เสพภาพยนตร์เป็นจานหลัก พักสายตาฟังเจป๊อบเป็นจานรอง ให้อาหารสมองด้วยโดระมะ แปลเนื้อเพลงญี่ปุ่นเป็นงานอดิเรก
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
20 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 

八日目の蟬(Youkame no semi, a.k.a. Rebirth) ดวงใจของผู้เป็นแม่ กับ 10 ตุ๊กตาทองญี่ปุ่นปี 2012

จริง ๆ ตั้งใจจะเขียนถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อประมาณช่วงพฤษภาคมปีที่แล้ว ตอนที่ดูหนังเรื่องนี้จบหมาด ๆ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้เขียนถึงสักที ส่วนตัวชอบหนังเรื่องนี้ประมาณหนึ่ง และก็เก็งไว้ว่าหนังน่าจะมีลุ้นเข้าชิงรางวัลสาขาการแสดงกะเขาบ้าง เนื่องจากเป็นหนังที่ออกฉายช่วงต้นปี จึงอดคิดไม่ได้ว่าอาจจะมีหนังที่จะโดดเด่นไปทางด้านสไตล์ งานกำกับ หรืองานด้านเทคนิคมาเข้าเป็นสีสันในช่วงประกาศรางวัลสักหน่อย แต่เมื่อผลรางวัลประกาศออกมาปรากฏว่าหนังเรื่องนี้กวาดรางวัลตุ๊กตาทองญี่ปุ่นปีล่าสุดไปถึง 10 สาขา ซึ่งก็บ่งบอกกับเราในระดับหนึ่งว่า ปีที่ผ่านมาไม่ค่อยมีหนังที่โดดเด่นออกมาให้เราดูสักเท่าไหร่นัก

จริง ๆ ถ้าจะบอกว่าไม่มีหนังโดดเด่นเลย ก็คงจะไม่ถูกนัก ปีที่แล้วผมเองก็เคยเขียนชื่นชมถึงหนังเรื่อง I wish (奇跡)ซึ่งกำลังเข้าฉายแบบจำกัดโรงที่ไทยในขณะนี้ และจริง ๆ แล้วก็ยังพอจะมีหนังไปเข้าฉายโชว์ในเทศกาลหนังระดับโลกอยู่บ้าง แต่ในส่วนรางวัลตุ๊กตาทองซึ่งเป็นรางวัลใหญ่ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นของประเทศไหนก็ตาม จะไม่ค่อยให้ความสนใจกับหนังอิสระสักเท่าไหร่ ซึ่งสำหรับญี่ปุ่นเองเท่าที่ส่วนตัวติดตามมาเหมือนกับว่า เขาจะสนใจกับหนังที่สร้างโดยสตูดิโอใหญ่เป็นหลัก และไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไรนักกับหนังอิสระที่แม้ว่าหนังจะออกฉายในกระแสหลัก และด้วยจำนวนโรงพอ ๆ กัน

ถึงแม้ว่าส่วนตัวอาจจะไม่ได้ยินดีมากนักที่หนังเรื่องนี้ได้ตุ๊กตาทองไปถึง 10 สาขา แต่ก็ไม่ใช่ว่าหนังมันจะไม่ดีเอาเสียเลย จริง ๆ ผมเองก็หนักไปทางชอบเอาเสียด้วยซ้ำ เพราะตัวเนื้อหาเองมันมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย แถมแคสติ้งในหนังก็ดูลงตัวเอามาก ๆ 

ภาพยนตร์เรื่อง 八日目の蟬 (Youkame no semi, a.k.a. Rebirth)ดัดแปลงจากบทประพันธ์ชื่อเรื่องเดียวกัน เขียนโดย คะคุดะ มิทซุโยะ นักประพันธ์ชื่อดังชาวญี่ปุ่น ผลงานที่คนไทยน่าจะพอคุ้นเคยบ้าง เห็นจะเป็นผลงานที่ถูกดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Presents〜合い鍵〜 นำแสดงโดย ฮิโรสุเอะ เรียวโกะ

