เตือนภัยซ่อนเร้น"น้ำอัดลมไดเอ็ต" เสี่ยงเพิ่มหัวใจวาย-โรคหลอดเลือด
นักวิจัยเตือนภัยซ่อนเร้น"น้ำอัดลมไดเอ็ต" เสี่ยงเพิ่มหัวใจวาย-โรคหลอดเลือด
เอเจนซีส์ ผลศึกษาพบคนที่ดื่มน้ำอัดลมทุกวันมีแนวโน้มหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมองมากกว่าคนที่ไม่ดื่มถึง 61% และอาหารที่มีเกลือสูงเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดด้วยเช่นกัน สำหรับคนที่รักสุขภาพ น้ำอัดลมปลอดน้ำตาลดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด แต่ที่จริงแล้ว นั่นอาจเพิ่มโอกาสเกิดหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมองได้เช่นเดียวกับน้ำอัดลมปกติ การศึกษากลุ่มตัวอย่างกว่า 2,500 คนพบว่าคนที่ดื่มเครื่องดื่มไดเอ็ตเป็นประจำทุกวันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 61% ที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดมากกว่าคนที่ไม่ดื่มน้ำอัดลม เมื่อนักวิจัยพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เช่น ประวัติการเป็นโรคอ้วนลงพุง โรคหลอดเลือดส่วนปลาย และโรคหัวใจประกอบด้วย ปรากฏว่าความเสี่ยงของคนที่ดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำเพิ่มขึ้น 48% ฮันนาห์ การ์เดนเนอร์ แกนนำการวิจัย กล่าวว่าถ้าผลการค้นพบนี้ได้รับการยืนยันจากงานศึกษาในอนาคต จะเท่ากับเป็นการบ่งชี้ว่าน้ำอัดลมไดเอ็ตอาจไม่ใช่ตัวเลือกทดแทนที่ดีสำหรับเครื่องดื่มผสมน้ำตาลในแง่การปกป้องผลต่อหลอดเลือด งานวิจัยที่นำเสนอต่อที่ประชุมโรคหลอดเลือดสมองระหว่างประเทศของสมาคมโรคหลอดเลือดสมองแห่งอเมริกาเมื่อเร็วๆ นี้นั้น จัดทำโดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยไมอามี กลุ่มตัวอย่าง 2,564 คนในแมนฮัตตันต้องระบุว่าดื่มน้ำอัดลมไดเอ็ต น้ำอัดลมปกติ ดื่มทั้งสองอย่าง หรือไม่ดื่มทั้งสองอย่าง นักวิจัยสำทับว่า การสำรวจนี้ไม่ครอบคลุมข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของเครื่องดื่มไดเอ็ตหรือน้ำอัดลมแต่อย่างใด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะทำให้รู้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าการดื่มเครื่องดื่มแต่ละแบรนด์ส่งผลต่ออาสาสมัครอย่างไร ดร.การ์เดนเนอร์ นักระบาดวิทยาจากมิลเลอร์ สกูล ออฟ เมดิซิน มหาวิทยาลัยไมอามี เสริมว่าควรทำการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อค้นหาว่าการดื่มเครื่องดื่มไดเอ็ตเพิ่มความเสี่ยงปัญหาหลอดเลือดอย่างไร ดร.ชาร์ลิน อาเหม็ด จากสมาคมโรคหลอดเลือดสมอง แสดงความคิดเห็นว่า จากการศึกษานี้ การดื่มน้ำอัดลมไดเอ็ตเป็นประจำอาจเพี่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจได้เท่ากับหรือมากกว่าการดื่มน้ำอัดลมปกติ ดังนั้น จึงควรออกคำเตือนสำหรับคนที่เลือกดื่มเครื่องดื่มไดเอ็ตเพราะคิดว่าจะช่วยปกป้องสุขภาพได้ ในการศึกษาอีกฉบับที่ทำกับกลุ่มตัวอย่าง 2,657 คนในพื้นที่เดียวกัน นักวิจัยพบว่าการกินอาหารที่มีเกลือสูง เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ คนที่บอกว่าบริโภคเกลือมากกว่า 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเท่ากับเฟรนช์ฟรายด์ชุดใหญ่ 4 ชุดในสหรัฐฯ มีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น 2 เท่าของคนที่บริโภคเกลือวันละไม่ถึง 1,500 มิลลิกรัม คนอเมริกันทั่วไปบริโภคเกลือวันละ 3,000 มิลลิกรัม แม้งานวิจัยก่อนหน้าระบุว่าตัวเลขอาจสูงถึง 4,000 มิลลิกรัมก็ตาม รายงานแจงว่า โอกาสเป็นโรคหลอดเลือดสมองจะเพิ่มขึ้น 16% จากเกลือทุก 500 มิลลิกรัมที่บริโภคต่อวัน ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบเช่น อายุ เพศ ชาติพันธุ์ การศึกษา การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การออกกำลังกาย ปริมาณการบริโภคแคลอรี่ในแต่ละวัน การสูบบุหรี่ โรคเบาหวาน คลอเรสเตอรอลสูง ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจในอดีต แนวทางโภชนาการที่ทางการสหรัฐฯ แนะนำในปัจจุบันคือ ไม่ควรบริโภคเกลือเกินกว่าวันละ 2,300 กรัม หรือประมาณ 1 ช้อนชา ขณะที่สมาคมหัวใจแห่งอเมริกาแนะนำไม่ให้บริโภคเกิน 1,500 กรัมต่อวัน ทุกคนสามารถลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองได้ด้วยการกินอาหารที่มีโภชนาการสมดุล ลดอาหารที่อุดมด้วยเกลือและไขมันอิ่มตัว และออกกำลังกายเป็นประจำ ดร.อาเหม็ดทิ้งท้าย
ที่มา //www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000021463
Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2554 |
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2554 19:42:03 น. |
|
0 comments
|
Counter : 915 Pageviews. |
|
|
|
|
|