ดาวน์โหลดโปรแกรม ดูละครย้อนหลัง อ่านเรื่องราวของความรู้รอบตัว วิทยาศาสตร์ ท่องเที่ยว สุขภาพ อาหาร รถยนต์ต่างๆ ไม่ทิ้งเรื่องราวความบันเทิงและเรื่องส่วนตัวอีกด้วย
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
22 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
สวนลอยบาบิโลน..มีจริงหรือเพ้อฝัน

สวนลอยบาบิโลน


สวนลอยบาบิโลน (อังกฤษ: Hanging Gardens of Babylon) จัดเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ตั้งอยู่บนแม่น้ำยูเฟรติส ประเทศอิรักในปัจจุบัน สร้างโดยกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ที่ 3 แห่งกรุงบาบิโลเนีย สร้างให้แก่มเหสีของพระองค์ชื่อพระนางเซมีรามีส สร้างขึ้นเมื่อ 600 ปีก่อนคริสต์ศักราช สุงประมาณ 75 ฟุต กินพื้นที่ 400 ตารางฟุต ระเบียงทุกชั้นได้รับการตกแต่งด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ยืนพุ่มชนิดต่างๆ มีระบบชลประทานชักน้ำจากแม่น้ำไทกิสไปทำเป็นน้ำตกและนำไปเลี้ยงต้นไม้ตลอดปี ปัจจุบันสวนนี้ได้พังทลายไปหมดแล้ว

คำว่า"บาบิโลน" สำหรับคนที่เรียนประวัติศาสตร์แล้ว ฟังดูเป็นอดีตที่แสนจะห่างไกล เป็นเรื่องเล่าปะรัมปะราที่น่าทึ่ง โดยเฉพาะในเรื่องของวัฒนธรรม และความเจริญก้าวหน้าด้านวิศวกรรมการก่อสร้างที่สวยงามโด่งดัง "สวนลอยบาบิโลน"

ยิ่งเห็นภาพวาดก็ยิ่งวาดฝัน....ซักวันคงมีโอกาสได้ไปสัมผัสอู่อารยธรรมมนุษยชาติแห่งนี้...

ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ระบุว่า บาบิโลนเป็นนครของชาวเซไม้ท์กลุ่มหนึ่ง อยู่ทางภาคใต้ของบริเวณเมโสโปเตเมีย เมื่อประมาณ 2,350 ก่อน ค.ศ. ซึ่งพัฒนาต่อๆมาเป็นนครใหญ่และสวยงามมากแห่งหนึ่งของโลก มีกำแพงเมืองล้อมรอบตัวเมืองเป็นระยะทางเกือบ 8 กิโลเมตร มีหอคอยกั้นระหว่างกำแพงเป็นระยะๆ มีประตูเมือง 8 แห่ง เข้าสู่ภายในเมือง ตัวอาคารสร้างด้วยอิฐ ตรงประตูเมืองวาดภาพเป็นรูปสัตว์นับร้อยๆ ภาพ ตกแต่งสวยงาม มีถนนบนกำแพงเมืองกว้างพอให้ทหารเดินไปรอบๆเมือง เพื่อป้องกันข้าศึก

ชาวกรีกได้บันทึกไว้ว่ากำแพงเมืองบาบิโลนสูง 700 ฟุต มีความหนามาก จนส่วนบนของกำแพงกว้างพอให้รถศึกเทียมด้วยม้า4ตัว วิ่งไปบนส่วนของกำแพงได้ แต่ข้อมูลนี้ถูกโต้แย้งในเรื่องของความสูงว่า จริงๆ แล้วอาจบันทึกผิด น่าจะสูงแค่ 70 เมตร (แต่ก็นั่นแหละไม่มีใครรู้หรอกว่า ความเป็นจริงๆแท้ๆนั้นเป็นอย่างไร ลองดูรูปวาดที่มีตกทอดมาให้ดูประกอบการตัดสินใจเองแล้วกัน



สวนลอยฟ้าบาบิโลน (The Hanging Gardens of Babylon) ได้รับยกย่องว่าเป็น "หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก"

