ดาวน์โหลดโปรแกรม ดูละครย้อนหลัง อ่านเรื่องราวของความรู้รอบตัว วิทยาศาสตร์ ท่องเที่ยว สุขภาพ อาหาร รถยนต์ต่างๆ ไม่ทิ้งเรื่องราวความบันเทิงและเรื่องส่วนตัวอีกด้วย
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
21 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 
10 สุดยอด ปรากฏการณ์ "UFO"

เรื่องราวของยูเอฟโอ (UFO : Unidentified Flying Object) วัตถุบินปริศนายังคงเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจของคนทั่วโลกอย่างไม่เสื่อมคลาย ย้อนกลับไปในปี ๑๙๔๗ เมื่อนักบินเอกชนชื่อนายเคนเนธ อาร์โนลด์ (Kenneth Arnold) ได้อ้างว่าเขาได้เห็นยูเอฟโอปริศนาบินด้วยความเร็วสูงใกล้เหนือยอดเขาเรนเนียร์ (Mount Rainer) รัฐวอชิงตัน เขากล่าวว่ารูปร่างเหมือน “จานร่อนบิน” หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็รายงานมากมายที่อ้างพบเห็นยูเอฟโอรูปร่างจานบินปรากฏตัวมากมายทุกมุมโลก อีกทั้งหลายเหตุการณ์ยังเต็มไปด้วยลึกลับและน่าพิศวง และนี้คือ ๑๐ สุดยอดเหตุการณ์ประหลาดของยูเอฟโอดังกล่าว



อันดับ ๑๐ ไฟฟินิกซ์ (The Phoenix Lights)

ไฟฟินิกซ์ ถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ปรากฏยูเอฟโอที่มีชื่อเสียง เนื่องจากมีพยานหลายคนจำนวนมากพบเห็นยูเอฟโอ และมีการถ่ายวีดีโอเทปจำนวนมากมายและปรากฏในช่องสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น

เรื่องเริ่มต้นขึ้นในช่วงใกล้ค่ำ ของวันที่ ๑๓ มีนาคม ๑๙๙๗ เมื่อมีพยานหลายพันคนต่างพบเห็นวัตถุประหลาดบินได้ลึกลับที่ขนาดใหญ่พอๆ เครื่องบินโบอิ้ง ๗๔๗ ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าในเมือง รูปร่างลักษณะคล้ายรูปตัววี มีดวงไฟสีแดงหรือสีส้มส่อง ๕ ดวงอยู่ข้างใต้ยาน บินอย่างช้าๆ เงียบๆ ผ่านหลายเมืองในรัฐอาริโซน่า สหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะหายไปที่เมืองฟินิกซ์ (Phoenix) ซึ่งเป็นจุดที่เป็นพื้นที่กองทัพอากาศ รวมระยะเวลาปรากฏยาวนานกว่า ๓ ชั่วโมง (ตั้งแต่ ๑๙.๓๐ น. ถึง ๒๒.๓๐ น.) หลังจากนั้นไม่นานก็มีผู้คนมากมายสอบถามเรื่องดังกล่าวทางสื่อทุกแขนง ซึ่งทางฐานทัพอากาศของสหรัฐฯ ก็ได้ออกมาแถลงการณ์กล่าวอ้างว่าแสงไฟสีอำพันลึกลับซึ่งลอยอยู่บนท้องฟ้าดังกล่าวเป็นเพียงเครื่องบินรบ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อมบินของทางกองทัพเท่านั้น แน่นอนประชาชนส่วนใหญ่ไม่เชื่อ แต่กระนั้นก็ไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์นี้ได้ว่าคืออะไร? และยังคงถกเถียงจนถึงทุกวันนี้



อันดับ ๙ โคลาเรสยูเอฟโอบิน (The Colares UFO flap)

ประเทศบราซิลถือว่าเป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่มีรายงานการปรากฏตัวของยูเอฟโอที่แปลกประหลาด มากมายอยู่บ่อยครั้ง และหนึ่งในรายการนั้นจะต้องมีเหตุการณ์ยูเอฟโอที่โคลาเรสรวมอยู่ด้วย

