ดาวน์โหลดโปรแกรม ดูละครย้อนหลัง อ่านเรื่องราวของความรู้รอบตัว วิทยาศาสตร์ ท่องเที่ยว สุขภาพ อาหาร รถยนต์ต่างๆ ไม่ทิ้งเรื่องราวความบันเทิงและเรื่องส่วนตัวอีกด้วย
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
14 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
เรื่องควรรู้ก่อนการต่อประกันรถ

เรื่องควรรู้ก่อนการต่อประกันรถ

ส่วนลดประวัติดีกับการต่อประกัน

คงจะเคยเห็นหรือเคยทราบกันมาบ้างแล้วว่าการทำประกันนั้นถ้าไม่มีการเคลมเกิดขึ้น จะมีการจูงใจเพื่อให้ต่ออายุประกันในปีต่อไปด้วยการลดราคาหรือมีส่วนลดให้ เช่น

20% สำหรับปีที่สองหรือไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายในปีแรก

30% สำหรับปีที่สามหรือไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายในสองปีที่ผ่านมา

40% สำหรับปีที่สี่หรือไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายในสามปีที่ผ่านมา

50% สำหรับปีที่ห้าหรือไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายในสี่ปีที่ผ่านมาหรือนานกว่านั้นเป็นต้นไป

แล้วที่บอกว่าลดราคาหรือเบี้ยให้นั้นเป็นความจริงหรือ?

ถ้ามองผิวเผินหรือไม่คิดอะไรจะเห็นว่ามีการลดเบี้ยประกันให้จริงๆ แต่ถ้ามองลึกลงไปในรายละเอียดหรือสังเกตดีๆแล้วจะพบว่า มีการแอบแฝงข้อความหนึ่งไว้ว่า..


“..ส่วนลดเบี้ยประกันนั้นเป็นส่วนลดที่คิดจากเบี้ยประกันภัยในปีที่ต่ออายุ..”


อธิบายขยายความได้ว่า การลดเบี้ยประกันไม่ว่า 20-30-40-50%นั้น ไม่ใช่การลดจากเบี้ยประกันเดิมหรือไม่ใช่การลดจากกรมธรรม์ในปีที่ทำอยู่แล้วเอามาคิดเพื่อเป็นส่วนลดในปีถัดไป เช่น


ในปีแรกจ่ายเบี้ยไป 30000บาทและไม่เคยเรียกค่าทดแทนเลย ปีถัดมาถ้าลด 20%ก็จะเหลือ 24000บาท แต่ทำไมเรียกเก็บจริงไม่เป็นไปตามนั้นเช่นเรียกเก็บ 26000บาทเป็นต้น ซึ่งก็คือ 13.33% ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น


เคยมีบางท่านบอกว่ามันมีแว็ต 7%รวมอยู่ด้วย เอ้ามาลงลึกไปอีกหาเบี้ยที่แท้จริง

จาก 30000 หักแว็ต 7% หรือ 1962.62บาท ก็จะเหลือเบี้ยจริง 28037.38 บาท(รวมอากรราว 50บาท)

ถ้าคิดส่วนลด 20% จาก 28037.38 บาทหรือ 5607.48 บาท ก็จะเหลือ 22429.90 บาท

ดังนั้นเบี้ยปีต่อไปเมื่อรวมแว็ตอีก 7%หรือ 1570บาทก็ควรจะแค่ 24000 บาท


(รวมค่าอากรแล้วก็อีกไม่กี่บาทยังไงก็ไม่เกินร้อยหรอก)



แล้วทำไมจึงเรียกเก็บเกินจากนี้หละ เป็นไปได้ยังไง


มีอะไรแอบแฝงอยู่?

