ใจนั้นยังจดจำวันที่เธอร่ำลา...น้ำตารินมารดใจ
ฟุตบอลกรมพลศึกษา รุ่น 18 ปี ประเภท ข 31 ก.ค.57 สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ คลองหก สวนกุหลาบ 1-0 โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครปฐม
ผมยังจำวันหนึ่งของช่วงหน้าหนาว (ที่เมืองไทยไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่) เมื่อ 2 ปีก่อนได้ไม่เลือน...
มันเป็นวันหนึ่งของเดือนธันวาคม
วันนั้นออฟฟิศของผมกับของยัยดั๊กกี้ (อดีตคนรักเก่า) มีปาร์ตี้ร่วมกัน
ความจริงความสัมพันธ์ของเราง่อนแง่นมานานแล้วแหละ แต่เวลาที่มองย้อนหลังกลับไป ผมรู้สึกว่าวันนั้นนั่นแหละน่าจะเป็นวันที่ยัยดั๊กกี้ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะไม่หวลกลับมาคืนดีอีกแน่ ๆ T_T
ในขณะที่คนอื่นดื่ม, กิน, ร้องเพลงกันอย่างหนุกหนาน นอกห้องผมกลับปะทะคารมกับเธออย่างรุนแรง
แต่หลังเลิกงาน ขณะที่ผมเดินลิ่ว ๆ ไปให้ไกล ๆ จากเธอ กลับมีเสียงถามแบบห่วงใยตามหลังมาว่าจะกลับบ้านยังไง...ใช่แล้ว เสียงนั้นคือเสียงของยัยดั๊กกี้
แต่ตอนนั้นผมดันทำตัวเป็น หยก ใจ๋ พระเอกหนังเรื่อง Days of being wild ของผู้กำกับคนดัง หว่อง กา ไวซะนี่ -*-
คือตอนที่หยก ใจ๋ไปหาแม่ที่ไม่ได้เจอกันมานาน แต่กลับพบว่าแม่ไม่ยอมออกมาหาเขา หยก ใจ๋ก็เลยเดินหันหลังกลับทันทีและคิดในใจประมาณว่า
ถ้าคุณไม่ยอมให้ผมได้เห็นหน้า คุณก็ไม่มีวันจะได้เห็นหน้าผมอีกเช่นกัน
นั่นแหละ ตอนนั้นผมก็คิดว่า
ถ้าเธอไม่แคร์ผม ผมก็จะไม่แคร์เธอเช่นกัน
และเธอก็ไม่แคร์ที่จะคืนดีกับผมจริง ๆ...แม้ผมจะใช้ความพยายามในปริมาณที่น้อยกว่าคุณเขมชาติง้อคุณสุริยาวดีแห่งละครฮิตช่อง 3 อย่าลืมฉัน นิดนึงก็ตาม --!
ความท้าทายของชาวสวนกุหลาบในศึกฟุตบอลกรมพลศึกษา รุ่นใหญ่ในปีนี้คือ การลบเลือนความผิดพลาดเมื่อปีกลาย แล้วหันหน้ากลับสู่ประเภท ก ให้ได้
หนึ่งปีต่อมา วันเดียวกันเด๊ะเลย ออฟฟิศของผมก็มีทีท่าว่าจะมีงานรื่นเริงกับออฟฟิศของเธออีก ผมก็เลยตัดสินใจโดดงานวันนั้นซะเพราะถ้าไปทำงานก็คงไม่แคล้วถูกลากไปงานด้วย - -"
ซึ่งผมยังไม่พร้อมจะเจอหน้าเธอเพื่อให้ความทรงจำในงานเดียวกันเมื่อปีกลายกลับมาหลอกหลอนให้โศกศัลย์
ใจนั้นยังจดจำวันที่เธอร่ำลา...น้ำตารินมารดใจ
ก็ให้บังเอิญที่วันนั้น สวนกุหลาบมีคิวแข่งบอลกรมพละ รุ่น 18 ปี ประเภท ก กับโรงเรียนอัสสัมชัญที่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชาพอดี
ผมจึงตัดสินใจไปที่สถานีรถขนส่งเพื่อนั่งรถทัวร์ไปศรีราชาทันที
หนีไปสุดฟ้า สุดสายตา เอาใจไปฝังไว้ตรงขอบฟ้าจบสิ้นที...
