กระจ๊องง๊อง ๆ เจ้าข้าเอ๊ย ! "จูจุ่น" หรือ "ขนมฝักบัว" ร้อน ๆ มาแล้วเจ้าค่า






กระจ๊องง๊องเจ้าข้าเอ๊ย ! จูจุ่น หรือ ขนมฝักบัว ร้อนมาแล้วเจ้าค่า



ขนมฝักบัว ขนมโบราณที่หาทานได้ยากยิ่งนักในยุคปัจจุบัน
ภาคใต้เรียกขนมชนิดนี้ว่า จูจุ่น ส่วนเด็ก ๆ มักจะเรียกว่า ดือจุ่น หรือ สะดือจุ่น
ด้วยลักษณะของขนมที่่พองตรงกลางเหมือนสะดือจุ่นนี่เองเจ้าค่ะ
จะมัวชักช้าเสียเวลาอยู่ไยเล่า ฟินขอเชิญทุกท่านชมขั้นตอนการทำ ขนมฝักบัว ณ บัดนี้

..... เตร๊ง เตรง เตร่ง เตร๊ง เตรง เตร่ง เตร๊ง เตรง เตร่ง
เตร่ง เตร๊ง เตร่ง เตรง เตรง เตรง …..

เอ่อ ! จะลิเกไปไหนเนี่ย ? (-_-")




ส่วนผสมต่าง ๆ มีดังนี้

1. แป้งข้าวเจ้า 3 ถ้วยตวง
2. แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วยตวง




3. น้ำตาลปี๊บ หรือ น้ำตาลมะพร้าว 1 กำมือ




4. กล้วยหอมสุกกลาง 1 ผล




5. ใบเตย 1 กำ




6. น้ำมันพืช




หั่นส่วนแข็ง ๆ ของ ใบเตย ออก




ล้างใบเตย ทีละใบให้สะอาด




หั่นใบเตย เป็นท่อนเล็ก ๆ




นอกจากตัวฟินเองได้เรียนรู้การทำ ขนมฝักบัว นี้แล้ว
หลานสาวคนเก่งของฟินคอยเป็นลูกมือช่วยแม่ฟินในการทำ ขนมฝักบัว
และเป็นการสืบสานสูตรการทำ ขนมโบราณ แบบนี้ให้คงอยู่ตลอดไป




ใส่ ใบเตย ลงใน เครื่องปั่น 3 กำมือ
ตามด้วย น้ำเปล่า ครึ่งหนึ่งของ เครื่องปั่น
แล้ว ปั่น ปั่น ปั่น และ ปั่นใบเตยให้ละเอียด




กรองน้ำใบเตย แยกกากทิ้งสัก 1-2 ครั้ง




ก็จะได้ น้ำใบเตยหอม สีเขียวแบบนี้




ขูดเนื้อกล้วยหอม แยกไส้ตรงกลางออก แล้ว บด ๆ บี้ ๆ พอละเอียด




ตักแป้งข้าวเจ้า 3 ถ้วยตวง และ แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วยตวง ลงในกะละมัง




ใส่ กล้วยหอมบด




ทะยอยเติม น้ำอุ่น ทีละน้อย ๆ (เฉพาะสูตรธรรมดาที่ไม่ใส่น้ำใบเตย)



แต่ถ้าต้องการกลิ่นและรสชาติของใบเตย


ค่อย ๆ ใส่ น้ำใบเตย ที่กรองเตรียมไว้แล้ว แทน น้ำอุ่น นวดให้เข้ากัน




ปกติแล้วของการทำ ขนมไทย ส่วนมากจะไม่พ้น การนวดแป้ง เพื่อให้ขนมนุ่มและเหนียว
ขนมฝักบัว ก็เช่นเดียวกัน ผสมแป้งทั้ง 2 ชนิด กล้วยบด น้ำอุ่น หรือ น้ำใบเตย มาผสมกัน
แล้วค่อย ๆ ทะยอยใส่น้ำอุ่นทีละน้อย ๆ นวดจนได้ที่ตามรูป




