Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
1 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
เรื่องสั้นชุด ความน่าจะเป็นหมา : ทฤษฎีกู

ทฤษฎีกู



หญิงสาวสองพี่น้องคู่หนึ่ง อาศัยอยู่ในบ้านหลังหนึ่งมานาน ทั้งสองทำอาชีพค้าขายร่วมกัน เป็นร้านขายของชำ ในแต่ละวัน จะมีลูกค้ามาอุดหนุนกันอย่างไม่ขาดสาย กิจการทุกอย่างไปได้ดี ทั้งสองต่างมีรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ทว่าสุขภาพร่างกายของทั้งสองคน ดูเหมือนจะทรุดโทรมลงไปทุกวัน จากการหักโหมทำงานหนัก ไม่มีเวลาที่จะพักผ่อนอย่างจริงๆจังๆ ทั้งสองไม่เคยให้เวลากับตัวเองเลยสักนิด ยังคงให้เวลาและความสำคัญกับงานมากกว่า จนลืมดูสิ่งต่างๆรอบตัว


“ชั้นว่า เราควรจะหยุดพักบ้างสักวันนะ”
บัวทองผู้เป็นน้องสาว พูดเปรยๆขึ้นมาต่อ บัวเงิน พี่สาว ถึงการวางแผนที่จะหยุดพักงาน หลักจากที่หักโหมและตรากตรำทำงานกันมาหลายปี โดยไม่เคยได้หยุดพักผ่อนกันเลย เธอคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องหยุดพักงานปิดร้าน เพื่อใช้เวลาไปเที่ยวพักผ่อนที่อื่นบ้าง จะได้เปิดหูเปิดตา ได้ผ่อนคลาย และมีแรงกลับมาทำงานใหม่ได้อีก
“กิจการกำลังไปได้ดี จะมาหยุดทำไมตอนนี้” บัวเงินพูดแย้ง
“แต่กิจการก็ดีมาโดยตลอด หยุดแค่นี้คงไม่เป็นไรหรอก อีกอย่าง สุขภาพเราก็แย่ลงทุกวัน เราน่าจะหาเวลาหยุดพักผ่อนบ้างนะ”
“เดี๋ยวทำงานไปก่อน เรื่องพักผ่อนค่อยว่ากันทีหลังก็ได้ ยังไงก็ยังมีแรงทำได้อยู่ ก็ต้องทำไป น้ำขึ้นให้รีบตักเข้าใจมั้ย ต้องรีบขยัน อย่าขี้เกียจ”


น่าจะเรียกว่าน้ำท่วมหรือน้ำป่ามากกว่า...บัวทองคิดในใจ หลังจากได้ยินพี่สาวพูดออกมาเช่นนั้น เธอได้แต่นิ่งเงียบด้วยความหมดหวัง เธอเองอยากจะหยุดงานซะคนเดียวให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ใจหนึ่งก็เป็นห่วงพี่สาว ไม่อยากให้หักโหมทำงานเพียงลำพัง เผื่อเป็นอะไรขึ้นมาจะลำบาก เธอจึงได้แต่จำใจอดทนทำงานช่วยไปอย่างนั้น หลายครั้งหลายคราวที่เธอพยายามพูดอ้อนวอนพี่สาว แต่ก็ไม่เคยเป็นผลสำเร็จสักที พี่สาวยังคงมุมานะทำงานต่อไปเรื่อยๆ โดยแต่ละครั้งก็ชอบยกเรื่องกิจการกำลังไปได้ดีขึ้นมาอ้างอยู่อย่างนี้ บ้างก็อ้างเรื่องอื่นไปเรื่อยเปื่อย เช่น เอาอาชีพตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่ด้อยกว่า ว่าคนอื่นทำงานหนักกว่า ลำบากกว่า ยังทนได้ ไม่เคยเหนื่อยเหมือนตัวเองเลย ยังมีเวลาพักผ่อนในโลงอีกตั้งเยอะ จะกลัวไปทำไม จนเธอเริ่มอิดหนาระอาใจ และเหนื่อยใจกับข้ออ้างต่างๆ เหล่านี้ จนไม่อยากจะเถียงอยากจะจะเตือนหรือพร่ำบอกอะไรอีก ได้แต่นิ่งเงียบไปวันๆ


จนมาถึงวันหนึ่งที่บัวทองเริ่มหมดความอดทน รู้สึกเมื่อยล้า และทำงานต่อไปไม่ไหวแล้ว และคิดว่าจะไม่ทนอย่างนี้ต่อไปอีก ตั้งใจว่าจะหยุดงานเสียให้ได้โดยเด็ดขาด แต่ทว่าทุกอย่างกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด บัวเงินพี่สาวเกิดพลาดหกล้มเท้าแพลง จากการรีบเร่งในการทำงานจนเกินไป ทำให้เวลาเดินต้องใช้ไม้เท้าช่วย จนเกิดความไม่สะดวกเวลาทำงาน เพราะต้องค่อยๆ เดินกระเผลกๆไป ต่อมาก็พบว่า พี่สาวนั้นเป็นโรคความดันโลหิตสูงอีกต่างหาก ทำให้บัวทองจำต้องทำงานต่อ และรับภาระหนักกว่าเดิม ถึงแม้ว่าบัวเงินจะมาช่วยขายของอยู่บ้าง ทั้งที่ต้องใช้ไม้เท้า แต่ไม่ได้ช่วยบัวทองมากเท่าใดนัก บัวทองขอให้หยุดงานกันสักที แต่บัวเงินนั้นไม่ยอม พร้อมทั้งพูดเป็นเชิงขู่ว่า ถ้าบัวทองไม่ทำ เธอจะเป็นคนทำเองคนเดียวทั้งที่ขาเจ็บอย่างนี้


