ดาวน์โหลดโปรแกรม ดูละครย้อนหลัง อ่านเรื่องราวของความรู้รอบตัว วิทยาศาสตร์ ท่องเที่ยว สุขภาพ อาหาร รถยนต์ต่างๆ ไม่ทิ้งเรื่องราวความบันเทิงและเรื่องส่วนตัวอีกด้วย
Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
1 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
ยังจำได้ไหม...เพชรพิณทอง...คณะของนพดล ดวงพรและอีกหลายๆคน

คนอีสานที่มีอายุ 30 ขึ้นไปน้อยคนนักที่จะไม่รู้คณะ เพชรพิณทอง ซึ่งเท่าที่จำความได้ ผมชื่นชอบการแสดงสดของคณะนี้เป็นอย่างมาก หาซื้อเทปคลาสเสตมาฟังตลอด แต่ปัจจุบันนี้ก็ยังพอหาซื้อได้ในรูปแบบ CD วันนี้จะนำเสนอข้อมูลของคณะนี้กันครับ





กำเนิดเพชรพิณทอง

ออกจากคณะจุฬารัตน์แล้ว มุ่งหน้ากลับบ้านเกิดเมืองนอน อุบลราชธานี ใจอยากกลับไปอยู่บ้าน เพื่อไปตั้งวงดนตรีเป็นของตนเอง อยากเสนอแนวความคิดเพื่อรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอยากเสนอของดีอีสานให้เป็นที่ประจักษ์บ้าง ของแบบนี้ถ้าไม่ทำเองคงไม่มีใครทำให้ กลับไปบ้านเกิดแล้วเลยก่อตั้งวงดนตรีขึ้นมาทันที ตั้งชื่อวงว่า เพชรพิณทอง ลักษณะวงดนตรีเป็นแนวอีสานแท้ๆ นำเสนอดนตรีพื้นบ้านพื้นเมืองอีสานอย่างเต็มรูปแบบ เรียกว่าวงพิณแคน แล้วสิ่งที่ถือเป็นความภูมิใจมากที่สุดในชีวิตคือได้นำพาชาวคณะไปออกโทรทัศน์ช่อง 5 ขอนแก่น แสดงได้ดีจนผู้ว่าราชการจังหวัดเลือกให้เป็นวงพิเศษได้ไปแสดง หน้าพระที่นั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว-สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ.2514

วงดนตรีพิณแคนวงแรกของเมืองไทย ที่ได้รับเกียรติสูงส่งอย่างนี้แสดงหน้าพระที่นั่ง ที่ เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ด้วยความมุมานะอุตสาหะเป็นที่ตั้ง ผู้ชายคนนี้ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา

จากกรรมกรหาเช้ากินค่ำกรำอยู่กับความยากจนข้นแค้น เขาผ่านความยากจนเหล่านั้นมาได้ อย่างสง่าผ่าเผยจนกลายเป็นหัวหน้าวงดนตรีชื่อดัง ที่เป็นตำนานของพี่น้องชาวอีสาน

เขาไม่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่ เขาสร้างสิ่งใหม่ๆ แปลกๆ ตลอดเวลา จากคนเสียงไม่ดีที่คนรังเกียจ เขาอัดแผ่นเสียงจนเพลง ค้นหาคนดัง ดังสนั่นหวั่นไหว เขาอัดเสียงกลอนหมอลำ ชุดหมอลำบันลือโลก ก็ดังแบบสุดๆ

จากคนที่แทบไม่มีอะไรเลย เขามีหมดทุกอย่างทั้งบ้าน ที่ดิน รถเก๋ง รถบัส รถเวที รถขนสัมภาระ อะไรที่อยากมีก็มีหมดทุกอย่างด้วยความสามารถทางการแสดงเป็นอย่างเดียวที่เชี่ยวชาญจนคนยอมรับ

