|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
กล้องแห่งอนาคต"ถ่ายก่อนค่อยโฟกัส"
ถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นของตากล้องทั่วโลกสำหรับการแจ้งเกิดเทคโนโลยีนวัตกรรมกล้องดิจิตอลของบริษัทน้องใหม่นาม Lytro (ไลโทร) เพราะเทคโนโลยีของไลโทรสามารถทำให้นักถ่ายภาพกดชัตเตอร์ก่อนแล้วค่อยกลับมาเลือกว่าจะเล็งโฟกัสไปที่ใด สื่อนอกเชื่อนวัตกรรมนี้จะเปลี่ยนแปลงโลกแห่งการถ่ายภาพครั้งใหญ่ไม่แพ้การแทนที่ฟิลม์ของกล้องดิจิตอล เทคโนโลยี"กดชัตเตอร์ก่อนค่อยโฟกัส"กำลังจะถูกทำตลาดโดยบริษัทไลโทรซึ่งตั้งอยู่ในเมาท์เทนวิว แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา รายงานระบุว่าบริษัทกำลังพัฒนากล้องดิจิตอลรุ่นใหม่เพื่อวางจำหน่ายภายในปีนี้ โดยชื่อเรียกของเทคโนโลยีนี้คือ light field (ไลท์ฟิลด์) ซึ่งเป็นเบื้องหลังที่ทำให้ช่างภาพสามารถถ่ายภาพโดยไม่ต้องโฟกัสก่อน หลักการทำงานของไลท์ฟิลด์คือการเก็บข้อมูลแสงที่มากกว่าจากองศาที่หลากหลายกว่ากล้องในปัจจุบัน บนหัวใจของเทคโนโลยีนี้ซึ่งอยู่ที่ชั้นเลนส์พิเศษมีชื่อเรียกว่าไมโครเลนส์อาร์เรย์ (microlens array) ที่หมายถึงการใช้เลนส์หลายตัวเก็บซ้อนกันในพื้นที่จำกัดของตัวกล้อง โดยเมื่อนำข้อมูลดิบจากเทคโนโลยีนี้มาประมวลผลร่วมกับซอฟต์แวร์เฉพาะทาง ตากล้องก็สามารถเลือกจุดโฟกัสที่ใดก็ได้ตามต้องการด้วยการคลิกเมาส์ จุดนี้ Ren Ng (เหริน อึ้ง) ซีอีโอไลโทรระบุว่าไลท์ฟิลด์จะทำให้ตากล้องถ่ายภาพได้เร็ว สามารถมีเวลามองหาจุดสนใจอื่นในภาพได้ละเอียดกว่า (เมื่อเทียบกับการเล็งโฟกัสในเวลาชั่วอึดใจก่อนการกดชัตเตอร์) และได้รับความรู้สึกอินเทอร์แอคทีฟกับภาพ เชื่อว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมในกลุ่มเพื่อนและครอบครัวซึ่งจะสนุกสนานกับการแชร์ภาพหลากหลายมุมมองบนเครือข่ายสังคม ไม่เพียงช่างภาพสมัครเล่น แต่วงการช่างภาพมืออาชีพก็มีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากไลท์ฟิลด์เช่นกัน โดยช่างภาพข่าว Richard Koci Hernandez ซึ่งเคยได้ลองใช้ต้นแบบกล้องเทคโนโลยีไลท์ฟิลด์มาก่อน มั่นใจว่าเทคโนโลยีนี้จะมีผลกับการเปลี่ยนแปลงโลกแห่งการถ่ายภาพในอนาคตแน่นอน ช่างภาพเพียงสนใจแค่ภาพและองค์ประกอบ และไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องจุดโฟกัสอีกต่อไป เพราะนั่นคือสิ่งที่สามารถทำทีหลังได้ ตามประวัติ ซีอีโออึ้งนั้นก่อตั้งบริษัทไลโทรขึ้นในปี 2006 หลังจากเสนอโครงการวิจัยเทคโนโลยีไลท์ฟิลด์ต่อมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดแล้วเรียบร้อย โดยงานวิจัยนี้กลายเป็นวิทยานิพนธ์ระหว่างการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ของซีอีโอ และได้รับรางวัลวิทยานิพนธ์ยอดเยี่ยมจากสมาคม Association for Computing Machinery เพราะเชื่อว่าจะนำไปสู่รูปแบบการถ่ายภาพและการใช้งานกล้องดิจิตอลแนวใหม่ซึ่งจะเปิดให้นักถ่ายภาพทวีความสร้างสรรค์ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ภาพจากไลท์ฟิลด์ยังสามารถเป็นภาพ 3 มิติได้เมื่อมองผ่านแว่นตา 3 มิติด้วย ผลจากการเก็บภาพแสงและเลนส์หลายตัวของไลท์ฟิลด์ ซีอีโอไลโทรยอมรับว่าความท้าทายของไลท์ฟิลด์อยู่ที่การต่อยอดในเชิงพาณิชย์ โดยแม้ไลโทรได้เปิดให้บริษัทอื่นเข้าซื้อลิขสิทธิ์ใช้งานเทคโนโลยี แต่ซีอีโออึ้งก็ต้องการให้ไลโทรสามารถพัฒนากล้องดิจิตอลเทคโนโลยีได้เอง โดยจะเป็นกล้องที่มีเทคโนโลยีหลักเป็นไลท์ฟิลด์ ไม่ใช่แค่"ฟีเจอร์"หรือหนึ่งในคุณสมบัติที่เป็นลูกเล่นในกล้องดิจิตอลเท่านั้น ความน่าสนใจของไลท์ฟิลด์ทำให้นักลงทุนเงินหนาอย่าง Ben Horowitz, Patrick Chung, Charles Chi และ Mike Ramsay ผู้ก่อตั้งบริการทีวีออนไลน์อย่าง TIVO เข้าร่วมเป็นกรรมการบริหารไลโทร โดยขณะนี้บริษัทมีเงินทุนรวมมากกว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ ท่ามกลางพนักงานกว่า 45 คนซึ่งเคยมีประสบการณ์ทำงานกับยักษ์ใหญ่โลกไอทีอย่างไมโครซอฟท์ กูเกิล แอปเปิล อินเทล และซันไมโครซิสเต็มส์มาก่อน ยังไม่มีการโชว์ตัวกล้องต้นแบบของไลโทรในขณะนี้ มีเพียงการเปิดให้ผู้สนใจเข้าใช้โปรแกรมเพื่อรับอรรถรสจากการเลือกโฟกัสหลังการถ่ายภาพได้ตามชอบใจ (ทดลองได้ที่ภาพด้านล่าง) ซึ่งไลโทรวางแผนจะให้บริการแอปพลิเคชันเลือกโฟกัสภาพบนเฟซบุ๊กในอนาคตด้วย
ที่มา ผู้จัดการ ออนไลน์
Create Date : 11 สิงหาคม 2555 |
Last Update : 11 สิงหาคม 2555 8:20:45 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1250 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|