ครบรอบ การก่อตั้ง ราชวงศ์ จักรี











***พระราชประวัติพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี***


พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1
(พ.ศ. 2327 - 2352)




พระนามเดิม ทองด้วง
เป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก
(พระอักษรสุนทรทองดี)
ทรงพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 2378 ในรัชกาลสมเด็จพระบรมโกศ
ได้สมรสกับธิดาคหบดีบ้านอัมพวา ตำบลบางช้าง
จังหวัดสมุทรสงคราม หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่า
ในพ.ศ. 2310 แล้ว สมเด็จพระเจ้าตากสินกรุงธนบุรี
ได้กู้อิสรภาพและสร้างกรุงธนบุรีขึ้นเป็นราชธานี
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ
ได้เข้ารับราชการกับ สมเด็จพระเจ้าตากสิน
ทรงพระปรีชาสามารถในการรบจนเป็นที่โปรดปราน
นับเป็นขุนพลคู่พระทัยฝ่ายขวา
ได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพในสงครามครั้งสำคัญหลายครั้ง
ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น...
สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ ศึก ใน พ.ศ. 2319
...พ.ศ. 2325 เกิดจลาจลขึ้นในบ้านเมือง
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ทรงปราบปรามจนราบคาบ
ข้าราชการทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันอัญเชิญขึ้น...
ปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์ ต่อมาโปรดให้สร้างราชธานีขึ้นใหม่
ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา คือ กรุงเทพมหานคร
ทรงย้ายมาประทับในพระนครใหม่ใน พ.ศ. 2327
พระราชกรณียกิจส่วนใหญ่ในรัชกาลได้แก่
การสงครามเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติหลายครั้ง
ครั้งสำคัญที่สุด คือ สงครามเก้าทัพ ในปี พ.ศ. 2327
การปกครองประเทศทรงจัดแบ่งตามแบบกรุงศรีอยุธยา
และโปรดให้ ชำระกฎหมายบทต่างๆ ให้ถูกต้อง
และจารลงสมุดไว้เป็นหลักฐาน 3 ฉบับ
...ทางด้านศาสนา โปรดให้สังคายนาพระไตรปิฎก
พ.ศ. 2331 และจารฉบับทองประดิษฐาน
ไว้ในหอพระมณเฑียรธรรม วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
นอกจากนี้ยังทรงสร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์
พระอารามและพระพุทธรูปต่างๆ เป็นอันมาก
...ทางด้านวรรณคดีและศิลปกรรม
ทรงฟื้นฟูวรรณคดีไทยซึ่งเสื่อมโทรมตั้งแต่
กรุงศรีอยุธยาแตกให้ กลับคืนดีอีกวาระหนื่ง
ทรงส่งเสริมและอุปถัมภ์กวีในราชสำนัก
บทพระราชนิพนธ์ที่สำคัญ เช่น บทละคร
เรื่องรามเกียรติ์ เป็นต้น
งานทางด้านศิลปกรรมนั้นเป็นผลเนื่องมาจาก...
การที่ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์และสร้าง
พระอารามเป็นจำนวนมาก เป็นการเปิดโอกาส
ให้ช่างฝีมือด้านต่างๆ มีงานทำและ
ได้ผลิตงานฝีมือชิ้นเอกไว้
...ปัจจุบันมีวันที่ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ
ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก คือ
วันที่ระลึกมหาจักรี ได้แก่วันที่ 6 เมษายนของทุกปี
จะมีพิธีถวายบังคมพระบรมรูป ณ เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า


พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2
(พ.ศ. 2310 - 2367)





พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
รัชกาลที่ 2 (พ.ศ. 2310 - 2367)
มีพระนามเดิมว่า ฉิม เป็นพระโอรส
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ประสูติแต่สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี ณ บ้านอัมพวา
แขวงเมืองสมุทรสงคราม เมื่อวันที่...
24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2310 เมื่อยังทรง พระเยาว์
ได้ทรงศึกษาอักขรสมัยในสำนัก
สมเด็จพระวนรัต (ทองอยู่) วัดบางหว้าใหญ่
ด้านวิชาการรบ สำหรับขัตติยราชกุมารนั้น
พระองค์ได้ทรงศึกษาจากประสบการณ์ที่เป็นจริง
กล่าวคือได้ทรงตามเสด็จ พระบรมชนกนาถ
ไปในราชการสงครามทุกครั้ง
ซึ่งพระปรีชาสามารถและความจัดเจนนี้
ย่อมเป็นที่ ประจักษ์ จนได้รับโปรดเกล้าฯ
ให้สถาปนาพระองค์ท่านขึ้นเป็น
กรมพรราชวังบวรสถานมงคล ที่พระมหาอุปราชแทน
...พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์พระ
องค์ที่ 2 แห่งพระราชวงศ์จักรี เมื่อ พ.ศ. 2352
...พระราชกรณียกิจสำคัญที่ทรงเริ่มทำเร่งด่วนครั้งแรกคือ
การรวบรวมผู้คนที่กระจัดกระจายกันอยู่ตั้งแต่ครั้ง
กรุงแตกให้อยู่ตั้งมั่นเพื่อความเป็นปึกแผ่นของประเทศ
โดยออกพระราชกำหนดสักเลข และ
ทำทะเบียนราษฎรอย่างจริงจัง และได้ทรงผ่อนผัน...
การเข้าเดือนเหลือเพียงปีละ 3 เดือน คือ
เข้าเดือนออก สามเดือน นอกจากนี้ยังได้...
ทรงออกกฎหมายฉบับสำคัญอีกฉบับหนึ่งเรียกว่า
พระราชกำหนดเรื่องห้าม สูบฝิ่น ขายฝิ่น
...ในการทำนุบำรุงความเจริญของบ้านเมือง
ก็มีการก่อสร้างอาคารสถานที่ต่างๆ และได้มีการแต่ง
สำเภาไปค้าขายยังเมืองต่างๆ และเมืองจีนมากขึ้น
ทำให้การเศรษฐกิจของชาติดีขึ้นมาก และเหตุที่มีการ...
แต่งเรือสำเภาไปค้าขายต่างประเทศเป็นจำนวนมาก
เป็นผลให้เกิดการใช้ธงประจำชาติ...
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงโปรดเกล้าฯ
ให้นำสัญญลักษณ์ช้างเผือกสำคัญที่ได้มาคู่พระบารมี 3 เชือก
ประทับลงบนธงสีแดง ธงประจำชาติไทยจึงมีขึ้นเป็นครั้งแรก
...ด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติ...
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงทำนุบำรุง
ตลอดจนทรงเป็นกษัตริย์ศิลปินโดยแท้จริง


พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3
(พ.ศ. 2367 - 2394)






พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 (พ.ศ. 2367 - 2394)
มีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าทับ เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่
ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
และกรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย ทรงพระราชสมภพ
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2330 ต่อมาได้รับ สถาปนา...
พระอิสริยยศ เป็นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์
พระองค์ทรงเริ่มปฏิบัติราชการมาตั้งแต่ ่
สมเด็จพระบรมชนกนาถ ยังดำรงตำแหน่ง
กรมพระราชวังบวรสถานมงคล จึงเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย
ให้ปฏิบัตพระราชกรณียกิจ ต่างพระเนตรพระกรรณหลายประการ
พระราชกรณียกิจสำคัญที่ทรงบำเพ็ญในรัชกาลที่ 2 ได้แก่
ราชการในกรมท่าซึ่งมีหน้าที่ด้านการค้าและสัมพันธไมตรี
กับต่างประเทศ เงินผลประโยชน์ จากการค้าสำเภา
ของพระองค์ครั้งนี้ ต่อมาได้นำมาใช้ในภาวะคับขันของบ้านเมือง
ด้านการป้องกันพระนคร ได้ทรงเป็นแม่กอง
อำนวยการสร้างป้อมปราการ ด้านชายทะเลตะวันออก
และเป็นแม่ทัพยกไปตีขัดตาทัพพม่า ที่ตำบลปากแพรก
เมืองกาญจนบุรี เป็นเวลา 1 ปี
...พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
เสด็จขึ้นเสวยสิริราชสมบัติใน พ.ศ. 2367 ทรงทำนุบำรุง
ประเทศให้เจริญรุ่งเรืองทุกด้าน เช่น ด้านเศรษฐกิจ
โปรดให้ปรับปรุงการค้าขายกับต่างประเทศ และ
ระเบียบวิธีการเก็บภาษีอากรต่างๆ ด้านความมั่นคง
โปรดให้สร้างป้อมปราการตามหัวเมืองสำคัญและ
ตามชายฝั่งทะเล ตลอดจนต่อเรือรบเรือกำปั่นไว้ใช้
ในราชการเป็นจำนวนมาก โปรดให้มีการปราบปราม
ผู้ก่อความไม่สงบต่อแผ่นดินอย่างเด็ดขาด เป็นต้นว่า
การปราบปรามเวียงจันทน์ ญวน และหัวเมืองปักษ์ใต้
ทั้งยังทรงยกฐานะหมู่บ้านต่างๆ ขึ้นเป็นเมือง
เพื่อขยายความเจริญในการปกครอง
ด้านศาสนา ทรง บำเพ็ญพระราชกุศลเป็นนิจ
ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์พระอารามเป็นจำนวนมาก
โปรดให้มีการสอนพระ ปริยัติธรรมแก่พระภิกษุ
และโปรดให้จารึกสรรพตำราต่างๆ 8 หมวดบนแผ่นศิลา
ประดับไว้ ณ ศาลาราย ในวัดพระเชตุพนฯ
เพื่อเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชน
เสมือนเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศ
ด้าน วรรณกรรมนั้นทรงเป็นกวีด้วยพระองค์เอง
และทรงส่งเสริมผู้มีความรู้ด้านนี้ ส่วนงานด้านศิลปกรรมนับ
เป็นผลสืบเนื่องมาจากการสร้าง บูรณะปฏิสังขรณ์พระอาราม
มีผู้กล่าวว่า ลักษณะศิลปกรรมในรัชกาลที่ 3
เป็นแบบที่งดงามยิ่ง เพราะหลังจากนี้
ศิลปกรรมไทยรับอิทธิพลศิลปตะวันตกมากเกินไป
...พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงดำรงสิริราชสมบัติได้ 26 ปี
เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2394
พระชนมายุ 63 พรรษา


พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4
(พ.ศ. 2394 - 2411)




พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 (พ.ศ. 2394 - 2411)
ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่สอง
ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ประสูติแต่ สมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ ณ พระราชวังเดิม
กรุงธนบุรี เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2347
เมื่อพระชน มายุ 13 พรรษา ประกอบพระราชพิธี
โสกันต์อย่างใหญ่ หลังจากนั้นทรงผนวชเป็นสามเณร 7 เดือน
...พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงศึกษาวิชาสำหรับกษัตริย์ทั่วไป เช่น
การฝึกหัดอาวุธ วิชาคชกรรม พระองค์ทรงสนพระทัย
ในการศึกษาภาษาต่างประเทศอย่างมาก
เมื่อพระชนม์ครบอุปสมบททรงผนวชอีกครั้ง
และการทรงผนวชครั้งนี้ ต้องทรงผนวชอยู่นาน
ตลอดรัชกาลที่ 3 ระหว่างทรงผนวช
จำพรรษา ณ วัดราชาธิวาส ได้ทรงศึกษาวิชาการต่างๆ
อย่างชำนิชำนาญ เช่น วิชาการ โหราศาสตร์
ภาษาอังกฤษ ตลอดจนทรงแตกฉานในพรไตรปิฎกเป็นอย่างมาก
ขณะทรงผนวชทรงพิจารณาเห็นการปฏิบัติสงฆ์หย่อนยาน
จึงทรงตั้งธรรมยุติกนิกายขึ้นใหม่ เพื่อเป็นแบบอย่าง
แก่สงฆ์ที่เคร่งครัดการปฏิบัติต่อไป
...ใน พ.ศ. 2344 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯเสด็จสวรรคต
บรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ เสนาบดีและข้าราชการผู้ใหญ่ทั้งปวง
ได้พร้อมกันอัญเชิญพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ขึ้นครองราชย์
เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 4 แห่งบรมราชจักรีวงศ์
...หลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์แล้วก็ทรงทำนุบำรุงประเทศชาติ
ให้เจริญรุ่งเรืองในทุกๆ ด้าน ทรง เป็นพระมหากษัตริย์ผู้เริ่ม
ศักราชการติดต่อกับนานาอารยประเทศทั้งปวงอย่างจริงจัง
ดังจะเห็นได้จากการ ที่ประเทศต่างๆ ส่งคณะทูต
เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี และติดต่อค้าขาย
และพระองค์ได้ทรงแต่งคณะทูต ออกไปเจริญ
สัมพันธไมตรีตอบแทนหลายครั้ง เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส
สหรัฐอเมริกา โปรตุเกส เดน มาร์ค ฯลฯ
ทรงสนับสนุนให้มีการศึกษาศิลปวิทยาการใหม่ๆ เช่น
วิชาการต่อเรือใบ เรือกลไฟ เรือรบ การฝึกทหารอย่างยุโรป
การยกเลิกธรรมเนียมที่ล้าสมัยบางประการ เช่น
ประเพณีการเข้าเฝ้าให้ใส่เสื้อเข้าเฝ้า
การให้ประชาชนเฝ้าแหนรับเสด็จตลอดระยะรายทางเสด็จได้ ฯลฯ
พระปรีชาสามารถส่วนพระองค์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ
วิชาการด้านโหราศาสตร์ และดาราศาสตร์
ทรงสามารถคำนวณระยะเวลา การเกิดสุริยุปราคาได้อย่างแม่นยำ
ดังได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมพระราชอาคันตุกะทั้งปวง
ไปชม สุริยุปราคาที่หว้ากอ ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อ พ.ศ. 2411
...พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เสด็จเสวยสวรรยราชสมบัติอยู่ 18 ปี ก็เสด็จสวรรคตเมื่อ
วันพฤหัสบดี เดือนสิบเอ็ด ขึ้น 15 ค่ำ จ.ศ. 1230 (พ.ศ. 2411)
สิริพระชนมายุได้ 64 พรรษา


พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
(พ.ศ. 2411 - 2453)




ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี
พระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396
ทรงได้รับการศึกษาเป็นอย่างดีทั้งด้านอักษรศาสตร์
โบราณราชประเพณี วิชาการสงคราม และการปกครอง
ทั้งยังทรงใฝ่พระทัยศึกษาพระธรรมวินัย
ทรงผนวชเป็นสามเณรเมื่อ พ.ศ. 2409 และเป็นพระภิกษุ
เมื่อ พ.ศ. 2416 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงรับบรมราชาภิเษก 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411
ขณะทรงมี พระชนมพรรษาเพียง 16 ปี
โดยมีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)
เป็นผู้สำเร็จราช การแทนพระองค์ จนทรงบรรลุนิติภาวะแล้ว
จึงเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติอีกครั้งเมื่อ พ.ศ. 2416
เสด็จ ครองราชย์นานถึง 42 ปี
สวรรคตเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453

พระราชกรณียกิจที่สำคัญ
...พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงได้รับยกย่องว่าเป็นนักปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศ
จากแบบเก่ามาสู่แบบใหม่ ทรงเป็นผู้นำในการปรับปรุงขนบธรรมเนียมประเพณี ระบบสังคม และ ระบอบการปกครองของไทย
ให้ทันสมัยทัดเทียมอารยประเทศ เช่น ทรงยกเลิก
ประเพณีการเฝ้าแหนแบบโบราณ มาเป็นการยืนถวายบังคม
แบบตะวันตก ทรงยกเลิกการไต่สวนพิจารณาคดีแบบจารีต
นครบาลมาเป็นการไต่สวนพิจารณาคดีในศาลแบบปัจจุบัน
ทรงยกเลิกระบบทาสได้อย่างละมุนละม่อม
ทรงจัดการศึกษาแผนใหม่ ทรงตั้งโรงเรียนหลวงขึ้น
ทั้งในพระบรมมหาราชวังและตามวัดต่างๆ โปรดให้ ปรับปรุงการสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ เช่น การประปา การรถไฟ
และการไปรษณีย์-โทรเลข ทางด้านศาสนา
ทรงสร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่างๆ
ทรงปรับปรุงระบอบการปกครองโดย
เสด็จประพาสประเทศเพื่อนบ้าน มีชวา สิงคโปร์ และอินเดีย
เพื่อทรงศึกษาการปกครองแบบตะวันตกที่ นำมาประยุกต์ใช้
ในประเทศตะวันออก แล้วทรงปรับปรุงการปกครองของไทย
ให้ทันสมัย โดยทรงแบ่ง ส่วนราชการการบริหาร
ราชการส่วนกลางเป็น 12 กระทรวง
และแบ่งส่วนราชการบริหารส่วนท้องถิ่น เป็นมณฑล
พระราชกรณียกิจที่สำคัญยิ่งก็คือ
ทรงดำเนินวิเทโศบายอย่างสุขุม คัมภีรภาพ
ทรงผ่อนปรน ยอมสูญเสียดินแดนบางส่วน
ให้แก่ประเทศมหาอำนาจที่แสวงหาอาณานิคมอยู่ในขณะนั้น
เพื่อรักษาเอกราชของประเทศไว้ ทรงเป็นที่รัก
ของประชาชนทุกชั้น จนทรงได้รับพระสมัญญานามว่า
“สมเด็จพระปิย มหาราช”
ทรงเลิกทาส
...พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
มีพระราชหฤทัยอันเต็มเปี่ยมไปด้วยพระมหากรุณาธิคุณ
แก่พสกนิกรอย่างหาที่สุดมิได้ ทรงเห็นการณ์ไกล
และตระหนักในความเจริญรุ่งเรืองและสันติสุข ของบ้านเมือง
การเปลี่ยนแปลงต่างๆ จะเป็นผลสำเร็จได้
ต้องทำให้คนไทยได้เป็นไท ไม่มีทาสอีกต่อไป
พระองค์จึงได้ทรงดำเนินการเลิกทาสโดยมิให้กระทบกระเทือน
ถึงเจ้าของทาสและทาส ด้วยพระราช หฤทัยแน่วแน่
และทรงพระราชอุตสาหะอย่างยิ่งเป็นเวลาถึง ๓๐ ปี
ก็ทรงเลิกทาสสำเร็จลงตามพระราช ปณิธานที่ได้ทรงตั้งไว้
การเสด็จประพาสต้น
...เหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงใฝ่พระทัยในทุกข์สุข ของอาณาประชาราษฎร์คือ
การเสด็จประพาสต้น เป็นการเสด็จไปเพื่อ
สำราญพระราชอิริยาบถอย่างง่ายๆ โดยไม่ให้มี
ท้องตราสั่งหัวเมืองจัดทำที่ประทับแรม
เมื่อพอพระราชหฤทัยจะประทับที่ใดก็ประทับที่นั้น
บางครั้งก็ทรงเรือเล็กหรือเสด็จโดยสารรถไฟไป
โดยมิให้ใครรู้จักพระองค์ ทำให้ได้ประทับปะปนในหมู่
ราษฎร ทรงทราบทุกข์สุขของราษฎรจากปากราษฎรโดยตรง
ทำให้ได้ทรงแก้ไขปัดเป่าความทุกข์ยากให้ ราษฎร
ของพระองค์ได้ผลโดยตรง


พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6
(พ.ศ. 2453 - 2468)





พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 (พ.ศ. 2453 - 2468)
ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
พระราชสมภพเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2423
ทรงศึกษาภาษาไทยอย่างแตกฉาน แล้วจึงเสด็จไปศึกษาวิชาทหาร
ณ ประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2436 ขณะทรงมีพระชนม์พรรษา
เพียง 14 ปี ต่อมาทรงเข้าศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์
เศรษฐศาสตร์ และภูมิศาสตร์ ์ที่มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด (Oxford)
เสด็จนิวัติคืนสู่ประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2445
รวมเวลาประทับ ณ ประเทศอังกฤษถึง 9 ปี
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
เสด็จครองราชย์เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453
สวรรคต เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468
รวมสิริราชสมบัติ 16 ปี

พระราชกรณียกิจที่สำคัญ
...พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงดำเนินนโยบายการปกครองสืบต่อจาก สมเด็จพระบรมชนกนาถ
ในรัชสมัยของพระองค์ การศึกษาของชาติเจริญก้าวหน้ามาก
ทรงสถาปนาจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย การพระศาสนาเจริญสูงขึ้น
ทรงทำนุบำรุงปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม และขยายการศึกษา
ของสงฆ์ให้กว้างขวาง การคมนาคม เช่น การรถไฟ
สะดวกสบายขึ้นมาก ทรงดำเนินนโยบายต่างประเทศได้
อย่างถูกต้อง เห็นการณ์ไกล โดยทรงนำประเทศเข้าสู่
สงครามโลกครั้งที่ 1 ส่งทหารเข้าช่วยฝ่ายสัมพันธมิตรรบ
ในสมรภูมิยุโรป ทำให้นานาชาติรู้จักประเทศไทยมากขึ้น
และยังทำให้ประเทศได้รับผลประโยชน์ ด้านต่างๆ
ในฐานะประเทศชนะสงคราม พระราชกรณียกิจที่สำคัญยิ่งก็คือ
ทรงบำรุงกำลังรบและปลุกใจ พลเมืองให้รักชาติ
ทรงวางระเบียบแบบแผนการทหารแบบยุโรป
ทรงจัดตั้งกองทัพอากาศเพิ่มขึ้นอีก กองทัพหนึ่ง
ทรงจัดตั้งกองเสือป่าและกองลูกเสือเพื่อปลุกใจพลเมืองให้รักชาติ
นอกจากจะทรงเป็นนักการปกครองที่เล็งเห็นการณ์ไกลแล้ว
ยังทรงพระปรีชาสามารถอย่างยิ่งในเชิงอักษรศาสตร์
ดังจะเห็นได้ จากพระราชนิพนธ์คำประพันธ์ทุกชนิดในทุกด้าน
เช่น ปลุกใจเสือป่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร โคลงสยามานุสติ เป็นต้น
รวมเป็นพระราชนิพนธ์เกินกว่า 200 เรื่อง
สมดังที่มหาชนชาวไทยถวายพระนามว่า
“พระมหาธีรราชเจ้า”
...เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้ทรงทราบว่าราษฎรเบื่อหน่ายการปกครองแบบ
สมบูรณาญาสิทธิราชย์ ก็โปรดให้สร้างบ้านเมืองจำลองขึ้น
เรียกว่า “ดุสิตธานี” เพื่อเป็นโรงเรียนสอน
เสนาบดีและอำมาตย์ราชบริพารให้รู้จักการปกครอง
แบบประชาธิปไตย ทรงโปรดให้กระทรวงมหาดไทย
เตรียมร่างกฎหมายปกครองท้องที่จังหวัดสมุทรสาคร
เพื่อเริ่มการปกครองส่วนท้องถิ่นแบบเทศบาลอย่าง แท้จริง
แต่เสนาบดีบางท่านเห็นว่ากฎหมายนี้ให้สิทธิแก่ราษฎรกว้างขวางเกินไป เรื่องจึงค้างพิจารณา จน กระทั่งเสด็จสวรรคต


พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
(พ.ศ. 2468 - 2477)





พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 (พ.ศ. 2468 - 2477)
ทรงเป็นพระราชโอรสองค์สุดท้าย
ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
ทรงพระราชสมภพเมื่อวันพุธ แรม 14 ค่ำ เดือน 11 ปีมะเส็ง
ตรงกับวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2436
พระนามเดิม “สมเด็จเจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์”
พระนามทั่วไปเรียกว่า “ทูล กระหม่อมเอียดน้อย”

พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ
...เมื่อเยาว์วัยทรงศึกษาวิชาภาษาไทย และราชประเพณีโบราณ
ครั้นเจริญวัยทรงศึกษาวิชาการทหารม้าปืนใหญ่ แห่งกองทัพอังกฤษ
สำเร็จการศึกษาเข้ารับราชการในกองทัพบกไทย
ต่อมาได้ไปศึกษาวิชา ฝ่ายเสนาธิการ ประเทศฝรั่งเศส
ทรงอุปสมบทเมื่อ พ.ศ. 2460 ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
และอภิเษกสมรสกับหม่อมเจ้าหญิงรำไพพรรณี เมื่อ พ.ศ. 2461
ทรงดำรงตำแหน่งในกองทัพบก ในรัชกาล...
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ
ผู้บัญชาการกองพลทหารบกที่ 2 และผู้บังคับการพิเศษ
ทหารปืน ใหญ่ที่ 2 ระยะนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องเตรียมผู้ สืบราชสมบัติต่อ
ซึ่งตกแก่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ดังนั้นในปี พ.ศ. 2467 ทรงได้ศึกษาวิชา
การปกครองบ้านเมืองและราชการแผ่นดิน
ทรงศึกษาขนบธรรมเนียมและหน้าที่ราชการของพระเจ้าแผ่นดิน
จากหนังสือราชการที่สำคัญในรัชกาลพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทำให้ได้ตระหนักว่า
ประชาธิปไตยในประเทศไทย เกิดขึ้นอย่างแจ่มชัดมาแล้ว
ตั้งแต่รัชกาลที่ 5 เพียงแต่ยังมิได้เป็นทางการ เท่านั้น
...ครั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต พ.ศ. 2468
พระองค์ก็ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบต่อ
ในวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468
ทรงมีพระราชกรณียกิจสรุปได้ดังนี้ เศรษฐกิจ
สืบเนื่องจากผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 ประเทศทั่วโลก
ประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจ ตกต่ำ ซึ่งมีผลกระทบกระเทือน
มาสู่ประเทศไทย พระองค์ได้ทรงพยายามแก้ไขการงบประมาณ
ของประเทศให้งบดุลย์อย่างดีที่สุด โดยทรงเสียสละ
ตัดทอนรายจ่ายส่วนพระองค์ โดยมิได้ขึ้นภาษีให้ราษฎร เดือดร้อน

