เขียนเนื่องใน (ฟุตบอล) วันแม่
12 ส.ค.52 สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จุฬาฯ ยูไนเต็ด 1-2 โอสถสภา เอ็ม-150
แม้อายุ 57 ปีแล้ว แต่แม่ของผมยังตื่นนอนก่อนตี 5 ได้ทุกวัน
หุงข้าว, ต้มข้าวต้ม, ต้มน้ำหลากหลายอย่าง, ทำกับข้าว เพื่อบรรจุรถเข็นออกไปขายในทุก ๆ วัน
แสงแดดแผดจ้า, สองขาที่เริ่มโรยราและน้ำหนักรถเข็นที่ก็ไม่เบาเหมือนกันน่าจะเป็นอุปสรรคให้กับคนอายุขนาดนี้ แต่แม่ (หรือที่ผมเรียกมาตั้งแต่เด็กว่า แหมะ) กลับไม่เคยบ่น เป็นผมและพี่น้องซะอีกที่บอกให้ท่านเลิกเถอะ แล้วมาขายของในบ้านสบาย ๆ จะดีกว่า
ขายที่บ้านไม่มีใครซื้อ ข้าทำของข้าแบบนี้ดีกว่า แม่ว่า
ลงท้ายเราจำต้องปล่อยให้แม่เข็นรถขายของต่อไป ผมบอกตัวเองว่า อยู่บ้านเฉย ๆ แม่คงเหงา ออกไปขายของจะได้เจอคนนั้น คนนี้ก็ดีเหมือนกัน
แม้จะเป็นคนโผงผาง แต่ด้วยความเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี แม่จึงสามารถคุยกับคนทั่วไปได้เรื่อย ๆ สร้างมิตรภาพได้ไม่รู้จบ
ป๊ากับแหมะมีลูก ๆ ถึง 5 คน ตอนที่ยังเด็ก บ้านก็ดูคึกคักดีหรอก คึกซะจนบางคราก็วุ่นวายตามประสา คนเยอะเรื่องแยะ แต่ครั้นลูก ๆ เติบใหญ่ขึ้นมา แต่ละคนมีงานทำของตัวเอง บ้านที่เคยวุ่นวายกลับดูเงียบเหงา
โดยเฉพาะเมื่อป๊ามาจากไปเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา T_T
แม้จะแต่งงานกันผ่านแม่สื่อแม่ชักตามแบบคนจีนโบราณ ทำให้ผมรู้สึกเสมอมาว่าแม่กับพ่อไม่ได้รักกันหรอก แต่เมื่ออีกฝ่ายมาจากไป...ผมแอบสังเกตว่าหญิงแกร่งที่ผมเห็นมาตลอดนั้น บางช่วงท่านก็ดูเหงา ๆ เหมือนกัน
ความที่ทำงานสไตล์ฟรีแลนซ์ ออกไปทำงานข้างนอกบ้าง ทำงานในบ้าน (ในห้องส่วนตัวบนชั้น 4) บ้าง ถ้าวันไหนทำงานที่บ้าน ผมจะต้องหยุดทำงานตอน 6 โมงเย็นเสมอ
เพราะนี่คือช่วงเวลาที่แม่เข็นรถกลับมาถึงบ้าน
ผมลงมานั่งเป็นเพื่อนแม่จนถึง 2 ทุ่มที่น้องสาวกลับมาถึงบ้านจึงกลับขึ้นไปทำงาน, ทำกิจวัตรส่วนตัวต่อ
ความที่ต้องนั่งเป็นเพื่อนแม่ในช่วงเวลานั้นทำให้ผมได้ดูละครเย็นตามท่านไปด้วย
ที่จบไปคือ หัวใจไร้มลพิษ นั้น...ชอบมาก
ส่วนเรื่องล่าสุดคือ สะใภ้ใจเด็ด
ดวงดาวมันชอบลูกสาวของคนนี้ อยากได้มาเป็นลูกสะใภ้ แต่ลูกชายคือพระเอกดันไปแต่งงานกับพี่สาวของนางเอก ดวงดาวก็เลยแกล้ง
แม่เล่าให้ฟังเมื่อผมถามชวนคุยไปเรื่อย ๆ
ฟังแล้วผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นดวงดาว จารุจินดา
บ้า...เค้าไม่ได้เป็นผู้หญิงซะหน่อย
...