ก็อย่างที่เรียนข้างต้นว่าการคิดเบี้ยนั้นเขาคิดจากเบี้ยในปีนั้นๆที่จะทำประกัน ไม่ได้คิดจากเบี้ยในปีที่ผ่านมา แต่เบี้ยในปีนั้นๆหรือเบี้ยในปีที่จะต่อประกัน จะมีใครทราบบ้างว่ามันเท่าไหร่หรือเพิ่มลดยังไงเพราะไม่เคยมีใครหรือบริษัทประกันที่ไหนบอก จะบอกเฉพาะในปีแรกที่จะทำเท่านั้นซึ่งส่วนใหญ่ในปีแรกจะไม่แพงเท่าไหร่ดูสมน้ำสมเนื้อดี แต่พอเข้าปีที่สองหรือปีถัดไปกลับมาการปรับเพิ่มเบี้ย(ยังไม่เคยเห็นว่ามีการปรับลด)แต่ไม่เคยแจ้งให้ผู้ทำประกันได้ทราบ ถ้าผู้ทำประกันหรือต่อประกันไม่คิดอะไรเพราะเห็นเพียงแค่ว่ามันถูกลงแล้วก็จะจ่ายตามที่ถูกเรียกเก็บ แต่พอมีคนโวยวายออกมาว่าทำไมไม่ลดตามที่ระบุก็จะได้รับคำตอบว่าเป็นนโยบายของบริษัทที่มีการปรับอัตราเบี้ยประกันใหม่ตามประกาศเลขที่....(อยู่ไหนหรือประกาศตั้งกะเมื่อไหร่ไม่ให้ดูหรอก)หรือมันไม่ได้คิดเฉพาะเบี้ยประกันมันยังมีค่าอากรค่าแว็ตเข้ามาคิดด้วย(ก็แล้วแต่จะกล่าวอ้างไปต่างๆนาๆ) เช่นในกรณีที่ยกมาว่าจาก 30000 บาทหลังลดแล้วต้องจ่าย 26000 บาท ก็แสดงว่ามีการปรับเบี้ยก่อนได้รับส่วนลดจาก 30000 บาท เป็น 32500บาทเรียบร้อยแล้วก่อนที่จะนำมาคิดส่วนลด แต่ที่น่าเจ็บกระดองใจคือจากการสอบถามของผู้ที่ใช้รถรุ่นเดียวกันที่ออกใหม่ป้ายแดงนำไปทำประกันก็ยังเสียเบี้ยปีแรก 30000 บาทอยู่ แสดงว่ามีการปรับเพิ่มเฉพาะผู้ที่ต่อประกันอย่างนั้นหรืออย่างงี้หมายความว่ายังไง



เคยทราบมั๊ยว่าไม่ได้ลดเบี้ยอย่างเดียว!

ถึงแม้บริษัทประกันจะอ้างว่าลดเบี้ยให้กับรถประวัติดีเพื่อแสดงความชื่นชมและจริงใจและจูงใจหรือตอบแทนลูกค้าหรือด้วยคำอะไรก็แล้วแต่ที่สุดแสนจะเริดหรู มันจริงอย่างที่เขาว่าจริงๆหรือเปล่า?

ลองดูรายละเอียดซักนิดตรงช่อง(เอาช่องเดียวก็พอ)ที่กล่าวถึงการชดเชยในกรณีที่เกิดความเสียหายต่อรถยนต์หรือรถสูญหายหรือรถไฟไหม้อะไรพวกนี้ซึ่งอาจจะแตกต่างกันในคำพูดแต่ละบริษัทประกัน เอาง่ายๆว่ารถหายจ่ายเท่าไหร่นั่นแหละ

ในปีแรกจ่าย 30000 ได้รับความคุ้มครอง 850000 บาท

ในปีต่อมา(อ้างว่าลด 20%)จ่ายไป 26000 บาท ได้รับการคุ้มครอง 650000 บาท

ซึ่งจะเห็นได้ว่ามันลดลงถึง 23.5 % แถมลดจริงๆก็แค่ 13.33% ไม่ใช่ 20%

นี่ยกมาเฉพาะรายละเอียดแค่ช่องเดียวเท่านั้นนะครับยังมีอื่นๆอีกเยอะ


การต่อประกัน!