โคลาเรสยูเอฟโอบิน เป็นเหตุการณ์การปรากฏตัวของยูเอฟโอเกิดขึ้นที่เกาะโคลาเรส (Colares) ทางเหนือของประเทศบราซิล ในปี ๑๙๙๗ รูปร่างยูเอฟโอไม่แน่ชัด บ้างก็ว่ามีขนาดเล็ก บ้างก็ว่าใหญ่ รูปซิการ์ ไปจนถึงจานร่อง ส่องแสง ไม่ส่องแสง แต่สิ่งที่แปลกกว่าเหตุการณ์การปรากฏตัวยูเอฟโอทั่วไปก็คือ มีพยานหลายคนจากหลายหมู่บ้านอ้างว่าพวกเขาถูกยูเอฟโอดังกล่าวจู่โจมด้วยการฉายรังสีที่มีความเข้มข้นสูงเข้าใส่ ทำให้มีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวประมาณ ๓๕ คน จากผลวินิจฉัยของด็อกเตอร์เวลเอด คาร์วัลโญ่ (Dr Wellaide Carvalho) ที่เขามารักษาผู้ป่วย พบว่า ผู้บาดเจ็บมีอาการผิวหนังไหม้และมีบาดแผลเหมือนถูกแทง ซึ่งเกิดจากรังสีเป็นพิษ นอกจากนี้ผู้ป่วยยังเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ, เหนื่อยล้า, ความดันดันโลหิตต่ำ, โลหิตจาง และผมร่วงถาวรที่บริเวณที่ผิวหนังไหม้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทางรัฐบาลบราซิลจัดตั้งทีมงานเพื่อตรวจสอบเรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะ แต่ปัจจุบันก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าสิ่งที่โจมตีและทำร้ายชาวบ้านเกาะโคลาเรสในวันนั้นคืออะไรกันแน่?



อันดับ ๘ ศึกลอสแอนเจลิส(The Battle of Los Angeles)

กรุณาอย่าเข้าใจผิดว่ามันเป็นชื่อภาพยนตร์ดังเรื่อง The Battle of Los Angeles (2001) หากแต่ศึกลอสแอนเจลิสนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เมื่อสหรัฐ ฯ ทำศึกกับยูเอฟโอจริงๆ โดยเราไม่สามารถอธิบายได้ว่ายูเอฟโอดังกล่าวคืออะไรกันแน่?

ไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ฐานทัพเรือเพิร์ล ฮาเบอร์ (Pearl Harbor) และ แอลวูด( Ellwood) ถูกฝ่ายอักษะญี่ปุ่นโจมตีจนย่อยยับ ส่งผลทำให้สหรัฐอเมริกาต้องเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ ๒ และเตรียมกับพร้อมรับมือบุกโจมตีของญี่ปุ่นเข้มงวดขึ้น จนกระทั้งในคืนของวันที่ ๒๔ -๒๕ กุมภาพันธ์ ๑๙๔๒ เวลาประมาณ ๒:๒๕ น. ที่ลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย จู่ๆ ก็มีฝูงยูเอฟโอรูปทรงกลมเรืองแสงปรากฏตัวเหนือน่านฟ้าของเมือง สัญญาณเตือนไซเรนดังไปทั่ว ทำให้พยานหลายคนในตอนนั้นตื่นมาเพื่อออกมาดูการปรากฏตัวของฝูงยูเอฟโอลึกลับดังกล่าว ตอนแรกทางกองทัพเชื่อว่าเป็นเครื่องบินรบของฝ่ายอักษะญี่ปุ่น ทำให้มีการใช้ปืนต่อสู้อากาศยานระดมยิงตอบโต้ทันที กว่า ๑,๔๐๐ นัด หลังสิ้นเสียงปืน ผลปรากฏว่าอาวุธของพวกเขาไม่สามารถทำอันตรายกับฝูงยูเอฟโอดังกล่าวได้เลย อีกทั้งสะเก็ดของกระสุนปืนได้ตกลงบนพื้นดินทำลายบ้านเรือนและมีผู้เสียชีวิตจากลูกหลงจากเหตุการณ์ดังกล่าวหลายราย ก่อนที่ยูเอฟโอจะหายอย่างลึกลับ ในเวลาต่อมา ทางการสหรัฐออกแถลงการณ์ปฏิเสธกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามันไม่ใช่ยูเอฟโอจากนอกโลก หากแต่เป็นเพียงสัญญาณเตือนผิดพลาดซึ่งเป็นผลจากสงครามประสาทของฝ่ายศัตรูเท่านั่น



อันดับ ๗ คลื่นยูเอฟโอเบลเยียม(The Belgian UFO Wave)