ก้าวจากเด็กถีบสามล้อ ไปถึงคนส่งหนังสือพิมพ์ จนกลายเป็น โฆษกวิทยุ เป็นนักร้อง เป็นหมอลำ เป็นได้กระทั่งดารานักแสดงหนังมีรางวัลเกียรติยศ ประดับเกียรติความสามารถอีกต่างหาก

จากภาพยนตร์เรื่อง วิวาห์พาฝัน ถึงเรื่องที่ดังที่สุดคือ ครูบ้านนอก จนเมื่อไม่นานมานี้ยังได้แสดง สิบห้าค่ำเดือนสิบเอ็ด ดังแค่ไหนไม่ต้องเอ่ยกัน

ปั้นลูกศิษย์ลูกหานักร้องให้ดังมาแล้วทั่วบ้านทั่วเมือง อาทิ นกน้อย อุไรพร, วิเศษ เวณิกา, ชุติมา ดวงพร, นพรัตน์ ดวงพร ยังปั้นนักแสดงตลกจนยิ่งใหญ่มาเยอะ อาทิ สุนทร คางแพะ, ลุงแนบ ฯลฯ

จะไม่มีใครลืมเขาได้-ผู้ชายคนเก่งนักเพลงเมืองอุบล นพดล ดวงพร
นอกจากเป็นนักแสดงนักร้อง ในการสร้างสรรค์ด้านการประพันธ์เพลง ก็มีไม่น้อย และขอนำเสนอเฉพาะส่วนของบทเพลงที่เนื้อหาเกี่ยวข้องกับเมืองอุบลราชธานี และที่เป็นที่รู้จักกันดี คือเพลง เสียงพิณเสียงแคน


เสียงพิณเสียงแคน

คำร้อง / ทำนอง /ขับร้อง นพดล ดวงพร

เราจากกันเมื่อวันที่สี่ คนดีเคยให้สัญญา เธอบอกจะคืนมาหา ไฉนแก้วตาเหมือนกับมีปีกบิน อุบลไม่ใช่คนละถิ่น อำเภอวารินก็เป็นถิ่นเดียว เมื่อก่อนมีเธอและฉัน เคยพรอดรักกันอยู่ริมฝั่งน้ำมูน ดอกคูนนั้นก็เหลืองเต็มต้น นพดลเป่าแคนดีดพิณ เตือนบอกเธอควรถวิล บ้านท่าวังหินยังเป็นถิ่นสมบูรณ์ อย่าลืมฝั่งลำน้ำมูน อย่าลืมดอกคูนเสียงแคนเสียงพิณ

เสียงพิณก้องดังมาโตดต่ง สาวอนงค์นาฎน้องหล้าอยู่ไส หรืออยู่ใกล้ขอนแก่นกาฬสินธุ์ คั่นได้ฟังสียงพิณให้ว่าพี่ชายนำเอิ่น
เชิญฟังเสียงพี่ก่อน นพดลดวงพรเรียกน้องกลับคืน คอยอยู่จำทนสุดฝืนทุกวันทุกคืนคอยน้องกลับมา


นพดลยังได้เป็นผู้อำนวยการผลิตและสร้างสรรค์งานนำเอาประวัติศสาตร์เมืองอุบล และเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงของเมืองอุบล มาบอกเล่าผ่านบทเพลง

ในวาระที่เมืองอุบล ครบรอบ ๒๐๐ ปี ใน พ.ศ.๒๕๓๕ เพื่อเฉลิมฉลองฉลอง ๒๐๐ ปีอุบลราชธานี โดยมีผู้ประพันธ์เพลง คือ ชลธี ธารทอง พงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา ,ณรงค์ โกษาผล, สยาม รักษ์ถิ่นไทย ,ธนรรษต์ ผลพันธ์,ประพนธ์ สุริยะศักดิ์ ,เฉลิมพร เพชรศยาม , นคร พงษ์ภาพ

