็ดกับเมืองทองฯ ยูไนเต็ด




กองเชียร์อุลตรายกทัพไปปักหลักที่อัฒจันทร์ฝั่งไม่มีหลังคา

ความคึกคักของกองเชียร์เมืองทองฯ ยูไนเต็ด

กองเชียร์ Pink Panther มากันหนาตา


ตอนแรกคิดว่าจะได้เห็นภาพกองเชียร์อุลตราที่เชียร์ 90 นาทีไม่มีหมดยึดสมรภูมิอัฒจันทร์ฝั่งไม่มีหลังคาให้แดงเต็มพรึดเช่นเดียวกับกลุ่มแดงชั่วชาติที่หน้าพระบรมรูปทรงม้าซะอีก (อุ๊บส์! โทษที ดันเผลอเลี้ยวไปการเมืองซะได้ ^^!) แต่เอาเข้าจริงก็แค่เกินครึ่งมานิด ๆ ของอัฒจันทร์ฝั่งไม่มีหลังคาเท่านั้นเอง

บวกลบกองเชียร์ทั้งสนามแล้ว ลงท้ายกองเชียร์ทีมเยือนมากกว่าแค่ 2 เท่ากว่า ๆ เท่านั้นเอง

ทั้ง ๆ ที่งบประมาณทำทีมมากกว่า 3 เท่า

ทั้ง ๆ ที่สื่อประชาสัมพันธ์แข็งแกร่งกว่า 5 เท่า

ทั้ง ๆ ที่ผลงานของทีมดีกว่า 14 อันดับ (คิดเป็น 32 แต้ม)

ฯลฯ

ก่อนแข่งพี่ช่างภาพที่ถ่ายภาพให้กับเอเอฟซี.เดินมาคุยกับผม

“เชื่อพี่ วันนี้จุฬา ยูไนเต็ดจะชนะ มีเหตุผลยืนยันทั้งด้านวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์เลยแหละ”

เหตุผลด้านวิทยาศาสตร์ของเขาคือ ขุนพลเสือสามย่านเพิ่งชนะการไฟฟ้าฯมา ฉะนั้นความฮึกเหิม, ความมั่นใจต้องเปี่ยมล้นแน่ ๆ ที่สำคัญถ้าชนะแชมป์เก่าแล้วมาชนะ “ว่าที่แชมป์ใหม่” ได้อีก ตกชั้นไปใคร ๆ ก็กล่าวขวัญ

ส่วนเหตุผลด้านไสยศาสตร์...

“พี่รู้สึกของพี่อย่างนั้น”

เอ่อ...พี่ครับ พี่ช่างตอบได้กำปั้นทุบดินจริง ๆ แต่ผมก็รู้สึกอย่างเดียวกับพี่เปี๊ยบ!

แข่งไปสักพัก ช่างภาพจอมเก๋าคนเดิมยังตามมา “คอนเฟิร์ม” กับผมอีก

“ยิ่งถ้าเป็นโค้ชคนเก่า (หมายถึงโชเซ) นะ พี่ยิ่งมั่นใจว่าชนะ ก็แหมนัดแรกที่เจอกัน ถ้าจุฬาไม่ไปเตะบอลให้ยายาหลุดเข้าไปยิง เกมนั้นอาจจะเสมอก็ได้”




นักเตะเจ้าถิ่นซ้อมกันอย่างขะมักเขม้น

รองเท้าข้างนึงแดง ข้างนึงขาว นี่แหละหนึ่งในสายล่อฟ้าของลีซอ

พิชิตพงษ์ เฉยฉิวจอมทัพเมืองทองฯ ยูไนเต็ดขณะซ้อม


จุฬา ยูไนเต็ดวันนี้ใช้ 11 ตัวแรกชุดล้มแชมป์เก่าลงทั้งชุด ถ้าจะมีอะไรใหม่ก็...ทรงผมของเนโตและอารอนน่ะสิที่นัดกันถักผมมา

