อัมพวาฮาเฮ...Epi.2
...ตึ๊ด ตึ๊ด ตึ๊ด ตึ๊ด...เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือดังขึ้นตอนตีห้า อันที่จริงก็เริ่มรู้สึกตัวก่อนหน้านั้นเล็กน้อยแล้วล่ะ เนื่องจากปวดฉิ้งฉ่องอยู่ตงิดๆ แต่ขี้เกียจลุกไปเข้าห้องน้ำเพราะเป็นห้องน้ำรวมต้องออกไปเข้าด้านนอก เมื่อคืนหลังจากกรึ่มได้ที่ ทั้งสองสาวก็พร้อมใจกันตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนตีห้า (ช่างกล้า..ตอนนั้นก็แอบคิดอยู่ในใจว่าจะตื่นไหมเนี่ยตรู!) เพราะต้องมาตักบาตรตอนหกโมงเช้า (อันนี้เป็นกิจกรรมที่ทางโฮมสเตย์จัดให้) ครั้งจะตื่นสายหน่อยก็กลัวว่าต้องมาแย่งห้องน้ำกับคนอื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว พ่อ แม่ ลูก กับเด็กน้อยสามคน แล้วจะไม่ทันตักบาตร เลยปลุกมันตอนตีห้าซะเลย ระหว่างรอคุณแหม่มอาบน้ำ แต่งตัว ก็ลองเปิดหน้าต่างห้องพัก หวังว่าจะสูดกลิ่นไอคลองอัมพวายามหัวรุ่ง (สรุปว่าเมื่อคืนนอนห้องแอร์ ไม่ได้เปิดหน้าต่างอย่างที่ตั้งใจไว้)...ผับ ผับ ผับ ผับ...แมลง..ไม่ทราบเหมือนกันว่าตัวอะไร ไม่ทันมอง..มองไม่ทัน บินเข้ามา 5-6 ตัวคราวเดียวกัน เออ! ดีแล้วที่ปิดหน้าต่างนอน เพราะที่นี่ไม่มีมุ้งลวด ไม่งั้นยุงหามทั้งคืนแน่เลย หลังจากไล่แมลงออกจากห้อง ปิดหน้าต่างตามเดิมแล้วเตรียมตัวไปตักบาตรสีของทองฟ้าค่อยๆเปลี่ยนจากดำสนิท เป็นน้ำเงินเข้ม..น้ำเงินจางลง..แล้วมาเป็นสีฟ้าครามพร้อมกับแสงเรืองรองสีทองของดวงอาทิตย์ค่อยๆโผล่พ้นหลังคาของบ้านไม้เรือนแถวริมคลองฝั่งตรงข้าม ทอแสงเข้มขึ้น จ้าขึ้น และแรงขึ้น บ่งบอกถึงความสดใสร่าเริงของเช้าวันใหม่ พระสงฆ์เริ่มทยอยพายเรือลำน้อยมาบิณฑบาต บางรูปก็เดินเท้ามาตามทางเดินในตลาด เสียงฝีพายกระทบน้ำดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ไม่มีเสียงเรือหางยาวแผดใส่หูดั่งเช่นตอนเย็นให้เสียบรรยากาศ อากาศยามเช้ายังเย็นสบาย สองสาวทูนของใส่บาตรที่ทางโฮมสเตย์จัดให้ไว้เหนือหัว พร้อมอธิษฐานอุทิศส่วนกุศลให้แด่ผู้ล่วงลับและเจ้ากรรมนายเวร ด้วยหวังผลบุญจะส่งให้ชีวิตมีความร่มเย็นดั่งความเย็นของสายน้ำและอากาศแห่งอัมพวา เป็นครั้งแรกของที่ได้ตักบาตรทางเรือ หวนให้นึกถึงเรื่อง คำมั่นสัญญา นางเอก..น้องดา จะใส่บาตรที่ท่าน้ำหลังบ้านอย่างนี้ทุกเช้า (โห..ออกไปนั้นได้ไง!) หลังจากตักบาตรแล้ว สองสาวเริ่มไปตระเวนถ่ายรูปตามมุมต่างๆที่พลาดไปเพราะคนเบียดเสียด ถ่ายไปถ่ายมา แต่ละนางวางท่ายังกะจะลง magazine บางรูปก็ดู นางแบ๊บ..