ไปถึงสนาม เดินขึ้นอัฒจันทร์ รุ่นพี่สวนฯคนแรกที่ผมเจอบอกว่า โดนนำไปแล้ว 0-1
ดูต่อไปไม่เท่าไหร่ก็โดนลูกที่ 2 แล้วก็ตามมาด้วยลูกที่ 3 - -"
เท่าที่จำได้รู้สึกว่าเด็ก ๆ ชมพู-ฟ้าจะเสียจากลูกสแตนดาร์ดและป้องกันกันไม่ดีเองทั้งนั้น
เกมน่าอับอายเมื่อปีก่อน แพ้อัสสัมชัญ 0-5
ตอนพักครึ่ง โค้ชสวนกุหลาบบอกกับลูกทีมว่า ลืมเกมครึ่งแรกและความผิดพลาดไปให้หมด จากนั้นให้ทำตามที่ผมจะสอนให้ได้ ถ้าพวกน้อง ๆ ทำได้ ผมมั่นใจว่าเราจะกลับมาได้
ตอนนั้นผมก็คล้อยตามนะเพราะเกมของสวนกุหลาบก็เหมือนจะ ได้อยู่ ที่โดนนำ 3 ลูกนั่นมันเพราะความผิดพลาดเล็ก ๆ ทั้งนั้นเลย
กลับลงไปครึ่งหลัง น้อง ๆ เลือดชมพู-ฟ้าทำให้ได้ลุ้นอยู่พักนึง รูปเกมดีขึ้น กดดันคู่แข่งได้เรื่อย ๆ แต่เล่น ๆ ไปสุดท้ายก็มาแผ่ว โดนทะลวงลูกที่ 4 และ 5 ซะเพียบแปล้ - -"
แล้วเกมก็จบที่สกอร์น่าอับสูตรงนั้น!
วินาทีนั้นผมรู้สึกไม่ต่างอะไรกับการถูกยัยดั๊กกี้ปฏิเสธขอคืนดีเลย มันเศร้า ๆ หน่วง ๆ หมดแรง หมดอาลัย หมดสิ้นศรัทธา ฯลฯ ยังไงก็ไม่รู้
แต่พลันตอนที่ผมมาถ่ายรูปน้อง ๆ ร่วมร้องเพลง บรรดาเรา...เหล่านักเรียนสวนกุหลาบ กับเหล่ากองเชียร์ ผมรู้สึกขนลุกและคิดได้ว่า
ทีมฟุตบอลทีมนี้แหละที่ผมจะอยู่เคียงข้างไปตลอด...ไม่ว่าจะยามสุขหรือยามเศร้า
การแก้เกมในช่วงพักครึ่งในเกมพ่ายอัสสัมชัญ
เฉลิมเกียรติ ภู่โต๊ะยา ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของสวนกุหลาบคนปัจจุบันซึ่งไม่ได้ลงเฝ้าเสาวันพบอัสสัมชัญย้อนความหลังให้ฟังว่า
รู้สึกเสียใจมากครับเกมนั้นเพราะนี่คือบอลที่มีศักดิ์ศรีของโรงเรียนเป็นเดิมพัน จากวันนั้นมา ผมก็พยายามบอกเพื่อน ๆ ให้นำความผิดพลาดมาแก้ไข และจะไม่ยอมให้มีแบบนั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว
ส่วน ไอซ์ สิทธิโชค กันหนู ดาวยิงพรสวรรค์ของทีมที่บาดเจ็บและอยู่ในช่วงรักษาตัวจนไม่มีชื่อในทีมชุดนั้นบอกว่า วันที่แพ้ 5-0 ก็เสียใจมาก ผมอยากลงเล่นให้ได้ แต่ก็เล่นไม่ได้จริง ๆ
สิทธิโชค กันหนูเป็นได้แค่ "เด็กยกน้ำ" เมื่อปีที่แล้ว
อาการของสวนกุหลาบแทบจะไม่ฟื้นขึ้นเลยหลังจากนั้น...สุดท้ายจึงต้องจำใจจบทัวร์นาเมนท์ด้วยบทโศก ด้วยการโบกมือร่ำลาเกมระดับประเภท ก ในปีการศึกษาต่อไปด้วยน้ำตาที่หลั่งรินมารดใจ
ปีที่แล้ว...ยอมรับว่าเครียดครับที่สร้างผลงานให้ทีมได้ไม่ดีจนทีมตกชั้น รู้สึกไม่สบายใจเลยครับ แต่จะนำประสบการณ์เหล่านั้นมาปรับเพื่อใช้กับทีมในปีนี้ครับ เฉลิมเกียรติซึ่งปีที่แล้วได้ลงเฝ้าเสาประมาณ 5 นัดย้อนความทรงจำ
ปีที่แล้ว...ก็เสียใจมาก อดคิดว่าผมเป็นตัวต้นเหตุไม่ได้เพราะผมไปผ่าเข่ามา อยู่ช่วยเพื่อนไม่ได้ ทำให้เพื่อนรับภาระกันเต็ม ๆ เลย ไอซ์ ดาวยิงแห่งทีมสุรินทร์ เอฟซีเผยความรู้สึก แต่ปีนี้...ผมพร้อมเต็มที่ที่จะกลับมาช่วยทีมครับ
ภาพซึมเศร้าหลังเกม...ภาพชินตาของชาวชมพู-ฟ้าเมื่อปีก่อน
เส้นทางกลับสู่ประเภท ก ของสวนกุหลาบเริ่มต้นด้วยความสวยงามเมื่อจบด้วยการเป็นที่ 1 ของสาย A เหนือสวนกุหลาบนนทบุรี, สวนกุหลาบปทุมธานีและปทุมวิไล ^-^
ผ่านเข้าไปรอบแปดทีมสุดท้ายโดยจะพบกับโรงเรียนกีฬาเทศบาลนครปฐมที่เข้ารอบมาด้วยการเป็นที่ 2 ของสาย B โดยนัดสุดท้ายซึ่งเปรียบเสมือนนัดชิงที่ 2 ของสาย (ส่วนที่ 1 ศาลาตึกวิทยาคว้าไปครองเรียบร้อย) พวกเขาเอาชนะประเทืองทิพย์วิทยาได้สำเร็จ
เหลือบไปเห็นผลการแข่งขันในสายนี้ พาณิชยการจำนงค์ อดีตแชมป์แกรนด์สปอร์ตคัพครั้งที่ 2 เมื่อปี 2532 ตกรอบแรก แถมโดนคู่แข่งถล่มซะพรุนอีก
ฟุตบอลก็เหมือนชีวิต...มีพบ มีพราก มีจาก มีเจอ มีขึ้น มีลง...