“มันเป็นเรื่องสนุก ๆ เรื่องนึงในแคมป์นักเตะ ซึ่งผมและอารอนตอนนี้มีความสุขกับที่นี่มาก” เนโตว่า พลางเสริมต่อว่า “มันเป็นอีกสีสันหนึ่งของเกมลูกหนังเท่านั้นเอง”

เนโตกับอารอนไม่ได้สร้างสีสันแค่เพียงทรงผมเท่านั้น แต่ลีลาลูกหนังของทั้งคู่ต้องบอกว่า “สุดยอด” จริง ๆ ทั้งการครองบอล, ลากลุย รวมไปถึงการจ่ายต่อให้เพื่อนในแบบที่ทำให้คู่แข่ง “ดูโง่ ๆ” ไปเลย

ในขณะที่จ่าฝูงผู้มาเยือนวันนี้ไม่มีเจ้ามุ้ย ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าทีมชาติไทยที่ยังบาดเจ็บจึงหุบลีซอ ธีรเทพ วิโนทัยเป็นหน้าเป้าแล้วใช้ยายา ซูมาโฮโรกับสาลาฮูดิน อาแวเล่นริมเส้น

แต่เล่น ๆ ไปลีซอเหมือนจะชอบออกไปกระชากบอลจากริมเส้นตามสไตล์ถนัดซะมากกว่าและแน่นอนทุกครั้งที่อดีตศูนย์หน้าลีร์เซได้บอล เสียงโห่จะดังระงมขึ้นทันที

กองเชียร์ Pink panther ไม่ใช่คอบอลนอกที่โกรธลีซอจากการตะโกน “แมนฯ ยูฯ” หลังตีเสมอลิเวอร์พูลได้ หรือโกรธที่ศูนย์หน้าเบอร์ 14 คนนี้ไปเตะมาสเชราโน แต่เหตุที่โห่นั้นเป็นเพราะตัวลีซอเองนั่นแหละที่ชอบออกลูกแอ๊คซะเกินฝีเท้า

ไอ้ฟุเหยินเพื่อนผมซึ่งเคยไปกรีซกับลีซอมาแล้วเมื่อคราววิ่งคบเพลิงโอลิมปิกบอกว่า

“เมื่อก่อนมันน่ารักนะ ใส ๆ เจอฝรั่งเตะบอลอยู่ มันก็เข้าไปจะเดาะบอลโชว์เค้า แต่เดาะได้ 2 ทีก็หล่นแล้ว ฮ่า ๆ ๆ แต่เดี๋ยวนี้มัน...”

ว่าแล้วก่อนแข่ง หมอนี่ก็คิดจะชวนซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ที่เคยแสดงหนัง “เพื่อนสนิท” ด้วยกันมาก่อนแถมยังเป็น “สาวกลีซอตัวยง” (ในแง่ด่านะ) มาร่วมแจมเฉพาะกิจครั้งนี้ด้วย (แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มา)




วรชัย สุรินทร์ศิริรัฐและเจษฎา จิตสวัสดิ์กัปตันและกองหลังจอมเก๋าของทั้งสองทีมนำทัพลงสนาม

นักเตะทั้งสองทีมทักทายกันก่อนเริ่มเกม

ขุนพลเสือสามย่านรวมใจกันก่อนเริ่มเกม

นักเตะจุฬา ยูไนเต็ดพร้อมลงสนามหลังรวมพลัง BOOM BAKA กับแฟน ๆ เสร็จ


ลีซอคงคิดว่าโห่ได้ก็โห่ไป แค่ 19 นาทีเท่านั้นเขาก็เรียกใบเหลืองจากอดุลย์ หมื่นสมานได้สำเร็จ

กองเชียร์อุลตราคงกลัวเหงาปากไม่มีเป้าหมายในการโห่ ก็เลยเลือกโห่เจ้าของแฮททริกแรกในไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้อย่างสมปอง สอเหลบซะเลย ทุกครั้งที่เจ้าปองได้บอล ทาร์ซานก็ทำงานทันที