สูตรใบเตย ก็นวดแป้งเหมือน สูตรธรรมดา เช่นเดียวกันค่ะ




จก น้ำตาลปี๊บ หรือ น้ำตาลมะพร้าว ประมาณ 1 กำมือ
นวดกับแป้งให้ละเอียดจนส่วนผสมทั้งหมดหลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกัน




นวดจนกระทั่ง เนื้อแป้งนวดผสมจนเหลวได้ที่คล้าย ๆ นมข้นหวาน
ลองทดสอบเนื้อแป้งด้วยการ หยดลงกะละมัง จะมีลักษณะแบบนี้ เป็นอันใช้ได้ค่ะ




พักแป้ง ทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที - 1 ชั่วโมง




ตั้ง กระทะก้นมนขนาดเล็ก บนเตา ใช้ไฟอ่อน ๆ
พอกระทะร้อน ใส่ น้ำมัน ประมาณครึ่งกระทะ




แป้งที่หมักทิ้งไว้ หากมีฟองอากาศให้ ไล่ฟองอากาศออก
ด้วยการใช้ กระบวย หรือ ทัพพี กวนเนื้อแป้งให้กลายเป็นเนื้อเดียวกันอีกครั้ง



ลองหยอดเนื้อแป้งด้วยการ หยดเนื้อแป้งลงกะละมัง อีกครั้ง


ให้มีลักษณะแบบนี้เป็นอันใช้ได้ค่ะ




ตักแป้ง 1 กระบวย ใช้ ตะเกียบ หรือ ไม้แหลม ๆ ปาดเนื้อแป้งตรงก้นกระบวยออก
ป้องกันเนื้อแป้งส่วนก้นหยดลงในกระทะ




ควรใช้ น้ำมันหมู จะหอมดีกว่า น้ำมันพืช และต้อง หมั่นเติมน้ำมัน
หากน้ำมันน้อยไปจะทอดได้ไม่เหมือนฝักบัว และถ้าน้ำมันร้อนเกินไปก็จะทำให้ขนมไม่โป่งฟูค่ะ
ตักแป้งหยอดลงตรงกลางกระทะให้เป็นแผ่นกลม ๆ




สังเกตุที่ เนื้อแป้งจะค่อย ๆ พองตัวจากขอบด้านนอกเข้าสู่ด้านในจนปิดสนิท
ถ้าเนื้อแป้งพองตัวไม่เท่ากัน ให้ใ้ช้ ส้อม หรือ ตะเกียบ เขี่ย ๆ กระจายเนื้อแป้งให้สมดุลกัน




รอให้ เนื้อแป้งสุกลอยขึ้นมา พอขอบเหลือง พลิกขนมกลับพอเกรียมตัว




ขนมฝักบัวควรเป็น แผ่นกลม ขอบหยักเล็ก ๆ อย่างสม่ำเสมอกันโดยรอบ
ส่วนกลางขนมโป่ง พอง นูน ควรวิดน้ำมันเพื่อให้ขนมสุกอย่างทั่วถึง




เมื่อเหลืองได้ที่แล้วใช้ ส้อม หรือ ตะเกียบ เขี่ยขนมฝักบัวขึ้น
พักไว้ในตะแกรง รอสะเด็ดน้ำมัน




ปิ๊งป่อง ! ขนมฝักบัวร้อน ๆ เสร็จแล้วจ้า ยิ่งทานร้อน ๆ ยิ่งอร่อย
ที่สำคัญต้อง ไม่อมน้ำมัน จะทำให้ไม่เลี่ยนมากเกินไป




ก้นขนม นูนอย่างสม่ำเสมอ




เมื่อฉีกขนมจะเห็น แป้งข้างในเป็นโพรง จากก้นมาถึงด้านหน้า
มีลักษณะเช่นเดียวกับฝักบัวจริง ๆ




ส่วนขอบแป้งกรอบ ตรงกลางนุ่ม รสหวาน หอม




ถ้าตอนเด็ก ๆ ฟินจะเรียกว่า ขนมสะดือจุ่น ยกจานเลยค่า 555+
มาหม่ำ ๆ คนละชิ้น 2 ชิ้นด้วยกันนะคะ