แม้จุฬาฯ ยูไนเต็ดจะตกต่ำ แต่กองเชียร์ก็ยังมาดูใจอยู่เสมอ
ผมเดินออกมาจากแพท สเตเดียมเมื่อวันอาทิตย์เพียงคนเดียว หากใส่จังหวะสโลว์ลงไปพร้อมกับเพลงเศร้า ๆ...นี่มันเอ็มวีเพลงอกหักชัด ๆ
วันจันทร์ปลดแน่พี่ พี่แดงจะเอาณรงค์ สุวรรณโชติมาคุมแทน
เสียงนั้นแว่วอยู่ในหัว
ตอนที่เถียงกับจักราช โทนหงสาเรื่องการเปลี่ยนตัวของโชเซที่สนาม ใครสักคนถามอดีตปราการหลังจุฬาฯคนนี้ว่า แล้วจะเอาใครมาคุมแทนล่ะ?
ไม่รู้สิ แต่อย่างน้อยถ้าอ.เหลืองคุม เกมในบ้านต้อง 3 แต้มเพราะบุกตลอด แต่โค้ชคนนี้ในบ้านก็เหมือนจะเอาแค่แต้มเดียว
ฟังแบบนี้ผมยิ่งไม่เห็นด้วย จึงนำความนี้ไปคุยกับพี่หนึ่ง...อีกหนึ่งแกนนำจัดตั้งกองเชียร์ Pink Panther พี่เขาย้อนถามว่า แล้วผมอยากได้ใครคุมล่ะ?
โค้ชไทยตอนนี้ผมไม่เห็นว่ามีใคร ก็ต้องให้โชเซปั้นต่อไปอย่างน้อยจนจบฤดูกาลนั่นแหละ ผมตอบ
ด้วยความอยากได้โชเซเป็นโค้ช (ต่อ) แต่ทีมกลับเลือกณรงค์มา...นั่นแหละที่ทำให้ผมรู้สึกเป็นดวงดาว จารุจินดาในละคร สะใภ้ใจเด็ด ขึ้นมา
ชั้นจะต้องแกล้งสะใภ้...เอ้ย...โค้ชคนนี้
ผมแกล้งอะไรเขาไม่ได้หรอก นอกจาก...ไม่เขียนชม
...
สาว ๆ Pink Panther Girls เดินนำนักเตะทั้งสองทีมลงสนาม
กัปตันวรชัย สุรินทร์ศิริรัฐ (จุฬาฯ ยูไนเต็ด) และศิวเมต ธนูศร (โอสถสภา เอ็ม-150) นำลูกทีมสู่ "จุ๊บ สเตเดียม"
แล้วก็มาแลกของที่ระลึกกัน
แฟน ๆ BOOM BAKA ให้กำลังใจนักเตะ
11 ขุนพลเสือสามย่านในศึกวันแม่
วันแม่แห่งชาติ จุฬาฯ ยูไนเต็ดมีโปรแกรมเปิดตัวทีมงานโค้ชชุดใหม่กับโอสถสภา เอ็ม-150
ด้วยความที่ผมมองทีมห้างขายยาทีมนี้ว่าช่างเหมือนทีมห้างขายยาของเยอรมันจริง ๆ เพราะมีแคแรคเตอร์คล้ายกัน
Bayer Never Kusen
เล่นดียังไงก็ไม่มีแชมป์หรอก ทีมอย่างนี้แหละที่จะแพ้จุฬาฯ ยูไนเต็ด นัดแรกที่เจอก็เสมอกันซะด้วย
ดูการจัดตัวของโค้ชต้อม ณรงค์ สุวรรณโชติที่มีหมอเมา ทพ.พิชัย ปิตุวงษ์เป็นที่ปรึกษาทีมแล้ว หน้าตาไม่ต่างอะไรจากทีมของโชเซมากนัก แค่เนโตได้กลับไปเล่นมิดฟิลด์ตัวรับเหมือนเดิมเท่านั้นโดยจับคู่กับศักดา ชุติภัคพงษ์ (แทนที่จะเป็นชานนท์ วงษ์อารีย์)
เชอะ! เล่นในบ้านเกมก็ยังไม่เห็นจะดีเลย ช่วง 10 นาทีแรกทีมพลังเอ็มมีโอกาส 2 หนซ้อน ๆ ด้วยซ้ำ (ผมสวมบทดวงดาวได้อย่างน่าหมั่นไส้)
คัพฟ้า บุญมาตุ่นฉายแววจอมทัพอนาคตไกลคุมเกมโจมตีเจ้าบ้านได้อย่างน่ากลัว นาทีที่ 3 เขามีโอกาสซัดแต่แฉลบกองหลังออกไป เจ็ดนาทีต่อมาเจ้าหนุ่มชื่อแปลกก็มาเปิดให้อนิรุตน์ สืบยิ้มได้โอกาสซัด...ดีนะนี่ที่ยังไม่เข้า (โฮะ ๆ ๆ เสียงหัวเราะแบบแม่ผัวใจร้ายยังดังอยู่ในใจ)