เสียงโห่นั้นแสดงให้เห็นหลักจิตวิทยาว่า แม้จะโม้แหลกว่านัดนี้ชนะแน่ แต่ลึก ๆ เหล่าอุลตราก็กลัวทีมรองบ๊วยทีมนี้เหมือนกันนั่นแหละ :P

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป พิชิตพงษ์ เฉยฉิวมีโอกาสยิงฟรีคิก แต่ก็ซัดข้ามคานไปแบบไม่ได้ลุ้น กองเชียร์เจ้าบ้านแซวทันที

“พิชิตพงษ์ เฉย ๆ”

นาทีสุดท้ายไพฑูรย์ นนทะดีไหลต่อให้เนโตหลุดเข้าไปดวลเดี่ยว ๆ กับกวิน ธรรมสัจจานันท์ จอมทัพชาวบราซิลมีเวลานับ 1-10 แล้ววางเท้าให้ดีก่อนยิงด้วยซ้ำ แต่กลับยิงไปชนเสาซะงั้น ชวดโอกาสขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย

จบครึ่งแรกจึงเสมอกันไป 0-0 ในเกมที่สนุกและสูสีมาก จนดูไม่ออกว่าทีมจ่าฝูงหรือทีมรองบ๊วย ทีมไหนใส่เสื้อชมพูหรือทีมไหนสวมชุดดำกันแน่

สิ้นเสียงนกหวีดหมดครึ่งปุ๊บ ธีรเทพก็เดินเข้าไปถกกับคุณบดินทร์ บุญด้วยลานผู้ตัดสินซะ 1 ยกปั๊บ หลุดจากศูนย์หน้าทีมชาติไทยได้ คุณบดินทร์ก็ต้องมาเจอกับเสี่ย ป. (ที่อ่านออกเสียงว่า ป้.) มีชื่อย่อภาษาอังกฤษปักอยู่ตรงเสื้อว่า “RS” (ที่ไม่ใช่บริษัทของเฮียฮ้อ) ตามประกบอีกด่านหนึ่ง ถึงผมจะอยู่ไม่ไกลนัก แต่ก็ไม่ได้ยินว่าเขาคุยกันเรื่องอะไร อาศัยเดาเอาจากท่าทางของคุณรณ...เอ๊ย! คุณ RS แล้ว น่าจะคุยว่า

“แง่ม ๆ ๆ ๆ”

เพราะท่าทางของเขาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อผู้ตัดสินเกมนี้ให้ได้จริง ๆ!

ผมเดินไปทักทายแฟน ๆ จุฬา ยูไนเต็ดแป๊บนึง ก่อนจะย้อนกลับมายืนดูเหตุการณ์ที่หน้าห้องพักผู้ตัดสิน เซนส์ของผมบอกว่ามันน่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างหลัง “พัทยาเอฟเฟกต์” ที่มีชื่อภาษาไทยว่า “เหตุการณ์ล้ำหน้าที่พัทยา”

น่าแปลก แทนที่ผมจะเห็นบุรุษในชุดเหลืองเดินออกมาจากห้องพัก แต่ผมกลับเห็นชายนิรนามในเสื้อแดง หน้าอกเสื้อมีตรากิเลนชัดเจนเดินออกมาจากห้องนั้นแทน!

พอเห็นหน้าว่าก็แค่ “ตัวเล็ก” คนหนึ่งของทีมเยือนที่มีหน้าที่แค่ General Be ประจำซุ้มม้านั่งสำรองเท่านั้น ผมก็เลยปล่อยวาง




สี่คน สองทีม ชุลมุนกับหนึ่งลูกบอล

ล้มในเขตโทษ แต่ไม่ได้จุดโทษแบบนี้ ถ้าเป็นฝั่งเมืองทองฯ ยูไนเต็ด โรเบิร์ต โปรกูเรียคงเด้งออกมาออกงิ้วแน่

แม้จะเล่นท่ามกลางกองเชียร์สีแดงเป็นฝูง แต่ไพฑูรย์ นนทะดีก็ยังเลี้ยงบอลได้อย่างสง่างาม