อ้อ! แกรนด์สปอร์ตคัพคือฟุตบอลนักเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดรายการหนึ่งในอดีต จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2531 โดยจะจัดช่วงซัมเมอร์ เดือนเมษายน ซึ่งสวนกุหลาบคว้าแชมป์มาครองได้ในครั้งที่ 4 ด้วยการเอาชนะกรุงเทพคริสเตียน จนคาร์ลอส โรแบร์โต คาร์วัลโญ เฮดโค้ชทีมชาติไทยยุคนั้นถึงขนาดเรียกอาทิตย์ ธนูศร ผู้รักษาประตูและสุภาพ ดาวเจริญ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟไปร่วมซ้อมกับทีมชาติไทยชุดปรีโอลิมปิกจากฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมในทัวร์นาเมนท์นั้น
กองเชียร์เลือดชมพู-ฟ้าพร้อมให้กำลังใจรุ่นน้องเสมอ
กลับมาที่บอลกรมพละ รุ่นอายุ 18 ปี ประเภท ข อีกครั้ง ชัยชนะในรอบ 8 ทีมสุดท้ายไม่ได้หมายความแค่การได้สิทธิ์เข้าชิงชัยต่อในรอบรองชนะเลิศเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการได้เป็น 1 ใน 4 ทีมที่ก้าวขึ้นไปเล่นประเภท ก ในปีการศึกษาหน้าด้วย (^-^)V
จากวันที่ร่ำลาประเภท ก ไป นับถึงวันนี้ก็ประมาณ 6 เดือน...ชาวชมพู-ฟ้ากำลังยุติมันไว้เพียงแค่นี้
ปรกติเวลาเดินทางไปสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ คลองหก ผมจะนั่งรถเมล์วิ่งเส้นพหลโยธิน เข้าสู่เส้นวิภาวดีจนไปลงแถว ๆ ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต จากนั้นก็เรียกแท็กซี่ไปที่สนาม แต่เพราะวันนี้ผมตื่นสายด้วย บอลแข่งตั้งแต่ 10 โมงเช้าด้วย ผมก็เลยตัดสินใจโบกแท็กซี่ซะเลย
ลุงคนขับพามาอีกเส้นทางนึง รถไม่ติดและใช้เวลาเพียงไม่ถึง 20 นาทีก็ถึงสนามแล้ว เวลาขณะนี้ 9.09 นาที แต่สนามแข่งขันเงียบกริ๊บราวกับว่าวันนี้จะไม่มีแข่งบอลหรือตีไก่อะไรทั้งสิ้น (>_<)
เอ๊ะ! หรือว่าเค้าย้ายไปแข่งสนามเทพหัสดิน ผมคิด แล้วก็เปรย ๆ กับลุงโชเฟอร์ไปด้วย
โอ้ว! ถ้าจะไปที่นั่นก็ไกลเลยนะ ลุงเออออไปด้วย
ถ้าไปแข่งที่นั่นจริง ผมกลับไปทำงานดีกว่าครับ...คงไม่ไปดูบอลแล้วแหละ ผมตอบ
เพื่อไม่ให้มีคำถามอะไรมากไปกว่านั้น สักพักรถสองแถวคันหนึ่งก็วิ่งเข้ามา ข้างรถติดชื่อ โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครปฐม
โอเค...แข่งสนามนี้แน่นอน ^-^
น่าแปลกที่ยังไร้ร่องรอยของรถบัสสีชมพู-ฟ้า!
สักพักเหล่านักบอลจากเมือง ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวสวย ก็ลงมาอบอุ่นร่างกายกัน
แต่ยังไร้เงานักบอลจากอีกฝั่งนึง!
โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครปฐมวอร์มอยู่ทีมเดียว ไร้เงาทีมคู่แข่งลงมาวอร์ม
ใกล้ ๆ สิบโมงคุณกรรมการก็มาเรียกนักบอลโรงเรียนกีฬาเทศบาลนครปฐมให้มารายงานตัว
แล้วนักบอลสวนกุหลาบไปไหน?
