พบหลักฐานใหม่ ณ เขาพระวิหาร !?
หากว่าเขาพระวิหาร ที่คนไทยคนอยู่ เคยเที่ยว เคยมีประวัติศาสตร์มายาวนานไม่ใช่ของไทย คิดแล้วใจหาย...แต่หลักฐานใหม่อาจจะทำให้เรามีความหวังมากขึ้นแน่นอน..
พบหลักฐานใหม่ ณ เขาพระวิหาร !?
ภาพ ปราสาทพระวิหารบนหน้าผาสูงชัน นับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา ประชาชนชาวไทยหลายคนเพิ่งจะได้มีโอกาสรับรู้ข้อมูลความผิดปกติในเรื่องข้อผูกพันระหว่างไทย-กัมพูชาในเรื่องแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ซึ่งจัดทำโดยฝรั่งเศสแต่เพียงฝ่ายเดียว ที่ฝ่ายไทยได้เริ่มกลับมายอมรับเป็นครั้งแรกในการเจรจากับกัมพูชา ตั้งแต่ปี 2543 เวลาทำให้เราได้เรียนรู้กฎหมายระหว่างประเทศที่มีความสำคัญในกรณีนี้จาก ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล ผู้ที่ศึกษาและมีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศโดยตรง นอกจาก ศ.ดร.สมปองจะทำงานในคณะทนายความของฝ่ายไทยในคดีปราสาทพระวิหารที่พยายามโน้มน้าวให้ตัดคำฟ้องอำนาจการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในคดีปราสาทพระวิหารแล้ว ศ.ดร.สมปอง ยังเป็นที่ยอมรับด้านกฎหมายระหว่างประเทศในระดับโลก โดยเคยดำรงตำแหน่งเป็นกรรมาธิการและรองประธานกรรมาธิการด้านกฎหมายขององค์การสหประชาชาติด้วย ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล ได้เตือนและทำความเข้าใจถึงความหวาดกลัวอย่างผิดๆของข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ และนักการเมืองไทยต่อคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศว่าไทยอาจเสียดินแดนมากกว่านี้หากไม่ยอมใส่แผนที่มาตราส่วน 1: 200,000 ตามที่กัมพูชาร้องขอในบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 หรือ MOU 2543 เพื่อให้คนไทยได้รู้เท่าทันว่า ไม่มีใครในโลกมาบังคับให้ประเทศไทยต้องเข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้
ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล ได้ชี้ประเด็นให้ทราบว่า ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจะไม่สามารถพิพากษาหรือขยายผลนอกประเด็นไปจากผลคำพิพากษาในคดีปราสาทพระวิหารได้ และแม้แต่ปราสาทพระวิหารที่ศาลตัดสินว่าอยู่บนอธิปไตยและดินแดนของกัมพูชานั้น ฝ่ายไทยก็ยังสงวนสิทธิ์นั้นได้จนมาถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักฐานที่มีอยู่ในเว็บไซต์ปัจจุบันของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศก็ระบุอย่างชัดเจนว่า ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในรายชื่อของประเทศที่ประกาศยอมรับการบังคับของคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศนับตั้งแต่คำตัดสินคดีปราสาทพระวิหารเมื่อปี พ.