คลื่นยูเอฟโอเบลเยียม เป็นเหตุการณ์การปรากฏตัวของยูเอฟโอประหลาด ในระหว่างฤดูหนาวของวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๑๙๘๙ กับฤดูใบไม้ผลิ วันที่ ๓๐ มีนาคม ๑๙๙๐ ของประเทศเบลเยียม

ในวันนั้น มีการพบคลื่นเรดาร์ประหลาดในช่วงกลางคืน พร้อมกับการปรากฏตัวของยูเอฟโอทรงสามเหลี่ยมหรือไฟสามดวงอยู่แต่ละมุมเคลื่อนที่ไปบนท้องฟ้าในกรุงบรัสเซลล์ (Brussels) ต่อมามันก็ปรากฏตัวอีกครั้งต่อหน้าต่อตาประชาชนกว่า ๑๓,๕๐๐ คน ให้พบเห็น เมื่อทางการเบลเยียมรับรายงานดังกล่าว จึงได้ส่งเครื่องบินรบ F-16 ออกไปสังเกตการณ์ และพยายามล็อกเป้าหมายโจมตียูเอฟโอลำดังกล่าว(สามครั้ง) แต่ปรากฏว่าไม่สำเร็จ เพราะสัญญาณเครื่องบินถูกรบกวน ก่อนที่ยูเอฟโอนั้นจะหายไปด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อชนิดที่เรียกว่าไม่มีเครื่องบินลำไหนบนโลกจะสามารถทำแบบนี้ได้



อันดับ ๖ เหตุการณ์ยูเอฟโอที่วาร์จินยา(Virginal UFO Incident)

ไม่มีเหตุการณ์เผชิญหน้ามนุษย์ต่างดาวใดที่เต็มไปด้วยความพิศวงและแปลกประหลาดน่าสนใจต่อใครหลายคนมากเท่าเหตุการณ์ยูเอฟโอที่วาร์จินยา ในประเทศบราซิลอีกแล้ว

เหตุการณ์ยูเอฟโอที่วาร์จินยาเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน เมืองวาร์จินยา(Virginal) เมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๑๙๙๖ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวมีพยานหลายคนพบยูเอฟโอรูปร่างเหมือนเรือดำน้ำเหนือน่านฟ้า ต่อมาก็มีรายงานจากชาวเมืองและเจ้าหน้าที่แจ้งมาว่าพวกเขาได้พบสัตว์ประหลาดบนท้องถนน โดยสิ่งมีชีวิตดังกล่าวรูปร่างผอม สูงประมาณ ๑.๖ ฟุต (๕ ฟุต) มีหัวขนาดใหญ่ เท้ารูปตัววี สีผิวเข้มสีน้ำตาล ตาสีแดงขนาดใหญ่ คล้ายมนุษย์ต่างดาว มีกลิ่นแรงเหมือนแอมโมเนีย และท่าทางเหมือนมันกำลังสับสนหรือบาดเจ็บ เมื่อกองทัพบกได้รับรายงานจึงได้ส่งทหารเข้ามายังพื้นที่ทันที และสัตว์ประหลาดดังกล่าวก็ถูกยิงตาย ก่อนที่มันจะถูกจับยัดใส่กระสอบ แล้วส่งไปชันสูตรในห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยเซาเปาโลที่มีการรักษาความปลอดภัยสูงสุด หากแต่สุดท้ายรัฐบาลบราซิลกลับออกมาแถลงการณ์ปฏิเสธเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยบอกว่าสาเหตุเป็นเพราะอุปทานหมู่เท่านั้น แต่หลายคนไม่เชื่อเรื่องดังกล่าว โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลจงใจปกปิดข้อเท็จจริง พร้อมกับมีพยานหลายคนอ้างว่าเห็นเจ้าหน้าที่บราซิลนำสัตว์ประหลาดขึ้นเครื่องบินทางการทหารของสหรัฐอเมริกาและนายทหารที่มีส่วนร่วมในการสัตว์ประหลาดดังกล่าวก็ได้เสียชีวิตลงในสัปดาห์ต่อมาเนื่องจากติดเชื้อแบคทีเรียที่ไม่รู้จัก



อันดับ ๕ เหตุการณ์ที่ป่าเร็นเลสแฮม (The Rendlesham Forest Incident)

