กิน เที่ยวและกวนสบู่
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
7 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
ระลึกชาติได้ที่พม่า ตอนที่ 5-โรงเรียนหลังเขาริมทะเลสาบ

วันนี้เป็นวันที่สาม-วันสุดท้ายที่อินเล ตอนบ่ายแก่ๆจะนั่งเครื่องบินไปพุกาม

เราจะไปเยี่ยมโรงเรียนประถมของพม่ากันค่ะ

เล่าก่อนว่า ก่อนที่เราจะมาเมืองไทยครั้งนี้หลังจากตกลงใจว่าจะไปเที่ยวพม่า เราเริ่มคิดว่ามีอะไรที่เราจะทำให้คนพม่าได้มั่ง เพราะรู้ว่าเขาได้รับการกดขี่จากรัฐบาลของตัวเองเหลือเกิน

อย่ากระนั้นเลย เราจะเอาหนังสือของลูกที่อ่านแล้ว เอาไปบริจาคให้เขา เป็นหนังสือภาษาอังกฤษ มีรูปภาพสวยงาม เขาคงชอบเพราะของอย่างนี้ถ้าไม่ใช่ลูกหลานนายพลชั้นปกครองแล้ว หาซื้อได้ยากและแพงมากที่พม่า

แต่หนังสือของลูกมีไม่พอ แค่เพียงประมาณ 40 เล่มเอง เอายังไงดีล่ะ

คิดไปคิดมา เราทำ book drive ดีกว่า ไปขอรับบริจาคที่ๆทำงานของเรา พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินบริษัทเรากันทำเยอะแยะ

บางคนก็ขอบริจาคพวกแชมพูสบู่อาบน้ำจากโรงแรมที่ลูกเรือนอนเพื่อจะเอาไปให้homeless shelter บางคนขอรับบริจาคแว่นตาสายเก่าๆที่คนไม่ใช้แล้ว ส่งไปให้ประชาชนที่ยากไร้ในประเทศที่กำลังพัฒนา

วิธีทำง่ายๆคือ ต้องไปขออนุญาต inflight manager ของเราก่อนที่ inflight office ก่อน แล้วเอาป้ายกระดาษไปติดไว้ใน crew lounge (ที่ๆคนนั่งรอหรือนอนรอเวลาบิน) เราเอาป้ายไปติด บอกสั้นๆว่าเราจะไปเที่ยวพม่า อยากได้หนังสือเด็กๆทุกประเภทและทุกวัยเอาไปบริจาค แล้วบอกสถานการณ์ในการเมืองในประเทศ

แล้ววางกล่องไว้ใบนึง แล้วบอกตัวเองว่า อีกเดือนค่อยมาดูใหม่ว่าได้สักกี่เล่ม

สองสามอาทิตย์ต่อมา แม่นางเลขาจาก inflight officeโทรมาลีฟแมสเสชไว้ว่า เอ็งช่วยไปเอาหนังสืออะไรนั่นของเอ็งด้วย มันรกห้องเพราะเยอะเหลือเกิน

เราเข้าไปดูวันรุ่งขึ้น พระเจ้าช่วยกล้วยทอด หนังสือล้นกล่องที่วางไว้ออกมาข้างนอกห้าหกเท่าตัว เต็มทางเดินไปหมด มิน่าเขาต้องโทรไปตาม จะขนกลับบ้านยังไงวะเนี่ย ต้องไปยืมรถเข็นกระเป๋าoversizeมาขนขึ้นรถ

ได้มาประมาณ 1000 ได้ค่ะ เยอะมากๆยังเป็นหนังสือใหม่ๆอยู่เลยมีทุกวัยตั้งแต่หนึ่งสองขวบไปจนเป็นหนังสือวัยรุ่นเลย แต่เอามาทีเดียวไม่หมด เอามาได้เพียงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ใบเดียว 23 กิโล

ที่เหลือจะขนมากรุงเทพในอนาคตและเอาไปบริจาคโรงเรียนและห้องสมุดที่ห่างไกลในเมืองไทย

ครั้งนี้ไปพม่าเอาไปแค่ประมาณ 200เล่มได้



เต็มกระเป๋าใหญ่เลย หนักมาก พอมาถึงเมืองไทย ต้องแตกออกเป็นสามกระเป๋า ตกลงเช็คกระเป๋าของกินลูกอีกใบเป็น4 กระเป๋าไปพม่า



นอกจากเอาหนังสือไปบริจาคแล้ว หนังสือพวกนี้เราแจกๆให้คนขับเรือ คนขับแท็กซี่ และคนที่ทำงานในโรงแรมด้วย ก่อนอื่นจะถามก่อนว่าเขามีลูกหลานไหม อายุเท่าไรกันบ้าง แล้วก็ให้หนังสือสามสี่เล่มตามอายุของลูกหลานเขา ชาวพม่าที่ได้รับแจกชอบมากๆค่ะ ขอบอกขอบใจใหญ่เลยเพราะบอกแล้วว่า หนังสือพวกนี้เขาไม่สามารถหาซื้อได้

