รบกวนช่วยไลค์เพจนี้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ https://www.facebook.com/aDiaryofaMomofThreeGirls/
"การฟัง" เป็นพื้นฐานของกระบวนการการศึกษา
--- นั่นหมายว่า ไม่ว่าเด็กคนหนึ่งจะเรียนรู้เรื่องอะไร พ่อแม่ควรตั้งคำถามว่า ลูกของเรานั้นมีความพร้อมที่จะเรียนรู้ในเรื่องนั้นๆ แล้วหรือยัง?
--- เพราะว่าหากเด็กๆ ยังไม่มีความพร้อมที่จะเรียนรู้ในเรื่องหนึ่งๆ พวกเขาก็จะไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จในสิ่งนั้นๆ ได้
ที่นี้ "ความพร้อมที่จะเรียนรู้" ที่พ่อแม่ควรสังเกตและจัดการสิ่งแวดล้อม รวมถึงวางระเบียบแบบแผนเพื่อสนับสนุนและเตรียมความพร้อมให้แก่ลูกๆ คืออะไร?
--- ความพร้อม ที่ว่านี้ คือ "ความสามารถในการจดจ่อและควบคุมตนเอง" ให้เรียนรู้และฝึกปรือเกี่ยวกับสิ่งหนึ่งๆ ได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง เช่น อันนาจะไม่สามารถเรียนเปียโนได้ดี หากเธอไม่เรียนรู้ที่จะนั่งและจดจ่อในการฝึกเล่นเปียโน ได้ในแต่ละวัน
ดังนั้น แม้ว่าเด็กบางคนจะมีพรสวรรค์มากในบางเรื่อง แต่เด็กคนนี้ไม่เคยถูกฝึกให้อยู่ในวินัยของการฝึกหัดในเรื่องนั้นๆ เลย พรสวรรค์ในตัวเขาก็อาจจะสู้พรแสวงของเด็กบางคนที่รักการเรียนรู้และหมั่นฝึกปรือความสามารถของตนเองอยู่เสมอไม่ได้ เปรียบเหมือน เมล็ดพันธุ์ที่ดี แต่เอามาเพาะในกระถางที่มีดินคุณภาพแย่ ผลลัพท์ที่ได้ก็คือ ต้นไม้ที่ไม่สามารถเติบใหญ่อย่างงดงาม ชีวิตของเด็กๆ ก็เช่นกัน
ข้อคิด: ไม่เพียงแต่สังเกตว่า ลูกๆ น่าจะมีพรสวรรค์ในเรื่องอะไร พ่อและแม่ควรสนับสนุนทักษะในการเรียนรู้และจดจ่อให้แก่พวกเขาด้วยการสร้างระเบียบแบบแผนในการฝึกหัดความสามารถนั้นๆ ให้แก่พวกเขา หากพรสวรรค๋นั้นๆ มีอยู่ในตัวลูกๆ ของเราอย่างแท้จริง การฝึกหัดแบบจดจ่อกับความสามารถนั้นๆ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ทั้งนี้ขึ้นกับออกแบบเวลาและกิจกรรมให้เหมาะสมกับความชอบของเด็กๆ โดยมีหลักว่า การสร้างแรงจูงใจแง่บวกนั้นส่งผลยั่งยื่นมากกว่าการบังคับให้เด็กทำในสิ่งที่ผู้ใหญ่ปรารถนา ในทางตรงข้าม การปล่อยปละละเลยที่จะไม่เสริมสร้างและพัฒนาความสามารถที่เด็กๆ มีก็เป็นการทำร้ายพวกเขาในทางอ้อมเช่นกัน