เหตุการณ์ต่าง ๆ ใน Rebirth มีมูลเหตุจากคดีความที่ คิวาโกะ (นะงะสะกุ ฮิโตมิ) แอบไปลักพาตัวทารกเพศหญิงในขณะที่พ่อแม่เด็กเผลอใช้ช่วงเวลาที่เด็กกำลังหลับออกไปทำธุระอะไรบางอย่างด้านนอกเพียงชั่วครู่ ซึ่งแรงจูงใจของการลักพาตัวนั้นเนื่องมาจาก แท้จริงแล้วพ่อของเด็กกับคิวาโกะเคยมีสัมพันธ์กันแบบลับ ๆ และได้ขอร้องให้คิวาโกะทำแท้งลูกของเธอ เพื่อเขาจะได้ไปจัดการเลิกรากับภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายเสียก่อนที่เขาจะกลับมาหาเธอและมีลูกด้วยกันอีกครั้ง แต่แล้วภรรยาของเขากลับตั้งท้องมีลูกกับเขาขึ้นมา ส่วนเขาก็เลือกที่จะมีชีวิตครอบครัวแบบปกติกับภรรยาของเขา ซึ่งความเจ็บปวดที่ชายคนนั้นทำกับคิวาโกะไว้คือเธอไม่สามารถมีลูกได้อีกจากการทำแท้ง ด้วยแรงจูงใจบางอย่างทำให้เธอตัดสินใจลักพาตัวลูกสาวของเขาไป จนในที่สุดตำรวจก็สามารถตามตัวเธอมาดำเนินคดีได้ และเด็กก็ได้กลับไปหาพ่อแม่ที่แท้จริง

=========== บทความหลังจากนี้จะมีการเปิดเผยเรื่องบางส่วน ==========

ตัวหนังดำเนินเรื่องแกนกลางด้วยเหตุการณ์ในปัจจุบันของ เอรินะ (อิโนะอุเอะ มาโอะ) สาวอายุ 19 ปีเศษ ซึ่งในอดีตเธอคือเด็กทารกที่ถูกคิวาโกะลักพาตัวไปเลี้ยงดูนั่นเอง วันหนึ่งเธอมาพบกับ อันโด (โคอิเคะ เอโกะ) นักข่าวสาวที่พยายามมาตามสัมภาษณ์เกี่ยวกับคดีความดังกล่าวใน 17 ปีให้หลังจากเอรินะ และหนังก็ค่อย ๆ พาเราย้อนไปดูเรื่องราวในอดีตจากการสืบค้นข้อมูลต่าง ๆ ในคดีนี้

หนังค่อย ๆ เล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตของเอรินะ ซึ่งในระหว่างที่เธอได้รับการเลี้ยงดูจากคิวาโกะ เธอมีชื่อว่า "คาโอรุ" ซึ่งคิวาโกะต้องใช้ชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ กับคาโอรุ เป็นเวลาทั้งหมด 4 ปี เท่ากับว่า คาโอรุ เองก็มีอายุ 4 ขวบตอนที่เธอได้ถูกส่งตัวคืนให้กับพ่อแม่ที่แท้จริง ระหว่างช่วงเวลา 4 ปีนั้นคิวาโกะเองต้องหลบหนีไปยังหลาย ๆ แห่ง ทุกครั้งที่เธอพบว่าจะมีโอกาสที่ตำรวจจะตามสืบเจอ 

ตัวเรื่องค่อย ๆ เข้าไปสำรวจภาวะจิตใจของคนเป็นแม่อย่างต่อเนื่อง ในแง่หนึ่ง คิวาโกะ เธอได้สูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดที่ลูกผู้หญิงคนหนึ่งพึงจะมี คือความสามารถในการที่จะมีลูก จนในที่สุดเธอพร้อมจะเสี่ยงกับกฎหมายบ้านเมือง และแลกกับความสุขในแบบคนปกติ เพื่อให้ได้ทำหน้าที่ของความเป็นแม่คน ซึ่งเป็นสิ่งมีค่าที่สุดของลูกผู้หญิงคนหนึ่ง แม้ว่าจะไม่สามารถเลี้ยงคาโอรุในแบบที่คนปกติพึงจะเป็นกันได้

แม้ว่าในภายหลังเอทสึโกะ (โมริงุจิ ยูโกะ) และสามีจะได้ตัวเอรินะคืนมาแล้ว แต่ตัวเอทสึโกะก็ยังคงโกรธแค้นคิวาโกะ นั่นก็เพราะคิวาโกะคือคนที่ขโมยความสุขในแบบพ่อแม่ลูกของครอบครัวเธอ และเธอก็พยายามสอนให้เอรินะเกลียดคิวาโกะด้วยเหตุผลดังกล่าว