เหตุการณ์ที่ป่า เป็นเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นในป่าเร็นเลสแฮม , ซัฟโฟล์ก ประเทศอังกฤษ ในปี ๑๙๘๐ โดยหลายคนได้เชื่อมโยงเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเป็นฝีมือของยูเอฟโอ

เหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นเมื่อเวลาตีสาม ของวันที่ ๒๖ ปลายเดือนธันวาคม ได้เกิดแสงไฟประหลาดเคลื่อนที่ผ่านไปมาที่ป่าเร็นเลสแฮม ด้านนอกฐานทัพอากาศวู้ดบริดจ์ ทางตะวันออกของอังกฤษ ตอนแรกพวกเจ้าหน้าที่ป่าไม้คิดว่าเป็นเครื่องบินลงจอด เลยเข้าไปตรวจสอบ แต่ปรากฏว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นกลับเป็นยูเอฟโอรูปทรงสามเหลี่ยมโลหะ บินได้ มีสามขา และเปล่งแสงประหลาดอยู่ในที่มืด ก่อนที่จะลงจอดบนพื้นดิน พวกเขาจึงรีบกลับไปเพื่อเรียกกำลังเสริม และในวันต่อมา เมื่อนำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจอีกครั้ง ก็พบยูเอฟโอลำดังกล่าวหายไป แต่กระนั้นก็ยังร่องรอยการเผาไหม้และร่องรอยแรงกดทับและค่ารังสีที่ผิดปกติในบริเวณนั้น ต่อมาบริเวณจุดที่ยูเอฟโอลงจอดดังกล่าวก็ได้กลายเป็นพื้นที่มีชื่อเสียงของการปรากฏตัวของยูเอฟโอของประเทศอังกฤษ ซึ่งหลายฝ่ายพยายามหาข้อเท็จจริงจนถึงทุกวันนี้



อันดับ ๔ เหตุการณ์ยูเอฟโอที่เคกส์เบิร์ก (The Kecksburg UFO Incident)

เหตุการณ์ยูเอฟโอที่เคกส์เบิร์ก เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๑๙๖๕ ในเมืองเคกส์เบิร์ก (Kecksburg) รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อมีพยานหลายคนต่างเห็นลูกบอลไฟลึกลับขนาดใหญ่ลอยผ่านเหนือฟ้าจากภาคเหนือของมิชิแกนและโอไฮโอ ก่อนที่จะเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นโดยรอบทางเพนซิลเวเนียตะวันตก และวัตถุดังกล่าวตกลงในป่า ทำให้ป่าไม้ในบริเวณนั้นล้มลงเสียหายและลุกไหม้เป็นบางส่วน เมื่อทางกองทัพสหรัฐฯ ทราบข่าวก็ระดมกำลังตรวจสอบพื้นที่บริเวณนั้นและปิดกั้นไม่ให้ประชาชนเข้าไปใกล้ที่พื้นที่เกิดเหตุ ต่อมาทางการนาซ่ากลับออกมาแถลงการณ์ว่าไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ทั้งสิ้นในบริเวณดังกล่าว วัตถุที่ตกเป็นเพียงสะเก็ดดาวตกเท่านั้น อย่างไรก็ตามมีพยานในที่เกิดเหตุหลายคนยืนยันหนักแน่นว่าพวกเขาเห็นเจ้าหน้าที่นำรถบรรทุกมาขนวัตถุประหลาดขนาดใหญ่พอๆ กับรถเต่า(โฟล์คสวาเกน) ลักษณะคล้ายกับระฆังสีส้มหรือเหมือนผลต้นโอ๊กและมีสัญลักษณ์แปลกๆ เหมือนอักษรอียิปต์อยู่รอบวัตถุ ออกจากที่เกิดเหตุในค่ำคืนวันนั้น และด้วยเหตุดังกล่าวจึงมีการยื่นฟ้องต่อศาลให้บังคับทางการนาซ่าเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนรับทราบ จนกระทั้งปี ๒๐๐๕ ทางการนาซ่าต้องยอมเปิดเผยข้อมูลตามคำสั่งของศาล คราวนี้บอกว่าสิ่งที่ตกดังกล่าวคือดาวเทียมลับของรัสเซีย ซึ่งขัดแย้งคำแถลงการณ์ครั้งแรกโดยสิ้นเชิง ต่อมามีการบังคับให้เอานาซ่าเปิดเผยเอกสารหลักฐานอีกครั้ง แต่คราวนี้นาซ่าบอกว่าเอกสารหลักฐานดังกล่าวหายไป ทำให้ความจริงเหตุการณ์ยูเอฟโอที่เคกส์เบิร์กยังคงเป็นปริศนาจนถึงปัจจุบัน



