เสพภาพยนตร์เป็นจานหลัก พักสายตาฟังเจป๊อบเป็นจานรอง ให้อาหารสมองด้วยโดระมะ แปลเนื้อเพลงญี่ปุ่นเป็นงานอดิเรก
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2548
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
1 สิงหาคม 2548
 
All Blogs
 

ปี 2547 กับหนังสิบเรื่องในดวงใจ

นี่ไม่ใช่คอลัมน์ TEN ในนิตยสารชื่อดังเล่มหนึ่ง แต่เป็นเรื่องที่ผมได้ลองคิดไว้เมื่อต้นปีนี้ว่า อยากจะรวมหนังที่ชอบที่สุดในปีที่แล้วมาสิบเรื่อง แต่ก็ไม่มีโอกาสได้กล่าวถึง ตอนนี้เห็นว่าน่าจะมีโอกาสที่ได้เขียนถึงซักที (ก็เพราะเพิ่งมีบล็อกใช่ป่ะ)

ต้องบอกก่อนว่า หนังที่เขียน อาจไม่ใช่หนังที่ฉายครั้งแรกในปี 47 แต่เป็นหนังที่ฉายโรงในประเทศในปีนี้ หรือเป็นหนังที่อาจจะยังไม่ได้ฉายในปีนี้ แต่บังเอิญได้ชมก่อน ซึ่งบางเรื่องฉายในปี 48 บางเรื่องก็เป็นหนังก่อนหน้าปี 47 ซึ่งไม่ได้ฉายในประเทศไทยแต่จะเลือกที่อายุยังไม่มาก

Eternal Sunshine of the Spotless Mind
ไม่น่าเชื่อว่า หนังเรื่องนี้จะได้รับรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม ซึ่งถือว่าเป็นม้ามืดสำหรับปีนี้ โดยส่วนตัวชอบหนังที่เขียนบทโดย ชาร์ลี คอฟแมนอยู่แล้ว หนังเรื่องนี้เข้าถึงประเด็นของการตั้งคำถามของหนังที่ว่า เมื่อคุณสามารถลบความทรงจำที่เลวร้ายของคุณได้ คุณจะเลือกที่จะลบมันไหม ในเมื่อความทรงจำที่เลวร้ายของคุณนั้นมันเป็นผลมาจากเหตุการณ์ที่คุณรู้สึกดี ๆ โดยเฉพาะเรื่องของความรัก หนังมีบทภาพยนตร์ที่ดูเก๋ไก๋ และยังเลือกที่จะไม่เล่าตามลำดับเหตุการณ์ของเรื่อง และให้แง่คิดในเรื่องของความรักได้อย่างน่าสนใจ


สัตว์ประหลาด
หนังของผกก.เจ้ย ที่ไปคว้ารางวัลในสายประกวดหลักของคานส์ได้เป็นคนแรกของไทย แต่ในเมืองไทยกลับให้ความสำคัญของหนังเรื่องนี้น้อยมาก แต่มันกลับทำให้หนังสามารถเลือกกลุ่มคนดูหนังได้อย่างชัดเจน เพราะหนังไม่เป็นหนังสำหรับคนดูทุกคน มันท้าทายสำหรับนักดูหนังในประเทศ เพราะเป็นหนังที่มีฟอร์มไปในทางศิลปะที่ชัดเจน หนังถูกแบ่งเป็นสองส่วน คือครึ่งแรกใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบ narrative form และครึ่งหลังเป็น non-narrative form ซึ่งการเลือกที่จะทำในแบบหลัง คนดูหลายคนมักจะต้องการหาคำตอบของหนัง ที่จะโยงเหตุการณ์ และสารที่ผกก.ต้องการจะสื่อ แต่ก็คงต้องปวดหัวไปตาม ๆ กัน สำหรับผม เลือกที่จะซึมซับอารมณ์ที่ได้จากภาพ และคิดให้น้อยลง เพื่ออิ่มเอมกับอารมณ์ของตัวหนัง ส่วนตัวชอบกับการนำเสนอเรื่องราว และอารมณ์ของหนังที่ถ่ายทอดออกมา


Old Boy
หนังเกาหลีเรื่องแรกที่ได้รางวัลในสายประกวดในเทศกาลหนังที่คานส์ได้พร้อมกับเรา หนังได้ชอยมินซิกมารับบทนำที่ดูสมบทบาทมากที่สุด หนังเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อเดียวกัน และยังได้ผกก.อย่าง พักชานวูค ผกก.สุดเซอร์ของเกาหลี การนำเสนอของหนังน่าสนใจตรงที่ ใช้ภาพที่ดูรุนแรงโหดร้าย แต่กลับนำเสนอด้วยภาพที่ตัดฉับไว และดูสนุก เรื่องราวของการแก้แค้นของชายคนหนึ่ง ที่ถูกขังในคุกเป็นเวลา 15 ปี โดยไม่รู้ว่า เหตุใดตนจึงต้องทนทุกข์อยู่ในคุกนานขนาดนั้น เมื่อตนออกมา จึงต้องตามหาเหตุผลที่แท้จริงและตามล้างแค้นคนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาอยู่ในคุก หนังมีบทภาพยนตร์ที่ซับซ้อน และหักมุม