แต่ด้วยความที่เอรินะในวัยสี่ขวบซึ่งถูกเลี้ยงดูจากคิวาโกะตั้งแต่ยังแบเบาะ ทำให้ตัวตน, ความคิดและรสนิยมของเอรินะมีพื้นฐานมาจากการฟูมฟักของคิวาโกะทั้งสิ้น นั่นคือเอรินะไม่อาจจะสลัดความเป็นคาโอรุออกไปได้ในทันที และตัวเด็กเองก็ยังอาจจะสับสนในระยะแรก ด้วยความที่เอทสึโกะไม่อาจจะเลี้ยงดูเอรินะให้เป็นไปในแบบครรลองของตน แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเด็กที่อยู่ตรงหน้าเป็นหน่อเนื้อเชื้อไขของเธอ แต่สภาพของลูกเธอในอายุสี่ขวบนี้ก็ทำให้เธอชักไม่แน่ใจว่าเธอเป็นแม่เด็กคนนี้จริงหรือเปล่า

นั่นเองที่ทำให้เอทสึโกะไม่อาจจะมอบความรักในแบบที่แม่จะมีให้กับลูกได้อย่างเต็มที่ ทำให้เอรินะในตอนโตไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ที่มาจากครอบครัวที่อบอุ่นมากนัก เอรินะเองจึงใช้ชีวิตแบบเป็นไปตามอรรถภาพ และเลือกที่จะมีชีวิตได้ด้วยตนเองมากกว่าที่จะขอความช่วยเหลือจากทางบ้าน 

จุดพลิกผันที่สำคัญเห็นจะเป็นการที่คนที่เอรินะคบหาอยู่ในปัจจุบัน เป็นชายวัยกลางคนซึ่งมีครอบครัวแล้ว และดูไม่มีทีท่าว่าจะเลิกรากับภรรยาของเขาได้ ซึ่งประวัติศาสตร์ก็กำลังจะกลับมาซ้ำรอยตรงที่อยู่ ๆ เอรินะเกิดรู้ตัวว่าตัวเองกำลังตั้งท้อง

ในสภาวะเช่นนี้เอรินะมาถึงทางเลือกที่แทบไม่ต่างจากคิวาโกะ ด้านหนึ่งเอรินะก็คิดจะทำแท้งในแบบที่คิวาโกะเคยทำ แต่อีกด้านหนึ่งเอรินะอยากจะให้กำเนิดเด็กคนนี้เพื่อเป็นการผูกมัดชายคนนั้น แต่แล้วเอรินะก็ตระหนักดีว่าไม่ว่าเธอจะเลือกทางไหน ผลร้ายก็จะกลับมาทำลายชีวิตเธอดั่งเช่นคนในรุ่นแม่เธอทำไว้ ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจจะเก็บเด็กคนนี้ไว้และเลี้ยงลูกอย่างเงียบ ๆ ของเธอ ทั้งที่ตัวเธอเองก็ยังคงไม่แน่ใจในชีวิตหลังจากนี้ 

สภาวะทางจิตใจของเอรินะในขณะนี้อยู่ในภาวะขาดที่พึ่ง เนื่องจากตัวเธอเองก็ไม่ได้รับความอบอุ่นจากครอบครัวเท่าที่ควร ทำให้ตัวเธอไม่อาจจะไว้ใจเอทสึโกะที่เป็นแม่แท้ ๆ ของเธอได้ อีกทั้งก็ยังคงเคลือบแคลงใจกับสิ่งที่คิวาโกะได้ทำกับชีวิตของเธอ

จนกระทั่งเอรินะและอันโด ค่อย ๆ สืบค้นข้อมูลต่าง ๆ ในอดีตโดยการเดินทางตามรอยการหลบหนีของคิวาโกะ ความจริงต่าง ๆ ก็ค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นว่าคิวาโกะเองเลี้ยงดูคาโอรุในอดีตได้ดีที่สุดเท่าที่แม่คนหนึ่งพึงจะให้กับลูกของตนได้ โดยเฉพาะเมื่อครั้งหนึ่ง เอรินะไปตามเจอรูปถ่ายคู่ของคิวาโกะกับคาโอรุในอดีตที่ร้านถ่ายภาพแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของร้านก็บอกให้ทราบว่าคิวาโกะนั้นได้แวะเวียนมาขอให้อัดรูปดังกล่าวจากฟิล์มที่เจ้าของร้านเก็บเอาไว้เมื่อไม่นานมานี้ 

ถึงตอนนี้เอรินะได้ตระหนักแล้วว่าที่สุดแล้ว ถึงเธอจะไม่เคยได้ความรักจากพ่อแม่แท้ ๆ ของเธอ หรือจากคนรักของเธอเอง เธอกลับยังคงได้เห็นถึงสายสัมพันธ์ของคิวาโกะที่ยังตัดไม่ขาดจากคาโอรุ หรือตัวเธอในอดีต แม้ว่าคิวาโกะจะเป็นฝ่ายเสียสละที่จะไม่กลับมาพบเอรินะเพื่อที่จะไม่มาทำลายชีวิตในปัจจุบันของลูกเธออีก 

