Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
9 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
ประวัติโรงภาพยนตร์ลิโด้



เครือเอเพ็กซ์

จุดก่อกำเนิดของโรงภาพยนตร์ ที่ สยามสแควร์ เนื่องจากคุณพิสิฐ ตันสัจจา โชว์แมนคนสำคัญของเมืองไทย ในขณะนั้นหลังจากที่ประสบผลสำเร็จอย่างมากในการทำโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย จากที่เคยเป็นโรงละครมาเป็นโรงภาพยนตร์ ศาลาเฉลิมไทย ที่ทำรายได้มากมาย เป็นผู้ริเริ่มคนแรก ในการนำเข้าระบบการฉายภาพยนตร์ในแบบต่าง ๆ เช่น
- ระบบสามมิติ - ระบบ ทอคค์ - เอ โอ
- ซีเนมาสโคป - ซีเนรามา (เลนส์เดียว)
- 70 ม.ม. - ซีเนรามา ฉายพร้อมกัน 3 เลนส์

จากความสามารถที่ปรากฏให้เห็นในด้านธุรกิจบันเทิงของคุณพิสิฐ ตันสัจจา จึงทำให้ได้รับการติดต่อจากคุณกอบชัย ซอโสตถิกุล เจ้าของบริษัท เซาท์ อีสเอเซีย ก่อสร้าง จำกัด ซึ่งเป็นผู้เช่าที่ดินบริเวณนี้มาปรับปรุงให้กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยบริษัท เซาท์ อีสเอเซีย ก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ออกแบบ และก่อสร้างอาคารต่าง ๆ บนที่ดินผืนนี้

คุณพิสิฐ ตันสัจจา มาร่วมด้วยโดยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างโรงภาพยนตร์ทั้งสามโรง เดิมแต่แรกตอนเริ่มต้นก่อสร้างใหม่ ๆ บริเวณนี้เป็นที่อยู่อาศัยจำนวนมาก ยังไม่มีร้านค้าใดเลย สมัยที่โรงภาพยนตร์โรงแรกเสร็จ ยังต้องส่งปิ่นโตให้กับพนักงานทาน เพราะแถวนี้ไม่มีร้านอาหารเลย จะต้องไปไกลถึงสามย่าน ซึ่งสมัยนั้นกว่าจะถึงสามย่าน ก็ต้องใช้เวลานานมากมีรถเมล์น้อยสาย ไม่ทันที่จะกลับมาทำงาน ตามรอบได้ทันเวลา แสงสว่างรอบ ๆ โรงภาพยนตร์ จะต้องใช้ไฟของโรงภาพยนตร์ ต่อไปใช้ตามที่จอดรถ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้มาชมภาพยนตร์รอบค่ำ และสมัยนั้นค่าชมภาพยนตร์ราคาตั้งแต่ 10 บาท 15 บาท สูงสุด 30 บาท โรงภาพยนตร์สยาม 800 ที่นั่ง เปิดฉายเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2509 ด้วยเรื่อง "รถถังประจัญบาน" (BATTLE OF THE BULGE) ของบริษัทภาพยนตร์ วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ นำแสดงโดย เฮนรี่ ฟอนด้า, โรเบิร์ต ชอว์ และเป็น โรงภาพยนตร์ที่ทันสมัยที่สุด มีบันได้เลื่อนขึ้นลง เป็นแห่งแรก

ต่อมาวันที่ 27 มิถุนายน 2511 เปิดโรงภาพยนตร์ลิโด ที่นั่ง 1,000 ที่ ด้วย ภาพยนตร์เรื่อง "ศึกเซบาเตียน" (GAMES FOR SAN SEBASTIAN) ของ บริษัท เมโทร โควิลด์ฯจำกัด นำแสดงโดย แอนโธนี่ ควินส์ ฯลฯ และต่อมา วันที่ 31 ธันวาคม 2512 เปิดโรงภาพยนต์ สกาลา จำนวนที่นั่ง 1,000 ที่ ด้วย ภาพยนตร์เรื่อง "สองสิงห์ตะลุยศึก" นำแสดงโดยจอห์น เวนย์, ร็อค ฮัดสัน และ ไท ฮาดีน ฯลฯ เป็นโรงภาพยนตร์ซีเนรามาที่สมบูรณ์ขั้น มาตรฐานโลก แห่งที่ 3 ณ บริเวณศูนย์การค้าแห่งนี้