ขุนพลเสือสามย่านพยายามโต้กลับโดยอาศัยความคล่องของคู่หน้าอย่างสมปอง สอแหลบและอารอนซึ่งก็วูบวาบใช้ได้ (ก็แค่ใช้ได้แหละ...นั่น ยังจะร้ายได้อีก) แต่ลางร้ายกลับมาเยือนจุฬาฯ ยูไนเต็ดเมื่อครึ่งชั่วโมงผ่านไป
อารอนที่โดนแผงหลังทีมเยือนอัดคว่ำ แม้จะกัดฟันลุกขึ้นมาได้ แต่หน้าตาเหยเก (ผมเห็นได้ไงฟะ) กับมือที่จับต้นขาด้านหลังมันหมายความว่า ไม่ไหวแล้ว
เจ้ารถถัง เรจินัลโดถูกส่งลงไปแทนทันที แล้วก็มีโอกาสหลุดเข้าไปเขตโทษด้วยตั้งแต่การสับเท้าครั้งแรก แต่ดันทำตัวปอยฝ้าย เงอะ ๆ งะ ๆ มากไปหน่อยจึงถูกกองหลังเคลียร์ได้ก่อน
ก่อนหมดเวลา 3 นาทีกองเชียร์ทีมเยือนก็เงียบกริบ (ผมหมายถึงเงียบจริง ๆ เงียบจนถึงครึ่งหลังเลยแหละ) เมื่อเนโตเปิดบอลยาวมาให้สมปองหลุดเข้าไปสังหารให้เสือสามย่านขึ้นนำได้สำเร็จ!
จุฬาฯ ยูไนเต็ดพลิกขึ้นนำแล้ว 1-0
พักครึ่งเป็นการแสดงสวย ๆ ของเสือสาวสามย่าน Pink Panther Girls
อภิศักดิ์ อาสายุทธ์แย่งโหม่งกับกิตติศักดิ์ ปิ่นทอง
เนโตโหนขึ้นโหม่งได้ก่อนนักเตะห้างขายยา
สมปอง สอแหลบพยายามลุ้นลูกโหม่ง
จังหวะชุลมุนหน้าปากประตูทีมเยือน
"เฮียจ๋าอย่างกังฟู" ชื่อเพลงในอดีตของวงฟอร์เอฟเวอร์น่าจะอธิบายภาพนี้ได้ดีที่สุด
อารอนเจ็บ!
สมปองหลุดเข้าไปยิงประตูขึ้นนำ
อารมณ์ดีใจของนักเตะเสือสามย่าน
ส่วนนี่อารมณ์ดีใจของกองเชียร์ Pink Panther
เรจินัลโดพยายามลุ้นประตูที่ 2
ความน่ารักของเสือสาวสามย่านช่วงพักครึ่ง
กลับมาลงสู่สนามใหม่ หลังจากได้ฟังการแก้เกมของ โค้ชขงเบ้ง อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ (อาจจะบวกกับพลังเอ็ม-150 ด้วยมั้ง ^^) โอสถสภามีเกมที่ดุดันขึ้น ไล่ขย่มเจ้าบ้านเป็นระลอก ๆ
ขอผมใช้วิธี Ctrl C และ Ctrl V จากบทความตอนที่แล้วมาใส่ในย่อหน้าข้างล่างนะครับ
เกมของการท่าเรือไทย <--- Delete แล้วพิมพ์ใหม่เป็นโอสถสภา เอ็ม-150 ดุดันขึ้นในครึ่งหลัง แต่เอ็นกูลูก็แสดงให้เห็นว่าใครกันที่ควรได้ชื่อว่าเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในไทยพรีเมียร์ลีกเมื่อปัดป้องได้สวย ๆ หลายลูก
เพราะเป็นผู้รักษาชาวแคเมอรูนอีกแล้วที่เซฟเป็นพัลวันทั้งมือ ทั้งขารักษาสกอร์นำให้เสือสามย่านไว้ได้
โค้ชขงเบ้งหย่อนเอวาน เมนซาห์ลงมาเติมความวูบวาบแทนสุมัญญา ปุริสายทางริมเส้น ก่อนจะส่งปฏิพณ เพชรวิเศษลงมาเสริมอาวุธหนักทางการโจมตีภาคอากาศ