...การศึกษา ทรงส่งเสริมการศึกษาของชาติทั้งส่วนรวม
และส่วนพระองค์ โปรดให้สร้างหอพระสมุดสำหรับพระนคร
เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าศึกษาได้อย่างเสรี
ทรงตั้งราชบัณฑิตยสภา เพื่อมีหน้าที่บริหารและเผยแพร่วิชาการ
ด้านวรรณคดี โบราณคดี และศิลปกรรม ในด้านวรรณกรรม
โปรด ตราพระราชบัญญัติคุ้มครองวรรณกรรม
และศิลปกรรมใน พ.ศ. 2475 พระราชทานเงินส่วนพระองค์
เป็นรางวัลแก่ผู้แต่งหนังสือยอดเยี่ยม และให้ทุนนักเรียน
ไปศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์จากต่างประเทศ การศาสนา
ทรงปลูกฝังเยาวชนให้มีคุณธรรมดีงาม โดยยึดหลักคำสอนของ
พระพุทธศาสนา โปรดให้ราชบัณฑิตยสร้างหนังสือ
สอนพระพุทธศาสนาสำหรับเด็ก ซึ่งนับว่าพระองค์ทรง
เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่ทรงสร้างหนังสือสำหรับเด็ก
ส่วนการศึกษาในเนื้อแท้ของพระพุทธศาสนานั้น
ทรงโปรดให้สร้างหนังสือพระไตรปิฎกฉบับสมบูรณ์
เรียกว่าฉบับสยามรัฐ ชุดหนึ่ง จำนวน 42 เล่ม
ซึ่งใช้สืบมาจนทุกวันนี้
...การสุขาภิบาลและสาธารณูปโภค โปรดให้ปรับปรุงงาน
สุขาภิบาลทั่วราชอาณาจักรให้ทัดเทียมอารยประเทศ
ขยายการสื่อสารและการคมนาคม โปรดให้สร้างสถานีวิทยุ
กระจายเสียงแห่งแรกใน ประเทศไทย ในส่วนกิจการรถไฟ
ขยายเส้นทางรถทางทิศตะวันออกจากทางจังหวัดปราจีนบุรี
จน กระทั่งถึงต่อเขตแดนเขมร
...ในปี พ.ศ. 2475 เป็นระยะเวลาที่กรุงเทพฯ มีอายุครบ 150 ปี
ทรงจัดงานเฉลิมฉลองโดยทำนุบำรุง บูรณปฏิสังขรณ์สิ่งสำคัญ
อันเป็นหลักของกรุงเทพฯ หลายประการ คือ บูรณะ
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง
สร้างสะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ เพื่อเชื่อมกรุงเทพฯและธนบุรี
เป็นการขยายเขต เมืองให้กว้างขวาง และสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ด้านการปกครอง
ทรงมีพระราชปรารภจะพระราชทานรัฐธรรมนูญในโอกาสกรุงเทพฯ
มีอายุครบ 150 ปี ในปี พ.ศ. 2475 แต่ก็มีเหตุที่ยังไม่อาจทำได้ในระยะนั้น
ซึ่งเป็นช่วงที่มีคณะบุคคลคณะหนึ่ง ถือโอกาสยึดอำนาจการปกครอง
ขอเปลี่ยนแปลงการปกครองในวันที่ 24 มิถุนายน การกระทำดังกล่าว
เป็น พระราชประสงค์ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ตั้งพระราชหฤทัยไว้แต่แรกแล้ว จึงทรงพระราช ทานอำนาจ
และยินยอมให้ปกครองแบบประชาธิไตย นับเป็นการเปลี่ยนแปลงการ
ปกครองชาติเดียวใน โลกที่เลือดไม่นองแผ่นดิน ทรงยินยอมสละพระราช
อำนาจ เป็นพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้กฎหมาย ทรงให้ตรวจตราตัวบท
กฎหมายรัฐธรรมนูญที่จะเป็นหลักในการปกครองอย่างถี่ถ้วน
การที่พระองค์ทรง เป็นนักประชาธิปไตยอย่างแท้จริงนี่เอง
เมื่อคณะรัฐบาลบริหารงานไม่ถูกต้องตามหลักการที่วางไว้
พระองค์จึงสละราชสมบัติ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477
รวมเวลาครองราชย์ 9 ปี พระองค์ทรงประทับอยู่ ณ ประเทศอังกฤษ
และเสด็จสวรรคตด้วยโรคพระหทัยพิการ
ในวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2484
รวม พระชนมายุ 48 พรรษา


พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
รัชกาลที่ 8
(พ.ศ. 2477 - 2489)





พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 (พ.ศ. 2477 - 2489)
ทรงเป็นพระโอรสองค์ที่ 2 ในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์
อดุลยเดชวิกรมบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ทรงพระราชสมภพเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2468
ณ เมืองไฮเดลเบอร์ก ประเทศเยอรมนี พระองค์ไม่เพียงแต่
ทรงพระราชสมภพในต่างประเทศ เท่านั้น หากยังทรงต้องประทับอยู่ต่อมา
พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนก และพระราชชนนี
เนื่องจากสมเด็จพระบรมราชชนก ประทับทรงศึกษาวิชาแพทย์
อยู่ในขณะนั้น ทรงศึกษาวิชาเบื้องต้นในประเทศไทย
แล้วเสด็จไปทรงศึกษา ต่อ ณ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
ทรงขึ้นครองราชยสมบัติ เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงสละราชสมบัติ ในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477 นั้น
คณะรัฐบาลด้วยความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร
จึงอัญเชิญพระองค์ขึ้นครองราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 8
แห่งราชจักรีวงศ์ ทรงพระนามว่า
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
อดุลยเดชวิมลรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์สยามินทราธิราช
ขณะทรงมีพระชนมายุ 9 พรรษา โดยมี พระเจ้าวรวงศ์เธอ
กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา
และ เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เป็นคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
พระราชกรณียกิจ
...ระหว่างประทับทรงศึกษาอยู่ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์นั้น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันท มหิดล
ได้เสด็จพระราชดำเนินกลับประเทศไทย 2 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2481
และปี พ.ศ. 2488 ถึงแม้จะทรง เป็นยุวกษัตริย์ แต่ทรงประกอบพระราช
กรณียกิจที่ทรงมีต่อประชาชนชาวไทยได้อย่างดียิ่ง ทรงโปรดที่จะ
เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรอยู่เสมอๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การเสด็จพระราชดำเนินสำเพ็ง เพื่อทรง เยี่ยมประชาชนชาวจีนและอินเดีย
ในบริเวณนั้น เป็นผลให้ความแตกแยกระหว่างประชาชนชาวไทยและจีน
ซึ่งมีขึ้นก่อนหน้านั้นระงับไปได้ด้วยพระปรีชาอันสามารถ
สวรรคต
...ระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
ประทับอยู่ในพระนคร เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินกลับประเทศไทย
ครั้งที่ 2 นั้น โดยมิได้คาดฝันพระองค์เสด็จสวรรคต เพราะถูกพระแสงปืน
ณ พระแท่นบรรทมในพระที่นั่งบรมพิมาน
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489
หลังจากเสวยราชสมบัติอยู่เป็น เวลา 12 ปีเท่านั้น


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
รัชกาลที่ 9





พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9
ทรงพระราชสมภพที่โรงพยาบาลเมานท์ ออเบิร์น เมืองบอสตัน
รัฐแมสซาชูเสทท์ ประเทศสหรัฐ อเมริกา
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ทรงเป็นพระโอรสองค์ที่ 3
ของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ อดุลยเดชวิกรมบรมราชชนก
และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นพระอนุชาของ
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา และ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระองค์ทรงศึกษาวิชา
สามัญชั้นต้นที่โรงเรียนมาแตร์เดอี แล้วเสด็จไปประทับและศึกษาต่อที่เมือง
โลซานน์ ประเทศสวิสเซอร์ แลนด์ ในปี พ.ศ. 2481
พระองค์ได้โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดลนิวัติ
ประเทศไทย ประมาณ 2 เดือน ก็เสด็จกลับสวิสเซอร์แลนด์
จนภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ใน พ.ศ. 2488 จึง ตามเสด็จ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดล กลับประเทศไทย
...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดล เสด็จสวรรคต
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ภูมิพลอดุลยเดช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติสืบต่อ
จากนั้นทรงเสด็จกลับไปสวิสเซอร์แลนด์ เพื่อทรงศึกษาต่อ
และเสด็จกลับประเทศไทย พ.ศ. 2493 ทรงประกอบพระราชพิธี
ราชาภิเษกสมรสกับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ
เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 และทรง ประกอบพระราชพิธีบรม
ราชาภิเษก เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 จากนั้นทรงเสด็จไป
สวิสเซอร์แลนด์ เพื่อทรงศึกษาต่อ และเสด็จกลับ พ.ศ. 2494
ทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดา 4 พระองค์ คือ
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยาม มกุฎราชกุมาร
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬา ภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
พระราชกรณียกิจที่สำคัญ
...แม้ว่าบทบาทของพระมหากษัตริย์หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
พ.ศ. 2475 จะลดลงเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ
พระองค์ยังคงพยายามปฏิบัติพระราชภารกิจเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ใน
ด้านต่างๆ คือ ทางด้านเศรษฐกิจ ทรงพยายามช่วยเหลือ
โดยการส่งเสริมอาชีพ เช่น การทำฟาร์มโคนม พระราช ทานความคิด
ในการประดิษฐ์เครื่องยนต์กลไก ส่งเสริมการเลี้ยงไหม การประมง ป่าไม้
โครงการ เกษตรหลวงที่ดอยอ่างขางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อชักชวนให้
ชาวเขาเลิกปลูกฝิ่น มาปลูกพืชผลและดอกไม้ ที่จะเป็นประโยชน์กว่า
โครงการเกษตรกรรมที่หุบกระพง ประจวบคีรีขันธ์
...ทางด้านสังคม เสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมราษฎรจังหวัดต่างๆ
อย่างทั่วถึง ทรงก่อตั้งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
มูลนิธิราชประชาสมาสัย เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเรื้อน ทรง ตั้ง
หน่วยแพทย์พระราชทาน มูลนิธิพัฒนาอนามัย มูลนิธิวิจัยประสาทวิทยา ฯลฯ
...ด้านขนบธรรมเนียมประเพณี ทรงฟื้นฟูสืบทอดประเพณีหลายอย่าง
เพื่อเป็นขวัญ เช่น พระราชพิธี จรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา เป็นต้น
...ด้านศาสนา ทรงออกผนวชตามพระราชประเพณี เมื่อ พ.ศ. 2495
ทรงอุปถัมภ์การทำนุบำรุง ศาสนาทุกด้าน เช่น การสร้างวัด
สร้างพระพุทธรูป ประกอบพิธีทางศาสนา เช่น การทอดกฐิน ผ้าป่า
และการบำเพ็ญกุศลต่างๆ นอกจากนี้ยังทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ทุกๆ ศาสนา
ที่ประชาชนนับถือ ด้านการเมืองการปกครอง เนื่องจากฐานะของพระองค์
เป็นพระมหากษัตริย์ภายใตัรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีบทบาทโดยตรงทางการ
เมือง แต่ในทางปฏิบัติทรงเป็นประมุข ทรงเป็นผู้พระราชทานรัฐธรรมนูญ
ซึ่งเป็นแบบอย่างในการปกครอง ทรงเป็นศูนย์รวมทางจิตใจ
ของประชาชน เวลาที่เกิดวิกฤตการณ์หรือ ความไม่มั่นใจในชาติ
ดังเมื่อเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ยามที่เดือดร้อนที่สุด
ประชาชนก็ไปขอ รับพระราชทานความร่มเย็นจากพระองค์
พระองค์ยังทรงเป็นที่พึ่งทางใจของประชาชนชาวไทยเสมอมา