บัวทองต้องทำงานเหมือนทำอยู่คนเดียวไปหลายวัน จนร่างกายทรุดโทรมล้มป่วยลง บัวทองจึงขอพี่สาวพักผ่อนหยุดงาน แต่ก็ถูกพี่สาวขอร้องให้ทำงานอีกสักวันสองวัน รอให้เท้าเธอหายดีกว่านี้ก่อน จึงจะให้เธอหยุดงานได้ บัวทองจึงจำต้องยอมอีกครั้ง


แต่ผ่านไปแค่สองวัน บัวทองก็เริ่มรู้สึกแย่ลง จนกระทั่งหน้ามืดตกบันไดหัวฟาดพื้น และเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล สร้างความเสียใจให้บัวเงินเป็นอย่างมาก
“โธ่ บัวทอง ไม่น่าเลย อีกแค่วันเดียวข้าก็จะหายกลับมาทำงานได้อยู่แล้ว เอ็งไม่น่ามารีบตายจากไปก่อนเลย ฮือๆ”
ในงานศพของบัวทอง บัวเงินได้แต่ร้องไห้ฟูมฟายถึงการจากไปของน้องสาว และรำพันต่างๆนานา ต่อหน้าโลงศพของน้องสาวไม่หยุด จนญาติต้องมาคอยช่วยกันปลอบอยู่ข้างๆ
หลังจากงานศพผ่านไปคืนเดียว บัวเงินก็รีบกลับไปทำงานต่อ เพราะกลัวรายได้จากการหยุดงานจะหายไป ปล่อยให้ญาติๆดูแลงานศพของน้องสาวไปก่อน


เหล่าญาติและคนในงานต่างจับกลุ่มพูดคุยซุบซิบนินทาบัวเงินไปต่างๆนานาถึงพฤติกรรมที่บัวเงินทำ
“ทำไมนังบัวเงิน มันไม่มาช่วยงานเลยวะวันนี้”
ญาติคนหนึ่งที่ใกล้ชิดบัวเงินที่สุด ถอนหายใจเบาๆด้วยความรู้สึกเหนื่อยใจก่อนที่จะตอบว่า
“มันว่า มันจะทำงาน ห่วงงาน กลัวว่า มันจะป่วยเหมือนน้องมัน เพราะว่าถ้าป่วยก็ต้องหยุดงานและขาดรายได้ กลัวไม่มีเงินมารักษาตัวเองตอนป่วย ก็เลยต้องรีบเร่งทำงานต่อ ไม่ให้เสียเวลา เสียโอกาสไปอีก เหมือนอย่างน้องมัน”


ทางด้านบัวเงินขณะกำลังเปิดร้าน ก็ยกมือขึ้นพนมเอ่ยขอให้วิญญาณของน้องสาวช่วยในเรื่องการค่าขายในวันนี้
“นังบัวทองเอ๊ย แกช่วยข้าหน่อยนะโว้ย วันนี้ขอให้ขายดีๆ ขอให้เอ็งช่วยเสกให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะๆนะโว้ย”
แต่ขณะที่จะเปิดประตูร้าน พยายามเปิดยังไงก็เปิดไม่ออก จึงเข้าใจว่า วิญญาณของบัวทอง มาแกล้งเธอเป็นแน่ เธอจึงตวาดออกไป
“นังบัวทองเอ็งแกล้งข้าเหรอวะ ไม่อยากให้ข้าขายใช่มั้ย เดี๋ยวข้าจะสาปแช่งวิญญาณเอ็งเลยคอยดู”
ลมพัดมาเย็นเฉียบ เพราะเป็นหน้าหนาว ประตูร้านนั้นเก่าและผุพัง เพราะใช้งานมานาน ไม่เคยได้รับการดูแลรักษาจากเจ้าของ เพราะมัวแต่ใช้เวลาไปยุ่งอยู่กับงาน มันจึงแทบจะใช้งานไม่ได้แล้ว
บัวเงินเอาไม้มาทุบประตูดังปังๆ ปากก็ร้องโวยวาย จนคนผ่านไปผ่านมาได้ยินและหันมามอง และกลายเป็นว่าไม่กล้าเข้ามาซื้อของในร้านอีก


ผ่านไปนานนับเดือน กิจการทุกอย่างเริ่มจะซบเซา สุขภาพของบัวเงินเริ่มแย่ลง จนเดินเหินแทบจะไม่ไหว บัวเงินเอาแต่คิดเองเออเองเข้าใจแต่ว่า วิญญาณของบัวทองต้องกลั่นแกล้งเธอเป็นแน่ บัวเงินโมโหจัด เข้าไปที่ห้อง หวังจะทำลายข้าวของของบัวทอง แต่ไปเจอเงินในตู้ ที่บัวทองเก็บไว้อยู่มากมายเป็นฟ่อน
“นังบัวทอง ในฐานะที่เอ็งมากลั่นแกล้งข้า ข้าจะเอาเงินของเอ็งที่มีอยู่มากมายนี่ไปใช้ เป็นการตอบแทนที่เอ็งทำกับข้าแบบนี้”
บัวเงินหัวเราะลั่น
“เหนื่อยๆ เครียดๆ แบบนี้ หยุดไปเที่ยวพักผ่อนบ้างดีกว่าเรา เอาเงินนังบัวทองนี่แหละไปเที่ยว ทำกับเราดีนัก ฮิฮิฮิ”






Create Date : 01 ตุลาคม 2553
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2553 15:33:28 น. 0 comments
Counter : 398 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

freepark
Location :
บ้าน Antarctica

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวนนี้ ปลูกเรื่องราวต่างๆ
Friends' blogs
[Add freepark's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.