รบกวนช่วยไลค์เพจนี้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่า https://www.facebook.com/aDiaryofaMomofThreeGirls/
เรา ในฐานะ แม่ คนหนึ่ง บางครั้งก็ถูกตั้งคำถามหรือสงสัยจากเพื่อนๆ ที่เป็นแม่ที่นี่ด้วยกันว่า เรา บังคับลูกให้เรียนดนตรีและฝึกซ้อมอย่างหนักจนลูกๆ ของเราไม่มีเวลาเล่นหรือเวลาที่เป็นอิสระสำหรับตัวพวกเขาเลยหรือเปล่า?
เราก็รู้สึกอึดอัดใจบ้างกับคำถามเช่นนี้ ทั้งนี้เพราะแม้กระทั่งเรื่องที่เป็นส่วนตัว ที่คนนอกไม่เคยรู้ หรือไม่เคยเห็นว่า แนวทางการเลี้ยงดูลูกของเราเป็นอย่างไรกันแน่ ก็ยังถูกคาดเดาและคิดไปเองแบบอย่างนั้นอย่างนี้ แทนที่จะแสดงถึงความยินดีที่เด็กๆ ของเรามีความสามารถด้านดนตรี กลับกลายเป็นว่า ไปพูดคุยกันในเชิงเปรียบเทียบและคิดว่า หากพวกเขานั้นเป็นเรา พวกเขาก็จะไม่ลงแรงฝึกซ้อมเด็กๆ ทุกวันหรอก เพราะพวกเขาจะทนไม่ได้ที่จะต้องนั่งฝึกซ้อมกับลูกๆ ของพวกเขาทุกวันแบบนี้ และเลยไปถึงอดีตว่า ขนาดพวกเขาไม่ได้ตั้งใจเรียนอะไรมากเลย พวกเขาก็ยังเรียนได้ดี และจบออกมาเป็นถึงหมอ และเภสัชกร เออ .. เราก็คิดในใจนะว่า บางทีบางคนที่นี่อาจจะไม่เคยชินกับการที่จะต้องให้วินัยและกวดขันเด็กๆ บนความสมดุลของแต่ละครอบครัวและตัวเด็กๆ ก็ได้ และเราเองก็ไม่เชื่อว่า หากพวกเขาประสบความสำเร็จกันขนาดนี้แล้ว พวกเขาจะไม่เคยที่จะฝึกฝนตัวเองเลย
พระคัมภีร์ไบเบิ้ลก็บอกกับเราไว้ว่า จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเติบใหญ่ เขาจะไม่พรากจากทางนั้น (สุภาษิต 22:6) ดังนั้น กรอบความคิดในการเลี้ยงดูลูกๆ ของเราก็คือ พวกเขาควรจะถูกฝึก แต่ทีนี้จะฝึกอะไร อย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ทัศนคติในการดำเนินชีวิตของครอบครัว ลักษณะของพ่อแม่ เป้าหมายของครอบครัว แต่ที่สำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใดก็คือ ลักษณะและความคิดฝัน และความรักที่จะทำอะไรที่ดีๆ สักอย่างของเด็กๆ เอง ซึ่งตรงนี้คนที่เป็นพ่อและแม่จะต้องช่วยลูกๆ ในการค้นหาและเคารพในความเป็นตัวเขา โดยที่จะไม่ลืมว่า พ่อและแม่จะต้องไม่ใช้วิธีการบังคับลูกๆ ให้ทำในสิ่งที่พวกเขาไม่รัก และไม่มีความสามารถในด้านนั้นๆ อย่างที่ไอน์สไตน์ได้กล่าวไว้ว่า ทุกคนคืออัจฉริยะ แต่หากให้ปลาไปปีนต้นไม้ก็จะทำให้ทั้งชีวิตต้องจมปลักอยู่กับความเชื่อที่ว่า นั่นคือสิ่งที่ไร้สติปัญญา ดังนั้น พ่อและแม่จึงต้องให้ลูกๆ ทำสิ่งต่างๆ ด้วยใจรักของพวกเขาเอง รวมถึงเมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะทำอะไรแล้ว ก็ควรจะสอนพวกเขาให้มีระเบียบวินัย ที่จะต้องฝึกปรือเพื่อรักษาและพัฒนาสิ่งนั้นๆ ให้เติบใหญ่อย่างดีเลิศ ไม่งั้นจะเสียเวลาที่จะลงมือทำไปทำไม
กลับมาสู่การถูกตั้งคำถามแบบในข้างต้นที่เล่าให้ฟัง เราก็เลยให้คำตอบแก่เพื่อนแม่ๆ ทั้งหลายที่ช่างสงสัยในตัวเราไปว่า อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับเด็กๆ นะ หากเด็กๆ มีใจรักและพรสวรรค์ที่จะเรียนดนตรี พวกเขาก็จะไม่มีปัญหาในการฝึกซ้อมและพัฒนาตนเองในด้านนี้ ซึ่งอันนาและเลาร่าก็ไม่เคยมีปัญหาในด้านนี้ให้ลำบากใจ พวกเขารักและเต็มใจที่จะฝึกซ้อมและเรียนดนตรี ดังนั้น เราจึงสนับสนุนพวกเขาด้วยการจัดระเบียบเพื่อการฝึกซ้อมดนตรีให้ แต่หากเขาอยากจะทำอะไร อยากจะพบเพื่อน อยากจะเล่น อยากจะกินขนมอะไร เราก็จัดเตรียมให้พวกเขาอย่างเต็มที่ ซึ่งพวกเขาก็ไม่เคยที่จะขาดอะไร แต่สิ่งที่ชื่นใจมากของความเป็นแม่ คือ พวกเขามีวินัยและรักที่จะฝึกหัดในสิ่งที่เขารักและตัดสินใจที่จะทำ รวมถึงพวกเขายังมีพรสวรรค์และเรียนรู้ด้านดนตรีได้อย่างก้าวหน้ามากอีกด้วย พวกเขาฟังคำตอบของเราแล้วก็รู้สึกว่าจะเงียบไป
ครั้งหน้าก็จะเล่าให้ฟังเกี่ยวกับวิธีการค้นพบพรสวรรค์ในตัวเด็กเล็กๆ โดยเฉพาะในด้านดนตรีว่าทำอย่างไร โดยอาศัยจากประสบการณ์ที่มีกับอันนาและเลาร่า รวมถึงโซเฟีย ณ เวลานี้ด้วย
พระเจ้าอวยพรทุกคนค่ะ