กรกฏาคม 2553
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
22 กรกฏาคม 2553
 

เมื่อความรักมาเยือน



ความเจริญทางวัตถุนิยม
ทำให้คนมักสวมหน้ากากเข้าหากัน
ล้วนพยายามสร้างภาพให้ตัวเองดูดีตลอดเวลา

คนส่วนใหญ่มักพึงพอใจ
กับการตักตวงชื่อเสียง เกียรติยศและเงินตรา
เพราะต่างหลงเข้าใจว่า...จะทำให้ใจเป็นสุข

ครั้งหนึ่ง...ผมก็เคยเป็นแบบนั้น
ที่ยอมแลกทุกอย่าง เพื่อให้ได้มาซึ่ง...ชื่อเสียง
เกียรติยศและเงินตรา...ที่ไม่มีรู้จักเพียงพอ

วันนี้...กาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า
ชื่อเสียงมากมายของผม ไม่ได้ทำให้ผมสุขอย่างที่คิด
ทรัพย์มากมายของผม กลับทำให้ผมเป็นทุกข์

วันนี้...ผมได้ค้นพบความสุขที่ยิ่งใหญ่
ด้วยการปลดปล่อย...อิสรภาพให้กับหัวใจของผมเอง
ผมเหงาก็บอกว่าเหงา...ผมเหนื่อยก็บอกว่าเหนื่อย
ผมร้องไห้...เมื่อไปดูหนังเศร้า หรือเจอเรื่องสะเทือนใจ
ผมหัวเราะ...เมื่อดูรายการตลก หรือเจอเรื่องน่าขัน

และที่สำคัญที่สุด...ก็คือ
ผมกล้าที่จะบอกคนที่ผมรักว่า "ผมรักคุณ"
ผมกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง ตามที่ใจของผมอยากจะเป็น

ผมรู้สึกดีใจ...ที่ไม่ต้องสวมหน้ากากอีกต่อไป
ผมรู้สึกสบายใจ...ที่ได้ปล่อยให้หัวใจของผมเป็นอิสระ
เพราะนี่คือทางเดียวที่จะทำให้ “หัวใจมีความสุข”




การที่เรารักใครสักคน
ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลว่า ทำไมเราจึงรักเขา
แต่ให้รู้ว่า...ทุกวันนี้เรารัก และต้องรักให้ดีที่สุดก็พอ

การที่เรารักใครสักคน
ไม่ต้องสนว่ามีอุปสรรคมากมายเท่าใด
แต่ควรจะนึกขอบคุณโชคชะตา ที่สร้างให้มีอุปสรรค
เพื่อให้เราได้ร่วมฟันฝ่าไปด้วยกัน

การที่เรารักใครสักคน
ไม่ต้องเสียเวลาคิด ว่าเค้าทำอะไรเพื่อเราบ้าง
แต่ควรถามตัวเองว่า ...วันนี้เราทำอะไรเพื่อคนที่เรารักหรือยัง

การที่เรารักใครสักคน
ไม่ต้องไประแวงว่าเค้าจะมีคนอื่นนอกเหนือจากเรา
แต่ควรระวังใจของเราเอง...ที่จะไปรับคนอื่น เข้ามาแทนที่เค้า

การที่เรารักใครสักคน
คำว่า "แพ้" หรือ "ชนะ" ไม่สำคัญ
สิ่งที่สำคัญคือ เราจะประคองความรัก ไปด้วยกันได้อย่างไร

การที่เรารักใครสักคน
ไม่ใช่การสัมผัสเพียงกาย
แต่เป็นหัวใจของเราต่างหาก ที่แนบชิดกัน

การที่เรารักใครสักคน
ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งของนอกกายใดๆ
เพราะความรักไม่สามารถซื้อ
หรือแลกมาได้ด้วยทรัพย์สินเงินทอง

การที่เรารักใครสักคน
ไม่ต้องคอยนับว่า เค้ามีข้อเสียมากมายแค่ไหน
เพราะความรักจะช่วยทำให้เรารู้จักอภัย
และมองข้ามข้อบกพร่องนั้นไปได้

การที่เรารักใครสักคน
อาจทำให้เราตาบอด จนมองไม่เห็นความจริงบางอย่าง
แต่ก็ทำให้เราได้เข้าใจว่า…ความสุขจากการได้รักใครสักคนนั้น
ยิ่งใหญ่แค่ไหน เพราะ "ความรัก" เป็นบทเรียนดีๆ
ที่ไม่อาจเข้าใจได้ถ่องแท้...ถ้าไม่ได้สัมผัสด้วยตนเอง





การรักและไม่ได้รับรักตอบเป็น "ทุกข์"
แต่สิ่งที่ทุกข์ยิ่งกว่า "คือการรักใครสักคน"
แต่ไม่มีความกล้าพอที่จะบอกให้คนคนนั้นรู้
และต้องมาเสียใจภายหลัง