เนโตไม่ได้เด่นแค่ลูกพื้นดินเท่านั้น ลูกโด่งก็ยอดเยี่ยม

ลูกนี้แหละเป็นที่มาของ "พิชิตพงษ์ เฉย ๆ"

เนโตพยายามลุ้นโหม่งพังประตู แต่กวินไม่พลาด

สมปอง สอเหลบดวลกับมุสซา ซิลลา


ครึ่งหลังเปิดฉากขึ้นมาไม่กี่นาที พิชิตพงษ์ เฉยฉิวก็ยิงฟรีคิกเข้าไป ดูแล้วเหมือนเป็นลูกที่ไม่ยาก แต่ฌอง-มาร์ก เอ็นกูลูกลับเสียฟอร์มทำปลิ้นเข้าประตูตัวเองไปซะงั้น

“อ้าว! ก็เห็นกองเชียร์เราบอกว่า พิชิตพงษ์ เฉย ๆ ไง ทำไมลูกนี้มันดันฉิว ๆ ล่ะ” เจ้าจอนอาจจะคิดแบบนี้ในใจ

แม้จะเสียประตูไปก่อน แต่จุฬา ยูไนเต็ดกลับกล้าทำเกมรุกสู้กับจ่าฝูงได้อย่างไม่กลัวศักดิ์ศรีทำให้ดีกรีความมันของเกมไม่ลดลงจากครึ่งแรกเลย

ประสิทธิ์ เทาดี แบ็กขวาจอมดีเดือดของเจ้าบ้านแย่งซีน (การโดนโห่) จากสมปองด้วยการสกัดยายาอย่างรุนแรง หลังจากนั้นไม่ว่าเขาจะทำอะไร เสียงโห่ก็ดังขึ้นทันที

“ผมดีใจนะ ที่โดนโห่ มันแสดงว่าผมเก่งที่สุดในทีม” เจ้าต๋อยเผยแบบกวน ๆ

เหมือนจะกลัวน้อยหน้าแบ็กอีกฝั่ง ไม่กี่นาทีต่อมาอดุลย์ก็รวบลีซอ ตามติดด้วยการหวดยายาแบบจั๋ง ๆ อีกดอก ทำเอาโรเบิร์ต โปรกูเรีย ผู้จัดการทีมกิเลนผยองออกงิ้ว พร้อมจะลงไปมีเรื่องกับนักเตะเจ้าบ้านทันที

ผมเคยชื่นชมผู้จัดการทีมฝรั่งคนนี้ในเรื่องความมุ่งมั่น, ความทุ่มเท แต่ความศรัทธาของผมหมดไปเมื่อครั้งเกิดกรณี “คนึง สกา” ผมไม่รู้กฎฟีฟ่าเรื่องการย้ายทีมหรอก แต่เท่าที่รู้โรเบิร์ตก็แค่งัดเอากฎบางข้อที่ตัวเองได้เปรียบมาใช้ แล้วปิดบังบางส่วนเอาไว้ก็เท่านั้น

แล้วเกมนี้อีก แค่นักเตะจุฬา ยูไนเต็ดหายใจลดนักเตะเมืองทองฯ (เวอร์ไปนิดส์ แต่ผมเขียนเชิงเปรียบเทียบน่ะ ^^!) โรเบิร์ตก็พร้อมจะลงไปโวยวายทันที มันเกินหน้าที่ไปหรือเปล่า?

หลังเหตุการณ์ชุลมุน โรเบิร์ตถูกเชิญให้ไปสิงสถิตอยู่บนอัฒจันทร์ทันที ส่วนอดุลย์...ผมคิดว่าด้วยมาตรฐานผู้ตัดสินไทยต้องโดนใบแดงแน่เพื่อลดความขัดแย้งจากอีกฝั่ง

แต่ผิดคาดแฮะ แบ็กซ้ายเสือสามย่านลอยนวลเฉย

“จงใจไปเตะยายาใช่ไหมนี่?” ผมถามอดุลย์ตรง ๆ หลังเกม เขาตอบไม่ตรงคำถามแต่เปี่ยมล้นด้วยอารมณ์กลับมาว่า

“โห! ไอ้ยายานี่ พอเห็นผมโดนใบเหลืองไปแล้วก็พยายามมายั่วผม มันยืนอยู่ข้างหน้านะ จู่ ๆ ก็เหยียดเท้ามาข้างหลังเพื่อถีบผม...”

