ความเดิมตอนที่แล้ว
เมื่อฉันอยากเรียนเมืองนอกฟรี - ตอนที่ 12 ลุ้นระทึก (ต่อ)
~*~*~*~ *~*~*~*~ *~*~*~ *~*~*~*~ *~*~*
5 มกราคม
เรียนภาษาเยอรมันเป็นวันแรก เหมือนโลกแตก
งงมาก
Guten Tag =สวัสดีค่ะ
Wie heissen Sie ? =ท่านชื่ออะไรคะ
Mein Name ist Dawrong. = ชื่อของฉันคือดาวเรือง
Ich heisse* Dawrong = ฉันชื่อดาวเรือง
Wie bitte = กรุณาพูดอีกครั้งค่ะหรือ อะไรนะ
Wer ist das? =นั่นคือใคร
Das ist Herr Prawes =นั่นคือ Mr.ประเวศ
Das ist Frau Dawrong = นั่นคือMiss. Dawrong
Wie geht es Ihnen ? = ท่านสบายดีหรือเปล่าคะ
Danke , gut. = ขอบคุณค่ะ สบายดีค่ะ
และบททักทายอีกมากมาย สำหรับใช้กับคนที่เพิ่งรู้จักกันและการทักทายกันในชีวิตประจำวัน
(*หมายเหตุ heissen ; ss จริงๆเเล้วเป็นตัวภาษาเยอรมันที่เรียกว่า EsZet จะเขียนคล้ายๆตัว Bแต่คิด
ว่าพอพิมพ์ลงพันทิพย์แล้วจะเป็นพยัญชนะประหลาดก็เลยใช้ SSเพราะสามารถใช้แทนกันได้เหมือน
กันแต่บางคำก็ไม่สามารถใช้ได้เพราะความหมายจะเปลี่ยนหากผิดพลาดอย่างไรต้องขออภัยไว้นะที่
นี่ด้วยนะคะ)
6 มกราคม
โปรเฟสเซอร์อาร์โนลตอบมาแล้ว เป็นภาษาเยอรมัน แง..แง...แง...เพิ่งเรียนภาษาเยอรมันไปเมื่อ
วานเอง...
10 มกราคม
เพิ่งเเปลได้ความว่า....ท่านเซอร์ไพรส์มากที่ได้เมล์อวยพรปีใหม่ของฉัน(สงสัยฉันเป็นคนแรกที่ทำ
อย่างนี้...ไอ้ความรู้สึกเซอร์ไพรส์ของท่านเนี่ยมัน positive หรือ negative...หว่า) ....และก็อวยพร
กลับให้ประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาเยอรมัน
11 มกราคม
ตอบเมล์โปรเฟสเซอร์อาร์โนลไปว่า ขอบคุณค่ะสำหรับคำอวยพร ดิฉันจะพยายามเรียนภาษา
เยอรมันให้ดีที่สุดเพื่อให้เป็น พื้นฐานในการเรียนต่อไป และแน่นอนว่าต้องเป็นภาษาเยอรมันค่ะ
เเฮะ...เเฮะ....คิดเป็นภาษาไทยแล้วไปโพสต์ไว้ที่ www.pantip.com/cafe/klaibann ค่ะ ไปรบกวน
พี่ๆนักเรียนไทยในเยอรมัน เพราะตอนนั้นยอมรับจริงๆว่า...ไม่รู้เรื่องเลย...ยังผันกริยาประธานไม่ถูก
เลย...งง...ตึ้บเลย.. ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
12 มกราคม
เรียนภาษาเยอรมันวันที่สอง เพิ่งหายงง...แต่ก็ต้องมาตาแตกอีก....
A: Wie heissen Sie? (ท่านชื่ออะไร)
B:Kunio Otani.