นับเป็นการระดมนักแต่ง นักร้อง คนเมืองอุบล และที่มีชื่อเสียง มาสร้างสรรค์เพลงเมือง รวม ๒๒ เพลง ซึ่งมีทั้งเพลงเก่าและเพลงใหม่ที่ตั้งขึ้น และบางเพลงได้มีการปรับปรุงแก้ไขใหม่ เช่นเพลงลูกแม่มูล ของครูพงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา เป็นต้น

วงดนตรีเพชรพิณทอง ของ นพดล ดวงพร

ณรงค์ พงษ์ภาพ หรือที่รู้จักกันดีในนามของ นพดล ดวงพร เป็นหัวหน้าวงดนตรีเพชรพิณทอง ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ. 2514 นพดล ดวงพร เป็นลูกศิษย์และเคยร่วมงานในวงดนตรีของครูมงคล อมาตยกุล (วงดนตรีจุฬารัตน์) อยู่หลายปีได้รับประสบการณ์มากมาย ด้วยความที่อยากสร้างเอกลักษณ์ของตนเองและคนอีสานจึงได้แยกตัวออกมาตั้งวงเพชรพิณทอง โดยนำเอาเครื่องดนตรีพื้นบ้านคือ พิณ มาร่วมบรรเลงกับเครื่องดนตรีสากล จึงได้ชื่อคณะว่า เพชรพิณทอง ซึ่งหมอพิณคู่ใจที่สร้างตำนานมาด้วยกันคือ ทองใส ทับถนน นอกจากนั้น จุดเด่นของวงเพชรพิณทองอยู่ที่ ทีมพิธีกร ที่ใช้ภาษาท้องถิ่นอีสานเป็นหลักในการนำเสนอเนื้อหา รีวิวประกอบเพลง เป็นทีมตลกที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ประกอบด้วย นพดล ดวงพร ลุงแนบ หนิงหน่อง ใหญ่ หน้ายาน และแท็กซี่ เป็นต้น การแสดงของเพชรพิณทอง เต็มไปด้วยศิลปะ ที่ละเอียดอ่อน ซื่งประกอบด้วย 1. เวทีการแสดง ง่ายๆ แต่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง 2. นักดนตรี และ หางเครื่อง ก็มีเอกลักษณ์ของเพชรพิณทอง 3. ลีลาตัวแสดงทุกตัว มีเอกลักษณ์ของตนเอง ทุกคน 4. การประสมประสานกัน หรือ จังหวะในการแสดง เก็บรายละเอียดได้ดี ดนตรี สอดประสานได้ไพเราะ โดยเฉพาะ เสียงพิณ เสียงแคน เสียงแซ็ก กลอง ฯ

นอกเหนือจากการร้องเพลงและหางเครื่องอันตระการตาจำนวนมากแล้ว วงเพชรพิณทองยังสามารถออกเทปตลกชุดต่างๆ หลายชุดที่โด่งดังจำหน่ายเช่น หนิงหน่องย่านเมีย บวชลุงแนบ สามใบเถา เป็นต้น เกียรติคุณที่ได้รับได้แก่ การมีโอกาสแสดงหน้าพระที่นั่งที่จังหวัดขอนแก่น เมื่อปี พ.ศ. 2514 และได้รับยกย่องให้เป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม เมื่อปี พ.ศ. 2532 ด้านการแสดงภาพยนตร์รางวัลสุพรรณหงส์ ประจำปี 2545 ผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง 15 ค่ำ เดือน 11 และจากงานประกวดภาพยนต์ของชมรมนักวิจารณ์บันเทิง จากภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน

นพดล ดวงพร และ เพชรพิณทอง
นักรบวัฒนธรรมแห่งที่ราบสูง
นพดล ดวงพร ถือว่าเป็นอีกผู้หนึ่งที่มีผลงานและมีคุณูปการให้กับวงการเพลงของประเทศ เป็นเกียรติเป็นศรีของภาคอีสาน และเป็นความภูมิใจของชาวเมืองอุบล

