ถนนสายนี้มีตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 154 (ฮีโร่) สมรักษ์ คำสิงห์
เนื่องจากผมเป็นคนชอบเล่นกีฬา ชอบดูและเชียร์กีฬา ขอเขียนฮีโร่ของวงการกีฬาของเมืองไทยละกันนะครับ
สมรักษ์ คำสิงห์(วีรบุรุษโอลิมปิค) ชื่อจริง นาวาตรี สมรักษ์ คำสิงห์ ฉายา โม้อมตะ วันเกิด 16 มกราคม พ.ศ. 2516 (43 ปี) สถานที่เกิด อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น รุ่น เฟเธอร์เวท
เส้นทางมวยสากลสมัครเล่น
สมรักษ์เริ่มเข้าแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นในนามของโรงเรียน เมื่อปี พ.ศ. 2528 เมื่ออายุ 12 ปี โดยมีพิกัดน้ำหนัก 52 กิโลกรัมเมื่อสมรักษ์จบ ม.6 จากโรงเรียนผดุงศิษย์ฯ ได้รับการทาบทามจากสโมสรราชนาวีให้ชกมวยสากลสมัครเล่นในนามของสโมสรและจะบรรจุให้เข้ารับราชการในกองทัพเรือด้วย สมรักษ์จึงตอบตกลง สมรักษ์ประสบความสำเร็จได้ทั้งแชมป์ประเทศไทยและเหรียญทองกีฬาแห่งชาติ
ติดทีมชาติ
สมรักษ์ เข้าสู่ทีมชาติครั้งแรก ในการแข่งขันโอลิมปิก ที่บาร์เซโลนา ในปี พ.ศ. 2535 แต่ตกรอบแรก พ.ศ. 2536 ได้เหรียญทองมวยทหารโลกที่ประเทศอิตาลี แต่ไม่ได้ติดทีมชาติไปแข่งกีฬาซีเกมส์ในปีนั้นเพราะไม่พร้อม สมรักษ์เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาเป็นครั้งแรก จากการเป็นนักกีฬาไทย ที่ได้เหรียญทองเพียงคนเดียว ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 12 ในปี พ.ศ. 2537 ที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นเกือบจะถูกตัดสิทธิ์เพราะตรวจสมรรถภาพร่างกายไม่ผ่านในครั้งแรก (ภายหลังสภาโอลิมปิคเอเชีย ได้กลับคำตัดสิน โดยให้ รัฐพงศ์ ศิริสานนท์ นักว่ายน้ำ ได้ 2 เหรียญทอง)
นักมวยประวัติศาสตร์
พ.ศ. 2538 สมรักษ์ได้เหรียญทองจากกีฬาซีเกมส์ที่เชียงใหม่ และผ่านการคัดเลือกไปแข่งกีฬาโอลิมปิกรอบสุดท้ายได้สมรักษ์โด่งดังถึงที่สุดในปี พ.ศ. 2539 เมื่อสมรักษ์สามารถคว้าเหรียญทองจากโอลิมปิกมาได้ โดยชนะ เซราฟิม โทโดรอฟ จากบัลแกเรีย ด้วยคะแนน 8-5 เส้นทางสู่ทองประวัติศาสตร์เริ่มจากรอบแรกเอาชนะแดเนี่ยล เซต้า นักชกเปอร์โตริโก 13-2, รอบสอง ชนะฟิลิป เอ็นดู จากแอฟริกาใต้ 12-7, รอบสามหรือรอบก่อนรองชนะ รามาส พาเลียนี่ จากรัสเซีย 13-4 นั่นหมายถึงว่าได้เหรียญทองแดงคล้องคอไว้แล้ว และสมรักษ์ชนะ พาโบล ชาคอน จากอาร์เจนตินาไปได้ 20-8 และท้ายที่สุดเอาชนะ เซราฟิม โทโดรอฟ จากบัลแกเรียไปได้ ซึ่งก่อนการชกในรอบชิงชนะเลิศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารได้พระราชทานกระเช้าผลไม้มายังสมรักษ์และทีมงานพร้อมทั้งทรงอวยพรให้สมรักษ์ได้รับชัยชนะด้วย โดยการแข่งขันโอลิมปิคในครั้งนี้ สมรักษ์ ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า "Kamsing Somluck" โดยเจตนาให้มีนัยทางโชคด้วย (แต่ผู้บรรยายภาษาอังกฤษอ่านออกเสียงว่า คำซิง สมลุก)
ซึ่งการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกในครั้งนี้ การสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) ได้ออกแสตมป์ที่มีรูปการชกรอบชิงชนะเลิศของสมรักษ์ ราคาดวงละ 6 บาท มาด้วย เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเหตุการณ์นี้ และทางกองทัพเรือ (ทร.) ต้นสังกัดก็ได้เลื่อนยศให้สมรักษ์ เป็น เรือตรี (ร.ต.) ซึ่งเดิมสมรักษ์มียศเป็น จ่าเอก (จ.อ.)
ภาพยังติดตาเลยตอนนั้น นัดชิงเหรียญทองโอลิมปิค กำลังเรียนปริญญาตรีปีที่ 3 ตื่นขึ้นมากลางดึก นั่งเชียร์กันอยู่ที่หอ ส่งเสียงเชียร์กันลั่นหอเลย อารมณ์ตอนกรรมการชูมือว่าสมรักษ์ได้เหรียญทอง บรรยายไม่ถูกเลย ยิ่งตอนเพลงชาติไทย มีความสุขมาก ๆ
ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย
Create Date : 10 พฤษภาคม 2559 |
Last Update : 10 พฤษภาคม 2559 11:55:00 น. |
|
1 comments
|
Counter : 2372 Pageviews. |
|
|
|
มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ
ผมจำตอนที่ดูถ่ายทอดสดไม่ได้ แต่จำได้ว่าสมรักษ์เป้ฯคนแรกของโลกเลยที่ชูภาพพระฉายาลักษณ์ของนายหลวงขึ้นเหนือหัวในการแข่งขีันกีฬา หลังจากนั้นเป็นต้นมานักกีฬาเกือบทุกคนก็ทำตาม
ผมเพิ่งจะมารู้เมื่อไม่นานมานี้เองว่า รุ่นเดียวกับสมรักษ์ที่ชกในโอลิมปิคครั้งนั้น คนที่ได้ที่ 3 คือฟรอยด์ เมเวอเทอ นักมวยระดับโลกที่โด่งดังในปัจจุบันนี้ครับ เสียดายที่อยู่คนละสายกับสมรักษ์เลบยไม่ได้ชกกันครับ
อิอิ