Nobody Knows
หนังเรื่องนี้ได้ผกก.อย่าง ฮิโรคาซุ โคริเอดะ(After Life, Maborosi) ที่ทำหนังประเภท Semi-Documentary ได้อย่างน่าสนใจ หนังเรื่องนี้ดัดแปลงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของเด็กสี่คนที่ต้องถูกทอดทิ้งให้อยู่ในอพาร์ตเม้นท์แห่งหนึ่ง พวกเขาต้องอาศัยอยู่อย่างลำพังโดยไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแล หนังถ่ายทอดเรื่องราวแบบเหมือนจริง โดยไม่มีบทสนทนาที่ดูเหมือนละคร และการแสดงของนักแสดงนำอย่าง อากิระ ยูยะ ที่สามารถส่งให้เขาได้เป็นนักแสดงเด็กที่ได้รับรางวัลนักแสดงนำฝ่ายชายจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในปีนี้

ทวิภพ
หนังเรื่องนี้ที่ชอบจริง ๆ ก็ด้วยเหตุผลของการที่หนังกล้าที่จะนำเสนอในรูปแบบที่แปลกไปจากหนังที่ลงทุนสูง และประเด็นที่ใช้ในหนังในเรื่องของการเสียดินแดนในรัชสมัยรศ.112 นั้นใช้การถ่ายทอดโดยผ่านเรื่องราวของบทประพันธ์อมตะของทมยันตี หนังยังเปลี่ยนเรื่องของบทประพันธ์ที่นำเสนอเรื่องราวจากในรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 ไปเป็นรัชกาลที่ 4 และมีประเด็นอีกหลาย ๆ ประเด็นที่สอดแทรกเข้าไป แต่ทว่า หนังกลับไม่ประสบความสำเร็จทางด้านรายรับเท่าที่ควร และในแง่ของรางวัลที่หนังได้ ก็ไม่ได้รับมาสักเท่าไหร่ แต่หนังก็เป็นที่พูดถึงในแง่ของการถ่ายทอดในแง่ของการแสดงออกถึงความเป็นชาติไทย และยังได้รับเกียรติ์เป็นตัวแทนของหนังไทยไปในการฉายหนังไทยในต่างประเทศหลายครั้ง


Swallowtail Butterfly
ปีนี้จริง ๆ ได้ดูหนังของชุนจิ อิวาอิ อยู่สองเรื่อง คือ All About Lilly Chou Chou และเรื่องนี้ แต่ที่ตัดสินใจเลือกเรื่องนี้ อาจไม่ใช่เพราะ Lilly Chou Chou เป็นหนังไม่ดี หรือไม่ชอบ แต่เป็นเพราะจะรวบยอดเป็นปี 48 เพราะได้เข้าฉายในบ้านเราในปีนี้ ซึ่ง Swallowtail Butterfly นั้นเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่อิวาอิไม่ได้เลือกที่จะเล่าเรื่องของวัยรุ่นโดยตรง แต่เป็นการถ่ายทอดปัญหาต่าง ๆ ของญี่ปุ่น ทั้งเรื่องของเงินตราที่มามีอำนาจเหนือสิ่งอื่น และการถ่ายทอดเรื่องราวที่มาจากจินตนาการนั้น ก็ทำได้อย่างน่าสนใจ อีกทั้งยังไม่ลืมที่จะสำรวจจิตใจเด็กสาวคนหนึ่งที่เธอต้องสูญเสียแม่ และออกมาเผชิญโลกอันโหดร้ายคนเดียว หนังยังมีแง่มุมของมิตรภาพ และความสัมพันธ์อันบริสุทธิ์ของผู้คนที่ต้องดิ้นรนต่อสู้กับสังคมที่โหดร้าย


Since Otar Left
หนังจากฝรั่งเศสเรื่องนี้ถูกใจผมยิ่งนัก เหตุผลเพราะบทนั้นโดนมาก ๆ เรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวหนึ่งที่รอคอยการกลับมาของออตต้า ซึ่งเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้านที่มีหญิงสามคน สามรุ่น คือ คุณยาย คุณแม่ และคุณลูก คุณยายมีความหวังที่จะรอออตต้ากลับมาบ้าน ทั้งที่แม่และลูกได้รับข่าวแล้วว่า ออตต้าเสียชีวิต และปิดบัง หนังนำเสนอเรื่องราวของหญิงสามวัยได้อย่างลงตัว


โหมโรง
ผมเชื่อว่าหนังเรื่องนี้ มีคนชอบมากกว่าคนไม่ชอบ หนังสร้างจากชีวประวัติของท่านครูหลวงประดิษฐ์ไพเราะ ครูระนาดที่ต่อสู้มาตลอดทั้งชีวิตกับดนตรีไทย หนังได้รับการตอบรับจากคนดูในระยะแรกไม่ค่อยดี จนกระทั่งกระแสอินเตอร์เน็ตทำให้หนังที่กำลังจะถูกถอดรอบออกไป กลับมามีคนดูเพิ่มขึ้นจนแน่นโรง อีกทั้งยังได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งนักวิจารณ์และประชาชนทั่วไป หนังสะท้อนแง่มุมของสังคมไทย และการวิจารณ์สังคมไทยในปัจจุบันได้อย่างดี