นพดล ดวงพร เป็นนักสู้ชีวิต และเป็นนักสู้ผู้ยืนหยัดในความเชื่อของตน เขาสร้าง “วงดนตรีพูดอีสาน” เพชรพิณทอง จนเป็นที่ยอมรับแก่ผู้คน สร้างศิลปินนักร้อง นักแสดงอย่างมากมาย ก่อให้เกิดรายได้ เกิดการสร้างงาน ตลอดจนมีการเผยแพร่และนำเอาศิลปะการแสดงแบบอีสานอย่างกว้างขวางและยาวนาน ตลอดจนการรับใช้สังคมโดยร่วมมือกับส่วนราชการอย่างต่อเนื่อง

นพดลเป็นนักรบผู้กล้าแกร่ง และยืนหยัดต่อสู้ยาวนาน วงดนตรีเพชรพิณทองเป็นวงดนตรีวงเดียวที่มีอายุมากที่สุด สามารถยืนระยะและเก็บรับความนิยมจากแฟนๆ ได้ยาวนาน ขณะที่วงดนตรีวงอื่นๆ ทั้งที่ตั้งก่อน ตั้งพร้อมกันและตั้งหลังวงเพชรพิณทองต่างล้มหายตายจากวงแล้ววงเล่า เพชรพิณทองได้มีส่วนปลูกฝังให้กับแฟนๆ ได้เปิดใจอ้าแขนรับวงดนตรีแนวอีสาน ด้วยการสร้างผลงานในระดับมาตรฐาน รับประกันด้านความสนุกสนาน ที่สำคัญ เพชรพิณทองได้ปลูกความรักในใจผู้คนให้รักในภาษาและลีลาอีสาน

ภาษาและลีลาอีสานที่เพชรพิณทองได้นำเสนอเป็นการอนุรักษ์ภาษา อนุรักษ์เชิดชูลวดลายและแนวการแสดงแบบอีสาน มีทั้งนำเอาระเบียบวิธีการแสดงแบบเก่าผสมผสานความความเป็นไปของผู้คนในภาคอีสานได้อย่างกลมกลืน ทำให้ผู้คนได้เกิดความรักอย่างสนิทใจ ไม่ฝืนความรู้สึก แต่กลมกลืนกลมกล่อมน่ารักน่าศรัทธา

เพชรพิณทองถือว่าเป็นตำนาน ความประทับใจในการแสดงของเพชรเม็ดงามเม็ดนี้ยังจะตราตรึงในใจของชาวอีสานไปอีกนาน และคงอีกนานเช่นกันที่จะเกิดปรากฏการณ์อย่างที่ เพชรพิณทอง และนพดล ดวงพรได้สร้างไว้

เพชรพิณทอง และนพดล ดวงพร คือนักรบทางวัฒนธรรมของภาค ที่เกิดขึ้นจากมันสมองและการสั่งสมประสบการณ์ของนพดล ดวงพร เป็นการมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยวด้วยตัวของตัวเอง เป็นความแน่วแน่ในอันจะจรรโลงและอนุรักษ์สิ่งดีงาม พร้อมๆ กับการผสมผสานของใหม่เข้าด้วยกัน

“ แม่นแล้ว” “เบิ่งกันแหน่เด้ออาว” “น้อยทิง” “นางเอย” “เด้อนางเดอ เด๊อเด๊อนางเดอ ตึ้งๆ” อีกหลากหลายคำ อีกเป็นร้อยเป็นพันคำและวลีที่ติดหู ติดปากผู้คน ที่เพชรพิณทองไปหยิบจับจากท้องถิ่นที่อีสานเป็นและอยู่มาใช้ทำการแสดง ทำให้ผู้คนเห็นความสำคัญของคำและวลีที่ใช้ในชีวิตประจำวันหรือการละเล่นแสดงในภาคกลับมาอยู่ในความนิยม ทำให้เห็นความลึกและมิติของภาษา และนี่คือ อานุภาพของภาษา อานุภาพของวัฒนธรรม ความสำคัญอยู่ที่เกาะเกี่ยวเหนี่ยวพันคนเข้าด้วยกันด้วยภาษา เป็นทั้งเครื่องผูกพันและเป็นรหัสให้ผู้คนได้ใช้ในการปฏิสัมพันธ์กัน

