เวียดนามกลาง [ เว้ ดานัง ฮอยอัน ]

แผนที่ประเทศ เวียดนาม





เวียดนามเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศเวียดนามอุดมไปด้วยข้าวและอาชีพหลักของชาวเวียดนามก็คือ ชาวนา และสาเหตุที่ข้าวของประเทศนี้ไม่ดังเท่าข้าวหอมมะลิของไทยเรานั้น ก็คือสายพันธุ์ของข้าวประเทศเวียดนามไม่เป็นเม็ดเท่าประเทศเราประเทศเวียดนามมีทั้งหมด4ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง ส่วนฤดูฝนนั้นชาวเวียดนามไม่นับว่าเป็น ฤดู เพราะประเทศเวียดนามมีฝนตกตลอดทั้งปี เมื่อตื่นเช้าชาวเวียดนามจะออกจากบ้านไปนั่งชิมกาแฟ ระหว่างจิบกาแฟ จะหันหน้าออกไปทางถนน เพื่อลิ้มรสกาแฟและทัศนียภาพ ส่วนผู้หญิงถ้าตอนเช้าออกมาจากบ้านแล้วนั่งจิบกาแฟ ชาวเวียดนามถือว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้หญิงไม่ดี

ก่อนอื่นผมขอสวัสดีเป็นภาษาเวียดนามก่อน "ซีนจ่าว" ทริปนี้ตอนแรกว่าจะไม่ไปเพราะนั่งรถหลายชั่วโมงเหลือเกินนั่งกันก้นพังเลยทีเดียวแต่เพราะมารดาบอกว่า นั่งรถของหนุ่มสาวทัวร์ ไม่น่าเบื่อหรอก สนุก แม่เคยไปมาแล้วเค้าบริการเราดีแทบจะเอาอาหารมาส่งถึงในปาก และแล้วผมก็หลงคารมณ์หญิงผู้ให้กำเนิดคนนี้

คณะเดินทางออกเดินทางจาก บริเวณประตูคณะอักษรศาสตร์จุฬา เวลา18.00 น.

ระหว่างนั่งรถทัวร์ ไกด์ก็แนะนำตัว พร้อมทั้งอธิบายโปรแกรมที่เราจะไปเที่ยวในแต่ละวันโดยคร่าวๆ บรา บรา บรา.....


อรุณเบิกฟ้า นกกาโบยบิน ออกหากิน . . . [ร้องต่อไม่ได้แล้วเนื่องจากไม่เคยตื่นมาดูทันหลายปีมากแล้ว ไม่รู้ว่ารายการเจ้าขุนทองยังมีอยู่หรือเปล่า?] เราก็มาถึง จังหวัด นครพนมซึ่งจังหวัดนี้ถือว่าเป็นจังหวัดที่สำคัญสำหรับชาวเวียดนามด้วย เพราะ ลุงโฮ [โฮจิมินห์ นักปฏิวัติชาวเวียดนาม] ได้มาอยู่อาศัยในจังหวัดนี้ และแล้วเราก็รับประทานอาหารเช้า Break fast กันที่นั้น ต่อจากนั้นก็อาบน้ำแต่งตัว ฉีดน้ำหอม ละเลงแป้งเพื่อที่จะเตรียมตัวเดินทางต่อ




เรานั่งเรือข้ามแม่น้ำโขง แม่น้ำที่มีความสำคัญสำหรับหลายประเทศอีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดวัฒนธรรมมากมายในแถบ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เมื่อถึงฝั่งลาว เราได้แลเห็นสาวลาวนุ่งผ้าซิ่น ขายผัก คนลาวสามารถกินแตงกวาเล่นเป็น อาหารว่าง ขนมกรุบกรอบ [ช่วงนี้ เพลงหวานต้นจืดปลายของวง L.O.G. กำลังมาแรงเหลือเกิน ซึ่งวงนี้ดังมากในประเทศลาว]