โรงภาพยนตร์ "สยาม" เดิมทีเดียว ตั้งใจจะใช้ชื่อว่าโรงภาพยนตร์ "จุฬา" แต่มีผู้ใหญ่คัดค้านเข้าใจว่าจะเป็น
ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ บอกว่าเป็นชื่อของ พระมหากษัตริย์ และเป็นชื่อของมหาวิทยาลัย ไม่สมควรจะใช้ชื่อเดียวกัน จึงเปลี่ยนเป็น "สยาม"

โรงภาพยนตร์ทั้ง 3 โรงนี้ เป็นผู้นำในการจัดฉายภาพยนตร์เพื่อการกุศล โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น รายได้ ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ โดยทูลเชิญเสด็จล้นเกล้าทั้งสองพระองค์ เสด็จพระราชดำเนินรอบปฐมทัศน์อาทิ เช่น เรื่อง "OLIVER" และเรื่อง "HELLO DOLLY" และ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีเสด็จรอบปฐมทัศน์ รายได้สมทบทุน "ประชาธิปก" ภาพยนตร์เรื่อง "LOST HORIZON" ฯลฯ

การโฆษณาให้คนรู้จักโรงภาพยนตร์ทั้ง 3 มากขึ้น ทางผู้บริหารโรงภาพยนตร์ ได้จัดพิมพ์หนังสือ ซึ่งเรียกว่า "สูจิบัตร" ข่าวภาพยนตร์ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2513 เรียกตุลาบันเทิง เพราะในสมัยนั้น จัดว่าเป็นโรงภาพยนตร์ที่โก้ที่สุดในเมืองไทย สูจิบัตรนี้แจกฟรีกับผู้ที่มาดูภาพยนตร์จะมีข้อมูลทุกอย่าง ออกเป็นรายเดือน เล่มใหญ่ มีเนื้อหาสาระมาก เกี่ยวกับภาพยนตร์ และคำว่า "สยามสแควร์" ที่เป็นที่รู้จักกันมาจนทุกวันนี้ มาจากคุณพอใจ ชัยเวฬ เขียนคอลัมน์ ซุบซิบเกี่ยวกับคนบันเทิง และผู้ที่มีชื่อเสียง รู้จักมักคุ้น เขียนเป็นคอลัมน์ "สยามสแควร์" ในหนังสือสูจิบัตร ข่าวภาพยนตร์นี้เอง โดยจะมีผู้มีเกียรติเขียนลงในหนังสือเล่มนี้ อาทิเช่น สันตศิริ หรือครูสงบ สวนสิริ, ประมูล อุณหธูป,วิลาศ มณีวัตร, บัวบาน , สุจิตต์ วงษ์เทศ สายัณห์ แห่ง เดลินิวส์, ขรรค์ชัย บุนปาน, เวทย์ บูรณะ, ประจวบ ทองอุไร ฯลฯ

จากหนังสือแจกฟรี ก็มีจดหมายติชม ขอบคุณ ที่ทางผู้บริหารโรงภาพยนตร์ได้มอบสิ่งดี ๆ ตอบแทนให้กับผู้มาใช้บริการโรงภาพยนตร์ และจากวันนั้นจนถึงวันนี้ สยามสแควร์ ก็ยังคงเป็นความทันสมัย เป็นสีสรรบันเทิงของคนกรุงเทพฯ เป็นสถานที่สำหรับวัยรุ่นพบปะกัน เป็นแหล่งซื้อหาเสื้อผ้าที่นำสมัย อยู่ตลอดระยะเวลา 36 ปี ทุกอย่างยังคงดำเนินไป และคงเอกลักษณ์ของตัวเอง ไม่เหมือนกับแห่งอื่น คือเป็นผู้นำตลอดมา โดยความร่วมมือ ร่วมกันของชาวสยามสแควร์ และรวมถึงการสนับสนุนจากทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วย