ศ. 2505 เป็นต้นมา ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล ได้เขียนบทความสอนให้ประชาชนรู้เท่าทันนักการเมือง ที่ทำให้คนไทยหลงเข้าใจผิดในเรื่องที่ไม่เป็นความจริงว่า MOU 2543 และ JBC คือกระบวนการเดียวเท่านั้นที่ทำให้องค์การสหประชาชาติ และนานาชาติไม่เข้ามาแทรกสอดระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งๆ ที่องค์การสหประชาติและนานาประเทศไม่สามารถมาข้องเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชาได้หากข้อพิพาทนั้นไม่ได้ส่งผลสะเทือนสันติภาพของโลก ตามกฎบัตรสหประชาชาติและกฎบัตรอาเซียน รวมถึงประเพณีปฏิบัติของทุกประเทศ และหากตั้งสติข้อคิดจาก ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล และย้อนไปดูเหตุการณ์ในอดีตก็จะยิ่งเห็นเป็นที่ประจักษ์ว่าข้อพิพาทระหว่างทวิภาคี (2 ประเทศ) ไม่มีใครที่ไหนมาข้องเกี่ยวได้ ดังตัวอย่างที่เกิดขึ้นในการปะทะกันในอดีตระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ก็ไม่เห็นว่าจะมีองค์การสหประชาชาติหรือประเทศไทยเข้ามาเกี่ยวข้องได้แม้แต่น้อย
ศ.ดร.อดุล วิเชียรเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ศ.ดร.อดุล วิเชียรเจริญ อดีตประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก คณบดีคนแรกของคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งจบการศึกษาทั้งปริญญาโทและเอกด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยตรงจากประเทศสหรัฐอเมริกา ก็เห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าให้ยกเลิก MOU 2543 เพื่อล้มกระดานในความผิดพลาดทั้งหมด โดยศ.ดร.อดุล วิเชียรเจริญยังได้ให้ข้อมูลต่อสาธารณะที่เป็นประโยชน์ด้วยว่าหากไทยถอนตัวออกจากเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลก จะทำให้เป็นผลดีที่ทำให้ประเทศไทยไม่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ทำให้ต้องเสียผลประโยชน์ของประเทศชาติในกรณีเขาพระวิหาร โดยไม่มีข้อกำหนดใดๆที่จะมีการเพิกถอนแหล่งมรดกโลกของประเทศไทยไทยซึ่งขึ้นทะเบียนไปแล้วก่อนหน้านี้
นายนาม ยิ้มแย้มผู้พิพากษาผู้ทรงไว้ซึ่งความเป็นกลาง กล้าหาญ และยุติธรรม รวมถึง นายนาม ยิ้มแย้ม ผู้ที่มีอาชีพเป็นตุลาการมาตลอดชีวิต เป็นผู้ที่วางตัวเป็นกลาง ยุติธรรม และไม่มีเรื่องด่างพร้อย ไม่เคยมาชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และไม่เคยได้รับตำแหน่งหรือผลประโยชน์ใดๆกับรัฐบาลประชาธิปัตย์ ก็ยังให้ความเห็นว่าน้ำหนักเหตุผลของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีมากกว่ารัฐบาล ส่วนเหตุผลของฝ่ายรัฐบาลนั้นฟังไม่ขึ้นและอาจทำให้ประเทศไทยสูญเสียดินแดน ผู้หลักผู้ใหญ่ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของสังคม ได้ออกมาแสดงความเห็นในทิศทางเดียวกันถึง 3 คน ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ศ.ดร.อดุล วิเชียรเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และนายนาม ยิ้มแย้ม ผู้พิพากษาที่วางตัวเป็นกลางและมีความกล้าหาญ ต่างไม่เห็นด้วยกับการกอด MOU 2543 ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะทั้งสิ้น ถึงเวลาที่รัฐบาลจะฟังแล้วหรือไม่? ต้องระวังเอาไว้ว่าหากยังดื้อรั้นต่อไป ไม่ฟังเสียงประชาชน ไม่ฟังเสียงผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ ทั้งๆ ที่เหตุผลสำคัญของรัฐบาลในการกอด MOU 2543 ได้ถูกหักล้างไปหมดแล้ว หากยังไม่มีการแก้ไขความสุ่มเสี่ยงทั้งหลายที่เป็นผลมาจากการผูกพันแผนที่มาตราส่วน 1: 200,000 แล้ว อาจถูกประชาชนเคลือบแคลงสงสัยว่า