Good Bye, Lennin!!!
หนังเยอรมันเรื่องนี้นำเอาประเด็นความเจ็บปวดหลังสงครามโลกครั้งที่สองของเยอรมันที่เป็นประเทศแพ้สงครามได้เป็นอย่างดี ความเจ็บปวดที่เบอร์ลินเมืองหลวงของประเทศต้องถูกแบ่งโดยกำแพงเบอร์ลินซึ่งไม่ได้แยกกันเฉพาะอาณาเขตเท่านั้น แต่มันยังแบ่งลัทธิทางการเมืองอีกด้วย ในฝั่งตอ.ที่ประเทศเป็นลัทธิสังคมนิยม ที่ประชาชนคนหนึ่งอย่างคาร่าลุกขึ้นมาจากความเจ็บปวด เพื่อทำงานเป็นผู้นำชุมชนที่หัวเอนซ้ายไปทางสังคมนิยม แต่ทว่าวันหนึ่งที่เธอป่วยถึงขั้นโคม่า ในระหว่างที่เธอนอนอยู่ เหตุการณ์ต่าง ๆ ในเบอร์ลินก็เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการที่กำแพงเบอร์ลินทลายแล้ว เมื่อเธอตื่นขึ้น ลูก ๆ ของเธอถูกหมอกำชับนักว่าอย่าให้เธอต้องสะเทือนใจ ทำให้อเล็ซต้องคอยสร้างโลกลัทธิสังคมนิยมให้กับแม่ของเขา ทั้งที่โลกภายนอกรับความคิดและความเจริญจากฝั่งตต.แล้ว หนังเรื่องนี้ยังสอดแทรกแง่มุมและเสียดสีสังคมเยอรมันได้เป็นอย่างดี


House of Flying Daggers
หนังของจางอี้โหมวเรื่องนี้ต่างไปจากเรื่องอื่น ๆ ของเขาตรงที่หนังของเขาครั้งนี้ บทภาพยนตร์มีความสำคัญน้อยลง แต่ให้ความสำคัญกับฉากอลังการมากขึ้นและก็ไม่ลืมที่จะใช้บทนั้นให้เป็นประโยชน์กับฉากต่าง ๆ อีกเช่นกัน ซึ่งในครั้งนี้ หนังทำออกมาได้ดีทั้งในแง่ของความสนุก และฉากที่ดูยิ่งใหญ่ บอกได้คำเดียวว่า ใครไม่ได้ดูเรื่องนี้ในโรงต้องเสียดายเอามาก ๆ เพราะภาพนั้นได้ผลที่สุดในโรงจริง ๆ และหนังยังได้นักแสดงดังจากฮ่องกงสองคน หลิวเต๋อหัว กับทาเคชิ ทาเนชิโร่ และได้สาวสุตฮอตของจีนอย่างจางจื่อยี่มาร่ายรำกระบวนเพลงดาบและเพลงรำได้อย่างวิจิตร ทำให้หนังเรื่องนี้ผมต้องยกนิ้วให้ว่า ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในปีนี้




 

Create Date : 01 สิงหาคม 2548
4 comments
Last Update : 3 สิงหาคม 2548 20:59:02 น.
Counter : 2023 Pageviews.

 

มาอ่านนะคะ

เราชอบหลายเรื่องอยู่เหมือนกันนะ

สบายดีนะคะ?

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 6 สิงหาคม 2548 14:25:53 น.  

 

ผมกลับไม่ชอบทวิภพนะ

 

โดย: Noumy 25 สิงหาคม 2548 8:10:50 น.  

 

ได้มาแล้ว1500บาทเมื่อวานนี้เองจากเวบคนไทย
เลยมาบอกต่อ เขาส่งเช็คมาให้จิงๆด้วยนะ
ลองทำดูนะเพื่อนๆ
ถึงจะได้วันละไม่มาก แต่ก็ได้เงินมากินหนมก็ยังดีจิงมะ
ดีกว่าปล่อยเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ จิงป่ะ
สมัครได้ที่เวบนี้เลย
//www.thaiadpoint.com/tap6/html/landing.php?ref_id=269635

 

โดย: นัท IP: 202.29.82.21 20 กรกฎาคม 2550 12:28:27 น.  

 

สมัครงาน ตำแหน่งประชาสัมพันธ์ ทำงานผ่านอินเตอร์เน็ต
สมัครผ่านอีเมล์ง่าย ลงทุนน้อยที่สุด ทำงานได้ตลอด
ไม่ใช่งานขาย ไม่ใช่เครือmlm
แต่เป็นการโพสต์ข้อความโฆษณารับสมัครงานเข้าทำงานในบริษัท

สนใจขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ tip_thibikizung@yahoo.co.th

 

โดย: นัน IP: 202.29.82.21 20 กรกฎาคม 2550 12:30:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Filmism
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Friends' blogs
[Add Filmism's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.