A:Wie ist Ihr Familienname? (นามสกุลของท่านคืออะไร)
B: Otani
A:Noch einmal , Bitte langsam. ( กรุณาพูดอีกครั้งค่ะ ช้าๆนะคะ)
B: O-ta-ni
A: Wie schreibt man das? Buchstabieren Sie bitte.(เขียนอย่างไรคะกรุณาช่วยสะกดให้หน่อยค่ะ)
B: O-t-a-n-i
และอีกเยอะเเยะมากมายให้จดจำ ภาษาเยอรมันกับภาษาอังกฤษเป็นความเหมือนที่แตกต่าง ใน
ความคิดของฉันถ้าภาษาอังกฤษฉันดีนะ....ก็จะมีส่วนให้ภาษาเยอรมันดีไปด้วยแต่นี่....เเง..เเง...เเง
14 มกราคม
เพิ่งได้ผลโทเฟิล.....ฮือ...ฮือ ...ฮือ...คะแนนไม่ได้ตามที่หวังไว้ ( ที่หวังไว้ 213 คะแนนแบบ
computer-basedtest )...แต่เป็นไปตามที่คาดไว้
ทำไมแกโง่อย่างนี้นะ ไอ้เรือง สมองซีกซ้ายและซีกขวาเริ่มประนามตัวฉัน
เออ..ไม่ฉลาดบ้างแล้ว ถ้าฉลาดแล้วอย่ามาง้อแล้วกัน หัวจิตกับหัวใจที่มีความเห็นใจฉันอยู่เสมอ
ช่วยแก้ให้
ฉันไม่กล้าบอกใครเลยว่าได้ผลโทเฟิลเท่าไรไม่กล้าเมล์ไปบอกที่ปรึกษาคนยาก ไม่กล้าส่งผลไปให้
โปรเฟสเซอร์อาร์โนลด้วยแต่พอไปคุยกับคนอื่นๆที่เคยสอบโทเฟิล ก็เริ่มยิ้มได้บ้างเพราะคะแนนเรา
ไม่ได้ต่ำไปกว่าใครเลย
นี่ การที่แกได้คะแนนไม่ต่ำกว่าใครนั้น ไม่ได้แสดงว่า..แกเก่งหรอกนะ..แกต้องเข่งกับตัวเองซิ
สมองซึ่งเป็นผู้บัญชาการสูงสุดในตอนนั้นตักเตือนมาอีก
ก็ได้ๆ แหม...แค่ยิ้ม...เพราะมันเป็นกำลังใจอันน้อยนิดเท่านั้นเอง หัวใจบ่นอุบอิบ
16 มกราคม
ไม่มีเสียงสะท้อนเกี่ยวกับเรื่องเรียนกลับมาโปรเฟสเซอร์อาร์โนลเลย
19 มกราคม
วันนี้รู้สึกดีมากๆเลย ก็หลังจากเรียนภาษาเยอรมันแล้ว ฉันก็ได้ไปไหว้พระพรหมที่หน้า World
TradeCenter ได้ขอพรและบอกท่านว่า อยากไปเรียนที่เยอรมัน อยากได้ความรู้อยากได้วิชาการ
ทั้งหลายของเขา ซึ่งก็ได้ขอพรท่านไว้ และบอกว่าถ้าได้ไปเรียนใน winter นี้จะนำ ช้างไม้ 1 คู่
พวงมาลัย 5 พวงมาถวายค่ะ
หลังจากนั้นก็ไปจตุจักรซึ่งได้ไปเป็นประจำทุกครั้งหลังจากเรียนเสร็จเพื่อหาหนังสือภาษาเยอรมัน
อ่านเพิ่มเติม ก็มีใบไม้ใบหนึ่งร่วงมาใส่ศรีษะฉันฉันก็คิดแล้วว่า วันนี้ต้องมีสิ่งดีเกิดขึ้นแน่ๆเลย(เป็น
ความเชื่อส่วนตัวนะคะ เพราะการที่จะเดินไปแล้วใบไม้หล่นใส่ศรีษะนั้นยากมาก เฉพาะในกรณีที่เกิด
ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาตินะคะ ไม่ใช่ไปโยกต้นไม้ ต้นที่ใบกำลังเหลืองจะร่วงมิร่วงแหล่แล้วหล่นใส่
ศรีษะอันนั้นใช้ไม่ได้ )
และทุกวันอาทิตย์หลังเลิกเรียนก่อนจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัด....กิจกรรมที่ต้องทำอีกอย่างหนึ่งคือ
ไปนั่งฟังไวโอลีน ตรงจุดที่ขายไวโอลีนซึ่งใกล้ๆกับแถบที่ขายหนังสือที่จตุจักร ซึ่งคุณตาที่ขาย