เรานั่งรถทัวร์ เพื่อไปยังชายแดนประเทศเวียดนาม อีก150ก.ม. เวลาโดยประมาณ 4 ชม. ระหว่างทางเราสักเกตุทัศนียภาพภูมิประเทศลาวเป็นประเทศที่คล้ายคลึงกับไทยมาก[แน่นอนก็มันติดกับไทยซ่ะขนาดนี้-*- จะอธิบายทำไม] พื้นที่ส่วนใหญ่ปล่อยให้ว่างเปล่า แล้วเราก็หลับต่อ ZzZzzZ

เสียงรถจอดทำให้เรารู้สึกได้ว่า ขณะนี้ได้ถึงด่านตรงคนเข้าเมืองประเทศเวียดนามแล้ว ไกด์เราก็รอทำเรื่อง พาสปอร์ต [ทหารเวียดนามพักเที่ยง ไม่สามารถบริการได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่หลังพักเที่ยง ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ดดดด]

กินเสร็จ ก็หลับต่อสักพักผมก็ตื่นขึ้นมาชม บรรยากาศประเทศเวียดนามยามบ่าย 1วันเต็มๆกับการเดินทางมาที่นี้ ถึงซ่ะทีประเทศเวียดนาม





ช่วงเย็นของวันแรกในประเทศเวียดนามทางหนุ่มสาวทัวร์ก็พาเราเที่ยว ถ้ำฟองยา ล่องแม่น้ำซอน เชื่อกันว่าถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำแห้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก [มีใครบอกได้บ้างว่าถ้ำแบ่งออกเป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง ซึ่งถ้ำนี้ผมดูแล้ว ถ้ำในบ้านเรามีใหญ่กว่านี้อีกเยอะแยะ แยกไม่ออกว่าเปียกหรือแห้ง มันจะแห้งได้ไงฟร่ะมันติดอยู่กับแม่น้ำ]

ปางทางถ้ำ และบริเวณโดยรอบ











แม่น้ำในประเทศเวียดนามนั้น สีของน้ำจะเป็นสีเขียวเนื่องจากทรัพยากรทางธรรมชาติ และดิน ไม่เหมือนกับประเทศไทยของเรา ซึ่งไทยของเรา จะเป็นสีเหลืองซ่ะส่วนใหญ่ ถ้าเป็นสีเขียวก็จะมี แหน ขยะมูลฝอย อีกทั้งขวดต่างๆมากมายคอยประดับบริเวณริมน้ำ








18.00 น.ในเวลาประเทศไทย และประเทศเวียดนาม เราก็มานั่งรับประทานอาหารค่ำกัน อาหารที่นี่ จืดดดดดดดดดดดด สนิท





แล้วเราก็เข้าพัก โรงแรมเมืองดงเห่ย





รถทัวร์ที่นี่บางคันจะมีการจุดธูปไหว้หน้ารถด้วย




ตกกลางคืนผมก็ย่องออกไป ลิ้มรสเบียร์ที่เมืองนี้จำไม่ได้ว่า ญี่ห้ออะไร แต่ราคา 1 ขวดในโรงแรม ราคา60บาทไทย ซึ่งผมจ่ายเป็นเงินไทย 1บาท = 400-500 ด็อง ประเทศนี้รับเงินไทยเฉพาะค่าเงินบาทไทยแข็งตัว ถ้าค่าเงินเราอ่อนเมื่อไหร่ เค้าก็จะไม่รับ -*- ซัดไป2ขวด [ขวดเท่าเบียร์ขวดขนาดเล็ก] ยังไม่มาวแค่ตึงๆจะรับอีกขวด บาร์เทนเดอร์บอกไม่ขาย กลัวมาวววววววว [ไม่รู้ซ่ะแล้วคนไทย กินเหล้ากินเบียร์เก่งขนาดไหน ไม่อยากจะคุย โถ่ ^^]

ตื่นเช้า ลงมารับประทานอาหารและเดินทางต่อไปยัง เมืองดงฮา เพื่อชม อุโมงวินหม็อก อุโมงค์ใต้ดินที่ชาวเวียดนามขุดขึ้นระหว่างสงครามเวียดกง ใช้เวลาการขุด20เดือน สามารถบรรจุคนได้400คนเพื่อหลบภัย