ลองสละเวลาซักนิดนะครับเช็คดูซักหน่อยว่าเป็นอย่างที่ผมพูดไปหรือเปล่าเพราะที่พูดถึงนี่เป็นเพียงบางบริษัทเท่านั้นเพราะบางที่ก็ยังซื่อตรงอยู่ก็ยังมี แต่ถ้าท่านเจอเหตุการณ์ดังกล่าวจะทำยังไง

ก่อนหมดอายุประกันราว 2เดือน(อย่างน้อยที่สุดก็ 1เดือน)หรือถ้ามีหนังสือแจ้งยอดที่ต้องไปชำระค่าเบี้ยประกันในปีถัดไป ให้ลองโทรฯไปสอบถามบริษัทประกันว่าเบี้ยประกันเท่าไหร่และยอดความคุ้มครองเป็นอย่างไร เอาหลักๆเลยเช่นรถหายจ่ายเท่าไหร่หรือผู้ขับขี่เสียชิวิตจ่ายเท่าไหร่

นำข้อมูลที่ได้มาคำนวนตามตัวอย่างที่ยกมาข้างบนว่าส่วนลดตรงตามเปอร์เซ็นต์ที่แจ้งหรือเปล่ามีส่วนต่างอยู่เท่าไหร่ ถ้าใกล้เคียงกันหรือห่างกันไม่เกิน 2-300บาทก็ถือว่าพอยอมรับได้แต่ถ้ามากกว่านั้น

โทรฯสอบถามบริษัทประกันอื่นว่ารถเรายี่ห้อนี้/ปีนี้ ถ้าต้องการการคุ้มครองแบบเดียวกัน(กับที่บริษัทเดิมเสนอความคุ้มครองให้)ต้องจ่ายเบี้ยประกันเท่าไหร่

ถ้าพบว่าความคุ้มครองเท่ากันแต่ราคาถูกกว่าหรือให้ความคุ้มครองมากกว่าในราคาเท่ากัน แนะนำให้เปลี่ยนบริษัทประกันครับ แสดงว่าบริษัทที่ทำอยู่เริ่มมีอะไรที่หมกเม็ดแล้วและในปีต่อๆไปเราก็จะเจอเช่นเดิมอีก

ถ้าเกิดมีการเคลมเกิดขึ้นอาจจะต้องจ่ายเบี้ยเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นเช่น ถ้าเรียกร้องค่าเสียหายเกิน 200%ของเบี้ยในปีนั้น ในปีต่อไปต้องจ่ายเบี้ยเพิ่มขึ้น 20%(จากเบี้ยที่กำหนดโดยไม่ทราบที่มา)เป็นต้น อันนี้แนะนำให้เปลี่ยนบริษัทประกันทันทีไม่ต้องลังเล ปล่อยให้บริษัทประกันเดิมภาคภูมิใจกับตัวเลขที่หวังว่าจะเก็บเพิ่มจากเราไปเรื่อยๆแต่ไม่ต้องต่อเปลี่ยนทันทีเพราะราคาเบี้ยประกันจะถูกลงทันที หาที่ถูกกว่าที่จะต่อกับบริษัทเดิมได้ไม่ยากหรอกครับ


*****คงฝากไว้เป็นข้อคิดเล็กๆน้อยๆนะครับบางท่านอาจจะเคยสังเกตหรือเคยทราบมาแล้วแต่บางท่านอาจจะยังไม่เคยทราบหรือเคยสังเกตเรื่องเหล่านี้เลย เพราะมันเป็นการเอารัดเอาเปรียบกันซึ่งหน้าทีเดียว ลองดูนะครับไม่เสียหลายหรอกสละเวลาซักนิดยกหูโทรศัพท์เสียไม่กี่บาทแต่ท่านอาจจะประหยัดเงินได้หลายร้อยหรือหลายพันบามเลยทีเดียว(ผมเคยได้สูงสุดกว่า 2000บาทครับ)*****