อันดับ ๓ ชูปราคาบรา(Chupacabra)

ในช่วงเดือนเมษายน ๒๐๐๐ ประเทศชิลีเต็มไปด้วยรายการเกี่ยวกับปรากฏการณ์ยูเอฟโอ รวมไปถึงรายงานการปรากฏตัวของชูปราคาบราสัตว์ลึกลับที่น่าสยดสยอง

ชูปราคาบรา(ภาษาสเปนแปลว่า ตัวดูดเลือดแพะ) เป็นสัตว์ประหลาดกลับที่ออกอาละวาดสร้างความหวาดกลัวต่อชาวบ้าน ในประเทศเปอร์โตริโก เม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา โดยปรากฏออกมาช่วงแรกในช่วง ๑๙๙๕ ก่อนที่จะระบาดไปทั่วอเมริกาใต้จนถึงชิลีดังกล่าว โดยพฤติกรรมคือมันชอบฆ่าและดูดเลือดสัตว์จนหมดตัว ทุกคืนมันจะฆ่าสัตว์เป็นจำนวนมากอย่างน้อย ๓๐ ตัวเป็นอย่างต่ำ ไม่เพียงเฉพาะแพะเท่านั้น ยังมีพวกสุกร สุนัข และเป็ดถูกฆ่าในลักษณะเดียวกัน นอกจากนั้นมันมีรูปร่างหลายแบบแตกต่างกันไปตามคำบอกเล่าของพยานที่พบเห็น บ้างก็ว่าเหมือนมนุษย์ต่างดาว เหมือนสัตว์กลายพันธุ์ บางตัวก็มีปีก บางตัวมีกลิ่นเหม็นคล้ายกำมะถัน นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมโยงว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องยูเอฟโอ คือในพื้นที่ปรากฏตัวชูปราคาบรามักมีรายงานการปรากฏตัวแสงไฟประหลาดลอยได้เหมือนยูเอฟโออยู่บ่อยครั้ง และในพื้นที่ดังกล่าวยังพบเครื่องหมายรอยไหม้เหมือนรูปสามเหลี่ยมบนพื้นดินเหมือนเป็นจุดลงจอดยูเอฟโอดังกล่าว





อันดับ ๒ เหตุการณ์แคช-เลสลี่ดรัม (The Cash-Landrum Incident)

เหตุการณ์แคช-เลสลี่ดรัม เป็นเหตุการณ์การพบเห็นยูเอฟโอ ในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ๑๙๘๐ และเป็นเหตุการณ์ไม่กี่กรณีที่เกี่ยวข้องกับในยูเอฟโอที่มีการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีในศาลอาญา โดยคนฟ้องเป็นพยานในการพบเห็นยูเอฟโอที่อ้างว่าพวกเขาสุขภาพแย่ลงหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อค่ำของวันที่ ๒๐ ธันวาคม เมื่อนางเบ็ตตี้ แคช (Betty Cash), นางวิคกี เลสลี่ดรัม (Vickie Landrum) และ คอลบี เลสลี่ดรัม (Colby Landrum) หลานชายอายุ๗ ปีของวิคกี ได้ขับรถโอลด์โมบายกลับบ้านตามหลวงหมายเลข FM1485 ในเดย์ตัน รัฐเท็กซัส จนกระทั้งเวลา ๙:๐๐ น. จู่ๆ ก็เกิดแสงจ้าทางด้านเหนือของถนน ทำให้พวกเขาถูกบังคับให้หยุดรถ และออกจากรถเพื่อดูมาของแสงดังกล่าว(ในตอนนั้นมีเฮลิคอปเตอร์อยู่ใกล้ประมาณ ๘ กม.) ตอนแรกวิคกีคิดว่าเป็นแสงของพระเยซูมาเยือน แต่ปรากฏว่าแสงดังกล่าวคือยูเอฟโอ รูปร่างเหมือนเพชรส่องแสงวูบวาบจนแสบตา มันบินเหนือพวกเขา ก่อนที่จะหายไป โดยมันได้ปล่อยพ่นระเบิดไฟจากปลายด้านล่างออกมากระจายไปทั่วบริเวณ ซึ่งความร้อนดังกล่าวมีรุนแรงมาก(ถึงขั้นทำให้รถเสียหายบางส่วน และพื้นที่บางส่วนในบริเวณลุกติดไฟ) เป็นผลทำให้พยานทั้งหมดที่อยู่ใกล้เกิดอาการเจ็บป่วย คลื่นไส้ โรคอุจจาระร่วง ปวดหัวเรื้องรัง และมีรอยแผลไหม้ของรังสีรุนแรงจนเห็นชัดเจน ซึ่งในเวลาต่อมาก็มีการฟ้องร้องต่อศาลเนื่องจากคิดว่าทางการสหรัฐอยู่เบื้องหลังในเหตุการณ์ดังกล่าว