นางแบบ (แต่ติดที่ไม่ได้สวยแบบนางแบบน่ะซี้) อ้อ! แอบไปถ่ายกับป้ายสวัสดีอัมพวาด้วย จริงๆตรงนั้นช่วงกลางวันจะมีร้านรับถ่ายรูปเก๋ๆ กับป้ายเหล่านี้อยู่ คิดว่าคงเป็นป้ายของร้านนี้ เมื่อวานสองสาวเลยไม่กล้าเช้าไปถ่าย แต่เช้านี้ พี่เจ้าของร้านคงตื่นไม่ทันเราแล้ววว.. ถ่ายซะหน่อย เจ็ดโมงกว่า เดินตามกลิ่นหอมของข้าวต้มกลับเรือนสบาย อาหารเช้าเป็นข้าวต้มหมู,ปาท่องโก๋,โอวัลติน กาแฟ ทานเสร็จก็นั่งเล่นชิลด์ๆ ริมน้ำ อ่านหนังสือพิมพ์ แปดโมงครึ่ง เรือเจ้าเดิมกับไกด์คนเดิมมารับลูกทัวร์เพื่อไปล่องแม่น้ำแม่กลองและไหว้พระ 4 วัด จริงๆแล้วตลอดทางที่ล่องไปจะพบมีวัดอยู่ตลอด วัดเยอะมาก แต่ละวัดก็สวยงามและใหญ่โต มีประวัติความเป็นมาทั้งนั้น ไม่เหมือนกับทางใต้ที่วัดไม่มากหนึ่งชุมชนอาจมี 1-2 วัด อะไรทำนองนั้น แต่ที่นี่เปิ้ลรู้สึกว่ามีวัดสลับกับบ้านเลยค่ะ วัดจุฬามณี..เป็นวัดแรกที่ไปถึง นมัสการหลวงพ่อเนื่อง โกวิทโท ซึ่งมรณภาพแล้วแต่ร่างท่านไม่เน่าเปื่อย และวัดนี้ยังมีอุโบสถหินอ่อน ศาลาปิดทองลายรดน้ำที่สวยงามมากทีเดียว ล่องเรือต่อไปวัดที่สอง..วัดบางแคน้อย วัดนี้ไกด์บอกว่ามีต้นโพธิ์ที่ออกดอกได้อยู่หน้าวัด เลยถ่ายรูปมาฝากซะหน่อย ดูกันเอาเองนะคะว่าออกดอกได้จริงรึเปล่า? ไหว้พระขอพรที่ศาลาด้านหน้าแล้ว เดินเข้าสู่โบสถ์ด้านใน คุณแหม่มขอแวะตีระฆังให้ดังถึงสวรรค์ซะหน่อย..ดีครับ เคาะระฆังให้ดังถึงสวรรค์เสร็จแล้ว เชิญนมัสการหลวงพ่อในโบสถ์ด้านหน้าได้เลยครับเสียงดังมาตามสาย ทำเอาสะดุ้ง โห..ของเขาแรงจริงๆ แล้วคนพูดอยู่ไหนเนี่ย กวาดสายตามองทั่วลานวัดด้านหน้าไม่เห็นมีสักคนที่ถือไมค์ส่งเสียงตามสาย เอ..หรือจะได้ยินแค่เราสองคนหา คุณแหม่ม!! เดินเข้าไปนมัสการพระภายในโบสถ์ สวยงามมากค่ะ ฝาผนังและเพดานแกะสลักเป็นรูปทศชาติชาดก ดูอ่อนช้อย งดงาม ใช้เวลาทั้งหมด 8 ปี โดยเป็นช่างจากเมืองเพชรบุรี พื้นโบสถ์เป็นไม้สักทองแผ่นใหญ่มันวาวทั้งหมด 8 แผ่น งดงามมาก จึงได้เวลาเดินลงจากโบสถ์ .."นมัสการพระในโบสถ์แล้วเชิญทางนี้ครับ ศาลาไม้สักทองเก่าสมัยอยุธยา มานมัสการหุ่นขึ้ผึ้งจำลองของหลวงพ่อโตกันครับเอาอีกแล้ว..มันมาอีกแล้ว พอเดินขึ้นไปบนศาลา ก็ได้เจอเจ้าของตัวจริง..เสียงจริง ไม่ใช้แสตนด์อิน พี่แกส่งเสียงตามสายเรียกคนต่อไปที่อยู่ด้านล่างอยู่พอดี หลังจากนั้นเดินกลับมาทางเดิมเพื่อลงเรือ แวะชิมไอติมกระทิสดที่ขายพร้อมถ้วยเซรามิครูปเรือให้เอากลับไปเป็นที่ระลึกได้อีก..ทำได้น่ารักมากเลยค่ะ หลังจากลงเรือ..น้องฝ้ายก็เริ่มเกริ่นแล้วว่า วัดต่อไปให้ทำเวลาหน่อย เพราะเดี๋ยวจะไม่ทันไปทานอาหารมื้อเที่ยงที่นัดทางร้านไว้ ดูลูกทัวร์คนอื่นๆจะเฉยๆอยู่ จนมาถึงวัดที่สามวัดบางเกาะ..