ดาวน์โหลดโปรแกรม ดูละครย้อนหลัง อ่านเรื่องราวของความรู้รอบตัว วิทยาศาสตร์ ท่องเที่ยว สุขภาพ อาหาร รถยนต์ต่างๆ ไม่ทิ้งเรื่องราวความบันเทิงและเรื่องส่วนตัวอีกด้วย
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
5 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
"น้ำตาลปั้น" สีสันงานวัด ขนมเด็กโบราณที่ใกล้สูญ!

เคยแต่ได้กินตอนเป็นเด็กๆ ครั้งเดียวมั้ง หลังจากนั้นมาก็ไม่เคยเห็นงานไหนที่ขายขนมนี้อีกเลย ก็เลยคิดไปว่า มันคงไม่อร่อยเหมือนตอนที่เรากินตอนเด็กๆ โตมาก็เลยลืมๆ ไปบ้าง แต่พอเห็นขนมอะไรก็ตามก็จะคิดว่าเป็นขนทน้ำตาลปั้นนั่นหรือเปล่า แต่ก็ไม่ใช่ ข่าวนี้ก็เลยโดนใจ ลงไว้เพื่อไม่อยากให้ขนมนี้หายไปจากสังคมไทยครับ

"น้ำตาลปั้น" สีสันงานวัด ขนมเด็กโบราณที่ใกล้สูญ!



หากย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน ขนมในงานวัดที่เด็กจะมีความสุขกับรสชาติ และรูปแบบ คงหนีไม่พ้น "น้ำตาลปั้น" อมยิ้มโบราณที่คนขายจะนั่งปั้นขึ้นรูปด้วยมือ ไม่ว่าจะเป็นตัวสัตว์ หรือดอกไม้รูปแบบต่างๆ เช่น ลิงตกปลา นกแก้ว มังกร ไก่ กุหลาบ ที่ถึงแม้จะไม่ถูกชะตากับพ่อแม่หลายคนมากนัก เพราะทำให้ลูกฉันฟันผุ แต่ความนิยมก็ยังแทรกซึมผ่านสังคมหลายพ.ศ.มาได้จนมาถึงปัจจุบัน

แต่กระนั้น สมพงษ์ ขำอ่อน คุณลุงวัย 71 ปี ผู้ขายน้ำตาลปั้นโบราณมากว่า 50 ปี จากจ.นครสวรรค์ ก็บอกว่า ถึงจะรอดมาได้ แต่ก็มีให้เห็นอยู่น้อยแล้ว เพราะต้นทุนในการทำสูงขึ้น บวกกับไม่มีคนสานต่อ เนื่องจากต้องใช้ความอดทน และความพยายามที่สูง ลำพังคนรุ่นใหม่ไม่ทนกับงานชนิดนี้เท่าที่ควร ทำให้คนขายน้ำตาลปั้นโบราณที่ยังเหลืออยู่ ต้องปรับตัว และคิดให้ใหม่ตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคม เพื่อเอาตัวรอด ตลอดจนสืบทอดให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักต่อไป

สำหรับจุดกำเนิดของน้ำตาลปั้น ลุงสมพงษ์ เล่าให้ฟังว่า ขนมน้ำตาลปั้นเป็นของคู่กันกับงิ้ว ซึ่งจะตั้งขายอยู่หน้าโรงงิ้ว โดยคนจีนแต้จิ๋วเป็นผู้นำเข้ามาขายในประเทศไทย มีชุดอุปกรณ์ที่พับเก็บได้ในตัวเดียวกัน สะดวกตอนขนย้ายเวลาไปขายตามสถานที่ต่างๆ ประกอบด้วย เก้าอี้นั่ง เตาทองเหลือง 4 ช่องเอาไว้ใส่น้ำตาลเคี่ยว 3 สี คือ ขาว หรือน้ำตาล แดง และเขียว นอกจากนี้ ยังมีที่สูบลม แม่พิมพ์แบบต่างๆ ที่สมัยก่อนจะทำจากดินเผา

"เมื่อก่อนลำบากมากกว่า จะต้องเข้าไปตัดต้นอ้อในป่าลึก เพื่อเอามาทำไม้เสียบตัวน้ำตาลปั้น ส่วนตัวแบบพิมพ์ก็ต้องทำจากดินเผา ไม่เหมือนปัจจุบันที่หาแบบพิมพ์สำเร็จรูปได้ง่าย" ลุงสมพงษ์เล่า

อย่างไรก็ดี เมื่อสังคมเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญ อุปกรณ์ในการทำต่างๆ ก็สามารถหาได้ง่ายขึ้น ทั้งไม้เสียบ และแบบพิมพ์ แต่ก็ต้องยอมแลกกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะน้ำตาลทราย ขณะเดียวกันการจะอยู่ให้รอดในสังคมยุคใหม่ อย่างที่ลุงสมพงษ์บอก ความใหม่ และการคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่จะหยุดนิ่งไม่ได้