ราว ๆ สิบโมง โค้ชยุ่น เฮดโค้ชสวนกุหลาบในฤดูกาลนี้ก็วิ่งเอารายชื่อมาส่งให้กรรมการ พร้อมกับร้องบอกว่า
จารย์ ขอเวลาให้นักบอลวอร์มแป๊บนึงครับ
ไม่ได้ครับ ต้องมารายงานตัวและลงสนามเลย คือปกาศิตจากผู้ตัดสิน
รถบัสสวนกุหลาบเพิ่งมาถึงนั่นเอง ^^!
รถติดมากครับ นี่เราออกมาตั้งแต่เจ็ดโมงแล้วนะ โค้ชเอ็ดดี้ หนึ่งในสตาฟโค้ชบอกกับผม
มาถึงสนามสาย...แต่ผมไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่นะ คือ...วันนี้มันดันมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่รถติดมาก ๆ แถว ๆ โรงเรียน ติดเป็นครึ่งชั่วโมงเลย แต่ผมก็ให้เพื่อน ๆ ยืดเส้นกันมาในรถแล้วครับ สิทธิโชค กันหนู ดาวดังของทีมเผย
สักพักผมเห็นผู้ตัดสินเข้าไปอยู่ในกลุ่มทีมงานและนักบอลของสวนกุหลาบ ได้ยินเสียงเขาแว่ว ๆ มาว่า
ไม่ได้ครับ เราใช้กติกากรมพละ
หลังจากนั้นแกก็เดินมาหาผมพลางบ่น ๆ
แหม! จะมาอ้างกติกาฟีฟ่า เราไม่ใช้กติกาฟีฟ่า เราใช้กติกากรมพละ!
ผมได้แต่ยิ้ม ๆ ให้เขา...คาดว่าคุณผู้ตัดสินจะไม่เห็นริสแบนด์ชมพู-ฟ้าที่ข้อมือผมแน่ ๆ ^^!
เด็ก ๆ สวนกุหลาบเดินลงสนามโดยมีกุหลาบในกำมือลงไปด้วย
ถึงจะมาสายแต่เหล่าน้อง ๆ นักบอลสวนกุหลาบก็แอบเก๋นะ ทุกคนถือดอกกุหลาบลงสนามคนละ 1 ดอก แล้วก็มอบให้กับนักบอลคู่แข่งหลังจากเดินจับมือกันแล้ว...เป็นมิตรภาพที่งดงามดีเหมือนกัน (^-)b
นอกจากจะมีโค้ชยุ่น (OSK110) เป็นหัวหน้าสต๊าฟโค้ชแล้ว สวนกุหลาบชุดนี้ยังมีที่ปรึกษาที่ชื่อ...อ.สุรินทร์ เข็มเงิน อดีตโค้ชคู่บุญของโรงเรียนด้วย
อาจารย์จะมาคอยช่วยชี้แนะในแม็ทช์สำคัญ ๆ ครับ โค้ชเอ็ดดี้เผย
ที่ปรึกษาคนสำคัญของทีม (คนขวา)
สวนกุหลาบชุดนี้หันมาเล่นระบบ หลุยส์ ฟาน กัล คือ 5-3-2
เท่าที่ผมจำได้ ทีมลูกหนังชมพู-ฟ้าเคยใช้ระบบนี้อยู่ช่วงนึง ช่วงที่เยอรมันตะวันตกครองแชมป์โลกซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับทีมทีมชาติไทยชุดประวัติศาสตร์ ที่ 4 เอเชียนเกมส์ที่กรุงปักกิ่งภายใต้การทำทีมของคาร์ลอส โรแบร์โต คาร์วัลโญใช้นั่นแหละ ราว ๆ ปี 2533 เรื่อย ๆ มาจนถึงสักปี 2536 มั้งนะ
และชุดแชมป์กรมพลศึกษาครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2535 (แล้วก็ห่างเหินจากถ้วยใบนี้ไปถึง 17 ปีการศึกษา ก่อนจะกลับมาคืนสู่บัลลังก์ได้ใหม่ ภายใต้การทำทีมของคุณเนวิน ชิดชอบนั่นเอง) ก็ใช้ระบบ 5-3-2 เช่นกัน
ผู้รักษาประตูมอบหมายให้เฉลิมเกียรติ ภู่โต๊ะยาทำหน้าที่
เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ 3 คนมีวรวุฒิ สถาพร, วีรชัย ชูจันทร์และวัฒนพล พงษ์พานิช
วิงแบ็กประกอบด้วยณัฐวิชย์ รุ่งโรจน์กิจทางด้านขวาและพีรกานต์ อัศวประพลทางด้านซ้าย