มาถึงวัดนี้จะมีหลวงพี่มาคอยอธิบายประวัติความเป็นมา,การกราบนมัสการพระในอุโบสถ และวิหารทุกจุดเลยทีเดียว จะเร่งไหว้พระตามที่น้องฝ้ายบอกก็ไมได้ เพราะเกรงใจหลวงพี่ท่าน สุดท้ายทั้งกรุ๊ปทัวร์ก็เลยตามเลย ใช้เวลาที่วัดนี่ร่วมชั่วโมงเห็นจะได้ วิหารของวัดสวยงามมาก แต่ดูจะเป็นศิลปะร่วมสมัยมากกว่าวัดที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะวัดที่ผ่านมาเป็นของเก่าแล้วบูรณะ ในขณะที่วิหารของวัดบางเกาะนี้เพิ่งสร้างเสร็จและเปิดให้เข้าชมไม่ถึงสองเดือน ภายในประดิษฐานพระศรีสมุทรศักยะมุณี (หลวงพ่อวัดบ้านแหลม) องค์ใหญ่มาก พอออกจากวิหาร สองสาวก็รีบเดินมาขึ้นเรือ น้องฝ้ายเริ่มย้ำอีกครั้งว่าให้เร่งทำเวลานะคะ!!..สองสาวก็พยักหน้าหงึกๆๆวัดสุดท้าย..วัดบางกุ้ง ถือว่าเป็นไฮไลท์อีกแห่งหนึ่งของอัมพวาเลยก็ว่าได้ มีต้นโพธิ์ขึ้นล้อมรอบโบสถ์ คราวนี้พอลงเรือปุ๊ป น้องฝ้ายไม่ปล่อยให้เราเดินกันเองตามใจฉันแล้วค่ะ เธอเดินนำกรุ๊ปทัวร์เองเลย โดยจะผ่านค่ายบางกุ้งก่อน ..ตรงนั้นไม่มีอะไรค่ะ เป็นเต่า 5 ขา ก็ไม่ได้แปลกอะไรมากมาย เป็นเหมือนเต่าตัวอื่นๆ แล้วมีติ่งงอกเพิ่มออกมาอีกเป็น 5 ขา ก็เป็นแค่ติ่งน่ะคะเธอรีบบอก น้ำเสียงส่อว่าไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น จริง จริ๊ง เมื่อเห็นเด็กๆในกลุ่มดูสนใจกับป้าย เต่าห้าขา ก่อนเดินจ้ำๆ ตรงไปเรื่อยๆ พอสุดท้ายค่ายก็ข้ามถนนไปยังวัดบางกุ้ง ตัวโบสถ์วัดบางกุ้ง จะถูกปกคลุมโดยรากไม้ใหญ่ ทั้ง โพ ไทร ไกร และกร่าง รากไม้เหล่านี้ทำให้โบสถ์อยู่ได้ ภายในประดิษฐานหลวงพ่อนิลมณี มองเผินๆภายนอกอาจไม่นึกว่ามีโบสถ์อยู่เลยก็ได้ หลังเข้าไปนมัสการหลวงพ่อภายในโบสถ์และเก็บภาพรอบๆแล้ว สองสาวก็ได้ไปไหว้อนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินที่อยู่ด้านข้าง ถัดออกไปเป็นหุ่นจำลองของทหารที่ฝึกการซ้อมรบสมัยก่อนที่ค่ายบางกุ้ง แต่ไม่ได้เข้าไปชมค่ะเพราะต้องรีบไปขึ้นเรือ เพื่อไปทานอาหารกลางวัน ร้านที่ไปทานเป็นแพอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง จำชื่อร้านไม่ได้ค่ะว่าร้านอะไร อาหารอร่อยใช้ได้ แต่ต้มยำติดเปรี้ยวมากไปหน่อย อยากถ่ายรูปมาฝาก แต่ติดว่าคนในทัวร์เริ่มลงมือทานกันแล้วเลยเขิน (หุ หุ ที่จริงกลัวกินไม่ทันอีกต่างหาก เอิ๊ก)สิ้นสุดการทัวร์ กลับมาที่พักประมาณเที่ยง อย่าลืมไปทานชนมที่ร้านชานชาลานะคะนั่นคือคำอำลาของน้องฝ้ายก่อนขับเรือจากไป (เปรี้ยวดีอ่ะ สมัยเราอยู่ ม. 6 เท่าน้องฝ้าย เราขับแต่มอเตอร์ไซค์ นี่เธอขับเรือเล้ย) สองสาวเก็บข้าวของเพื่อ check out ขอฝากกระเป๋าไว้ก่อน แล้วเดินเล่นอีกรอบ ในที่สุดก็ได้กินขนมชั้นร้านตอง แต่เสียดายมีแต่อันที่ยังไม่ม้วนเป็นรูปดอกกุหลาบ แต่ไม่เป็นไร เป็นความตั้งใจของเปิ้ลอย่างยิ่งที่จะกลับมากินขนมชั้นร้านนี้ให้ได้ เดินเล่นอีกสักพักก็ตัดสินใจกลับ แบกเป้คนละใบเดินกลับทางเดิม ..