ในหนังเองก็ได้บอกกับเรากลาย ๆ ว่าพื้นเพของคิวาโกะก็ไม่ได้มาจากครอบครัวที่ดีสักเท่าไหร่ หนำซ้ำชีวิตรักก็ไม่เป็นไปดังที่หวังไว้ แต่คิวาโกะก็กลับไม่รอที่จะให้คนมามอบความรักแก่เธอ และเธอเลือกที่จะเป็นฝ่ายให้ความรักแก่คนที่กำลังต้องการเธอที่สุด ซึ่งเป็นความรักที่บริสุทธิ์เท่าที่แม่คนหนึ่งจะให้แก่ลูกเธอได้ ถึงตรงนี้เรื่องราวของคิวาโกะที่เอรินะไปค้นพบกำลังบอกอะไรบางอย่างกับเธอถึงความรับผิดชอบต่อชีวิตเล็ก ๆ ที่กำลังรอความรักจากคนเป็นแม่เช่นกัน

จากเรื่องราวในหนังเราจะพบว่าตัวเรื่องนั้นดำเนินด้วยตัวละครหญิงเป็นหลัก แต่แท้ที่จริงแล้วมูลเหตุของเรื่องทั้งหมดนั้นมาจากการกรัทำของตัวละครชายทั้งสิ้น แม้ว่าจะมีบทบาทในหนังไม่มากก็ตาม สิ่งนี้ก็ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมของสังคมญี่ปุ่นที่ผู้ชายยังคงเป็นใหญ่ และอีกสิ่งที่ทำให้เราเห็นจากตัวละครหญิงนอกจากสัญชาตญาณความเป็นแม่แล้ว ยังคงให้้เราเห็นถึงความเป็นนักสู้ที่แม้จะถูกผู้ชายเป็นคนกำหนดวิถีชีวิตของเธอก็ตาม

สุดท้ายนี้ ขอชื่นชมนักแสดงหญิงทุกคนที่ถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ แม้ว่าการเดินเรื่องจะแสนธรรมดาไปสักหน่อย แต่ก็ต้องเรียกว่าเป็นหนังธรรมดาที่สุดที่ชอบมากที่สุดเรื่องหนึ่งเช่นกัน

====================================================
สรุปสาขารางวัลต่าง ๆ ในงานประกาศผลตุ๊กตาทองญี่ปุ่นปี 2012 ของภาพยนตร์เรื่องนี้

1. ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
2. ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (นารุชิมะ อิสุรุ.... ปีที่แล้วกำกับภาพยนตร์เรื่อง 『メスよ輝け!!』ซึ่งเข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทองเช่นกัน )
3. นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (อิโนะอุเอะ มาโอะ)
4. นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (นะงะสะกุ ฮิโตมิ)
5. บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
6. ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
7. กำกับภาพยอดเยี่ยม
8. กำกับแสงยอดเยี่ยม (เพิ่งเคยได้ยิน)
9. บันทึกเสียงยอดเยี่ยม
10. ลำดับภาพยอดเยี่ยม

เพลงนำในภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อว่า Dear ร้องโดย นากาชิม่า มิกะ (ขออภัยที่ไม่สามารถหาลิงค์มาแปะได้ เพราะโซนี่มิวสิคเจแปนไล่ลบ)

******** หมายเหตุ แม้จะทราบดีว่าราคาขายของหนังโดยสตูดิโอโชจิกุนั้นแพงเอาการ และหนังเรื่องนี้อาจจะไม่ได้ออกไปตลาดต่างประเทศมากนัก แต่หากมีผู้จัดจำหน่ายในประเทศไทยซื้อภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าโรงบ้านเรา ผมอยากจะขอโอกาสแปลบทบรรยายภาษาไทยให้กับหนังเรื่องนี้ด้วยครับ 




 

Create Date : 20 มีนาคม 2555
2 comments
Last Update : 24 มีนาคม 2555 11:15:35 น.
Counter : 4439 Pageviews.

 

น่าดูทีเดียวค่ะ
ขอบคุณนะคะที่รีวิวมาให้ได้อ่านกัน
จะตามหามาดูบ้างค่ะ

 

โดย: nobuta wo produce 27 มีนาคม 2555 1:04:28 น.  

 

โอ้ว
ต้องหามาดูแน่นอนค่ะ
ขอบคุณค่ะ

 

โดย: หนูลีลี 14 พฤษภาคม 2555 8:28:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Filmism
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Friends' blogs
[Add Filmism's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.