อาวุธสำคัญของวงดนตรีและของบุคคลผู้นี้คือการใช้ภาษาอีสาน ขณะที่สังคมอีสานกำลังเกิดความสับสนในอัตลักษณ์ของตัวเอง ท่ามกลางการดูถูกชาติพันธุ์ของสังคมไทยที่มีต่อคนลาว ต่อชาวอีสาน ซึ่งปรากฏการณ์อย่างนี้ได้ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมบนแผ่นดินอีสานตามมา คือ ได้เพาะเชื้อความรังเกียจกำพืดของตัวเอง ดูถูกตัวเอง เกลียดความเป็นลาวในสายเลือดตัว และพยายามหนีสุดชีวิตเพื่อให้พ้นไปจากความเป็นลาว เป็นคนอีสาน ด้วยการสร้างปมเขื่องให้กับตนเองด้วยการ “ไม่พูดภาษาอีสาน หรือภาษาลาว”

… เพชรพิณทอง และนพดล ดวงพร ก็โผล่ออกจากเงามืด และออกมายืนท้าทาย ต่อสู้ฟาดฟัน และที่สุด นพดลและเพชรพิณทองก็ประสบชัยชนะ นำพาผู้คนในภาคและคนเชื้อสายลาวในจังหวัดอื่น แม้กระทั่ง คนลาวในต่างแดนและคนลาวในประเทศ สปป. ลาวเองก็ยังได้รับอานิสงส์และเก็บรับความภาคภูมิใจพร้อมกัน

คงไม่เกินเลยนัก หากจะกล่าวว่า คนที่ใช้ภาษาลาวหากได้ฟังเพชรพิณทองเป็นต้องยิ้ม หัวเราะ ขบขัน และหลังจากนั้นก็จะเกิดความรักในภาษา รักในสิ่งที่บรรพบุรุษได้สรรค์สร้างไว้ หลายคนบอกกับตัวเอง … ถ้าไม่รู้ภาษาลาว ถ้าไม่เป็นคนลาว คงขาดทุนแย่ เพราะความงามในคำ ในนัยที่แฝงในลีลาและคำพูดมันวิจิตรและงดงามยิ่งนัก… แล้วทุกคนก็มอบความรักให้กับเพชรพิณทองอย่างเต็มหัวใจ

เขาและชาวคณะได้ใช้ภาษาของพ่อแม่อย่างมีประสิทธิภาพ แง่มุมและมุกตลกของเพชรพิณทอง มาจากความงดงามของภาษาอีสาน ภาษาลาว มาจากวิถีชีวิตของชาวอีสาน มาจากคำหยอกล้อ มีจากภาษิต ผญา โตงโต่ย และภาษาถ้อยคำของคนสมัยใหม่ รวมทั้งได้สะท้อนวิถีความเป็นไปในภาคอีสาน ที่สำคัญไปกว่านั้น เพชรพิณทองได้สอดแทรกศิลปะ วัฒนธรรมของอีสานอย่างหลากหลายและถ่ายทอดอย่างมีศิลปะ ทำให้ศิลปะและคุณค่าที่ดีเลิศอยู่แล้ว กลับผุดผาดส่องใสยิ่งขึ้น เมื่อมีการประยุกต์และนำมานำเสนอและจัดแสดงได้อย่างลงตัว