ไวโอลีนจะเล่นไวโอลีนกับเพื่อนทุกครั้ง แล้วก็ไพเราะมาก.....ก็นั่งอยู่พักหนึ่งก็มีหนุ่มสาวชาวอเมริกา
ชื่อ ไดแอน กับมาตินน่ารักมากทั้งคู่เลย เขาถามฉันเกี่ยวกับสถานที่บางแห่งซึ่งเราไม่รู้ก็ได้พยายาม
ช่วย โดยไปถามวินมอเตอร์ไซค์ให้ แล้วก็ได้คุยกันพักหนึ่ง ทำให้ฉันรู้สึกดีมาก(ว่าภาษาอังกฤษฉัน
ไม่ได้แย่อย่างที่คิด) เขาออกทัวร์มา 3เดือนแล้ว เป็นแบ็คแพ็คเกอร์โดยจักรยาน เขาเพิ่งมาจาก
ภูเก็ตและมีโปรแกรมจะไปเชียงใหม่ ฉันก็บอกว่า wow ,that is my dream แล้วฉันก็ได้คุยกันพัก
ใหญ่แล้วก็มีการแลกนามบัตรกัน แล้วฉันก็ได้กลับมาด้วยความรู้สึกดีๆ ที่ได้ช่วยเขาทั้งคู่และได้ทำ
หน้าที่ของคนไทยคนหนึ่ง
" ขอบคุณค่ะ ที่มิตรภาพในโลกยังมีอยู่มากมาย ทำให้ฉันได้สูดดมกลิ่นหอมของมัน "
22 มกราคม
ใจอบอวลไปด้วยมิตรภาพอยู่
24 มกราคม
ใจเริ่มร้อนรน
26 มกราคม
เงียบกริบเหมือนน้ำในทะเลสาบก่อนเกิดพายุใหญ่
27 มกราคม
ใจมันรอนๆๆๆๆๆๆ
28 มกราคม
ทนไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยยยยยย....
และแล้วฉันก็ได้คิดแผนที่หนึ่ง สองและสาม เพื่อมาเป็นแผนสำรอง เพื่อไปให้ถึงจุดมุ่งหมาย
เขาบอกไว้ว่า การที่จะทำธุรกิจหรือทำงานสักอย่างนั้นต้องหาทางทั้ง
1. ทางที่จะประสบความสำเร็จ
2. ทางหนีหากไม่ประสบความสำเร็จ
ดังนั้นฉันควรมีแผนที่ 1- 2 3 เพื่อความไม่ประมาท
แผนที่หนึ่ง หากได้ทุน DAAD เรียนที่เยอรมัน
- จะรู้ผลประมาณ กุมภาพันธ์ (หากหลังวันที่ 14กุมภาพันธ์ ยังไม่ผล ให้ดำเนินแผนสองและสาม)
แผนทีสองถ้าไม่ได้ทุน DAADส่งใบสมัครไปเยอรมันใหม่ไม่ต้องสมัครทุนแต่เลือกมหาวิทยาลัยใหม่
- ส่งก่อนพฤษภาคม 2003 พร้อมเอกสารทั้งหมด ที่เพิ่มเติมคือใบรับรองการเรียนภาษาเยอรมันที่
เกอเธ่
- เริ่มส่งเอกสารไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆวันที่ 19 กุมภาพันธ์
- ตั้งเป้าไว้ 4 มหาวิทยาลัย
- จะรู้ผลประมาณ กรกฎาคม 2003
แผนที่สาม สมัครเรียนที่ออสเตรเลียเตรียมข้อมูลอีกครั้งหนึ่ง พร้อมปฏิบัติการ
- สอบโทเฟิลใหม่เดือนมีนาคม
- ส่งก่อนพฤษภาคม 2003 พร้อมเอกสารทั้งหมดที่เพิ่มเติม
- เริ่มส่งเอกสาร 19 มีนาคม
- ตั้งเป้าไว้ 4 มหาวิทยาลัย
- จะรู้ผลประมาณ กรกฎาคม 2003
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
สรุปความสำเร็จของเดือนนี้
1. เรียนภาษาเยอรมันได้ความรู้ในระดับหนึ่ง(ระดับแรกเลย)
2.มีแผนสำรองเเล้ว
3.เก็บเงินไม่ได้(รวมยอดยกมา 57,490 บาท :เนื่องจากต้องขึ้นลงกรุงเทพทุกอาทิตย์
ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ไม่มีเงินเก็บเลย...เฮ้ย..แย่จัง)
~*~*~*~ *~*~*~*~ *~*~*~ *~*~*~*~ *~*~*~ *~*~*~*~ *~