คืนก่อน เราคุยกับสามหนุ่มเจ้าของร้าน golden kiteว่า เราจะเอาหนังสือไปบริจาคโรงเรียนประถมในเมืองนังชเววันพรุ่งนี้

แต่สามคนบอกว่า ถ้ายูจะเอาไปให้ ควรจะเอาไปให้เด็กๆบนเขานอกเมืองดีกว่า เพราะว่าโรงเรียนในเขตตัวเมืองนังชเวนั้น มีเด็กเชื้อสายพม่าเรียนมากกว่า เพราะฉะนั้นจะได้งบประมาณมากกว่าโรงเรียนบนเขาซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่เป็นชนชาติฉานซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อย

ถ้ายูอยากจะไปดู เดี๋ยวพรุ่งนี้ไอจะพาไป

ตกลงหนึ่งในสามพี่น้องจะพาเราไปค่ะ

วันรุ่งขึ้น นัดเจอกันที่ร้านอาหารนั่นเอง ตัวเขานั้นจะขับมอเตอร์ไซต์ไป ส่วนเราสามคนจะต้องนั่งรถม้าไป 45 นาที แล้วเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 30 นาที เดชะบุญที่คนขับรถม้าเดินช่วยแบกหนังสือขึ้นเขาไปด้วย ไม่งั้นคุณพระแย่แน่ๆ

โรงเรียนบนเขาโรงเรียนแรก



โรงเรียนนี้จนมากขนาดไม่มีห้องน้ำให้นักเรียนคิดดูเถอะ ต้องวิ่งเข้าป่ากันทั้งครูทั้งนักเรียน

ปรากฏว่า วันนั้นที่ไป โรงเรียนหยุดค่ะเพราะครูที่มีอยู่คนเดียวไม่สบาย เลยต้องปิดทั้งโรงเรียน

เราฝากหนังสือส่วนหนึ่งไว้ให้หนึ่งในสามหนุ่มพี่น้องที่พาไป ครั้งหน้าเขาพานักท่องเที่ยวมาเทรกกิ้ง จะเอามาให้โรงเรียนนี้

เด็กนักเรียนมาเรียนเก้อ



เดินไปอีกสักยี่สิบนาทีก็ถึงโรงเรียนที่สอง

ก่อนอื่น ชาย(เจ้าของร้านgolden kite ที่จริงชื่อ"ไช" ขอเรียกแบบไทยๆว่าชายดีกว่า)ขอเข้าคุยกับครูใหญ่ บอกกล่าวเล่าความเป็นมาว่าเราขอบริจาคหนังสือ



ครูใหญ่ดีใจมากเพราะที่นี่ไม่มีหนังสือเลย ยกตัวอย่าง หนังสือสอนภาษาอังกฤษนั้น แต่ละปีการศึกษามีอยู่เล่มเดียวคือเล่มที่ครูมี เวลาจะสอนต้องคัดลอกให้เด็กบนกระดาน เด็กๆไม่มีหนังสือเรียนหนังสืออ่านเป็นของตัวเองเลย

ครูใหญ่



ขอบอกว่า ชายนั้นพาเรามาด้วยความเต็มใจ ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเราเลยแม้แต่บาทเดียว ที่จริงเขาไม่ต้องมาเองก็ได้ แค่บอกคนขับรถม้าให้พาเรามาเอง ซึ่งเราประทับใจอย่างถึงที่สุด คิดดูเถอะ เขามีธุรกิจร้านอาหารต้องดูแล มากับเรานี่ต้องเสียเวลาของเราไปอย่างน้อยสองสามชั่วโมง แถมต้องเดินขึ้นเขาเหนื่อยแบบฟรีๆเสียอีก

พี่ท่านโชว์หนังสือให้ครูดู คนขวาสุดคือชาย



เห็นลูกโลกกระท้ข้างบนไหมคะ เจ้าไทไปยืนหมุนๆดูแล้วแอบมากระซิบว่า แม่ๆๆ ลูกโลกอันนี้ไม่มีประเทศรัสเซียนะแม่ มีแต่ประเทศที่เรียกว่า "โซเวียต ยูเนี่ยน"

เราต้องอธิบายให้ลูกฟังว่า ประเทศสหภาพโซเวียตนั้น ล่มสลายไปเมื่อยี่สิบปีที่แล้วมั้ง ตอนนี้มีชื่อใหม่คือประเทศรัสเซีย

ขณะที่คุณพระคุยน้ำลายแตกฟองกินน้ำชากับครูใหญ่ เราเดินดูโรงเรียนห้องเรียน ห้องเรียนเด็กปอ 1 ถึง ป 5 คือห้องโถงโล่งๆ มีแค่กระดานดำทำเป็นฝากั้น

มารู้ที่หลังว่าเป็นครูโรงเรียนประชาบาลอย่างนี้ เงินเดือนเดือนละประมาณ 25 เหรียญยูเอสเท่านั้น



ครูใหญ่คนนี้สอนหนังสือมา เกือบ 30 ปี เงินเดือน 35 เหรียญยูเอส

หลังจากที่เราขออนุญาตคุณครูถ่ายรูปเด็กๆแล้ว เรายกกล้องถ่ายรูปขึ้น เด็กๆหลบวูบเลย ทุกคนขี้อายมากๆ หลบแบบเอาหน้าซุกไว้บนตักเลยขนาดนั้น