เอะ! แวะนั่งเล่นกินขนมที่ร้านชานชาลาซะหน่อยน้องเขาอุตส่าห์แนะนำมา น่าน มิน่าล่ะ..เดินเข้าไปปุ๊ป เจอน้องฝ้ายเสริพขนมอยู่เล้ย..แหมม! โปรโมตใหญ่เลยนะจ้ะ สองสาวก็ขำๆ สั่งขนมปังปิ้ง กับโกโก้เย็นมาทานคนละแก้ว พร้อมขนมชั้น แบบว่าอิ่มมากกกกกก ขนมชั้นก็อร่อยจริงๆ ไม่หวานมากเกินไป กำลังพอดี ทริปนี้เป็นทริปกินแหลกกกกกกกกก กินเยอะมาก..แทบจะกินกันทุกอย่างได้เวลาโทรติดต่อรถตู้เจ้าเดิม แต่กว่าจะเข้ามารับอีกนาน เลยตัดสินใจนั่งสองแถว เข้าไปในตัว อ.แม่กลองก่อน แล้วเดินไปที่คิวรถตู้อีกที ขึนรถตู้ปั๊ป สองสาวมีแต่ความเงียบ หลับสนิทเลยค่ะ ถ้าคุณแหม่มไม่ปลุก เปิ้ลไปลงจตุจักรแน่นอน หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้านอย่างงัวเงีย พร้อมนัดหมายกันอีกว่าทริปต่อไปจะไปไหนดี ?? บรรยากาศหัวรุ่ง ริมน้ำอัมพวา อธิษฐาน ก่อนตักบาตร ตักบาตรริมน้ำ ดอกไม้สวยๆหน้าที่พัก สองสาวกับนางแบ๊บ นางแบบ ป้ายสวัสดีอัมพวา ที่ไปแอบถ่าย เอิ๊กๆๆ มีคนบอกว่าข้าวต้มกระดูกหมูร้านนี้อร่อยมาก จะพายมาขายตอนแปดโมงเช้า ไอเราก็รอคอยให้ป้าพายมาฝั่งนี้บ้าง (แม้ว่ากินไปแล้วถ้วยนึงก็ตาม) แต่ป้าก็ขายติดลมฝั่งโน้นตลอดเลย ล่องแม่น้ำแม่กลอง เสื้อตัวนี้ไงที่ตั้งใจซื้อมาใส่ให้อินกับบรรยากาศอัมพวาวันนี้ วัดจุฬามณีวัดบางแคน้อย ภาพแกะสลักในวัดสวยงามมาก ขอถ่ายกับภาพชนะมารซะหน่อย เผื่อจะชนะมารบ้างเรา พื้นเป็นไม้สักทองแผ่นใหญ่ที่ว่า คนนี้ไง เสียงตามสาย อิอิ ต้นโพธิ์ออกดอก ไอติมเย็นๆๆ บนเรือ..วัดบางเกาะ วัดบางกุ้ง..โบสถ์ปรกโพธิ์ มองด้านนอกอาจไม่เห็นตัวโบสถ์เลย วิวจากหน้าต่างห้องพัก เก็บตกถ่ายรูปอัมพวา ขนมอร่อยที่ร้าน ชานชาลา ขนมชั้นร้านตอง ในที่สุดก็ได้กิน Index : ทางเรือนสบายคิดเป็น package ค่ะ ราคา 900 บาท รวมที่พัก อาหารสามมื้อ เรือชมหิ่งห้อย และล่องเรือไหว้พระตอนเช้า ค่ะ
หลับฝันดี มีแต่สุขนะคะ
สวัสดีค่ะคุณเปิ้ล มาบล็อกมี่วันนี้ ทานข้าวให้อิ่มก่อนนะคะ เดี๋ยวจะตกใจร้องอะฮ้าจิ อิอิ
สวัสดีค่ะ มี่มาเสนอสิ่งที่ทุกคนเหม็นๆเบื่อๆ แต่ต้องเจออีกวันนะคะคุณเปิ้ล
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
package ของที่พักคุ้มมากๆเลย
อยากไปอีกจัง