Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
15 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
น้ำตาล! ความหวานที่แสนขม…ขื่น


ทุกวันนี้เราบริโภค อันตราย ที่ชื่อน้ำตาลโดยไม่รู้ตัว เพราะการทานอาหารที่มีรสหวานมากๆ ร่างกายก็จะหลั่งอินซูลินมากขึ้น อวัยวะหลายส่วน เช่น ตับ จะทำงานหนักขึ้นเพื่อย่อยน้ำตาล และเมื่อตับย่อยน้ำตาลมากเกินไปก็จะหลั่งกรดไขมันเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้อ้วนขึ้น โคเลสเตอรอลสูงขึ้น จนเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง และอาจถึงขั้นเป็นโรคหัวใจ (มีการพบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจวายส่วนใหญ่กินอาหารที่เป็นสาเหตุทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นปุบปับ) และมีหลายคนที่อยากจะเลิกทานหวาน แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ



เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยบริโภคน้ำตาลมากกว่าที่เราคิด อีกทั้งผู้ผลิตอาหารส่วนใหญ่ชอบใช้น้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลักในการผลิตอันเนื่องมาจากน้ำตาลถือเป็นวัตถุกันเสียชนิดหนึ่ง และนอกจากนี้ น้ำตาลยังเป็นสารที่ช่วยกลบเกลื่อนรสชาติของอาหารที่ไม่ถูกลิ้นได้เป็นอย่างดี แต่ประเด็นหลักที่ความหวานของน้ำตาลต้องกลายมาเป็นความขม...ขื่น ก็คือ คุณจะไม่ทราบเลยว่า มีน้ำตาลปริมาณมากในอาหารที่คุณรับประทาน และเป็นตัวอันตรายที่ทำให้มีอาการป่วยร้ายแรง ทั้งในปัจจุบันและอนาคต...



น้ำตาล...ความหวานอันแสนขม หากต้องเป็นผู้เสพติดน้ำตาล



ไม่น่าเชื่อว่าหน้าตาหวานๆ ของน้ำตาล จะมีพิษภัยร้ายๆ จนถึงขนาดเป็นสารเสพติดในแบบที่ใครหลายคนก็ขาดไม่ได้ เพราะเมื่อเราทานน้ำตาลมากๆ สมองก็จะกลายเป็นทาสของ opioids ที่เป็นสารคล้ายมอร์ฟีนในสมอง และเมื่อเวลาขาดน้ำตาล จึงทำให้เกิดอาการไม่สบาย เช่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ อารมณ์แปรปรวน ขาดสมาธิในการทำงาน และอาจมีปัญหาสุขภาพจิตตามมา



น้ำตาล...ความหวานอันแสนขมที่ต้องดูแก่ก่อนวัย



และยังมีรายงานการศึกษาบางส่วนระบุว่า น้ำตาลทำให้ผิวเสียได้พอๆ กับแสงแดด เพราะปริมาณน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้น จะทำปฏิกิริยากับเกลือแร่ต่างๆ ในร่างกาย เช่น ธาตุเหล็ก และทองแดง จนเกิดการสร้างอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารพิษที่เข้าไปทำลายเซลล์ต่างๆ และมีผลทำให้ผู้ที่ชื่นชอบบริโภคน้ำตาลดูแก่ก่อนวัย



ทางออกของการอยู่ร่วมกับความหวานโดยไม่ทำร้ายสุขภาพ



นักโภชนาการบางคนแนะนำให้หลีกเลี่ยงน้ำตาลโดยสิ้นเชิง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่หากคุณขาดอะไรที่หวานๆ ไม่ได้จริงๆ ลองมาดูกันว่า ทางออกดังกล่าวมีอะไรบ้าง...


ตารางเปรียบเทียบชนิดของสารให้ความหวานแทนน้ำตาล




คลิกที่รูปเพื่อขยาย



เอกสารอ้างอิง



  • Healthplus / April 2009 / No.38

  • //www.agalico.com/board/showthread.php?t=3909

  • //opac1.clib.psu.ac.th/BibDetail.aspx?bibno=261225

  • Wikipedia: Sugar Substitute // en.wikipedia.org/wiki/Sugar_substitute

  • //www.decorliving.com/index.php?lay=show&ac=articl&Id=288360&Ntype=6

  • //www.clinicdek.com/index.php?option=com_content&task=view&id=564&Itemid=2

  • Yahoo! รู้รอบ: เรื่องน้ำตาลเทียม? //th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20080113072406AAyStKS

  • //www.tpa.or.th/writer/read_this_book_topic.php?passTo=87db919dee5c32048d0653ef362e7733&pageid=72
    &bookID=1038&read=true&count=true


ที่มา : เว็บเมนูลดน้ำหนักค่ะ





Create Date : 15 ธันวาคม 2552
Last Update : 15 ธันวาคม 2552 17:10:49 น. 1 comments
Counter : 694 Pageviews.

 
ขอให้สุขสดใสในปีใหม่

คิดสิ่งใดสมประสงค์จำนงหมาย

สุขภาพดีทั้งใจกาย

อย่าได้คลายรักสามัคคี


โดย: Elbereth วันที่: 6 มกราคม 2553 เวลา:15:11:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

FITGIRL
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]









Day & Night [HQ]


ภาพประทับใจ


(ภาพเคลื่อนไหวโดย:ไอทีแมน)



Friends' blogs
[Add FITGIRL's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.