ขอขอบคุณข้อมูลจาก //www.mahamakuta.inet.co.th


***วันนี้ขอป้าหู้มีสาระหน่อยนะคะ***



"


*ชมแทกๆๆของ"ป้าหู้"ผู้น่าร๊าก..กดเลยค่ะ*

***ป้าหู้ขอความกรุณานะคะ***

อย่าให้รูปมีความกว้างเกิน ๔๕๐ Pixelเลยน้า
ป้าอ้วง..อยู่แว้วอ่ะ..มาง..อึก..อัก..อ่ะจ่ะ

และขอขอบพระคุณ"คุณครูทุกๆท่าน"
ป้ามด,น้ำฝน,หลานไรอัน,น้องสา,ตาหยึมกึ๋ย,คุณเอ้
หลานทาสบอย,หลานสมารท์หล่อสูด..ซู๊ด..
โอ้ยเยอะแยะเลยบรรยายมะหมด
อย่าโกรธ"ป้าอ้วงดำจายดี"คงนี้เยยน้า..




Create Date : 06 เมษายน 2550
Last Update : 6 เมษายน 2553 21:45:24 น. 81 comments
Counter : 3249 Pageviews.

 
ได้ข้อมูลดีๆ เพียบ
สุขสันต์วันจักรีค่ะ


โดย: tanoy~ตะนอย วันที่: 6 เมษายน 2550 เวลา:17:58:35 น.  

 
ดีจังค่ะป้าหู้ขา
นับว่าเป็นสิริมงคลมาก ๆ เลย
>>>>>
ปกติไม่รู้จะหาอ่านได้ที่ไหน
ขอให้คุณงามความดีรักษาป้าหู้นะคะ


โดย: ชิงดวง วันที่: 6 เมษายน 2550 เวลา:19:26:25 น.  

 
ป้าหู้คะ ได้รู้อย่างลึกซื้งเลยคะ

ขอบคุณนะคะ ดีใจจังที่ป้าหู้ยังจำนู๋ได้

คิดถึงนะคะ


โดย: ดวงตะวัน (Doungtawan ) วันที่: 6 เมษายน 2550 เวลา:20:23:11 น.  

 



ดี.แวะมารับความรู้+ส่งความสุขให้ป้าหู้นะคะ







โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 6 เมษายน 2550 เวลา:20:39:28 น.  

 
มารับไป เต็มอิ่มคร่าา


โดย: fluffyboy101 วันที่: 6 เมษายน 2550 เวลา:20:43:51 น.  

 
สุขสันต์วันจักรีค่ะป้าหู้ ขอให้ป้ามีความสุขนอนหลับฝันดีนะค่ะ บล็อคสวยมากๆเลยค่ะ แถมยังได้รับความรู้ดีๆที่เป็นประโยชน์ ขอบคุณมากๆค่ะ


โดย: Hawaii_Havaii วันที่: 6 เมษายน 2550 เวลา:22:20:43 น.  

 
คุณป้าขา...

วันอาทิตย์มาให้ได้นะค้า

Meeting room 2

บ่ายโมง ถึง ห้าโมงเย็น


โดย: โสมรัศมี วันที่: 6 เมษายน 2550 เวลา:23:19:44 น.  

 


สุขสันต์วันหยุดค่ะป้าหู้


โดย: Htervo วันที่: 6 เมษายน 2550 เวลา:23:50:54 น.  

 
วันนี้นั่งอ่าน blog ป้าหู้นานเลยค่ะ ขอบคุณที่เอาความรู้มาให้อ่านนะคะ


โดย: ตุ๊กตาไขลาน วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:0:57:16 น.  

 
แวะเข้ามาขอบคุณที่ไปเยี่ยมนะคะ
เห็นชื่อป้าหู้เกือบทุกบ้านที่ผึ้งแวะไปหามา คุ้นตาชื่อนี้จริงๆ ดีใจนะคะที่ไปหาถึงที่
เด๋วจะกลับมาอ่านอีกทีนะคะ ขอแอดไว้ก่อน
ความรู้เพียบเลย
Happy Chakree Day เช่นกันค่ะ ป้าหู้ขา


โดย: crazybee IP: 124.121.79.71 วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:1:03:31 น.  

 
แวะมาซึบซับความรู้ครับ


โดย: somnumberone วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:3:01:43 น.  

 
อรุณสวัสดิ์เช้าวันหยุดครับป้าหู้
ขอบคุณมากครับ ข้อมูลที่ดีและเป็นประโยชน์มากครับป้าหู้


โดย: ลุงกล้วย วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:4:54:10 น.  

 

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket
สวัสดีค่ะ พาน้องเจเด้นมาทักทายค่ะ
ช่วงนี้ยุ่งมากมาย ไว้จะแวะมาใหม่
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ



โดย: Baby I love you วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:5:52:22 น.  

 
นึกถึงเมื่อคืนนี้ที่ดูละครตากสินมหาราชตอนจบ เห็นแล้วรู้สึกภูมิใจในบรรพบุรุษไทยมากเลยครับ


โดย: tigerspy2000 วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:6:27:14 น.  

 


ได้ความรู้ไปเยอะเลยขอบคุณนะค่ะ สุขสันต์วันหยุดค่ะ



โดย: MYOMYO วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:7:06:12 น.  

 
เพิ่งรู้ว่าป้า เป็นครูประวัติศาสตร์ชาติไทย ดีค่ะ ดี ความรู้บางอย่างเจ๊หลีเพิ่งรู้เหมือนกันว่า ร .6 ก็เตรียมจะให้ประชาธิปไตย กับ ประชาชนแต่มีคนค้านอะ


โดย: เจ๊หลีกิน ๆ เที่ยว ๆ ไม่ได้ล๊อกอินค่ะ IP: 125.26.51.165 วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:7:18:42 น.  

 
มาอ่านค่ะ ป้าหู้

เมื่อคืนดู ตากสินมหาราช ตอนจบค่ะ


โดย: hayashimali วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:7:47:52 น.  

 
สวัสดีค่ะป้าหู้ แวะมาเยี่ยมป้าหู้ค่ะ


โดย: Candydolls วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:8:06:40 น.  

 
ขอบคุณค่ะป้าหู้

วันนี้บล็อคป้าหู้สวยจัง


โดย: Love_Forget Me Not วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:8:17:35 น.  