ใครที่เคยสงสัยว่ายายาสามารถเล่นในยุโรปได้ไหม? คงได้คำตอบแล้วนะครับ ฝีเท้า...ได้อยู่ ลูกตุกติก...ได้เลย!

เมืองทองฯ ยูไนเต็ดนำ 1-0 จนท้ายเกมแบบนี้ กองเชียร์อุลตราคงฝันหวานถึงสามแต้มแล้วแหละ แต่แล้วจู่ ๆ ฟ้าก็ผ่าลงมาที่สนามจุ๊บทั้ง ๆ ที่ฝนหยุดตกไปนานแล้ว จากลูกโต้กลับ สมปอง สอเหลบหลุดเดี่ยวเข้าไปเดาะลูกข้ามหัวกวินตุงตาข่าย 1-1 แบบช็อกความรู้สึกกองเชียร์ทีมเยือน

“ตอนที่กระดกผ่านนั้นผมเล็งไว้ก่อนแล้ว คิดว่าต้องเข้าแน่” ศูนย์หน้าสุดฮ็อตว่า

ช่วงท้ายเกมฌอง-มาร์ก เอ็นกูลูแก้ตัวด้วยการเซฟอุตลุดหลายต่อหลายหน แต่ถึงจะอย่างนั้นผมขอสวนกระแสได้ไหมว่าหากดูจากรูปเกมเพียว ๆ แล้วล่ะก็ฝั่งที่น่าชนะมากกว่าคือจุฬา ยูไนเต็ด!

โค้ชแต๊ก อรรถพล บุษปาคมก็ช่วยยืนยัน “วันนี้เราเล่นได้ห่วยมากทั้งเกมรุกและเกมรับ ผมต้องรับผิดชอบเลย นี่มันไม่ใช่เมืองทองฯแล้ว นักบอลเราคงกำลังคิดว่าทีมเราคือทีมที่ดีที่สุด ผมขอประกาศเลยนะว่าถ้าทำทีมไม่ได้แชมป์...ผมจะลาออก!”

พูดซะขนาดนี้ผมยังใสซื่อถามออกไปได้อีกว่า “นี่โกรธหรือเปล่าครับ?”

“ก็ทำนองนั้น ถึงตรงนี้โอกาสมันมาทุกอย่าง แต่เรากลับปล่อยไป แต่ละคนเล่นได้ลุ่ม ๆ ดอน ๆ”

“แล้วไม่โทษอย่างอื่นหรอ สนาม, ฝน, กรรมการ ฯลฯ” ผมหยอดต่อ

“สนามก็ธรรมดาไม่ได้เลวร้าย ส่วนกรรมการตัดสินโอเค” โค้ชแต๊กตอบ ซึ่งผมอยากให้โรเบิร์ตได้มาฟังประโยคสุดท้ายมาก ๆ จะได้รู้ว่า “สปิริตของบอลอาชีพคืออะไร? ใช่สิ่งที่คุณออกงิ้วทุกช็อตที่นักเตะของคุณโดนสะกิดหรือเปล่า?”

อดีตมิดฟิลด์ปาหังเมื่อ 20 ปีที่แล้วยังเผยความรู้สึกปิดท้ายอีกว่า “ถ้าจะเสียดาย เสียดายตั้งแต่นัดที่แล้วแล้ว ถึงตอนนี้เราค่อนข้างเสียโอกาสเพราะแชมป์คงยากขึ้น แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด”




ช็อต "เหวอ" ของเอ็นกูลู

โรเบิร์ตโผเข้าประชิดนักบอลจุฬา ยูไนเต็ดหลังเกิดการปะทะในเกม สังเกตว่าอรรถพล บุษปาคมยังมีสปิริตมากกว่า พยายามฉุดแขนผู้จัดการทีมตาน้ำข้าว