ทุกอย่างมีผู้บริหารคิดทำขึ้น ก็เพื่อต้องการให้ผู้รับบริการของเราได้ในสิ่งที่ดี ไม่ถูกการเอาเปรียบ แม้แต่การเลือกภาพยนตร์ในสมัยก่อน จะต้องศึกษาอย่างจริงจัง และล่วงหน้าว่าบริษัทฯไหนมีภาพยนตร์ที่ดี, ใหญ่ ก็จะเซ็นสัญญาล่วงหน้ากันไว้ การที่มีโรงภาพยนตร์หลายโรงก็เพื่อต้องการให้มีความหลากหลาย ไม่เหมือนการจัดหนังในปัจจุบันนี้ทุกโรงฉายเหมือนกันหมด

ศูนย์การค้าแต่ละแห่งที่ผ่าน ๆ มา ก็จะหยุดหายกันไป ไม่มีใครอยู่ได้นาน เท่ากับสยามสแควร์ แห่งนี้ มองจาก โรงภาพยนตร์ทั้ง 3 โรงดังกล่าวข้าง ต้นนั้นแล้ว จะเห็นความสวยงามกันคนละแบบ เป็นโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่
มีความงามในตัวของเขาเอง แม้ 36 ปีล่วงมาแล้ว โรงภาพยนตร์สกาลายังคงความสวยงามในด้านสถาปัตยกรรม ผสมผสาน ระหว่างตะวันตก และตะวันออก และยังคงเป็นที่กล่าวถึงมาจนทุกวันนี้ ซึ่งผู้บริหารโรงภาพยนตร์มีความภาคภูมิใจมาก แม้มีโรงภาพยนตร์ขึ้นมาอีกมากมาย ก็ไม่สามารถสร้างได้


ใหญ่ และสวยเท่า ยิ่งไปกว่านั้นการ ดำเนินงานปรับปรุง และเสริมสิ่งใหม่ ๆ ให้กับโรงภาพยนตร์ทั้ง 3 โรง ในสยามสแควร์นี้ก็เป็นไปอย่างไม่หยุดนิ่ง ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศหน้าโรงให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของถนนพระราม 1 การติดตั้ง"DOLBY DIGITAL" ที่ได้ติดตั้งก่อนผู้อื่นตามด้วยระบบ SRD DTS SDDS รวมทั้ง SURROUND ที่ติดตั้งก่อนผู้อื่นเช่นกัน และล่าสุดติดตั้ง "OZONE" ให้อากาศสดชื่นบริสุทธิ์ เพื่อความสุขอีกระดับของผู้ชม สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้ โรงภาพยนตร์ทั้ง 3 โรงในสยามสแควร์ ยังคงตรองใจในการให้ความสุขครบถ้วน แก่ผู้ชมภาพยนตร์ทุกท่าน

โรงภาพยนตร์ทั้ง 3 แห่ง นอกจากจะเป็นผู้นำระบบต่าง ๆ แล้วยังมีความเป็นผู้นำในการทำร้านเล็ก ๆ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ที่มีทุนน้อยเริ่มทำงานใหม่ เริ่มต้นจากการเช่าร้านเล็ก ๆ จากใต้ถุนโรงภาพยนตร์ของเรา ต่อมาเขาสามารถ เป็นผู้ส่งออกได้ หรือทำเป็นร้านขายส่งได้ หลายคนที่ประสพความสำเร็จจากการริเริ่มของเรา และต่อมาได้มีคนมาเอาอย่างของเราไปทำกันมากมาย ในศูนย์การค้าอื่น


Create Date : 09 ธันวาคม 2550
Last Update : 9 ธันวาคม 2550 4:12:47 น. 0 comments
Counter : 6938 Pageviews.

land_scape_man
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add land_scape_man's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.