แดนกลาง รณชัย ก้านอินทร์ประสานงานกับกฤตนัย มุขธระโกษะ โดยมีสิทธิโชค กันหนูรับบทบาทเดียวกับเวสลีย์ สไนเดอร์ (ฮอลแลนด์) หรือฆวาน มาตา (แมนฯยูฯ) ในทีมของฟาน กัล
คู่หน้าเป็นกฤชนันต์ นาราชและธัชนนท์ นคราวงศ์ กัปตันทีม
ทีมสวนกุหลาบฤดูกาลนี้ พร้อมสำหรับภารกิจ "คืนสู่ ก"
ส่วนโรงเรียนกีฬาเทศบาลนครปฐมมาในระบบ 4-3-3 มีธีระพงษ์ เศรษฐเมธาวีเป็นผู้รักษาประตู
แผงหลังไล่จากขวามาซ้ายมีชัชพล เชื้อแสง, ธนพัฒน์ จำปาหอม, จักรี เนตรวิริยะกุลและสิทธิกร บุญกล้า
แดนกลาง 3 คนมีอมรเทพ เพ็ชร์พร้อม, ภัทระ เหมประทุมมาและธนากร จันทร์เพ็ชร์
กองหน้าสามคนมีเจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์อยู่ทางขวา อภิสิทธิ์ โสรฎาอยู่ทางซ้ายและกัปตันทีม อติวัณณ์ แก้วนิลทองยืนเป็นหน้าเป้า
เด็ก ๆ นครปฐม ล้มประเทืองทิพย์วิทยามาได้ในรอบแรกก็คงไม่ธรรมดา
เพื่อน ๆ เราเสียเปรียบเค้าที่ไม่ได้วอร์ม ไม่ได้ยืดเส้นมาก ค่อย ๆ เล่นนะเพื่อน ๆ อย่าสปีดเกมให้เร็วมาก ไอซ์ สิทธิโชครวมใจเพื่อน ๆ ก่อนลงแข่ง
โอกาสแรกในเกมนี้เป็นของสวนกุหลาบเมื่อกัปตันเตอร์ ธัชนนท์เปิดบอลให้กฤตนัยได้วอลเลย์ แต่ก็ข้ามคานไป
ถัดมาอีก 3 นาทีเป็นนครปฐมที่ได้โอกาสบ้าง จากลูกฟรีคิก ธนพัฒน์โฉบเข้าโหม่ง แต่ก็หลุดกรอบไปอีก
เกมดำเนินมายังไม่ถึง 15 นาที นครปฐมก็เปลี่ยนตัวเป็นคนแรก ถอดธนากรออก แล้วส่งดาวยิงร่างใหญ่อย่างกฤษฎา ทองสุกลงไปค้ำเป็นหน้าเป้าแทน ถอยอติวัณณ์ กัปตันทีมลงมาเดินเกมในแดนกลางแทน
เกม 20 นาทีแรกยังไม่ค่อยปะติดปะต่อมากนัก หาโอกาสทำประตูกันไม่ค่อยได้ ยิ่งสภาพสนามที่มีน้ำขังเป็นหย่อม ๆ ด้วย ยิ่งทำให้การต่อบอลดูไม่ค่อยไหลลื่น
มีจังหวะหนึ่งที่ไอซ์ลื่นล้มจนไถลไปชนคู่แข่งซะคว่ำ ผู้ตัดสินต้องรีบบอก เค้าไม่ได้แกล้ง แค่ลื่นล้ม เล่นต่อไป
ธัชนนท์ กัปตันสวนกุหลาบเปิดฟรีคิก
พอผ่าน 25 ไปแล้วนั่นแหละที่เกมของสวนกุหลาบเริ่มเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น เริ่มเป็นฝ่ายบุกได้มากกว่า โดยนอกจากจะมีโค้ชยุ่นคอยสั่งการข้างสนาม หลาย ๆ ครั้งก็มี คำแนะนำพิเศษ ส่งตรงมาจากบนอัฒจันทร์เหมือนกัน ที่ปรึกษาของทีมอย่างอ.สุรินทร์นั้นใส่ใจแม้รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น พอเสียฟาวล์ก็ฝากบอกโค้ชให้บอกน้อง ๆ นักบอลว่าให้ยืนบังไว้ก่อน เพื่อให้เพื่อน ๆ ถอยลงไปตั้งรับให้ทัน เป็นต้น
นาทีที่ 40 สวนกุหลาบได้ลูกโทษ ซึ่งยิงได้ดีซะด้วย แต่ผู้รักษาประตูนครปฐมเซฟได้อย่างยอดเยี่ยม
นาทีถัดมา ใบเหลืองแรกของเกมก็ถูกควักออกมา ธนพัฒน์ของนครปฐมไปทำฟาวล์ใส่ เตอร์ ธัชนนท์
เฉลิมเกียรติ ผู้รักษาประตูของสวนกุหลาบก็ใช่ว่าจะได้ยืนผิวปากสบาย ๆ ในสนาม เขามีจังหวะต้องเซฟให้เห็นเหมือนกัน จากลูกที่กองหลังสกัดไม่ขาด กองหน้านครปฐมมีโอกาสสับไก และเฉลิมเกียรติก็ทำได้ดีทีเดียว