ฟังได้จาก ชาย อ่อนจรูณ วัย 53 ปี คนขายน้ำตาลปั้นโบราณมากว่า 10 ปี ที่บอกว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องดูตลาดของกลุ่มเด็กๆ ด้วย เพราะการจะขายดีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับแบบการปั้น อย่างสมัยก่อนแบบที่เด็กๆ จะชื่นชอบมีอยู่ไม่กี่แบบ เช่น ลิงตกปลา มังกร ไก่ นกแก้ว แต่สมัยนี้ ต้องคิด และตามกระแสให้ทัน เช่น โดราเอมอน หรือตัวหมีแพนด้ามาแรง ก็ต้องปั้นให้ได้


ลุงสมพงษ์ ขำอ่อน


นอกจากจะมุ่งเป้าไปที่เด็กอย่างเดียวแล้ว "ชาย" บอกต่อว่า เด็กวัยรุ่น ถือเป็นกลุ่มที่ต้องเอาใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะวันสำคัญอย่างวันวาเลนไทน์ ทำให้น้ำตาลปั้นรูปดอกไม้สีแดง หรือรูปหัวใจเป็นแบบที่ขายดี และมีคนสั่งทำมากเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นสื่อรักที่นิยมนำไปมอบให้แก่กัน รวมไปถึงผู้ใหญ่ที่เวลาเดินผ่านมาเห็น ก็จะย้อนนึกถึงอดีต และซื้อเก็บไปเป็นของที่ระลึกฝากลูกหลานที่บ้าน

ด้านปัญหาการขาย นอกจากจะต้องแข่งขันกับการเปลี่ยนของสังคมแล้ว อุปสรรคจากครู และพ่อแม่ก็เป็นปัญหาการขายด้วยเหมือนกัน ด้วยเหตุผลว่า ลูกกินแล้วจะอ้วน ฟันผุ หรือไม่มั่นใจในตัวสีที่ใช้ในการปั้น

ในประเด็นนี้ ลุงสมพงษ์ เป็นตัวแทนบอกว่า เมื่อก่อนถูกต่อต้านบ้าง แต่ปัจจุบันมีมากกว่า เพราะคนสมัยใหม่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพเป็นพิเศษ จึงไม่นิยมให้ลูกซื้อกิน เพราะกลัวฟันผุ ซึ่งเรื่องนี้เขายอมรับ แต่การที่เด็กกินอย่างเหมาะสม และได้รับการปลูกฝังจากพ่อแม่เรื่องของการแปรงฟันทุกครั้งหลังกินเสร็จ ปัญหาฟันผุก็จะเกิดได้น้อย

เช่นเดียวกับ ชาย ที่บอกว่า การที่เด็กกินแล้วฟันผุ เพราะเด็กกินไม่ถูกต้อง ดังนั้นพ่อแม่ไม่ควรต่อต้าน แต่ควรแนะนำไม่ให้ลูกกินบ่อยเกินไป นอกจากนี้ เวลาที่พ่อแม่เดินผ่าน อาจจะสอนลูกให้เห็นถึงความอดทนในการทำของคนขาย เพราะต้องเคี่ยวน้ำตาลเป็นวันๆ และต้องปั้นขึ้นรูปขณะน้ำตาลยังร้อน คล้ายกับการเป่าแก้ว ซึ่งต้องใช้ความอดทนที่สูง อีกทั้งยังต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการปั้น ที่จะต้องออกแบบให้น่าสนใจ ดึงใจคนซื้อ

ดังนั้น ถ้าพ่อแม่ที่เคยเป็นเด็กในยุคขนมน้ำตาลปั้น ช่วยกันแนะนำอย่างถูกต้อง เด็กรุ่นใหม่ก็จะได้รู้จักขนมในสมัยพ่อแม่ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร รวมไปถึงความรู้เรื่องภูมิปัญญาของคนโบราณ ที่สามารถนำเอาน้ำตาลมาเคี่ยวจนปั้นเป็นรูปแบบต่างๆ ที่หลากหลาย ใช้ความอดทน และความพยายามที่สูงมาก ทั้งหมดนี้ถือเป็นแบบการสอน และตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กยุคใหม่ได้ไม่น้อย


ที่มา
ผู้จัดการออนไลน์


Create Date : 05 มิถุนายน 2553
Last Update : 13 มกราคม 2554 15:19:37 น. 3 comments
Counter : 2274 Pageviews.

 
น้ำตาลปั้นเคยมีขายหน้าโรงเรียนผมตอนประถม นี้ก็10กว่าปีมาเเล้้วยังไม่เคยเห็นอีกเลยครับ


โดย: Don't try this at home. วันที่: 5 มิถุนายน 2553 เวลา:23:15:15 น.  

 
เคยกินครั้งเดียวเองค่ะ โตมาเริ่มรู้สึกว่า มันคลาสิค แต่เราไม่ควรเสี่ยงที่จะให้มันเข้าปาก เนอะ


โดย: PULLPE' วันที่: 5 ตุลาคม 2553 เวลา:0:35:54 น.  

 
อยากจ้างงานคนทำน้ำตาลปั้น พอดีจะจัดงานเลี้ยง แถวเชียงใหม่ใครพอจะช่วยแนะนำได้มั้ยค่ะ


โดย: เมย์ IP: 223.204.20.162 วันที่: 7 ธันวาคม 2554 เวลา:21:40:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

scimovie
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]




แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
Friends' blogs
[Add scimovie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.