ซูม ๆ เน้น ๆ ถึงเนื้อแป้ง ดู ๆ ไปก็คล้าย ๆ ขนม Dorayaki ของ Doraemon เหมือนกันเนอะ




ขนมฝักบัว มีหลายสูตรด้วยกัน แต่ละสูตรพยายามปรับปรุงเพื่อให้ได้ขนมที่ดีที่สุด ตามมยุคสมัย
ลองศึกษา เปรียบเทียบ ทดลองทำด้วยตนเอง แล้วเลือกสูตรที่ชอบดูนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามกันมาโดยตลอด
คราวหน้าถ้าแม่ฟินทำขนมอื่น ๆ เพิ่มเติม แล้วจะนำมาแบ่งปันให้ชมอีกนะคะ บะบายค่า






 

Create Date : 12 ธันวาคม 2553
9 comments
Last Update : 10 กรกฎาคม 2554 11:01:41 น.
Counter : 39924 Pageviews.

 

ชอบทานมากเลยค่ะ เมื่อก่อนตอนเลิกเรียนจะซื้อกินประจำ เด๋วนี้หายากแล้ว

 

โดย: army_wifey 12 ธันวาคม 2553 19:43:31 น.  

 

น่าทานมากค่ะ ของดีที่ควรอนุรักษ์

 

โดย: ฑีรฒ 13 ธันวาคม 2553 8:06:35 น.  

 

ชอบจังเลย ขอบคุณที่แบ่งปันสูตรนะคะ
ซื้อเค้ากินอยู่ซะนาน คิดว่าทำยากแน่ เดี๋ยวจะลองทำมั่งเจ้าค่า

 

โดย: Ab Psy ReinDEAR++ 13 ธันวาคม 2553 8:17:19 น.  

 

เพิ่งเคยได้เห็นว่าเค้าทำกันยังไง

 

โดย: สุดปลายฟ้าสีฟ้า 13 ธันวาคม 2553 8:49:55 น.  

 

แหม๋มม แค่เห็นสีเขียวๆ ของน้ำใบเตยก็พาเอาใจละลายแล้วคะ
เก่งจังเลยคะ ชอบน๊ะ เวลามีคนมาโพสขนมไทย ๆ หาคนทำน้อยจัง
สมัยก่อนขนมฝักบัวไม่มีสีเขียวแบบนี้ ของดั้งเดิมสีขาวโลดนะคะ
เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย ต้องปรับเปลี่ยนกันไปบ้าง ไม่งั้นเซงเป็ดคะ
สำหรับพี่บี๊กับขนมฝักบัว กินแต่แป้งกรอบรอบนอก แป้งวงในทิ้งไปคะ
มันเป็นขนมไทยที่อร่อย แต่เรื่องความมัน มันยิ่งกว่ากล้วยทอดนะคะ
อร่อยแต่ไม่กล้าทานเยอะ กลัวคลอเรสฯ พุ่งกระฉูดเพราะเป็นของทอดไงคะ

 

โดย: บ่งบ๊ง 13 ธันวาคม 2553 10:56:14 น.  

 

เจ๊หลีว่า

คงจะยากตอนทอดนี่แหละใช่ไม๊คะ

ว่าแต่ขนมโบราณแบบนี้ นับวันจะสูญหายอนุรักษ์กันไว้ก็ดีค่ะ

 

โดย: กิน ๆ เที่ยว ๆ 13 ธันวาคม 2553 20:46:31 น.  

 

เป็นขนมที่ชอบทานมาก ๆ ค่ะ แต่จำได้ว่า
หาซื้อได้ยากเหมือนกันเลยค่ะ แต่หม่อนเรียกเป็นขนมไข่ดาวนะคะ

 

โดย: ซามอ 14 ธันวาคม 2553 4:23:42 น.  

 

 

โดย: eMama 16 พฤศจิกายน 2554 0:18:55 น.  

 

ขออนุญาตแชร์นะคะ ขอบคุณมากค่ะ

 

โดย: น้าแหม่ม พังงา (Pa~Mam@Andaman ) 2 มีนาคม 2555 11:33:47 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Finyah Finderella
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






count website hit




Group Blog
 
 
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
12 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Finyah Finderella's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.