เกมครึ่งแรกไม่ค่อยมีจังหวะลุ้น จังหวะเสียวกันเท่าไหร่ สีสันของเกมจึงกลายเป็นโค้ชของนครปฐมไปซะ ด้วยน้ำเสียงเหน่อ ๆ ของแกที่คอยตะโกนกำกับเกมข้างสนาม บวกกับการขี้ประชดประชันในบางจังหวะ เช่น พอไม่พอใจลูกทีมก็เหน็บให้กลับบ้านไปเลย อะไรแบบนี้
จบครึ่งแรกสกอร์ยังตรึงอยู่ที่ 0-0
แผงหลังสวนกุหลาบช่วยกันตั้งรับได้ดีเหมือนกัน
หลังจากพักดื่มน้ำดื่มท่า ฟังโค้ชแก้เกมแล้ว ทั้งสองทีมก็ลงมาบู๊เพื่อแย่งสิทธิ์สู่การแข่งขันประเภท ก ในฤดูกาลหน้ากันต่อ
แค่ 2 นาทีเท่านั้น สวนกุหลาบก็เกือบได้เฮ
จากลูกฟรีคิก ไอซ์บรรจงปั่นได้ดีแล้วแหละ ทำเอาธีรพงษ์ของนครปฐมต้องออกแรงทุบออกมา ทว่าบอลดันปลิ้นไปเข้าเท้า เตอร์ ธัชนนท์ กองหน้าชมพู-ฟ้า...และ และ และ
ใครจะไปเชื่อว่าระยะเผาขนปากประตูแบบนั้น กัปตันทีมสวนกุหลาบจะซัดข้ามคานไป
แหม่! ทำเป็นเฟร์นานโด ตอร์เรสไปได้นะ เจ้าเตอร์...เตอร์เรส! 555
ผมก็แอบเม้าท์ขำ ๆ นั่นแหละ ไม่ได้ว่าอะไรน้องหรอก เห็นใจกับสถานการณ์อย่างนี้เหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อได้ยินเสียงโค้ชยุ่นที่ตะโกนให้กำลังใจ
เตอร์กลับมาให้ได้นะ!
จังหวะโฉบเข้าซ้ำของ "เตอร์เรส" แต่พลาด
นาทีที่ 52 สวนกุหลาบได้ฟรีคิกระยะหวังผลอีกครั้ง สิทธิโชควางลูกกะจะขอลองอีกครั้ง ถอยหลัง ซัด และ และ และ...
1-0
สวนกุหลาบได้ประตูที่รอคอยขึ้นนำได้สำเร็จ!
ผมรู้สึกมั่นใจกับการยิงฟรีคิกมากครับ ลูกแรกได้โอกาสยิงก่อนก็เกือบเข้า ส่วนลูกที่ 2 คิดว่ายังไงก็ต้องเข้า มั่นใจมาก ดาวยิงแห่งสุรินทร์ เอฟซีเผยความรู้สึก
หลังจากยิงขึ้นนำ ไอซ์ก็วิ่งมากอดกับโค้ชเอ็ดดี้ หนึ่งในสต๊าฟโค้ชซะกลม
หลังได้ประตูนำ เกมของสวนกุหลาบดูแผ่วไปจนอ.สุรินทร์ต้องช่วยตะโกนสอน
เคลื่อนที่เยอะ ๆ ไม่ต้องโยน ตัวไม่มีบอลช่วยเพื่อนหน่อย
นาทีที่ 60 วรวุฒิ แผงหลังสวนกุหลาบต้องโทษใบเหลืองเมื่อไปตัดเกมของกฤษฎา ดาวยิงร่างใหญ่ของคู่แข่ง
ช่วงนี้โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครปฐมเริ่มกดดันสวนกุหลาบได้มากขึ้น ในขณะที่ขุนพลชมพู-ฟ้าดันไปเร่งเกมเร็วตามด้วย เลยเสียบอลกันง่าย ๆ
ฟุตบอลไม่จำเป็นต้องเร็วเสมอ บอลนำดึงช้าบ้างก็ได้ ไอซ์บอกเพื่อน ลูก คุณพนม กันหนู คุณพ่อคนเก่งของดาวยิงสวนกุหลาบช่วยกระตุ้นทีมอีกแรงนึง
นาทีที่ 67 สวนกุหลาบเปลี่ยนตัวคนแรก ส่งพงศ์พัทธ์ หลิวรุ่งเรืองกิจ ดาวเตะร่างเล็กลงมาแทนกฤชนันต์
ถัดมาอีก 6 นาที โค้ชยุ่นตัดสินใจปรับทัพอีกครั้ง ส่งกฤษฎา ดิษย์ประเสริฐลงมาแทนธัชนนท์ พร้อมทั้งส่งมอบปลอกแขนกัปตันทีมไปอยู่ที่สิทธิโชคแทน
นครปฐมเดินเกมกดดันหนัก จากการทำเกมของอติวัณณ์ กัปตันทีม
