Photobucket - Video and Image Hosting
Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
26 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
Mommy's Lullabies Versus Daddy's chest

จั่วหัวบล็อคให้ฟังดูเหมือนศึกเลือดเดือดระหว่างมุมแดงมุมน้ำเงินไปอย่างนั้นเอง จริงๆทั้งฉันและตาอ้วนต่างร่วมมือปรองดองกันเป็นอย่างดีในการทำให้น้องกะหล่ำหลับ

เชื่อในคำแนะนำของน้องจุ๊บที่น่ารักว่า เด็กแรกเกิดถึงหนึ่งปี ให้เค้านอนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้จะทำให้เค้าโตไวแข็งแรง เพราะฉะนั้นแทนที่จะเร่งกระตุ้นต่อมพัฒนาการของลูกชายแม่ แม่กลับ "นอนเถอะลูกๆ" ตลอด ฮ่า...สบายแม่ไปเลย

จริงๆคนญี่ปุ่นก็ไม่นิยมการเร่งพัฒนาการของเด็กหรอก มีคนเตือนฉันมาว่าหากไปเร่งเนี่ย จะก่อให้เกิดผลเสียในอนาคต ฉันก็เลย "ได้เล้ย...สบายๆ my pace" แล้วก็จริงๆ พอถึงเวลาเด็กเค้าก็เป็นของเค้าเองโดยธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น เรื่องการคว่ำ ตั้งแต่ได้ 3 เดือนกว่า น้องกะหล่ำก็ยกขายกแข้ง ยกtood เอาขาซ้ายป่ายขวา ขาขวาป่ายซ้าย คุณย่าตื่นเต้นใหญ่ "เนี่ย! อีกไม่นานก็จะคว่ำแล้วนะ เดี๋ยวเหอะ จะละสายตาจากลูกไม่ได้เลย" แม่ก็รอร้อรอ...พ้น 4 เดือนก็แล้ว น้องกะหล่ำไม่มีทีท่าว่าจะคว่ำเข้าเส้นชัยเลย มีแต่หมดแรงกลางทางทุ้กทีไป

จวบจน วันที่น้องกะหล่ำครบ 5 เดือนพอดีเป๊ะ บทพ่อจะคว่ำก็คว่ำดื้อๆ แถมไปคว่ำบนแผ่นปูรองนั่งบางๆคลุกฝุ่นที่สวนTamagawadai ตอนที่แม่ไปปิกนิคดูดอกซากุระบานกับเพื่อนๆอีกแน่ะ น้องกะหล่ำคว่ำวันนั้นวันเดียว(แต่หลายรอบ) แล้วก็ไม่ยอมคว่ำอีกเลย...ผ่านไปอีกเกือบ 2 อาทิตย์ จึงคว่ำเอาคว่ำเอา

จับนอน..พ่อก็คว่ำ
ตื่นนอนร้องเรียกแม่...พ่อก็คว่ำ
จับนั่งบนโซฟา...พ่อก็คว่ำ
เปลี่ยนผ้าอ้อม...พ่อก็คว่ำ
เรียกได้ว่าอย่าปล่อยพ่อพ้นมือนะ เป็นคว่ำ...เป็นคว่ำ...ตลอด

เชื่อแล้ว พัฒนาการเด็ก...ถือเวลามันก็เป็นไปตามธรรมชาติ และเมื่อมันเป็นแล้ว จะให้กลับมาไม่เป็นก็ไม่ได้แล้ว...ก็ต้องปล่อยให้มันเดินหน้าไปเรื่อย ฉันจึงขอยึดคติ "ตักตวงเสี้ยวเวลาความสุขในการค่อยเป็นค่อยไปของลูกทุกนาทีทุกวินาทีดีกว่า" เพราะเมื่อสิ่งต่างๆเหล่านี้ค่อยๆเปลี่ยนไปทีละนิดๆ จะไปเรียกร้องขอให้เวลาหวนกลับไม่ได้

กลับมาถึงเรื่องหลับต่อ เพื่อนบางคนทำให้ฉันแอบปลื้ม "น้องกะหล่ำเลี้ยงง้ายง่าย...ทำไมหลับง่ายอย่างนี้...โห...ขนาดแม่นั่งคุย อุ้มกะหล่ำนั่งตัก กะหล่ำยังคอตกสลบคาตักแม่ได้...อะไรกันเนี่ย หลับได้ทั้งๆที่ไม่ต้องกล่อมหลับ" (ดีใจๆ)

จริงค่ะ...น้องกะหล่ำหลับง่าย กินง่าย (ตัวถึงเบิ้มเอา เบิ้มเอา...ตอนเช็คอัพ 4 เดือนกว่า น้องหนัก 7.3 กิโล ยาว 68.3 ซม.) ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฉันฝึกให้ลูกเป็นแบบนั้น...นี่เรื่องจริงน้า

มีคำกล่าวที่ว่า หากเด็กติดนมแม่ จะไม่ยอมดูดขวด หากเด็กติดดูดขวดจะไม่ดูดนมแม่ หรือ หากเด็กติดนมกระป๋องจะไม่ดูดนมจากเต้า หากดูดเต้าจะไม่เอานมกระป๋อง...