อันดับ ๑ เหตุการณ์ที่รอสเวลล์(The Roswell Incident)

คงไม่มีเหตุการณ์ครั้งไหนที่ได้รับการกล่าวขานเท่าเหตุการณ์เครื่องบินตกรอสเวลล์ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นชื่อว่าเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ยูเอฟโอ รวมทั้งมีการโต้เถียงกันอย่างยาวนานร่วมครึ่งศตวรรษ จนกระทั้งในปัจจุบันยังหาข้อยุติไม่ได้!!?

ในเดือนกรกฎาคม ๑๙๔๘ ได้มีวัตถุลึกลับตกในพื้นที่รกร้าง ในเมืองรอสเวลล์ นิวเม็กซิโก โดยเกษตรคนหนึ่งชื่อนายวิลเลียม แวร์ “แม็ค” (William Ware "Mack") ได้พบวัตถุประหลาดขนาดเล็กกระจัดกระจายเต็มพื้นที่ โดยเศษวัตถุดังกล่าวคล้ายไม้(แต่ไม่ใช่ไม้) มีน้ำหนักทั้งเบาและบางคล้ายแผ่นฟอยล์ ต่อมาไม่นานเจ้าหน้าที่ทางการก็มาถึงและเก็บวัตถุในพื้นที่เกิดเหตุจนหมด ซึ่งผลจากการตรวจสอบตอนแรกแถลงการณ์ออกมาว่าวัตถุที่ตกลงมานั้นเป็นวัตถุที่ไม่เคยมีอยู่ในโลก แต่ละชิ้นโลหะมีคุณสมบัติแปลกประหลาด หากแต่ภายหลังทางการกลับออกมาแถลงการณ์ใหม่ว่าวัตถุที่ตกลงมาเมืองรอสเวลล์นั้นคือหรือบอลลูนตรวจสภาพอากาศ!!?

เรื่องมันเหมือนจะจบลงเพียงเท่านี้ แต่หลายฝ่ายไม่ยอมให้จบ เพราะมีหลายคนพยายามสืบหาความจริงเหตุการณ์ในวันนั้น แต่ว่าการสืบดังกล่าวเต็มไปด้วยอุปสรรค์มากมาย เพราะว่าพยานและผู้เกี่ยวข้องเกือบทั้งหมดต่างพากันปิดปากเงียบ โดยเฉพาะ “แม็ค” ดูเหมือนเขาจะกลัวเรื่องนี้มาก เขาปิดปากเงียบชจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของเขาในปี ๑๙๖๓ นอกจากนี้ยังมีพยานบางคนอ้างว่าเห็นศพมนุษย์ต่างดาวในห้องผ่าตัดในฐานทัพอากาศรอสเวลล์ แต่พยานดังกล่าวได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยเสมือนว่าถูกอุ้ม ถึงกระนั้นการสืบค้นก็ยังดำเนินต่อไปอย่างไม่ลดละ จนในที่สุดก็มีแนวโน้มพอที่จะเชื่อว่าแถลงการณ์ของทางการทั้งหมดเป็นเรื่องกุขึ้น ปัจจุบันหลายฝ่ายยังคงหวังว่าทางการสหรัฐจะเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับเหคุการณ์ดังกล่าว ว่าเกิดอะไรขึ้นแน่ที่รอสเวลล์?

อ้างอิงจาก
//www.tuaytoon.com/story.php?type=S&id=70


Create Date : 21 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2555 9:33:03 น. 0 comments
Counter : 1758 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

scimovie
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]




แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
Friends' blogs
[Add scimovie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.