ทางเดินภายในอุโมงค์มีความสูงประมาณ 180ซม. และกว้างโดยประมาณ120ซม. คนตัวเล็กก็พอเดินสบาย ถ้าใครตัวใหญ่ๆก็ลำบากหน่อย





ภายในมีพื้นที่สำหรับครอบครัวหนึ่งน้อยมาก





เมื่อคนขับถ่ายเสร็จ พวกมูลจะถูกลำเลียงทิ้งสู่ทะเล ซึ่งอุโมงนี้สร้างขึ้นติดทะเลเพื่อใช้สำหรับหนีพวก อเมริกา กรณีเมื่อทหารอเมริกันรู้ว่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของชาวเวียดนาม





ไกด์ชาวเวียดนามเล่าว่า สมัยสงครามเวียดกง มีทหารชาวอเมริกาต้องการหาทหารชาวเวียดกงคนหนึ่งในหมู่บ้าน ไม่มีชาวบ้านคนไหนบอก จึงทำการฆ่าล้างหมู่บ้าน ชาวบ้านเวียดนามหลายร้อยคนถูกฆ่าตาย เหลือรอดไม่ถึง15คน และพวกทหารอเมริกาเหล่านั้น หลังจบสงครามเวียดนามก็ถูกศาลโลกตัดสิน ในกรณีฆ่าอย่างไร้มนุษยธรรม

พื้นที่ของประเทศเวียดนามถูกU.S.A.ทิ้งระเบิดมากกว่า การทิ้งระเบิดที่ ฮิโรชิมา กับนางาซากิ ถึง 10เท่า

ณ ปัจจุบันคนรุ่นพ่อเป็นโรคบางโรค หรือพิการ ซึ่งเกิดจากสงครามและสารเคมี ที่เกิดจากการทิ้งระเบิดในสมัยสงครามเวียดนาม

ดังนั้นทำให้ชาวเวียดนามจึงเกลียดและไม่ชอบชาว อเมริกาจนถึงทุกวันนี้

สาเหตุหลักที่ชาวเวียดนามเชื่อว่าเป็นการทำให้เกิดสงครามเวียดนามคือ ความต้องการทดลองประชัดอาวุธระหว่าง U.S.A.กับรัสเซีย เพื่อที่จะแสดงอนุภาพของประเทศของตน

[คนเราก็แปลก ยิ่งเป็นคนที่อำนาจ มีบารมี มีเงิน มีพร้อมทุกอย่าง ก็อยากที่จะแสดงความยิ่งใหญ่ของตนในด้านมืด ยกตัวอย่างประเทศไทย ณ ปัจจุบัน คน2คนทะเลาะกันทำให้ ทุกวันนี้เกิดเสื้อแดงเสื้อเหลือง เดี๊ยวนี้ผมจะออกจากบ้าน ต้องเลือกชุดที่ไม่เข้าฝ่ายไหนทั้งสิ้น ยิ่งเสื้อสีแดง สีเหลืองนี่เก็บเข้า กรุไปได้เลย เดี๊ยวโดนตีเอา ไม่สิเดี๊ยวนี้ไม่นิยมตี นิยมยิงเลย ทีเดียวรู้เรื่อง กรั๊กๆ]

หลังจากนั้นเราก็เข้าชมพระราชวังจักรพรรดิ์เวียดนาม ในพื้นที่ 6 ตารางกิโลเมตร มีกำแพงล้อมรอบ3ชั้น ยาวกว่า10กิโลเมตรแต่ นี่คือ10เปอร์เซนต์ที่เหลืออยู่อีก90เปอร์เซนต์ ถูกระเบิดพังพินาศหมดแล้ว