กันหนูคนน้องโชว์ให้เห็นว่าประสบการณ์ในลีกภูมิภาคกับสุรินทร์ เอฟซีนั้นบ่มให้เขาอยู่เหนือระดับบอลนักเรียนโดยเฉพาะในประเภท ข แบบนี้ไปแล้ว ท้งการครองบอล ทั้งการพาบอลไปเอง ทำได้แบบเหนือ ๆ เลย นี่คือความหวังสูงสุดของชาวชมพู-ฟ้าในการแข่งขันจตุรมิตรปีนี้เลย
นาทีที่75 ไอซ์ลากบอลหนีกองหลังเข้าไปส่องเต็ม ๆ น่าเสียดายที่ผู้รักษาประตูคู่แข่งปฏิเสธหนักแน่น
โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครปฐมปรับทีมบ้าง ส่งธีรศักดิ์ เส็งดอนไพรลงมาในนาทีที่ 82
ช่วงท้าย ๆ เกมเป็นนครปฐมที่กดดันแผงหลังสวนกุหลาบหนักขึ้นเรื่อย ๆ แต่แนวรับชมพู-ฟ้าก็ยัง เอาอยู่ ในขณะที่เกมโต้กลับของสวนกุหลาบนั้น นักเตะร่างเล็กอย่างพงศ์พัทธ์ก็ทำได้ดีทีเดียว สามารถพาบอลขึ้นมาสร้างความปั่นป่วนให้คู่แข่งได้ดี ลีลาการเล่นทำให้ผมแอบคิดถึงเซบาสเตียน โจวินโก สตาร์ร่างเล็กชาวอิตาลีก็เลยขอตั้งฉายาให้น้องคนนี้ว่า อะตอมมิค แอนท์ แบบโจวินโกก็แล้วกัน
ไอซ์ สิทธิโชค กันหนู ความหวังของชาวชมพู-ฟ้า
นาทีที่ 87 กฤษฎา ตัวสำรองของสวนกุหลาบทำชิ่งกับไอซ์สวยงาม ก่อนที่จะสับไกยิง น่าเสียดายที่ลูกเหินข้ามคานไป
นาทีถัดมา จากจังหวะโต้กลับเร็ว อติวัณณ์ กัปตันทีมนครปฐมได้โอกาสหลุดเข้าไปยิงแบบน่าเข้าสุด ๆ ดีที่เฉลิมเกียรติเซฟไว้ได้ แม้จะหลุดในจังหวะแรกจนต้องรีบตามมาตะครุบก็ตามที
ช่วงทดเวลา 4 นาทีที่แสนกดดันของสวนกุหลาบผ่านไปอย่างเชื่องช้า แต่วินาทีที่เสียงนกหวีดจากผู้ตัดสินดังขึ้น...นั่นหมายความว่า สวนกุหลาบสมหวัง หวลกลับมาเล่นประเภท ก อีกครั้งในปีการศึกษาหน้าได้สำเร็จ
ช่วงท้ายเกม สวนกุหลาบถูกกดดันเหมือนกัน
ก็รู้สึกดีครับ ถึงผมจะไม่ค่อยได้อยู่โรงเรียนเท่าไหร่ แต่การได้กลับมาช่วยโรงเรียน แล้วก็ทำให้สวนกุหลาบกลับไปสู่ถ้วย ก ได้สำเร็จทำให้ผมดีใจมากครับ แล้ววันนี้เพื่อน ๆ ก็ช่วยกันดี สิทธิโชค กันหนูเผยความรู้สึก
ดีใจครับที่สามารถพาสวนกุหลาบกลับสู่ถ้วย ก ได้สำเร็จแล้ว เฉลิมเกียรติ ผู้รักษาประตูที่ผ่านความผิดหวังเมื่อฤดูกาลที่แล้วมาแล้วบอกความรู้สึก ผมเรียนจบปีนี้และจะไม่ได้เล่นประเภท ก ในปีหน้า แต่อย่างน้อยก็ทำให้น้อง ๆ ได้เล่น ก็ดีใจแล้วครับ...เพราะสำหรับผม สวนกุหลาบไม่สมควรที่จะเล่นประเภท ข เราคู่ควรกับการเล่นประเภท ก เท่านั้นครับ
เสียงเพลง บรรดาเรา...เหล่านักเรียนสวนกุหลาบ หลังเกมยังคงไพเราะเหมือนทุกครั้ง แต่วันนี้เสียงเพลงช่างเจือไปด้วยความสุข ผิดกับปลายปีก่อนที่ศรีราชาอย่างสิ้นเชิง ^-^
นักฟุตบอลสวนกุหลาบร่วมร้องเพลงประจำโรงเรียนกับกองเชียร์
บรรยากาศหลังเกมมีแต่ความชื่นมื่น อ.อรุณ สุวรรณภูสิทธิ์ ผู้ควบคุมทีม รวมทั้งศิษย์เก่าที่เป็นผู้จัดการทีมอีก 2 คนมาพูดคุยกับน้อง ๆ โดยเป้าหมายที่ทุกคนวางเอาไว้ก็คือ...