ความรักคือความรู้สึกที่คุณยังห่วงใยใครสักคนอยู่
แม้จะแยกความรู้สึก ความลุ่มหลง
และความสัมพันธ์แบบรักใคร่ออกไปแล้ว
สิ่งที่น่าเศร้าในชีวิต คือการพบคนที่มีความหมายอย่างมากสำหรับเรา
แต่มาค้นพบภายหลังว่าเราไม่ได้ถูกกำหนดมาเพื่อสิ่งนั้น
และจะต้องปล่อยให้ผ่านพ้น

เมื่อประตูแห่งความสุขปิดลง
ประตูแห่งความสุขบานอื่นก็จะเปิดขึ้น
แต่เราก็มัวแต่มองประตูที่ปิดลงไปแล้วเนิ่นนาน
จนกระทั่งเรามองไม่เห็นประตูแห่งความสุขบานอื่นที่เปิดไว้รอ

"เพื่อนที่ดีที่สุด"
คือคนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกัน
โดยไม่พูดอะไรกันสักคำ
แต่สามารถเดินจากไปด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกันอย่างประทับใจที่สุด
เป็นความจริงที่เราไม่สามารถรู้เลยว่าเรามีอะไรอยู่
จนกว่าเราจะสูญเสียมันไป

แต่ก็จริงอีกเช่นกันที่เราไม่รู้ว่า
เราพลาดอะไรไปบ้างจนกระทั่งผลของสิ่งนั้นเข้ามาหาเรา
การมอบความรักทั้งหมดให้ใครสักคนไม่ได้เป็นหลักประกัน
ว่าเขาจะรักเราตอบ
อย่าหวังที่จะได้รักตอบ แต่จงรอให้มันงอกงามขึ้นในหัวใจเขา
แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้นก็ให้พอใจว่า....
อย่างน้อยมันก็ได้งอกงามขึ้นในใจของเราเอง

มีสิ่งที่คุณต้องการจะได้ยิน
แต่คุณจะไม่ได้ยินมันจากปากของคนที่คุณอยากได้ยิน
แต่อย่าทำตัวเป็นคนหูหนวกโดยไม่รับฟังสิ่งนั้น
จากคนที่เขาบอกกับคุณจากหัวใจ
อย่าบอกลาถ้าคุณยังต้องการจะพยายามต่อไป
อย่าท้อใจถ้าคุณยังรู้สึกว่าคุณไปไหว
อย่าพูดว่าคุณไม่รักคนคนนั้นอีกแล้วถ้าคุณยังไม่สามารถ "ทำใจ"

ความรักมักมาเยือนผู้ที่ยังคงหวัง
ถึงแม้ว่าจะผิดและมาเยือนผู้ที่ยังคงเชื่อ
ถึงแม้ว่าจะถูกทรยศหักหลัง
และจะมาเยือนผู้ที่ยังคงรัก ถึงแม้จะเคยเจ็บปวดมาก่อน

อย่ามองใครจากหน้าตา เพราะมันอาจหลอกเราได้
อย่ามองใครจากความร่ำรวย เพราะมันไม่จีรังยั่งยืน
ให้มองหาคนที่ทำให้คุณยิ้มได้ เพราะเพียงยิ้มเดียว
สามารถทำให้วันที่หม่นหมองกลับสดใส

การที่เราจะประทับใจใครนั้นอาจใช้เวลาแค่เพียงนาที
การที่เราจะชอบใครอาจใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมง
การที่เราจะรักใครอาจใช้เวลาเพียงชั่ววัน
แต่การที่จะลืมใครนั้นต้องใช้เวลาชั่วชีวิต

ขอให้คุณมีความสุขมากพอที่จะทำให้คุณเป็นคนอ่อนหวาน
ผ่านการทดสอบมามากพอที่จะทำให้คุณเข้มแข็ง
มีความเศร้าโศกพอที่จะทำให้คุณยังคงความเป็นมนุษย์
และมีความหวังมากพอที่จะทำให้คุณเป็นสุข
เอาใจเขามาใส่ใจเรา

ถ้าคุณรู้สึกว่าสิ่งนั้นจะทำให้คุณเจ็บปวด
รู้ไว้เถอะว่าคนอื่นก็เจ็บปวดจากสิ่งเดียวกันเช่นกัน
จุดเริ่มของความรักคือ "การปล่อยให้คนที่เรารักเป็นตัวของตัวเอง"
อย่าดึงเขาจากภาพความเป็นเขา มิฉะนั้นจะหมายความว่า
เราต้องการเพียงภาพสะท้อนของตัวเราที่ปรากฏในตัวเขาคนที่มีความสุขที่สุด
ไม่ได้หมายความว่าเขามีสิ่งที่ดีที่สุด
เพียงแต่เขาสามารถทำสิ่งที่เขามีให้ดีที่สุดได้ต่างหาก
อนาคตที่สดใสมีรากฐานอยู่บนอดีตที่ถูกลืม

คุณไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ดี
ถ้าหากไม่รู้จักปล่อยวางจากความผิดพลาดในอดีต และความปวดใจ
คุณร้องไห้ตอนคุณเกิดในขณะที่คนรอบข้างกำลังยิ้ม
จงมีชีวิตอยู่เพื่อตอนคุณตาย คุณจะเป็นคนที่ยิ้ม
จงทำให้ชีวิตคุณมีความสดใส แต่ไม่ใช่อยู่บนความทุกข์ของคนอื่น
เพราะเราไม่ได้อยู่ในโลกนี้เพียงคนเดียว !!




วันเวลาที่ผ่านมา ชั่วระยะเวลาหนึ่งของชีวิต
ผู้คนมากมายผ่านเข้ามา
บางคนผ่านมาเพียงเพื่อจะผ่านไป
แต่บางคนกลับไม่เป็นเช่นนั้น
จากคนแปลกหน้า กลายเป็นคนรู้จัก คนคุ้นเคย ล่วงเลย ไปถึงกลายเป็นความผูกพัน

เวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน
สถานภาพทางความรู้สึกของเราก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
บางคนยังคงความเป็นคนแปลกหน้า
ยังรักษาระยะห่างของการเป็นคนรู้จัก คนคุ้นเคย หรือ
คนรักกันไว้ได้อย่างคงที่
บางคน เปลี่ยนแปลงจากคนแปลกหน้า
กลายเป็นคนคุ้นเคย
จากคนเคยคุ้น กลายมาเป็น คนรักกัน
ทำลายระยะห่างของความรู้สึกให้สั้นลงอย่างรู้สึกได้
และเมื่อนั้น เรื่องราวดี ๆ สวยงามทางความรู้สึกจึงเกิดขึ้น

แต่ในทางกลับกัน
ระยะห่างของบางคน อาจห่างไกลออกไปจนสุดหูสุดตา
จากคนเคยรัก คนเคยคุ้น กลายเป็นแค่คนเคยรู้จัก
กลายเป็นคนแปลกหน้าทางความรู้สึกไป

แน่นอนว่า ระยะห่างของคนรู้จัก กับ คนรัก ย่อมไม่เท่ากันเป็นแน่
แต่นั่นแหละ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ
ฉันเชื่อในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของเวลา
พอ ๆ กับเชื่อในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของความรู้สึก

ไม่มีมาตราวัดใด ๆ ที่จะใช้วัดระยะห่างของความรู้สึกได้
และระยะห่างในแต่ละสถานภาพทางความรู้สึกในแต่ละคนก็คงจะไม่เท่ากัน
เราระบุชัดไม่ได้ว่า 1 เท่ากับ 1 ในความรู้สึกของอีกคน

1 ในความรู้สึกของคนหนึ่ง อาจจะเป็น 100 ในความรู้สึกของอีกคนก็เป็นได้
และในเมื่อการคบหากันเป็นปฏิสัมพันธ์ของคนสองคน
เราจึงมองเห็นความไม่ลงตัว เห็นระยะห่างที่ไม่เท่ากันของคนสองคนได้เสมอ

กับคนบางคน เราอยากเป็นมากกว่าคนรู้จัก
เราก็จะพยายามที่จะทำให้ระยะห่างของเรามันสั้นลง
กับคนบางคน เราอยากเป็นน้อยกว่าที่เป็นอยู่
เราก็จะพยายามที่จะทำให้ระยะห่างของเรายาวไกลออกไป
แต่กลับบางคนเรากลับอยากจะรักษา ระยะห่าง ตรงกลาง ไว้ให้คงที่
ไม่ให้ห่างหาย จางหนี หรือ เข้ามาใกล้จนเรารู้สึกอึดอัด

เคยรู้สึกใช่ไหมว่า ..
ขณะที่เราเดินเข้าหา บางคนกลับกำลังเดินหนี
กับบางคนเรากำลังเดินหนี บางคนกลับเดินตาม
กับบางคนเราก็ต้อง ! การระยะห่างประมาณหนึ่ง ไม่ต้องใกล้มาก
แต่ไม่ต้องการห่างหายไปไหน