ชมรูปครับพี่น้อง
















ภายในมีที่สำหรับเช่าชุดฮ้องเต้ ฮองเฮาไว้ บริการค่าเช่าพร้อมถ่ายรูปขนาด 4*6 นิ้วราคา 80บาท แต่ถ้าใครอยากได้รูปที่พร้อมตัดแต่งโดย Photoshop มีบริวารก็ราคา 200 บาท พอเข้าไปเปลี่ยนชุด จะมีคนมาแต่งหน้าให้ตอนแรกผมก็คิดว่าแต่งฟรี พอแต่งเสร็จ ก็อีก20บาท [แค่เขียนคิ้วอย่งเดียวเอง] ชมรูปดีกว่า ฮาดี




เท่ไหมล่ะ? กรั๊กๆ


ช่วงบ่ายของวันเราก็เข้าชม หุบผาแห่งจักพรรดิ์ สุสานแห่งราชวงค์เหงียน [ไม่มีรูปให้ดูอ่ะ เนื่องจากฝนตกหนัก]

หลังจากนั้นเดินทางสู่เมือง เว้ เพื่อรับประทานอาหาร และพักผ่อนนอนหลับ

ไกด์แนะนำว่า ถ้าเจอคนขี่มอเตอร์ไซ ทำท่าจะพาไปไหนนั้นคือเค้าจะพาเราไปเที่ยวผู้หญิงเวียดนาม

ผมเลยออกจากที่พักออกมาเดินเล่น เผื่อจะมีมอเตอร์ไซขับผ่านแล้วเรียกไปเที่ยวด้วย กรั๊กๆ แต่นึกขึ้นในใจไกด์ยังบอกต่ออีกว่า อาจจะโดนโกงเรื่องราคาและเผลอๆอาจจะโดนทำร้ายเอาก็เลยผมเลยพกกล้องออกมาแล้วก็ชักภาพ สะพานหมุน สะพานนี้ตอนดึกๆจะเปิดให้เรือใหญ่เข้ามาเทียบท่า ระหว่างที่เดินชักภาพก็เห็น หนุ่มสาวชาวเวียดนามนั่ง จู๋จี๋กัน 2คน คนเวียดนามเค้านิยมนั่งจู๋จี๋กันนอกบ้านเพื่อแสดงถึงความรักที่เปิดเผย ไม่นิยมจู๋จี๊กันในห้องสองต่อสองเหมือนคนไทย [รึเปล่า] 18+




โรงแรมที่พัก เมืองเว้ และเมืองเว้ยังเป็นเมืองที่เจริญที่สุดในเวียดนามกลางอีกด้วย





ตื่นเช้ามานั่งรถต่อไปยังวัดเทียนมู่ วันซึ่งเจ้าอาวาสของวัดได้ประท้วงการฉ้อราษฎร์บังหลวงของรัฐบาล ด้วยการเผาตัวเอง [ต้องบอกว่า โหด ขิง ขิง]










หลังจากนั้นเดินทางสู่เมือง ดาหนัง ผ่านอุโมงค์เหวิน ซึ่งเจาะผ่านภูเขาขนาดใหญ่ระยะทางที่ผ่านทางประมาณ10นาที ไกด์บอกถ้าใครกั้นหายใจผ่านไปได้สิ่งที่อธิฐานระหว่างกั้นหายใจจะเป็นจริง [จะรอดมั๊ย10นาที 2นาทีก็จะตายและ] หลังจากนั้นแวะหมู่บ้านหินอ่อน หมู่บ้านนี้ทำแต่หินอ่อน นำมาตั้งโชว์เรียงรายตามทางของหมู่บ้าน ไกด์ยังบอกอีกว่า หินแกะสลักพวกนี้ไม่หายเพราะมันหนักไม่มีใครขโมย [แต่ถ้าเป็นเมืองไทยล่ะไม่แน่ อาจจะลงทุนช่วยกันขโมยไปขายก็ได้ น็อตเสาไฟฟ้ายังเอากันมาแล้วเลย]

ช่วงบ่ายออกเดินทางสู่ ฮอยอันเมืองโบราณและซื้อของที่ระลึก











ต่อจากนั้นก็นั่งรถย้อนกลับมายังเว้ เพื่อซื้อของที่ระลึกกันอีกครั้ง ณ ตลาดแห่งเมืองเว้