เราทำเสไปถ่ายรูปหมารูปแมวมั่ง แล้วเปิด play back ให้เด็กๆดู เท่านั้นแหละพ่อแม่พี่น้อง เด็กทุกคนรุมยังกะเราเป็นดาราให้เราถ่ายรูปแล้วเปิด play abck ดูรูปของตัวเอง กล้องดิจิตอลนี่ดีอย่างนี้ล่ะค่ะ ผูกมิตรกับเด็กได้ดีนัก



คนนี้สวย อยู่ปอ 4



สาวสวยปอ 4คนนี้อวดลายมือสวยของตัวเอง



คนนี้หน้าลายเหมือนตุ๊กแก แม่คงจะทาตานากะให้อย่างสุดฝีมือก่อนมาโรงเรียน



คนนี้น่าร๊ากกกก หัวเราะอร่อยมากๆ หัวเราะไปกินน้ำมูกตัวเองไป



อีหนูคนนี้มีแวว โตมาคงจะสวยมาก







สภาพห้องเรียน











บ้านชาวบ้านที่นังชเว(Nyaung shwe) เหมือนอำเภอสวรรคโลก สุโขทัยบ้านเกิดของพ่อตอนที่เราเล็กๆอยู่เลย มีบ้านไม้ หรือบ้านไม้ครึ่งตึกอยู่ทั้งอำเภอ และทุกบ้านจะมีบ่อน้ำบาดาลอยู่ในบ้านด้วย



บ้านชาวบ้านส่วนใหญ่ใช้น้ำบาดาลค่ะ ต้องตักมาจากบ่อทุกวัน ประเภทโรงแรมเท่านั้นที่มีระบบน้ำประปา



เห็นบ้านอย่างนี้แล้วคิดถึงตอนเป็นเด็ก ทุกปิดเทอมใหญ่จะต้องไปเยี่ยมคุณปู่ที่อำเภอสวรรคโลก ตอนนั้นจำได้ว่า ทีวีมีอยู่ช่องเดียว คือ ช่อง 8 ลำปาง กร๊ากกกก






ขอบอกว่าประทับใจนังชเวมากที่สุด คนไทใหญ่(คนฉาน) น่ารักมาก อยู่สามวันไม่เคยมีใครทำให้เรารำคาญใจเลย ไม่มีใครตื้อให้ซื้อโพสการ์ด หรือของที่ระลึก ไม่มีใครตามถามว่าอยากแลกเงินไหม อยู่เมืองนี้สบายใจมากๆ เดินไปไหนก็มีแต่คนทักว่ามาจากไหน จะไปไหนกันล่ะเนี่ย

รูปสุดท้ายเป็นรูปร้านอาหารฉานที่ชื่อ Miss Nyaung Shwe ครือว่าพ่อและแม่ของไททนกระเดือกพิซซ่าตามลูกไม่ไหวแล้วคร่า ต้องหาข้าวหาแกงเผ็ดกินให้สมใจอยากเสียหน่อย ร้านนี้โอเคเลยค่ะ ก๋วยเตี๋ยวอร่อย แกงcurry ของฉานก็อร่อย แต่เป็นแกงแบบพม่านะคะคือไม่ใส่กะทิ เหมือนแกงฮังเลน่ะค่ะ

จบตอนนี้ค่ะ ตอนต่อไปจะไปเที่ยวพุกามค่ะ



Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2552 4:33:06 น. 5 comments
Counter : 2433 Pageviews.

 
คุณแอนคะ สุดยอดไปเลยค่ะ
อ่านทีเดียวสามบล็อกรวด ยิ่งตอกย้ำความอยากไปพม่าของดิฉัน
คุณแอนไปทั้งหมดกี่วันคะ?


โดย: dextrocardia IP: 125.24.67.162 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:14:46:04 น.  

 
ทั้งหมดแค่ 11 วันเองค่ะ ไปให้ทั่ว แล้วไม่เร่งรีบ สักสองอาทิตย์จะดีกว่านี้ค่ะ


โดย: flymom (flymom ) วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:2:41:19 น.  

 
ดีจังครับ... ขอชื่นชม และปรบมือให้นะครับ


โดย: bite25 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:17:21:28 น.  

 
บรรยายเก่งจังครับ
ไปเขียนสารคดีท่องเที่ยวเถอะนะ


โดย: upper cut วันที่: 17 มีนาคม 2552 เวลา:12:40:39 น.  

 
ต้องขอบคุณ คุณแอนมากที่เปิดโลกที่เกือบจะไม่มีใครรู้จักให้เป็นที่รู้จักของโลก และช่วยปัดโคลนที่ปิดบัวเหล่าที่4อย่างเราให้รู้ว่าโลกนี้มีความสุขได้ง่าย ง่ายโดยที่ไม่ต้องรวยล้นฟ้า


โดย: s IP: 124.120.151.218 วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:23:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

flymom
Location :
American Siberia--- United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]




Friends' blogs
[Add flymom's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.