ดาวน์โหลดโปรแกรม ดูละครย้อนหลัง อ่านเรื่องราวของความรู้รอบตัว วิทยาศาสตร์ ท่องเที่ยว สุขภาพ อาหาร รถยนต์ต่างๆ ไม่ทิ้งเรื่องราวความบันเทิงและเรื่องส่วนตัวอีกด้วย
Group Blog
 
 
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
21 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
เมื่อคิดจะซื้อรถต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง

เมื่อคิดจะซื้อรถต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง
เขียนโดย ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค

คนเรามีเหตุผลร้อยแปดประการถ้าอยากจะมีรถสักคัน แม้รู้ว่าการมีรถเป็นเรื่องสิ้นเปลือง บางคนความรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกไม่มีในหัว แค่ขับเป็นก็เป็นเหตุผลเพียงพอแล้วที่จะซื้อรถมาใช้สักคัน

"ทำไมจะมีไม่ได้ มีแล้วสะดวกไปไหนมาไหนไม่ต้องลำบากใช้รถเมล์ แท็กซี่"

"โหพี่ โก้จะตายรถรุ่นนี้ใครมี เท่โคตร ๆ "

"มันจำเป็น บ้านไกลที่ทำงาน ทางก็เปลี่ยวกลับดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่มีรถจะทำอย่างไร"

"อาชีพผมมันจำเป็น ไม่มีรถก็ไม่สะดวก ติดต่อลูกค้าลำบาก"

ฯลฯ

ว่ากันไปได้เรื่อย ๆ ถ้าคนอยากจะได้อะไรสักอย่าง แต่การซื้อรถไม่ใช่ว่าร้อยหรือพันบาท ถ้าพร้อมสู้ราคาเรือนแสนเรือนล้านและคิดว่ามีปัญญาหามาจ่ายไฟแนนซ์ได้โดยไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินใคร เชิญตามอัธยาศัย แต่ที่ต้องมาเขียนเป็นเรื่องเป็นราวเพราะว่า ทุกวันนี้กรณีร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องรถยนต์มีมากขึ้นเรื่อย ๆ หลากหลายรูปแบบ จึงอยากจะนำเอาประสบการณ์ของคนเหล่านี้มาถ่ายทอดเพื่อเป็นข้อเตือนใจสำหรับคนที่คิดจะมีรถ หรือมีรถอยู่แล้วแต่ยังไม่เจอปัญหาอะไรให้ได้ตระหนักไว้ โดยจะว่าเป็นตอน ๆ ไป

โอกาสครั้งแรกนี้ขอเสนอด้วยเรื่อง ความจำเป็นและความเหมาะสมของการใช้รถก่อน

1.อย่าเชื่อคำโฆษณา
เพราะคุณจะผิดหวัง โฆษณาจะให้ข้อมูลด้านเดียวที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ขายไม่ใช่ผู้ซื้อ สิ่งที่นำมากล่าวในโฆษณามีแต่สิ่งดี ๆ ทั้งนั้น

2.การเลือกใช้เครื่องยนต์
คุณใช้รถในเมืองหรือใช้รถเพื่อเดินทางไปมาระหว่างจังหวัด รถที่คุณต้องการนั้นต้องมีการบรรทุกสิ่งของด้วยหรือไม่ นั่งคนเดียวหรือแค่นั่งไปกับหมาตัวโปรดเพื่อชมวิวทิวทัศน์ คำถามเหล่านี้ต้องตอบให้กระจ่างใจเพื่อจะได้เลือกขนาดของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยเฉพาะยุคนายกทักษิณที่ค่าบริการน้ำมันแพงหูฉี่นี้ หากคุณใช้รถในเมืองที่การจราจรติดขัดเสียเหลือเกิน รถต้องหยุดต้องออกตัวบ่อย ๆ และก็ไม่ได้ต้องบรรทุกข้าวของอะไร ขนาดของเครื่องยนต์เพียงแค่ 1300 ซีซี น่าจะเพียงพอแล้ว หรือเลือกรถยนต์เกียร์ธรรมดาก็ช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่าเกียร์อัตโนมัติ