แสงแดดที่ร้อนจัด (อาจจะบวกกับการที่จู่ ๆ ก็เปลี่ยนโค้ชด้วยแหละทำให้ความฟิตของนักเตะลดลง---นั่นหาเรื่องได้อีก) นักเตะเจ้าบ้านเริ่มอ่อนล้าลงไป แม้กองเชียร์จะพยายามช่วยกระตุ้น
อย่าแผ่ว ๆ
บุกหนักแต่ยังตีเสมอไมได้ สุดท้ายโค้ชอาจหาญก็ต้องทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ส่งกฤษฎา เก็มเด็นลงมาเสริมเกมรุกแล้วถอดแบ็กซ้ายอย่างอภิศักดิ์ อาสายุทธ์ออก
ซึ่งเจ้านักเตะหมายเลข 9 คนนี้แหละที่เปลี่ยนเกมโดนสิ้นเชิง กระชากเกมทางขวาแต่ละที กระชากหาย ๆ
เสือสามย่านเหลือทีเด็ดแค่การโต้กลับอย่างเดียวแล้ว สมปองเก็บบอลได้ดี ทักษะดี...แต่มากกว่านั้นไม่มีอะไร ส่วน เอล ตังเก้ เรจินัลโดนั้นดูมาหลายนัดแล้ว นี่มันนักเตะแอฟริกันไปเกิดที่บราซิลหรือเปล่า? มีแต่ลีลาการวิ่งถึก ๆ ๆ ไปเรื่อย ๆ แต่ลีลาพลิ้ว ๆ จินตนาการสูง ๆ สไตล์แซมบ้าไม่มีเลย
ช่วงนาทีที่ 80-82 แค่ 3 นาทีโอสถสภามีโอกาสยิงถึง 3 ครั้งและก็กลายเป็น 1 ประตู เริ่มตั้งแต่
สุรเดช ธงชัยพุ่งโหม่งจากการเปิดมาทางขวา...เฉี่ยวเสาหวุดหวิด
เมนซาห์ได้โอกาสซัดจากจังหวะที่หลังเจ้าบ้านเคลียร์ไม่ขาด...ข้ามคาน
และ
จากลูกโยนยาวเข้ามา ปฏิพณโหม่งเข้าไป 1-1 แล้ว!
นั่นแหละเสียงเชียร์ที่แผ่ว ๆ ลงของกองเชียร์ทีมเยือนถึงกลับมาดังอีกครั้ง
จุฬาฯ ยูไนเต็ดมีการปรับเปลี่ยนอีกครั้งส่งนันทพล พิบูลย์พลลงไปแทนไพฑูรย์ นนทะดี (เข้าใจว่าเจ็บ) แต่ที่ลงไปน่ะเซนเตอร์ฮาล์ฟนะ...พอใจแค่แต้มเดียวแล้วหรือนี่? ผมหงุดหงิดอยู่ในใจนิด ๆ
ผมจะปรับแค่เกมด้านข้าง ให้แบ็กสามารถเติมเกมรุกขึ้นไปช่วยทำเกมได้...เห็นไหมว่าผมไม่ได้ทำตัวร้ายแบบไม่มีเหตุผล ยังให้โอกาสโค้ชต้อมอธิบายความคิดของเขา
แต่แค่แต้มเดียวก็ไม่มีให้ผมเห็นในวันนี้...จากการประสานงานกันของ 2 ตัวสำรองฝั่งทีมเยือน กฤษฎากระชากทางขวาแล้วหยอดมาให้ปฏิพณโหม่งเข้าไปตุงตาข่าย
ฟ้าแทบถล่มเอาซะวินาทีนั้น
แม้จะไม่อยากเขียนว่าโค้ชใหม่เข้ามาก็ทำให้ทีมให้ชนะในแม็ทช์แรกเลย...แต่พอต้องแพ้แบบนี้ ผมรู้สึกว่าช่างทำใจได้ยากลำบากกว่า
ฌอง-มาร์ก เอ็นกูลูและแผงหลังพบงานหนักกับลูกบอมบ์ในครึ่งหลัง
อุดม จอกรบตัดบอลได้ก่อนเอวาน เมนซาห์
ปฏิพณกางปีกดีใจหลังตีเสมอ
ผู้รักษาประตูสำรองของโอสถฯอย่างฉัตรชัย บุตรพรมก็ไม่ใช่ว่าไม่มีงานทำ
วันนี้เราเปลี่ยนหลายตัวเพื่อให้ได้พัก แต่พอลงไปแล้ว มันเหมือนเล่นไม่มีเป้าหมาย แต่ก็คิดว่าน่าจะกลับมาได้ โดยใช้สูตรง่าย ๆ นี่แหละครับ โยนเข้าไป โค้ชขงเบ้งเผย ครึ่งแรกแบ็กของเราต่อเกมขึ้นมาไม่ได้ ทำให้ทีมที่ลงไปรับมันแน่น เราก็ต้องโจมตีด้านข้าง