ขณะที่บางคนวิ่งตาม
ล้มลุกคลุกคลานและเจ็บปวดกับระยะห่างของอีกคนที่ทิ้งไว้ตรงหน้า
และขณะเดียวกันกับที่อีกคนก็วิ่งหนี
โดยไม่คิดจะหันกลับมามองความเจ็บปวดของอีกคน
อะไรก็เกิดขึ้นได้ กับความรู้สึกคน
เหนื่อยแสนเหนื่อย ล้าแสนล้า แต่สุดท้ายก็ยังพยายาม
พยายามที่จะยื้อยุดฉุดดึงอยู่เช่นนั้น
บางคนปล่อยความรู้สึกของอีกคนไว้ บนความห่าง ห่างจนลับตา
ไม่เคยหันกลับมามองหรือรับรู้ความเป็นไปของอีกคน
ไม่เคยรับรู้ว่า
ระยะห่างที่เขาทิ้งไว้อีกคนมันสร้างความเจ็บปวดได้ประมาณไหน
แต่ก็มีบางคนที่เหนื่อยล้ากับระยะห่างที่พยายามรักษาไว้เพียงแค่นั้น
ไม่ต้องห่างไป แต่ เข้าใกล้กว่านี้ไม่ได้
ต้องการเพียงเส้นขนานที่ไม่มีทางมาบรรจบ

การทำลายระยะห่างของคนสองคนอาจไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ก็ไม่ได้ง่ายดายนักสำหรับอีกหลาย ๆ คน
บางคนพยายามมาเกือบทั้งชีวิต
ระยะห่างที่ว่าก็ยังคงห่างอยู่เช่นเดิม
ขณะที่บางคนอยู่นิ่ง ๆ ไม่วิ่งหนี ไม่วิ่งตาม
ปล่อยทุกอย่าง! ให้เป็นหน้าที่ของเวลา
ไม่เรียกร้องให้เกิดความคาดหวัง
ไม่ปล่อยละเลยจนเหมือนชาเฉย
ระยะห่างนั้นกลับขยับเข้ามาใกล้ราวปฏิหารย์

เอาใจช่วยสำหรับคนที่กำลังพยายามเดินเข้าหา
ให้อีกคนหันกลับมามองบ้าง ระยะห่างจะได้สั้นลง พยายามต่อไป
เพราะวันหนึ่งคุณอาจรู้สึกว่าความพยายามของคุณมิได้ไร้ค่า
ร้องขอสำหรับคนที่กำลังเดินหนี ให้หันกลับมามองความรู้สึกของอีกคนบ้าง
เพราะบางทีคุณอาจจะสูญเสียอะไรดี ๆ ไปเพราะระยะห่างที่คุณทิ้งไว้ให้อีกคน
เห็นใจกับการรักษาระยะห่างให้คงที่สำหรับบางคน
เพราะบางทีมันก็ทรมานมากกว่า การพยายามเดินเข้าใกล้หรือห่างหนี..เสียอีก

แล้วคุณ ๆ เล่า เคยนึกย้อนกลับมามอง ระยะห่าง
ของคุณกับผู้คนรอบตัวกันบ้างไหม
เคยรู้สึกไหมว่า บางที ความห่างไกล กับ ระยะห่างของความรู้สึก
กลับเป็นตัวแปรผกผันกัน
เคยรู้สึกได้ถึงระยะห่างทั้งที่ตัวอยู่ใกล้ ๆ
หรือรู้สึกใกล้กันแล้วทางความรู้สึกทั้งที่ตัวอยู่แสนไกล
กันบ้างไหม.???

เคยคิดกันบ้างไหมว่า ระหว่างคนพยายามเดินหนี คนที่พยายามเดินตาม
และคนที่พยายามยังไงระยะห่างกลับ! เท่าเดิม คนไหนเจ็บปวดไปกว่ากัน

อาจเป็นเพราะ .. โลกกว้างเกินไป หรือไม่ .. หัวใจเราแคบเกินไป




 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2553
3 comments
Last Update : 22 กรกฎาคม 2553 22:23:20 น.
Counter : 2097 Pageviews.

 
 
 
 
ขออนุญาติแอด blog นะค่ะ

ชอบอ่านมากค่ะ เขียนดีมากค่ะ
 
 

โดย: *Lovely_lazzini* วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:14:18 น.  

 
 
 
ทุกถ้อยคำที่เขียน เหมือนกลั่นมาจากใจเราเช่นกันขอบคุณสำหรับถ้อยคำที่อ่านแล้วซึ้งใจและสอนได้เราได้สติสำหรับ "ความรัก" ของเรา ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ถ้าย้อนเวลาได้ ฉันจะไม่ "รักเธอ" ลมรำเพย
 
 

โดย: เพียงไพร (เพียงไพร ) วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:05:54 น.  

 
 
 
รู้สึกดี นะครับที่อ่าน

แต่ก็นะ ผมไม่ค่อยเข้าใจซะเท่าไร

เพราะไม่เคยเจอแบบนี้ อะมั่ง
 
 

โดย: ติ๊ก IP: 192.168.0.134, 114.128.17.46 วันที่: 23 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:36:52 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

อิสรภาพของหัวใจ
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add อิสรภาพของหัวใจ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com