แล้วก็ถูกอัญเชิญให้ไปสิงสถิตบนอัฒจันทร์

คู่แบ็กขวา-ซ้ายจอมดีเดือดของเสือสามย่าน

อดุลย์ประกบติดลีซอ


อีกฝั่งหนึ่งนั้น ณรงค์ สุวรรณโชติเผยความรู้สึกว่า “ถือว่าโอเค ทุกอย่างผมทำการบ้านมาหมดแล้ว ถ้าวันนี้เราเก็บ 3 แต้มได้ มันเหมือนเราชนะเลิศเลย มันจะต้องลงหน้าหนึ่งเพราะมันเป็นข่าวใหญ่เหมือนเลือกผบ.ตร. แต่แค่เสมอผมก็ขอชมเชยเด็กทุกคนแล้วแหละครับที่มุ่งมั่น มีวินัยในการเล่นตามรูปแบบที่เราฝึกซ้อมกันมา ถ้าเล่นได้แบบนี้พูดตามตรงว่าเราไม่ตกชั้นแน่”

ในขณะที่ดาวซัลโว 9 ประตูบอกว่า “ตอนที่เสียประตูนั้น ผมมองว่าเกมเราไม่ได้แย่นะ ยังมั่นใจว่าเราเล่นกันได้ แล้วก็คิดว่าน่าจะยิงได้ในที่สุด”

หลังจากนั่งเก็บบรรยากาศแห่งความหอมหวน (และเปียกปอน) ในสนามจุ๊บอยู่เนิ่นนาน พวกเราก็ตัดสินใจไปกินข้าวกันที่ตลาดสามย่าน จังหวะที่เดินผ่านกองเชียร์เมืองทอง 3-4 คน หนึ่งในนั้นก็โชว์ความเสล่อออกมา (ไม่ใช่เป้ เสลอนะ หน้าตาเทียบกันไม่ติดเลย)

“ที่นี่ที่ไหน!” ตะโกนดังมาก

ปรกติแล้วคนอื่น ๆ จะตะโกนตอบว่า “เมืองทอง!” แต่พอมี 3-4 คนแบบนี้ บางทีคนที่เหลืออาจจะอยากยื่นมือเอาไม้ไปเขี่ยคนตะโกนเหมือนท่าทางของอาราเร่ยามเจออุนจิ แล้วถามว่า

“ทำอะไร มึงปรึกษากันก่อนได้ไหม?”

ส่วนพวกเราซึ่งก็มี 4 คนเหมือนกันเดินผ่านมาแบบขำ ๆ ไม่ได้ติดใจอะไร บางอารมณ์เรารู้สึกผิดด้วยซ้ำ

“เขาหลงทางนี่หว่า เลยถามเราว่าที่นี่ที่ไหน น่าจะบอกทางเขาไปนะ”

กองเชียร์เมืองทองก็คงกำลังหลงทางเหมือนกับทีมนั่นแหละ เสมอทีมรองบ่อนแบบนี้น่าจะบั่นทอนความมั่นใจของขุนพลกิเลนผยองในการลุ้นแชมป์ไปบ้างไม่มากก็น้อย

ส่วนจุฬา ยูไนเต็ดนั้น...ผมมั่นใจว่าพวกเขาใกล้เจอทางออกแล้วแหละ หลังจากที่หลงทางมาเนิ่นนานเกือบทั้งฤดูกาล (แต่ไม่เคยต้องไปตะโกนถามใครว่า “ที่นี่ที่ไหน?” 555)




นักเตะจุฬา ยูไนเต็ดเข้าไปทักทายสต๊าฟโค้ชทีมเยือน รวมทั้งขอบคุณแฟน ๆ ด้วย

อดุลย์ หมื่นสมานแจกลายเซ็นให้แฟน ๆ

สมปอง สอเหลบเป็นขวัญใจของเด็ก ๆ


ย้อนกลับไปเมื่อคืน

ชายหนุ่มตัดสินใจเดินตามไปส่งหญิงสาวที่ชื่อ “ฝน”