เสียชาติเขาไม่ว่า เสียหน้ามาร์คไม่ยอม หรือไม่? อันที่จริงนอกจากผู้อาวุโสทั้ง 3 ท่าน ที่ให้องค์ความรู้อย่างมีน้ำหนักชี้ทางสว่างให้กับประชาชนและนักการเมืองในประเทศแล้ว ในอีกด้านหนึ่งมีบุคคลอีกจำนวนไม่น้อยที่พยามมหาหนทาง และหลักฐานในการต่อสู้กับกัมพูชา หนึ่งในหลักฐานที่น่าสนใจคือการใช้เทคโนโลยีที่มนุษย์ในโลกสามารถเข้าถึงได้ด้วยตัวเองนั่นก็คือ กูเกิล เอิร์ธ (Google Earth) ที่รวบรวมภาพถ่ายทางดาวเทียมที่มีความละเอียดสูงบอกตำแหน่งเส้นรุ้งและเส้นแวงทั่วโลกอย่างละเอียดยิ่งนัก วิธีการก็คือ นำตำแหน่งดาวเทียมใน กูเกิล เอิร์ธ มาวาดแล้วทาบลงไปกับ แผนที่มาตราส่วน 1: 200,000 ซึ่งจัดทำโดยฝรั่งเศสแต่เพียงฝ่ายเดียวซึ่งฝ่ายกัมพูชากำลังอ้างอิงอยู่นั้น ก็จะเห็นความผิดพลาดของแผนที่อย่างใหญ่หลวงประจานไปทั่วโลก จนอาจถึงขั้นสรุปเป็นหลักฐานชิ้นใหม่ เพื่อพิสูจน์ว่าแผนที่มาตราส่วน 1: 200,000 เมื่อ 103 ปีที่แล้ว เป็น แผนที่เท็จ
Chayut Ratanapong เพื่อนชาวเฟสบุ๊กที่รักชาติช่วยค้นหาความเป็นเท็จของแผนที่ฝรั่งเศส หนึ่งในผู้ที่มีความพยายามและน่าชื่นชมที่ทุ่มเทค้นหาความจริง คือเพื่อนในเฟสบุ๊คคนหนึ่ง ชื่อ Chayut Ratanapong ได้เขียนบทความลงในเฟสบุ๊คของตัวเองชื่อ แผนที่ฝรั่งเศส ค.ศ. 1908 จงใจเลื่อนตำแหน่งเขาพระวิหารหรือไม่? ซึ่งได้นำแผนที่ของกัมพูชาซึ่งจัดทำโดยฝรั่งเศสแต่เพียงฝ่ายเดียวซึ่งจัดทำขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1908 มาเทียบกับเทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมของกูเกิล เอิร์ธ แล้วพบว่า: แผนที่ดังกล่าวเป็นแผนที่ซึ่งไม่ถูกต้องและเป็นเท็จ โดยเฉพาะแนวสันปันน้ำตามแนวหน้าผาในระวางดงรักนั้นคาดเคลื่อนจากความเป็นจริงอย่างมาก เป็นผลทำให้แผนที่ซึ่งจัดทำโดยฝรั่งเศสแต่เพียงฝ่ายเดียวผิดพลาดห่างจาก สันปันน้ำและหน้าผาจริง กินเข้ามาในดินแดนไทยถึง 4.49 กิโลเมตร ในขณะที่บางจุดก่อนถึงช่องสะงำผิดพลาดกินล้ำเข้ามาในดินแดนไทยไปถึง 9.78 กิโลเมตร โดย ขออนุญาตนำความบางตอนที่สำคัญในบทความของ Chayut Ratanapong ดังนี้
ภาพแสดงเปรียบเทียบ เส้นสีแดงได้มาจาก กูเกิล เอิรธ์ วัดตำแหน่งเส้นรุ้งและเส้นแวง เทียบกับแนวหน้าผาและเส้นเขตแดนตามแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ซึ่งเป็นเท็จและไม่สามารถยึดตามแผนที่ของฝรั่งเศสได้ โดยในภาพนี้อธิบายสีของแต่ละเส้นดังนี้คือ เส้นสีเทาแนวนอน: เส้นรุ้ง(Latitude) 14 องศา 20 ลิปดา เหนือ (N), เส้นสีเทาแนวตั้ง: เส้นแวง(Longitude) 104 องศา 40 ลิปดาตะวันออก(E) , เส้นสีม่วง: เส้นเขตแดนประเทศที่ฝรั่งเศสเขียนคลาดเคลื่อน, เส้นสีแดง: แนวขอบหน้าผาต่างระดับตามภูมิประเทศจริง, เส้นสีน้ำเงิน: หน้าผาเป้ยตาดีจริงแตกต่างกับหน้าผาเป้ยตาดีในแผนที่ 1.98 km, เส้นสีฟ้าอมเขียว: หน้าผาเป้ยตาดีในแผนที่แตกต่างกับเส้นเขตแดนในแผนที่ 2.51 km, รวมเส้นสีน้ำเงินและเส้นสีฟ้าอมเขียว เป็นระยะทาง 4.49 km เส้นสีแดงคือแนวขอบหน้าผาต่างระดับที่น่าจะตรงกับคำว่า "จนบรรจบภูเขาผาต่าง" ใน ข้อ 1 ของอนุสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1904 เส้นสีแดงนี้ได้มาจากภาพแผนที่ของ Google Earth ซึ่งถ่ายระยะไกลจากดาวเทียมด้วยความละเอียดสูง จึงมีความแม่นยำมากกว่าแผนที่ทหาร (Datum: Indian Thailand) มาตราส่วน 1: 50,000 เมื่อเทียบระยะกับเส้นรุ้ง-เส้นแวง ก็สังเกตได้ชัดว่า เส้นชั้นความสูงที่เป็นรูปร่างของเขาพระวิหารนั้น ถูกฝรั่งเศสเขียนให้ผิดตำแหน่ง โดยหน้าผาเป้ยตาดีผิดตำแหน่งจาก Latitude 14 องศา 23.3794 ลิปดา เป็น 14 องศา 24.3616 ลิปดา ซึ่งล้ำดินแดนสยาม 1.98 กิโลเมตร ฝรั่งเศสเขียนเส้นเขตแดนโดยเทียบระยะกับรูปร่างของภาพที่เป็นแนวหน้าผา
เมื่อแนวหน้าผาล้ำดินแดนขึ้นมาในแนว Latitude แนวเส้นเขตแดนจึงย่อมล้ำดินแดนขึ้นมาด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ฝรั่งเศสเขียนเส้นเขตแดนบริเวณเขาพระวิหารล้ำแนวเป้ยตาดีเข้ามาในดินแดนสยาม 2.51 กิโลเมตร การเขียนรูปร่างภูมิประเทศให้ผิดตำแหน่ง Latitude เช่นนี้ ฝรั่งเศสจะจงใจหรือไม่ก็ตาม แต่มีผลให้รู้สึกว่า แนวเส้นเขตแดนล้ำดินแดนสยามไม่มาก
แต่ในการปักปันเขตแดนจำต้องปักหลักเขตแดนตาม Coordinate ของเส้นรุ้งเส้นแวง ฉะนั้น เส้นเขตแดนในแผนที่ฝรั่งเศส ค.ศ. 1908 จึงล้ำเป้ยตาดีเข้ามาในดินแดนไทยมากถึง 4.49 กิโลเมตร ถ้าใช้หลักการนี้ ก็จะพบว่าบางพื้นที่อย่างเช่นกรณีใกล้ๆกับช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ แผนที่ของฝรั่งเศสผิดพลาดจากแผนที่ตาม กูเกิล เอิรธ์ ถึง 9.78 กิโลเมตร
ภาพแสดง ตำแหน่งที่แท้จริงของเส้นเขตแดนตาม กูเกิล เอิรธ์ (สีแดง)ระวางดงรัก เทียบกับ เส้นเขตแดนตามแผนที่มาตราส่วน 1: 200,000 ของฝรั่งเศส (สีม่วง) หากรัฐบาลไม่ใจแคบ ลดอัตตาลง และเห็นประโยชน์ของชาติ มากว่าการรักษาหน้าด้วยการปกป้องความผิดพลาดในอดีต สิ่งที่ควรทำก็คือระดมพลังคนในชาติมาร่วมกันขจัดและหยุดยั้งแผนที่อัปยศของฝรั่งเศส จะไม่ดีกว่าหรือ !?
ที่มา //www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000157524
Create Date : 09 พฤศจิกายน 2553 |
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2553 17:37:52 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1061 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ผู้หวังดี IP: 125.26.123.91 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:10:17:11 น. |
|
|
|
โดย: ขอความช่วยเหลือ IP: 125.26.123.91 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:10:21:01 น. |
|
|
|
|
|