เพชรพิณทอง และนพดล ดวงพร ได้ก่อกระแสความภาคภูมิใจให้เกิดขึ้นในใจคนอีสาน ทำให้คนอีสานได้ประจักษ์ว่า ภาษาอีสานหรือภาษาลาวนั้นมีความงาม มีมิติล้ำลึก การเสียเวลากว่า ๓ ชั่วโมงในการนั่งชมการแสดง เป็นความคุ้มค่าอย่างที่สุด เสียงปล่อยหัวเราะ เสียงโห่ฮาเพื่อบำบัดระบายอารมณ์ความสนุกจุกแน่นที่เพชรพิณทองก่อให้เกิดมีขึ้นตลอดเวลาในการแสดง เมื่อการแสดงจบลง ทุกคนเดินออกจากวงผ้าล้อมวิกหรือโรงภาพยนตร์ ทุกใบหน้ายังคงประด้วยรอยยิ้มและไมตรี หันมองคนรอบข้างและยิ้มให้กันอย่างมีความสุข มีหวัง แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน … แต่ที่สามารถยิ้มหัวให้กันได้ก็เพราะทุกคนก็รู้ว่า คนที่เข้าชมเพชรพิณทอง คือ คนอีสาน คนบ้านเดียวกัน เป็นคนที่ฟังภาษาเพชรพิณทองแล้วขบขันจนตัวโก่งเหมือนกัน

เทปคาสเส็ต ม้วนวิดีโอ แผ่นวีซีดี หรือโสตทัศนูปกรณ์อื่นๆ และแม้แต่เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากการแสดงของเพชรพิณทอง และนพดล ดวงพร ยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้ชมผู้ฟังยังคงประทับบทบาท ผลงานและคุณความดีที่เพชรพิณทองและนพดล ดวงพรได้สรรค์สร้างไว้ตลอดไป

คนอีสานไม่มีวันลืม… นพดล ดวงพร เราจะจดจำ… เพชรพิณทอง และชาวคณะ


เรายังไม่ลืมรอยยิ้ม เสียงหัวเราะของคนข้างๆ ที่เอาแต่แหกปากหัวเราะเหมือนคนบ้า แม้เราจะไม่รู้จักชื่อ แต่เสียงหัวเราะของเขายังก้องอยู่ตลอดไป.


เรียบเรียงโดย แวง พลังวรรณ / แวววัน

ที่มา
//pechpintong.siam2web.com/

ดูบันทึกการแสดงสดของคณะเพชรพิณทองได้ที่
//doo-mor-lum.blogspot.com/


Create Date : 01 เมษายน 2554
Last Update : 1 เมษายน 2554 12:18:06 น. 3 comments
Counter : 3529 Pageviews.

 
ก็ไม่ทราบจริงๆ ว่าจะมีกี่คนที่เข้ามาอ่านหัวข้อนี้ ยิ่งยุคใหม่ไปเรื่อยๆ คนก็ยิ่งลืมเรื่องราวเก่าๆไป เด็กยุคใหม่บางคนไม่สนใจความเป็นคนพื้นบ้าน คนอีสาน อายที่จะพูด อายที่จะฟัง

เพชรพิณทอง เป็นอะไรที่พิเศษ แม้เพียงแค่การยืนคุยกัน ก็เรียกเสียงหัวเราะให้กับคนมากมายแล้ว

ไอ้ที่ร่ายมายาวๆนี่ไม่มีอะไร แค่อยากจะขอบคุณผู้เขียนและผู้ที่นำมาเสนอให้ผู้อื่นได้มาชมกัน

ขอบคุณมากครับ!!


โดย: pinamo IP: 118.172.27.62 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:18:37:48 น.  

 
ยินดีครับ ผมก็คนอีสานเข้าใจในความเป็นอีสานครับ เลยอยากเผยแพร่ให้คนรับรู้มากๆ ครับ


โดย: scimovie วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:19:16:36 น.  

 
ยินดีเช่นกันครับอยากเห็นวงเพชรพิณทองรวมตัวอีกทีจังครับแม้จะสูญเสียบุคคลสำคัยไปแล้ว


โดย: เหมา IP: 180.183.67.252 วันที่: 25 ธันวาคม 2555 เวลา:18:08:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

scimovie
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]




แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
Friends' blogs
[Add scimovie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.