ทริป

*แม่ค้าที่นี่พูดไทยได้อย่างกับคนไทย

*การต่อรองราคากันที่นี่ให้แวะดูร้าน แล้วถามราคา จากนั้นไม่ต้องพูดอะไร ให้เดินออก แม่ค้าจะลดราคาให้อย่างต่ำ50เปอร์เซนต์ของราคาที่บอกครั้งแรก หลังจากนั้นก็โชว์ฝีมือการต่อรองได้

*พวกกระเป๋าก็อป ราคาถูกมาก ท่านสามารถต่อจากราคา700เหลือ 250บาทได้โดยไม่โดนแม่ค้าด่า เพราะที่นี่เค้าต่อกันแบบนี้จริงๆ

*พวกของชิ้นเล็ก เค้าจะขาย10อัน100เราสามารถต่อโดยขอเพิ่มจำนวนชิ้นได้

*กรุณาเตรียมBank 20บาทไทย ไว้เยอะๆ Bank 100 ด้วยก็ดี

*ถ้าท่านซื้อของจำนวนมากแล้วกลัวไม่มีกระเป๋าใส่ บริเวณปากทางของตลาดจะมีกระเป๋าสำหรับใส่บรรจุของทีละมากๆไว้คอยขายให้ราคา 50 บาท จุได้เยอะจริงๆ

*บุหรี่ เหล้า ราคาถูกมาก Marlboro คัตต้อนล่ะ 350 บาทไทย เท่ากับซองล่ะ 35

แล้วเราก็ไปรับประทานอาหารเพื่อที่จะดำเนินกิจกรรมกันต่อ






หลังจากนั้น เราก็ลงเรือจักรพรรดิ์ ฟังเรื่องราวของเรือมังกร และล่องเรือชม แม่น้ำหอม ยามราตรี แม่น้ำแห่งความรัก โดยสาวเว้

สาวประเทศเวียดนามขอบอกว่า หุ่นดี มั๊กๆ เพราะเค้ากินแต่ผัก น้ำซุป ก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากผัก ใส่แล้วเทน้ำร้อนลงเป็นน้ำซุปได้แล้ว ผักบางชนิดของเวียดนามมีกลิ่นเหม็นเขียวมากแต่ชาวเวียดนามเค้าก็กินกันได้









หลังจากนั้น เราก็กลับโรงแรมเพื่อพักผ่อน จัดข้าวของเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร


ปล.

*ชาวเวียดนามเชื่อว่า ถ้าสุสานบรรพบุรุษใหญ่และสวย จะแสดงถึงฐานะว่าร่ำรวยหรือจน

*สัตว์ที่เคารพของประเทศเวียดนามคือ ควาย

*ไทยเรียกควาย ประเทศลาวเรียก ค[ว]ย ประเทศเวียดนามเรียก โตร รวมกันเป็น ควาย ค[วย] โต

*รถพวกที่ประเทศนี้ คิดราคากวนบาทา ถามว่าไปเท่าไหร่ 20 บาท พอไปถึงส่งถึงที่คิดค่าตัวเองกลับอีก20 ทำไม ไม่บอกว่า40ไปเลยจะได้ไม่ขึ้น -*-

*เวียดนามมีแม่น้ำ 3,000 กว่าสาย ประเทศนี้น้ำเยอะมาก

*น้ำแข็งที่เวียดนามไม่สะอาดเอาซ่ะเลย

*ตอนเช้า ชาวเวียดนามเชื่อถ้าเจอ แมว หรือผู้หญิง จะซวยตลอดทั้งวัน

*ประเทศเวียดนามมี กระทิงแดง 250 ขายด้วยประเทศเราไม่มี








ไม่ได้อัพบล็อกมานาน บล็อกนี้ใช้เวลาทำเกือบ4ชั่วโมง หวังว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่เข้ามาชมบ้างน่ะครับ ^^ สวัสดี

Create Date : 27 เมษายน 2552 Last Update : 27 เมษายน 2552 4:48:12 น. Counter : 9291 Pageviews.		32 comments
Share Tweet