3.การซื้อรถใหม่หรือรถเก่า (มันมีปัญหาทั้งคู่แหละ)
สิ่งที่คุณต้องดูหากเป็นรถใหม่ คือชื่อเสียงของบริษัทรถยนต์ที่ต้องการซื้อ ตรวจสอบดูว่ามีการร้องเรียนปัญหาเรื่องรถบ่อยแค่ไหน ส่วนมากเป็นเรื่องอะไร ศูนย์บริการมีมากพอไหมและมีคุณภาพหรือไม่ การให้สัญญาหรือการรับประกันหลังการขายเป็นอย่างไร การแสดงความรับผิดชอบกับผู้บริโภค พวกนี้จะเป็นตัวตัดสินใจที่สำคัญ นอกเหนือไปจากเรื่องราคาที่เหมาะสมและรถที่อยู่ในความตั้งใจซื้อของคุณ

รถมือสองหรือรถเก่า เรื่องคุณภาพต้องดูให้มากกว่ารถมือ 1 สักหน่อยเพราะรถเคยผ่านการใช้งานมาแล้ว ย่อมมีการเสื่อมสภาพลงไป เพราะฉะนั้นต้องดูเครื่องยนต์ว่ามีการยกเครื่องใหม่หรือยัง การใช้งานมีลักษณะปกติไหม ทางที่ดีมีที่ปรึกษาเรื่องรถไว้ช่วยคุณดูด้วยสักคนก็จะดีมาก ๆ

4.ตรวจดูเงินในกระเป๋าสตางค์
ความมั่นคงทางการเงินของคุณเป็นอย่างไร ว่าไปสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เป็นปัญหาที่มีการร้องเรียนมากสุด คือรถโดนยึด การถูกเอาเปรียบจากไฟแนนซ์ เพราะปัจจุบันรถยนต์ใหม่ป้ายแดงบางยี่ห้อไม่ต้องมีเงินดาวน์ก็สามารถถอยออกมาขับได้ คือค่อยผ่อนตามหลังได้นานถึง 60 เดือน กลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะแม้แต่เงินดาวน์ยังไม่มี ต่อไปจะผ่อนไหวหรือ พอถึงเวลานั้นรถโดนยึด ตามมาด้วยการฟ้องร้องเป็นคดีความกับบริษัท และไม่เพียงเดือดร้อนแค่คนซื้อ โชคร้ายพลอยส่งอานิสงค์สู่ผู้ค้ำประกันด้วย


5. ซื้อรถมือสองเงินผ่อน ถามผู้รู้ก่อนน่าจะดี
ขอยกตัวอย่างกรณีร้องเรียน เมื่อวันที่ 10 พ.ค.2547 มีผู้บริโภครายหนึ่ง เขียนจดหมายมาว่า "ดิฉันได้ซื้อรถยนต์มือสองมาจากเต็นท์แหล่งรถจังหวัด.... เจ้าของเดิมชื่อนาย "เช่าซื้อ" ผู้ที่ทำสัญญาซื้อขายชื่อนาย "เต้นท์รถ" โดยนายเต้นท์รถบอกกับดิฉันว่ารู้จักสนิทสนมกันดีกับเจ้าของรถคันนี้เขาฝากขายเพื่อจะซื้อรถคันใหม่ ดิฉันจึงตกลงซื้อ ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ให้วางดาวน์ก่อน 100,000 บาท และผ่อนชำระกับบริษัทสยามพาณิชย์ลิสซิ่งจำกัด อีก 4 งวด งวดละ 7,407 บาท ต่อจากนั้นให้ชำระส่วนที่เหลือทั้งหมดภายในวันที่ 10 ก.ย. 47 ซึ่งดิฉันได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทุกประการ

ดิฉันชำระค่างวดตรงตามกำหนดทุกเดือนโดยตลอด และในวันที่ 3 ก.ย. 47 ดิฉันได้นำเงินส่วนที่เหลือทั้งหมด คือ 162,954 บาท เพื่อไปชำระให้หมดเพราะอยากจะโอนรถเร็ว ๆ หลังจากที่ชำระเงินเรียบร้อยแล้ว นายเต้นท์รถบอกว่า จะจัดการโอนรถให้เรียบร้อยภายใน 1 อาทิตย์