*****เราเป็นผู้จ่ายเงินจงเลือกในสิ่งที่เห็นว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากที่สุด เราเป็นลูกค้ามีสิทธิ์เลือก อย่าตกเป็นเหยื่อของความไม่ชอบธรรม บริษัทประกันต้องเป็นฝ่ายง้อเราถึงจะถูก ไม่ใช่ให้เราเป็นฝ่ายไปง้อ*****



*****ยังมีบริษัทประกันอีกมากมายให้เราเลือกใช้บริการ ใช่ว่าบริษัทใหญ่จะดีเสมอไป(อย่าให้เอ่ยชื่อเลย)บางที่ก็ใหญ่แต่ชื่อแต่บริการไม่เป็นสัปะรดแมวแถมเล่นแง่สุดๆก็มีถมไป ปล่อยให้เขาตายไปพร้อมกับชื่อเสียงและความภาคภูมิใจนั้นเหอะครับ*****



*****เลือกที่ซื่อสัตย์จริงใจกับเรามากที่สุด ใหญ่เล็กไม่สำคัญ ขอให้บริการดีเป็นใช้ได้ ไม่ใช่ว่าเวลาเก็บตังค์นะพูดดี แต่เวลาจะเรียกร้องค่าเสียหายยังจะเราเป็นชู้จะลูกเมียท่านยังไงยังงั้นแหละ อันนี้พูดดีก็น่าต่อประกันด้วยแม้จะแพงบ้างนิดหน่อยก็ถือว่าซื้อบริการ แต่ถ้ามีการเรียกร้องค่าเสียหายแล้วเจอประเภทนี้เปลี่ยนเหอะครับไม่นานเดี๋ยวก็เจ๊งไปเอง*****



*****การเปลี่ยนบริษัทประกันเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้รถติดต่อกันนานๆหรืออาจจะไม่คิดจะขายเท่านั้น ส่วนผู้ที่วางแผนขายล่วงหน้าไว้แล้วการเปลี่ยนบริษัทประกันอาจจะถูกมองว่าเป็นการหมกเม็ดหรือลบประวัติไม่ดีทิ้งก็อาจจะเป็นได้ แต่ถ้าการวางแผนขายนั้นอยู่ในรูปของการตีเทิร์นหรือขายเข้าเต็นท์ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด มันก็เป็นดาบสองคมเสมอ แต่สิ่งที่ได้รับจากการเปลี่ยนบริษัทประกันคือเราจะรู้ว่าบริษัทถูกกว่า-บริการดีกว่า-ไม่เล่นแง่ตอนเคลม และเมื่อนั้นเราก็สามารถผูกขาดการทำประกันกับบริษัทที่เราเห็นว่าดีที่สุดได้เลย เป็นสิ่งที่น่าค้นหาคำตอบนะครับ*****



..........ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงความรู้สึกและบทเรียนจากประสบการณ์ส่วนตัวเท่านั้น...ไม่ได้ต้องการสร้างศัตรูหรือว่ากล่าวให้ร้ายกับบุคคลหนึ่งบุคคลใดหรือบริษัทหนึ่งบริษัทใด......แค่อยากสื่ออกไปในสิ่งที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตเท่านั้น....โปรดไตร่ตรองอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ........ถ้าส่งหนึ่งสิ่งใดหรือคำพูดใดๆสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้กับใครหรือท่านใดก็ขอกราบอภัยล่วงหน้านะครับ........


ที่มา
//usedcar.exteen.com/20090630/entry-1


Create Date : 14 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2553 16:55:10 น. 2 comments
Counter : 660 Pageviews.

 
ขอบคุณคัรบ


โดย: ธีรภัทร IP: 124.122.164.79 วันที่: 10 ธันวาคม 2554 เวลา:15:34:54 น.  

 
ขอบคุณสำหรับเกร็ดความรู้ดีๆนะครับ พอดีผมก่จะต่อประกันปีนี้เป็นปีแรกพอดีเลย


โดย: ต้น น่าน IP: 118.175.144.100 วันที่: 15 มีนาคม 2555 เวลา:18:47:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

scimovie
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]




แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
Friends' blogs
[Add scimovie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.