ถ้วยชนะเลิศกรมพลศึกษา รุ่น 18 ปี ประเภท ข นั่นเอง
เส้นทางสายนี้ไม่ได้ง่ายสักทีเดียว แต่ผมเชื่อว่าไม่เกินความสามารถของน้อง ๆ หรอก (^-)b
แต่เส้นทางหลังจากนี้นี่สิ ไม่ว่าจะเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีปลายปีนี้อย่างจตุรมิตรหรือการชิงชัยกรมพลศึกษา รุ่นอายุ 18 ปี ประเภท ก ในฤดูกาลหน้าซึ่งเต็มไปด้วยเสือ สิงห์ กระทิง แรดทั้งนั้น เพราะตอนนี้หลาย ๆ โรงเรียนทำทีมฟุตบอลด้วยการอิงกับทีมฟุตบอลอาชีพไปแล้ว นั่นน่าจะเป็นศึกที่ใหญ่หลวงมาก
ต้องยอมรับว่านโยบายเรื่องฟุตบอลของสวนกุหลาบนั้นไม่ได้ข้องเกี่ยวกับทีมฟุตบอลอาชีพเลย นักฟุตบอลที่มีอยู่ก็เลยชื่อชั้นสู้โรงเรียนอื่นไม่ได้ แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวทีมอื่นหรอกนะเพราะสิ่งที่โดดเด่นมาตลอดของสวนกุหลาบก็คือเลือดชมพู-ฟ้าที่เข้มข้นนั่นเอง ผมมั่นใจว่าน้อง ๆ ทุกคนพร้อมทุ่มเทเต็มร้อยเพื่อนำทีมกลับมาประสบความสำเร็จให้ได้ ไม่ว่าจะต้องลงสนามในแบบเป็นรองคู่แข่งแค่ไหนก็ตาม
นอกจากน้อง ๆ นักฟุตบอลแล้ว พี่ ๆ ทีมงานก็พร้อมทุ่มเทเพื่อสร้างทีมนี้ให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง ผมขอกราบขอบคุณพี่ ๆ ทีมงานด้วยครับ _/l_
อ.อรุณ สุวรรณภูสิทธิ์ให้โอวาทน้อง ๆ หลังจบเกม
ผมอยู่ซึมซับบรรยากาศแห่งความชื่นมื่นสักพักก็ต้องขอตัวกลับไปทำงานต่อ
ใจนั้นยังจดจำวันที่เธอร่ำลา...น้ำตารินมารดใจ
แม้ในวันที่สวนกุหลาบจากลา ถ้วย ก ร้อยเปอร์เซนต์ผมจะไม่ได้อยู่ในสนามก็ตาม แต่เชื่อว่าความรู้สึกมันไม่ต่างจากวันที่แพ้อัสสัมชัญที่ศรีราชา 0-5 ที่ผมได้สัมผัสกับตัวเองหรอก
วันนั้นหลังจบเกม ผมแอบอู้อยู่ที่ศรีราชา ไม่รีบกลับซะทันทีก็เลยมาถึงกรุงเทพฯเอาค่ำ ๆ แล้ว ลมหนาวพัดโชยแผ่ว ๆ ยิ่งทำให้รู้สึกเหงามากขึ้น
ส่วนวันนี้ผมนั่งรถกลับตอนเที่ยง ๆ อากาศสุดอบอุ่น หัวใจของผมก็อบอุ่น ไลน์ของสาวสองคนที่ผมส่งไปทักทายเด้งตอบกลับมาโดยพร้อมเพรียง
ในวันที่ยัยดั๊กกี้ร่ำลาไป ผมไม่เคยคิดว่าจะได้เจอใครใหม่อีก...แต่เธอสองคนก็ก้าวเข้ามา
ยอมรับว่าทั้งคู่ต่างก็มีมุมที่เหมือน ยัยดั๊กกี้ ในคนละแบบ นั่นคือเหตุผลล้วน ๆ เลยที่ทำให้ผมตัดสินใจเดินหน้าจีบ
ทั้ง ๆ ที่ลึก ๆ ในใจแล้ว ผมไม่แน่ใจเลยว่าสุดท้ายจะมีใครที่ ใช่ จริง ๆ หรือเปล่า? หรือเอาเข้าจริง ใจของผมจะลืมเลือนยัยดั๊กกี้เพื่อคบหากับใครสักคนได้แล้วหรือยัง?
มันก็ยังหวั่น ๆ แต่ผมก็ตัดสินใจเดินหน้า...บางครั้งมันก็ต้องลบเลือน "วันที่เธอร่ำลา" ให้ได้ แล้วลองเดินต่อ
ไม่ต่างกัน ในวันที่สวนกุหลาบร่ำลาการแข่งขันประเภท ก ผมอดหวั่นไหวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับทีมในประเภท ข บ้าง
แต่น้อง ๆ ก็ฝ่าฟันกลับสู่การแข่งขันระดับเดิมได้ในปีเดียว...โดยลบเลือน "การร่ำลา" ที่แสนช้ำใจไว้เบื้องหลัง
และแม้จะมีมหาอำนาจลูกหนังระดับนักเรียนยืนรออยู่ข้างหน้าอีกไม่รู้กี่ทีมก็ตาม
แต่ขุนพลชมพู-ฟ้า สวนกุหลาบก็พร้อมเดินหน้าลุย...อย่างไม่หวั่นไหวเช่นกัน
Create Date : 04 สิงหาคม 2557 |
|
0 comments |
Last Update : 4 สิงหาคม 2557 9:49:10 น. |
Counter : 1279 Pageviews. |
|
|
|