นักประวัติศาสตร์สมัยใหม่ให้ความเห็นว่า ทหารของกษัตริย์ Alexander ได้มาถึง Mesopotamia และมาถึงอาณาจักร Babylon ที่รุ่งเรือง เมื่อพวกเขากลับไปก็ไปเล่าให้ผู้คนฟังถึง สวนลอยที่สวนงาม ต้นปาลม์ พระราชวัง หอบาเบล ทำให้กวีและนักประวัติศาสตร์จินตนาการไปต่างๆนาๆ สวนลอยแห่งนี้ตั้งอยู่ฝั่งขวาของแม่น้ำ Euphrates ซึ่งอยู่ห่างจากเมือง Baghdad เมืองหลวงของประเทศ อิรัก ประมาณ 50 Km อาณาจักร Babylon เจริญรุ่งเรืองมากในสมัยของกษัตริย์ Hammurabi (ประมาณ 1750 ปีBC) แต่นั่นยังไม่ใช่ยุคของความเจริญสูงสุดของอาณาจักรนี้ จนในสมัยของกษัตริย์ Naboplashar(ประมาณ 625 ปีBC) จึงถือว่าเป็นจุดสูงสุดหรือยุคทองของอาณาจักรบาบิโลนนี้อย่างแท้จริง โดยลูกชายของกษัตริย์ Naboplashar ที่ชื่อว่า Nebuchadnezzar ที่ 2 เป็นผู้ก่อสร้างสวนลอยแห่งบาบิโลนขึ้นมา เล่ากันว่าแรงจูงใจของพระองค์ก็คือ เป็นการ สร้างให้กับ ราชินี หรือ นางสนมของพระองค์ เพื่อใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ

ภายในกำแพงเมืองเข้าไปเป็นที่ตั้งของพระราชวังกษัตริย์และวิหารทางศาสนา "ซิกูแรท" ลักษณะคล้ายปิรามิดยุคแรกๆ คือ เป็นชั้นๆ ไม่เรียบ

การที่บาบิโลนมีวิหารรูปซิกูแรท แสดงว่าได้อิทธิพลมาจากชาวสุเมเรียน ที่อาศัยในดินแดนแถบนี้มาก่อน
ซิกูแรทโบสถ์ทางศาสนาของบาบิโลนมีความสูงถึง 300 ฟุต หรือประมาณ 100 เมตรเลยทีเดียว สร้างเป็นชั้นเฉลียง 8 ชั้น มีบันไดเวียนขึ้นไปที่ยอดสูงสุด ซึ่งเป็นที่ตั้งของเทวสถาน ประชาชนที่อยู่ห่างออกไปหลายไมล์สามารถมองเห็นเทวสถานบนยอดซิกูแรทได้อย่างชัดเจน ผู้สร้างคงมีความหมายให้เทวสถานเชื่อมกับเขตแดนสวรรค์

สวนลอยแห่งบาบิโลน (Hanging Gardens of Babylon) แสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีทางการเกษตรและการชลประทานขั้นสูง ที่สามารถยกสวนพืชไปปลูกบนพระราชวังได้อย่างสวยงาม นอกจากนั้นยังมีวิหารสวยงามและพระราชวังอีกหลายแห่งภายในบริเวณตัวเมือง ส่วนชาวบ้านสร้างที่พักด้วยดินอยู่รอบๆเมือง

กรุงบาบิโลนกลายเป็นศูนย์กลางของการค้าของประชาชนหลายกลุ่มในดินแดนเมโสโปเตเมีย จึงมีการพัฒนาความเจริญอย่างมากและรวดเร็ว มีความรู้ในการนับเลข และบวกเลข ประดิษฐ์สิ่งต่างๆเพื่อใช้คำนวณ เช่น สูตรคูณ และการใช้เลข 10 ซึ่งต่อมาชาวยุโรปได้นำมาใช้ นอกจากนั้นยังมีความรู้ด้านดาราศาสตร์สูงเนื่องจากบริเวณที่ตั้งของกรุงบาบิโลนไม่มีเมฆปิดบัง และเป็นชนกลุ่มแรกๆ ของโลกที่รู้ว่าดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์อีก 5 ดวงมีความแตกต่างจากดาวดวงอื่น จนสามารถทำปฏิทินรุ่นแรกๆของโลกได้ โดยกำหนดให้หนึ่งเดือนมี 28 วัน แยกเป็น 4 สัปดาห์ๆ ละ 7 วัน โดยตั้งชื่อวันตามดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์อีก 5 ดวง

ต่อมาชาวโรมันได้เอาแนวความคิดเรื่อง 1 สัปดาห์มี 7 วันจากชาวบาบิโลน และใช้ต่อมาจนถึงปัจจุบัน