ส่วนโค้ชต้อมให้ความเห็นว่า เกมวันนี้ถือว่าโอเค เค้าเป็นทีมแนวหน้า ส่วนเราหนีตกชั้น ก็ต้องทำให้ดีที่สุด แต่คงต้องไปแก้เรื่องแรงนิดนึง ในขณะที่เด็ก ๆ โอเค มีวินัย มีความมุ่งมั่นที่จะกอบกู้จุฬาฯ เด็กทุกคนมีความสามารถอยู่แล้ว ผมก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ยังไม่หยดสุดท้าย ผมไม่กลัวอยู่แล้ว
คุณถิรชัย วุฒิธรรม ผู้จัดการทีมเสริมว่า สภาพร่างกายเราไม่ดี เจ็บด้วย พอโดนโหมมาก ๆ ก็เป็นรอง ก็ต้องสู้กันต่อไป ชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป
พูดจบผู้จัดการทีมคนใหม่ก็เรียกนักเตะเสือสามย่านมารวมเพื่อพูดปลุกใจกันต่อ รวมทั้งบอกว่าจะพาไปเลี้ยงข้าวต่อไป
แม้จะไม่ค่อยชอบทีมงานชุดนี้ แต่ภาพการปกครองนักเตะที่ดูแล้วแสนอบอุ่นโดยเฉพาะในวาระวันแม่แบบนี้ด้วยแล้ว.. ชั้นให้โอกาสเธอทำดีต่อก็แล้วกัน แต่อย่าคิดว่าฉันใจอ่อนรับเธอเป็นสะใภ้...เอ้ย...โค้ชแล้วนะ ขอสวมบทแม่ผัวใจร้ายปิดท้ายก็แล้วกัน
...
เนโตในมาดพระเอกเอ็มวี "อยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียว" หลังจบเกม
พอแหมะกลับมาก็ถามถึงเฮีย ถามถึงหมู (สรรพนามของผม), ถามถึงเด็กอ้วน (สรรพนามของน้องสาวคนเล็ก) พอบอกว่าไม่มีใครอยู่ แหมะก็บ่น แค่ 2 วันนี้อยู่บ้านไม่ได้เลยหรือ? วันแม่กับวันเกิดแม่นี่ น้องสาวคนโตพูดในโต๊ะอาหารระหว่างที่ผมและพี่ ๆ น้อง ๆ ดินเนอร์กับคุณแม่อยู่
ฟังแล้วก็อึ้งนะ...ด้วยความที่เป็นครอบครัวจีนที่ไม่ค่อยแสดงออกถึงความรู้สึกมาตลอด (รักนะแต่ไม่แสดงออก) แต่ลึก ๆ แล้วแม่ก็ยังอยากใกล้ชิดกับลูก ๆ อยู่เสมอนั่นแหละไม่ว่าจะอายุขนาดไหนกันแล้ว
ความจริงผมไม่ได้ละเลย วันแม่ นะ คิดว่าหลังจากดูบอลจบก็จะเดินไปซื้อเค้กส้มร้านดังแถวสามย่านกลับไปฝากแม่
บางครั้งคนเราก็มีอะไรขัดแย้งในตัวเองเยอะเหมือนกัน
รักนะแต่ไม่แสดงออก
ไม่ได้ไม่คิดถึงแม่นะ แต่ผมอยากดูบอลด้วย
ไม่ชอบที่เปลี่ยนโค้ชนะ แต่ด้วยความที่ผมมีหน้าที่ต้องเขียนเพื่อพีอาร์ทีมจุฬาฯ ยูไนเต็ดด้วย ผมก็ไม่ควรเขียนถึงด้านที่ติดลบมากนัก...มันเป็นแบบนี้
แต่ที่ผมไม่รู้สึกขัดแย้งเลย...
ผมรักแม่ครับ
(อิอิ ^^ แม่ไม่รู้จักเน็ทเพราะฉะนั้น ผมไม่เขินแน่นอนที่บอกรักแบบนี้...บอกแล้วว่า รักนะแต่ไม่แสดงออก)
Create Date : 13 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 13 สิงหาคม 2552 19:50:22 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1265 Pageviews. |
|
|