“บาย” ชายหนุ่มบอกลาพลางปล่อยให้ประตูลิฟท์ปิดลง จากนั้นเขาก็วิ่งไปดักลิฟท์ที่ชั้นต่อไป พอประตูลิฟท์เปิดออก หญิงสาวถึงกลับแปลกใจที่เห็นชายหนุ่มอีกครั้ง

แม้ใจอยากคุยอย่างอื่นมากกว่า เช่น ขอเบอร์โทร แต่คำพูดที่หลุดออกจากปากของคนคุยน้อยกลับเอ่ยคำอื่นแทน

“โชคดีนะ”

เป็นอย่างนี้อยู่ 3-4 ชั้น จากนั้นพอประตูลิฟท์เปิดออกฝนก็ไม่เจอหน้าชายหนุ่มอีก (เข้าใจว่าคงเหนื่อยหอบคาบันไดอยู่)

ชายหนุ่มนั่นไม่ใช่ผมหรอก...เพราะสุดท้ายผมตัดสินใจนั่งเฉย ๆ ส่วนพล็อตข้างบนนั่น ผมเลียนแบบหนังฮ่องกงที่นำแสดงโดยหลิว เต๋อ หัวซึ่งผมเคยดูมาตั้งแต่สมัยวัยสะรุ่น

แล้วผมก็ปล่อยฝนและเวลา 12 ปีให้เดินผ่านไป

25 นัดไทยพรีเมียร์ลีกปีนี้ผ่านไป จุฬา ยูไนเต็ดแสดงศักยภาพออกมาให้เห็นแล้วทั้งในส่วนของนักบอลและส่วนของกองเชียร์ คราวนี้ก็อยู่ที่ผู้บริหารแล้วแหละว่าจะ “วิ่งตามนางเอกแล้วเผยความในใจ” หรือ “ไม่วิ่งเลย” (แบบผม) หรือ “วิ่งไม่สุด” (แบบพี่หลิว)

แม้จะปล่อยปละละเลยมาทั้งฤดูกาลจนดูเหมือนว่าสายไปแล้ว แต่คำพูดเพียงคำเดียวว่า “รัก” เอ๊ย! ว่า ”สานต่อ” คำเดียวนี่แหละที่จะช่วยยืนยันว่าจุฬา ยูไนเต็ดจะมีอนาคตอย่างไรในฤดูกาลหน้า?

ถ้าพูดว่า “สานต่อ” เราได้เห็นจุฬา ยูไนเต็ดปีหน้าแน่ไม่ว่าจะตกชั้นหรือไม่ก็ตาม

และนั่นจะทำให้สมปอง สอเหลบยืนล่าประตูให้เสือสามย่านต่อไปด้วย ปล่อยให้ทีมอื่นน้ำลายไหล...อดได้ อิอิ

ฝนซาไปแล้ว หวังว่าฟ้าหลังฝนจะสวยงามนะครับ




Create Date : 21 กันยายน 2552
Last Update : 29 กันยายน 2552 22:40:27 น. 4 comments
Counter : 1782 Pageviews.

 
รักพี่ลีซอมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: ปุ้ย IP: 119.42.84.241 วันที่: 24 ธันวาคม 2552 เวลา:14:52:04 น.  

 
สุขสันต์วันปีใหม่นะค่ะพี่ลีซอขอให้พี่มีความสุขมากๆ รักพี่ลีซอจังเลย


โดย: ชิปุ้ย (สงขลา) IP: 119.42.84.241 วันที่: 24 ธันวาคม 2552 เวลา:14:56:19 น.  

 
อยากเป็นแฟนกับพี่ลีซอจังเลย
รักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: น้องปุ้ย IP: 119.42.84.241 วันที่: 24 ธันวาคม 2552 เวลา:15:00:55 น.  

 
รักพี่วิโน่มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: คนที่รัก IP: 119.42.84.241 วันที่: 24 ธันวาคม 2552 เวลา:15:04:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

baevi
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add baevi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.