ชาวบาบิโลนรู้จักการเขียน ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากชาวสุเมเรียน ไม่ใช่เขียนไว้เป็นเรื่องราวร้อยแก้วเท่านั้นแต่ยังเขียนเป็นบทกวีร้อยกรองอีกด้วย มีบทกวีหลายบทเขียนไว้บนแผ่นดินเหนียวซึ่งยังคงหลงเหลือมาถึงทุกวันนี้ เป็นการผจญภัยของกษัตริย์องค์หนึ่ง ชื่อ กิลกาเมช(Gilgamesh)ที่เดินทางไปต่อสู้กับอสูรจนสุดขอบโลก และทรงดำลึกถึงก้นมหาสมุทร นอกจากนั้นยังเขียนเรื่องราวเทพเจ้าของตนไว้มากมาย รวมถึงเรื่องน้ำท่วมโลกครั้งใหญ่ในคัมภีร์ไบเบิ้ลของศาสนาคริสต์ เชื่อกันว่าต้นเค้าก็มาจากเรื่องเทพนิยายของบาบิโลนนี่แหละ..


อารยธรรมยิ่งใหญ่ของบาบิโลนที่ทิ้งไว้ให้แก่มนุษย์ชาติ สำคัญๆได้แก่ กฏหมายของบาลิโลนที่มีความยุติธรรมและเขียนจารึกไว้บนแผ่นดินเหนียวซึ่งยังคงเหลือมาถึงทุกวันนี้ โดยกษัตริย์ฮัมมุรัมบี ตรากฏหมายเรื่องต่างๆ เช่น การสมรส โจรกรรม หนี้สิน การจราจรทางน้ำ ค่าจ้างแรงงาน การรักษาคลอง กฏหมายกำหนดราคา ฯลฯ เหล่านี้เป็นกฏหมายที่ยุติธรรมแต่บทลงโทษโหดเหิ้ยม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของกฏหมายที่ดี จนกระทั่งโรมันนำมาใช้ทั่วจักรวรรดิโรมัน และประเทศยุโรปยังเอากฎหมายโรมันมาใช้อยู่ในปัจจุบัน

บาบิโลนและอัสซีเรีย 2 จักรวรรดิของชาวเซไม้ท์ในเมโสโปเตเมียดินแดนแห่งลุ่มน้ำไทกรีส ยูเฟรตีส ได้เจริญรุ่งเรืองอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง และทิ้งอารยธรรมไว้แก่โลกก่อนที่จะถูกมหาอำนาจใหม่ในตะวันออกกลาง คือ เปอร์เซีย ได้ทำลายทั้งอัสซีเรีย(ปี 612 ก่อน ค.ศ.) และบาบิโลน (ปี 539 ก่อน ค.ศ.)

ทิ้งไว้แต่ซาก...กองดิน...และตำนาน...

สวนลอยแห่งบาบิโลนตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ของประเทศอิรักในปัจจุบัน การเดินทางไปอิรักไม่สามารถบินตรงเข้าแบกแดก เมืองหลวงของประเทศได้ เพราะอิรักถูกประเทศมหาอำนาจสหรัฐอเมริกาแซงชั่น จัดชั้นอิรักเป็น "ประเทศอันธพาล" ห้ามติดต่อคบหาสมาคมด้วย การเดินทางไปบาบิโลนจึงต้องผ่านเข้าไปทางประเทศจอร์แดน ประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดต่อกันก่อน แล้วนั่งรถข้ามทะเลทรายเข้าไปแบกแดก...

ดูจากแผนที่แล้วเป็นระยะทางไกลไม่น้อย เจ้าหน้าที่สถานทูตอิรักในจอร์แดนที่จัดรถให้บอกว่าออกเดินทางบ่ายแก่ๆหน่อยก็ไปถึงแบกแดกเช้ามืดพอดี กะคร่าวๆ เปรียบเทียบกับบ้านเรา ระยะทางก็น่าจะมากกว่าขับรถจากกรุงเทพ-ไปเชียงใหม่ ไม่มากเท่าไรอ่ะน่ะ...



ที่มา
ข้อมูล
- วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
- //webboard.tourthai.com/index.php?topic=8166.0

รูปภาพ
- วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
- //webboard.tourthai.com/index.php?action=dlattach;topic=8166.0;attach=41615;image



Create Date : 22 กรกฎาคม 2553
Last Update : 22 กรกฎาคม 2553 17:17:28 น. 2 comments
Counter : 2880 Pageviews.

 
ถ้ามีจริงคงสวยมาก แค่ในภาพก็สวยแล้วหละคะ


โดย: marzo วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:38:27 น.  

 
สวนสวรรค์เลยล่ะค่ะ


โดย: maistyle วันที่: 24 กรกฎาคม 2553 เวลา:16:00:02 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

scimovie
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]




แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
Friends' blogs
[Add scimovie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.