น้องกะหล่ำ...ดูดทั้งเต้า ดูดทั้งขวด กินทั้งนมแม่ และนมกระป๋องควบคู่กันไปอย่างนี้ทุกวัน...เพราะฉันเริ่มจากนมกระป๋องก่อน ตอนกะหล่ำเกิด แม่ไม่มีนม ก็ต้องให้กินนมกระป๋อง พอเวลาผ่านไปน้ำนมมากขึ้น ก็ให้นมแม่ด้วย พอนมแม่ขึ้นเรื่อยก็ให้กินนมกระป๋องวันละ 1 มื้อบ้าง 2 มื้อบ้าง เป็นอย่างนี้เรื่อยมา จงใจที่จะไม่ให้กินนมแม่อย่างเดียว เพราะกลัวว่าเมื่อถึงเวลาแขวนเต้า ลูกจะร้องไห้จนแม่หัวใจสลาย ใจไม่แข็งพอที่จะเลิกให้ลูกดูดเต้า...

เรื่องนอนก็เหมือนกัน ส่วนหนึ่งน้องกะหล่ำอาจจะได้geneจากพ่อ เพราะพ่อนิ่งเป็นหลับ ขยับเป็น...ตลอด ตั้งแต่เอาน้องกลับมาบ้านวันแรก ฉันร้องเพลงกล่อมน้องนอนทุกครั้ง ไม่มีวันไหนไม่ร้อง (มาช่วงเดือนหลังๆที่แม่ชิงหลับไปก่อนก็มี) เพลงที่ร้องส่วนใหญ่เป็นเพลงไทยช้าๆ เช่น กล้วยไม้ ลมหวน เงาไม้ ลาวดวงเดือน ลาวดำเนินทราย บัวขาว สุริยัน-จันทรา โดมในดวงใจ ลาแล้วจามจุรี จามจุรีศรีจุฬาฯ ฯลฯ

บางทีก็ท่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานบ้าง(มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หว่ารสร้อนแรง...) กลอนเรื่องพระอภัยมณีบ้าง (ประเดี๋ยวดังหง่างเหง่งบรรเลงแว่ว ได้ยินแล้วเหลียวแลชะแง้หา...) บางทีก็ ก เอ๋ย กไก่ ข ไข่ในเล้า...อะไรทำนองพวกนี้ อย่าแซวน้า...ว่าแม่โบร้าณโบราณ...ยอมรับว่ากลัวว่าลูกจะไม่ซาบซึ้งอะไรไทยๆค่ะ ฉะนั้นหากเป็นไปได้ ฉันขอหยอดนิดๆหน่อยๆให้มันซึมในสายเลือดน้องกะหล่ำทีละนิดทีละนิดดีกว่า เมื่อถึงเวลานั้นมานั่งบังคับขู่เข็ญให้ท่องให้จำ มันคงยาก ดีไม่ดีลูกจะพาลเกลียดภาษาไทยไปเลย ให้เค้าจำติดหู ดูติดตาแบบเพลิดเพลินเจริญใจอย่างนี้ ไม่ใช่แม่เก่งนะคะ หลายอย่างที่ลืมไปแล้ว แต่เพื่อลูกก็เสริชเนตค่ะ...เอามานั่งท่องจำ แล้วไปถ่ายทอดให้ลูกฟังอีกที

เพลงฝรั่งเพลงญี่ปุ่นก็มีบ้าง แล้วแต่ตอนนั้นจะอารมณ์ไหน แต่ร้องยังไงก็ไม่กินใจเหมือนร้องเพลงไทยค่ะ

พยายามร้องไปเรื่อยๆ เพลงไทยเก่าๆนี่ น้องคงหาฟังได้ยาก เพราะไม่ได้ร่วมสมัย โตขึ้นไปความสนใจก็คงไม่มี แต่อย่างน้อยในวันข้างหน้า หากได้ยินก็สะกิดใจว่าแม่เคยร้องกล่อมเมื่อครั้งยังเยาว์วัย

ทุกวันนี้ เวลาแม่กำลังตากผ้าอยู่ที่ระเบียง น้องกะหล่ำร้องเรียกแม่ แม่ก็ตะโกนเป็นเพลงไปก่อนตัว น้องก็หยุดร้องไห้ไปได้พักนึง(ก่อนจะร้องต่อ) จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ฉันว่าบทเพลงนี่ช่วยในการเลี้ยงลูกได้มากเลย ไม่ต้องหาอุปกรณ์เสริมใดๆ มีเพียงสองมือแม่และเสียงเพลงเบาๆ แค่นี้ลูกน้อยก็เคลิ้มแล้วค่ะ

ส่วนตาอ้วน มีทีเด็ดยิ่งกว่าค่ะ ไร้อุปกรณ์เสริมใดๆ ไม่ต้องโก่งคอร้องเพลงกล่อมตะเบ็งแข่งกับเสียงร้องของลูก แค่สละพื้นที่นิดๆหน่อยๆช่วงอกและพุง แค่นี้น้องกะหล่ำก็หลับปุ๋ย เรียกได้ว่าไม่ปลุกไม่ยอมตื่นเลยค่ะ หากฉันทิ้งลูกให้ตาอ้วนช่วยดู และฉันขอไปหลับเอาแรงทั้งคืน ตอนเช้าตื่นขึ้นมา จะเห็นพ่อลูกเค้านอนกรนแข่งกันกอดกันตัวกลมอย่างนี้ประจำค่ะ

บทเพลงของหม่าม้าเรอะ จะมาสู้เสียงกรนของป่าป๊า


*หากจะฝากข้อความ เชิญที่ ปราศรัย นะคะ*

mahalo Image hosted by Photobucket.com




Create Date : 26 เมษายน 2552
Last Update : 27 เมษายน 2552 13:02:23 น. 0 comments
Counter : 1268 Pageviews.

fudge-a-mania
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add fudge-a-mania's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.