เมื่อครบกำหนดตามที่นัดไว้ นายเต้นท์รถโทรศัพท์มาขอเลื่อนวันโอนรถ โดยบอกว่า นายเช่าซื้อ ซึ่งเป็นเจ้าของเดิมเซ็นต์เอกสารมอบฉันทะผิด ต้องเอาไปให้เซ็นต์ใหม่ ดิฉันก็ไม่ว่าอะไร ผ่านไปอีก 2 อาทิตย์ ดิฉันโทรไปถามนายเต้นท์รถอีก คราวนี้นายเต้นท์รถบอกว่า มีปัญหากับไฟแนนซ์ โดยทางบริษัทบอกว่ามีค้างชำระค่างวด ดิฉันได้นำเอกสารไปยืนยันว่า ไม่เคยค้างจ่ายก่อนกำหนดด้วยซ้ำไป นายเต็นท์รถก็พูดในทำนองจะขอเงินเพิ่ม อ้างว่าขาดทุนเพราะไม่ได้ตรวจสอบก่อนว่าเจ้าของเก่ามีค้างชำระค่างวด ดิฉันไม่ยอมเพราะเห็นว่ากำลังถูกเอาเปรียบ นายเต้นท์รถจึงขอเวลาบอกว่า ขอคุยกับไฟแนนท์อีกรอบว่า ค่างวดชำระค้างที่ใครกันแน่ ตอนนี้ดิฉันเริ่มสงสัยเพราะถูกเลื่อนนัดถึง 2ครั้ง จึงเรียนปรึกษาทางศูนย์พิทักษ์สิทธิว่าควรดำเนินการอย่างไรดี"

กรณีตัวอย่างนี้เป็นปัญหายอดฮิดที่ทางศูนย์ได้รับคำปรึกษาบ่อย ๆ หากคุณคือคนหนึ่งที่คิดจะซื้อรถมือสองซึ่งผู้เขียนก็มีความเชื่อว่ารถมือสองดี ๆ มีถมไป คนขายดี ๆ ก็มีถมไป ที่สำคัญประหยัดเงินได้หลายแสนบาท แต่คุณต้องรอบคอบหาผู้รู้หาที่ปรึกษา เชื่อเถอะว่า ทุกอาชีพมีทั้งคนดีและคนไม่ดีฉะนั้นเราต้องรอบคอบให้มาก ๆ สำหรับกรณีข้างต้น ตอนนี้นายเต้นท์รถเขาก็ได้รับกรรมของเขาแล้วเขาก็คงสำนึกบ้างล่ะนะ

6. มีรถแล้วอย่าลืมทำประกันภัยรถยนต์
ลองดูกรณีนี้กัน "น้านิลคนรู้จักของผู้เขียนได้ซื้อรถกระบะมาคันหนึ่ง อายุรถคันดังกล่าวของแกก็ประมาณ 7 ปี สภาพรถ 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่า เป็นรถที่พร้อมใช้งาน ทุก ๆ วัน แกก็ใช้ขับในหมู่บ้านไม่ได้ไปไหนไกลมาก จนมาวันหนึ่งคราวซวยมาเยือน แกขับรถไปชนรถเบ็นซ์เข้า กรณีนี้แกไม่ได้ตั้งใจเผอิญมีหมาน้อยวิ่งตัดผ่านหน้ารถทำให้ต้องหักหลบ ปรากฏว่า บริษัทประกันภัยของรถเบ็นซ์คู่กรณี ส่งใบเรียกเก็บค่าเสียหายจากแกเป็นเงิน 100,300 บาท (หนึ่งแสนสามร้อยบาทถ้วน) แกส่งเสียงอ่อย ๆ มาปรึกษาว่า แกต้องจ่ายไหม คำตอบคือ ต้องจ่ายเพราะแกเป็นคนผิดสำหรับกรณีนี้"

นี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมซื้อรถต้องมีประกันภัยรถด้วย เพราะเราไม่มีทางรู้ได้ว่า รถหนึ่งคันที่เราซื้อมาจะก่อปัญหาอะไรให้กับเราในอนาคต จะไปชนไปเสียอย่างไรบ้าง ถ้าเรามีแต่ปัญญาซื้อ แต่เราไม่รู้ว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรตามมาบ้าง เราก็อาจเป็นอย่างน้านิล แต่ถ้าหากเราได้ทำประกันภัยรถยนต์ไว้ หากเรามีปัญหาอย่างน้าเราไม่ต้องทำอะไรแต่จะเป็นภาระของบริษัทประกันภัยไปคุยกันเอง

ข้อมูลจาก วารสารฉลาดซื้อ ฉบับที่ 62
ข้อมูลจาก วารสารฉลาดซื้อ ฉบับที่ 64

ที่มา
//www.consumerthai.org/


Create Date : 21 มกราคม 2553
Last Update : 23 ตุลาคม 2553 11:24:10 น. 1 comments
Counter : 724 Pageviews.

 
ขอบคุณครับ


โดย: clubp_mark วันที่: 27 มกราคม 2553 เวลา:0:15:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

scimovie
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]




แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
Friends' blogs
[Add scimovie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.