ชิคซูลูป (Chicxulub) จุดกำเนิดการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์
ชิคซูลูป (Chicxulub) จุดกำเนิดการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์
คำเตือนถึงไดโนเสาร์ อาจมีการชนถึงสองครั้งที่มีผลต่อการสูญสิ้นของไดโนเสาร์เมื่อ 65 ล้านปีก่อน ครั้งหนึ่งก็คือการชนครั้งใหญ่ที่โด่งดังซึ่งเกิดขึ้นที่ชิคซูลูป (Chicxulub) ได้ทำให้เกิดหลุมอุกกาบาตที่มีความกว้าง 180 กิโลเมตรในบริเวณคาบสมุทรยูคาทัน อีกแห่งเป็นหลุมขนาดเล็กกว่าที่มีชื่อว่า โบลทิช(Boltysh) ซึ่งมีความกว้างเพียง 24 กิโลเมตร ในยูเครนตอนกลาง
ในปี 2002 Simon P. Kelley จากมหาวิทยาลัยโอเพ่น ในสหราชอาณาจักร และ Eugene Gurov จากสถาบันแห่งชาติยูเครน ได้ใช้การตรวจอายุด้วยไอโซโทปเพื่อแสดงว่าการชนที่โบลทิชเกิดขึ้นเมื่อ 65.2 ล้านปีก่อน บวกลบไม่กี่แสนปี ในขณะที่ ชิคซูลูปนั้นเก่าแก่กว่าเล็กน้อยที่ 65.5 ล้านปี แต่จากความไม่แน่นอนของช่วงอายุที่ซ้อนทับกันก็มากพอที่จะบอกได้ว่าทั้งสอง อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน
นักธรณีวิทยาตระหนักว่าโบลทิชนั้นเล็กเกินกว่าจะมีบทบาทสำคัญในการทำลาย ชีวิตไดโนเสาร์เกือบทั้งหมดบนโลกซึ่งเป็นเหตุการณ์อันรุนแรงที่เรียกว่า การสูญพันธุ์ในยุคครีเตเชียส-พาลีโอจีน(Cretaceous-Paleogene extinction; หลายคนอาจจะคุ้นกับชื่อเดิม Cretaceous-Tertiary ซึ่งถูกเปลี่ยนเมื่อปี 2004) ในทางสถิติ ดาวเคราะห์น้อยหรือดาวหางจะสร้างหลุมขนาดเท่าโบลทิชบนโลกทุกๆ หนึ่งล้านปี แน่นอนว่ามันน่าจะเป็นทำให้เกิดการล้มตายตามแม่น้ำ Dnieper ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่ชีวิตในแห่งหนอื่นไม่น่าจะได้รับผลมากนัก
แต่ David Jolley จากคิงส์คอลเลจ ลอนดอน และเพื่อนร่วมงานอีก 4 คนได้อธิบายในวารสาร Geology เดือนสิงหาคม ว่า พวกเขาพบว่าหลังจากเจาะลึกเข้าไปในชั้นตะกอนที่ขณะนี้กองอยู่ที่พื้นหลุม กลับดูเหมือนว่าเฟิร์นและพืชมีดอกเพิ่งจะเริ่มเบ่งบานในสภาพแวดล้อมที่เริ่ม ฟื้นฟูในบริเวณดังกล่าว เพียง 2000 ถึง 5000 ปีหลังจากการชน เมื่อพวกมันถูกกวาดล้างโดยผลจากการระเบิดของชิคซูลูป
ในทางดาราศาสตร์จะบอกว่า โอกาสที่โลกจะถูกกวาดล้างถึงสองครั้งในช่วงเวลาอันสั้นแค่นั้นจากการชนที่มี ขนาดเท่านี้ มีเพียงหนึ่งในพัน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่ใช่ว่าโบลทิชและชิคซูลูปเกิดขึ้นพร้อมกัน มันไม่ได้เป็นคู่ดาวเคราะห์น้อย แต่ Jolley และทีม(ซึ่งก็ประกอบด้วย Gurov และ Kelley) บอกว่ามีบางสิ่งจะต้องรบกวนแถบดาวเคราะห์น้อยได้รุนแรงมากพอที่จะส่งวัตถุ ขนาดใหญ่หลายๆ ชิ้นมาทางโลก บางทีดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่ 2 ดวงชนกันในช่วงเวลาดังกล่าว พ่นพายุของเศษชิ้นส่วนไปทั่วระบบสุริยะส่วนใน หรืออาจจะเป็นกลุ่มดาวเคราะห์น้อยที่ถูกผลักเข้าสู่วงโคจรที่ตัดกับโลก อันเนื่องมาจากกำทอนแรงโน้มถ่วงกับดาวพฤหัส
ไม่ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุใด ชิคซูลูปก็น่าจะเป็นผลจากดาวเคราะห์น้อยในแบบที่เป็น carbonaceous chondrite จากหลักฐานชิ้นส่วนขนาดจิ๋วที่นักวิจัยยูซีแอลเอ Frank Kyte ได้พบเมื่อสิบปีก่อนในแกนกลางที่เจาะลึกลงไปใต้ทะเลจากมหาสมุทรแปซิฟิคกลาง
ที่มา //www.darasart.com/webnews/index.asp?news=444
สนใจอ่านเรื่องของดาราศาสตร์จากบล๊อกใหม่่ๆ...คลิก
Create Date : 16 กันยายน 2553 |
Last Update : 16 กันยายน 2553 21:17:43 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1995 Pageviews. |
|
|
|
|
|