 
มาเยี่ยมป้าหู้แล้วค่ะ ขอโทษที่หายไปชั่วคราว คุณป้าไปงานสัปดาห์หนังสือรึยังคะ ถ้ายังก็หาเวลาไปนะคะถึงคนจะเยอะแต่ก็สนุกดีค่ะ

อ้อ! ลืมบอกบล็อกคุณป้าดูเป็นธรรมชาติดีจัง ชอบ ชอบ


โดย: แฮมสเตอร์ วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:8:53:20 น.  

 
สวัสดีค่ะป้าหู้ สุขสันต์วันหยุดนี้นะคะ
อิ อิ แอบมาซึมซับความรู้ด้วยคนนะคะ


โดย: tu_bong วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:9:36:46 น.  

 
สาระดี และ bg ก็สวยมั่กๆครับ


โดย: ลุงแมว วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:9:47:00 น.  

 
เห็นชื่อป้าหู้ ทุกบ้านเหมือนกันอ่ะครับ อดตามเข้ามาไม่ได้
แวะไปบ้านผมบ้างนะค้าบบ
แต่... ความรู้เอี๊ยดเลย
สมแล้วที่เป็นบ้านคุณครู



โดย: beer87 วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:10:10:06 น.  

 
สวัสดีค่ะป้าหู้

หนูเอาขนมเชงเม้งมาฝากค่ะ แอบกินไปหน่อยนึงแล้ว อิๆ

BGสวยจังค่ะวันนี้ ได้อ่านประวัติราชวงศ์จักกรีด้วย ดีจัง (เมื่อคืนเพิ่งดูตากสินมหาราชจบไปเองค่ะ เข้าบรรยากาศมั่กๆ)

หม่ำลูกชุบให้อร่อยนะคะป้าขา



โดย: พจมารร้าย วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:10:50:37 น.  

 

blog สวย และ มีสาระดีๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ ป้าหู้


โดย: N_BEE810 วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:15:24:12 น.  

 
สวัสดีค๊า .. ป้าหู้ ..
หลังจากที่นู๋น้ำฝนหายไปนานนิดนึง วันนี้กลับมาแย้วค๊า มาพร้อมกับ up blog อีกเล็กน้อย .. ป้าหู้สบายดีไม๊ค๊า .. ชอบ bg คราวนี้จังค่ะ รู้สึกสบายๆ ยังไงก็บอกไม่ถูก .. คิดถึงนะค๊า


โดย: bongboeaw วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:16:20:11 น.  

 


เอาลิ้นจี่พันธุ์ "ค่อมลำเจียก" ของจังหวัดสมุทรสงครามมาฝากป้าหู้ ๑ เข่งค่ะ ป้าหู้แบ่งให้ป้าแมวกินด้วยนะคะ...


โดย: ratana_sri วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:17:23:35 น.  

 
ขอบคุณนะคะ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลยค่ะ


โดย: Capulet J. วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:20:10:26 น.  

 
แวะมาหาป้าหู้ตอนเช้าค่ะ


โดย: Candydolls วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:21:06:24 น.  

 
ยาวมากๆค้าบ เพิ่งอ่านจบไปไม่กี่พระองค์เอง เดี๋ยวมาอ่านใหม่เนาะ..


โดย: smartman หล่อสุดๆ วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:21:09:40 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณป้าหู้
เข้ามาบ้านนี้ได้รับความรู้เพิ่มเติมทุกครั้ง
ขอบคุณป้าหู้มากค่ะ
-----
วันหยุดติดกันป้าหู้เดินทางไปเที่ยวที่ใด
เก็บภาพสวยๆ มาฝากด้วยนะคะ


โดย: ไม้หอม (Maihom ) วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:21:53:36 น.  

 
สวัสดีค่ะป้าหู้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญค่ะ _/\\_


โดย: โลกส่วนตัว วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:21:54:44 น.  

 

แวะมาทักทายวันหยุดจ้า.....

ดีใจที่เกิดมาเป็นคนไทยค่ะ



โดย: น้ำหวานพิษ วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:21:58:24 น.  

 
สวัสดีวันสงกรานต์ล่วงหน้าค่ะ


โดย: mungkood วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:22:20:25 น.  

 
สวัสดีค่ะ ป้าหู้ ได้ความรู้ดีจังค่ะ หลังจากคืนคุณครูไปหมดแล้วอะคะ สุขสันต์วันจักรีและวันหยุดนะคะ

ส่วนที่นี่วันอาทิตย์จะเป็นวันอีสเตอร์ค่ะ เด็ก ๆ จะออกไปเก็บไข่กันค่ะ เป็นวันสำคัญทางศาสนาค่ะ
Happy Easter Day kah.




โดย: shnkitty วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:1:36:23 น.  

 
พักผ่อนบ้างนะคร้าบบบ
อย่าเป็นเหมือนภาพที่เอามาแจกเนี่ย ^^



โดย: beer87 วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:8:47:56 น.  

 
สวัสดีวันอาทิตย์จ้า...

อ่านแล้วนึกถึงป้าหู้ นุ่งโจงกระเบนแหล่ะค่ะ (อิอิ)

............................................
มาแอบชะโงกดูเชี่ยนหมากป้าหู้...เปรี้ยวปากน่ะค่ะป้าขา
...........................................


โดย: WhileLife วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:9:11:23 น.  

 
มาเรียนประวัติศาสตร์ค่ะ

บัดดี้พาน้องมาสว้สดีครับ



โดย: อ้วนดำปื๊ดปื๊อ วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:16:22:52 น.  

 
แหม ป้ารุ้สึกจะเปลี่ยนฉากบ่อยนะครับ ผมมากี่ทีเปลี่ยนทุกทีอิอิ
แต่ก็ดีครับไม่จำเจ
ผมชอบรัชกาลที่1นะครับ จำได้ว่ามีหนังหลาขยเรื่องที่เอาเรื่องของท่านไปทำ รู้สึกชอบตำนานของท่านมากเลยอิอิ
จำได้ว่าที่ผ่านมาคงเป็นเรื่องฟ้าใหม่ โฮะๆๆๆๆ


โดย: ก้อง (zhugezen ) วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:17:33:39 น.  

 
สวัสดีค่ะป้าหู้
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆและสำคัญที่ป้าหู้นำมาฝากค่ะ

วิแวะมาส่งความสุขจ้ะวันนี้



โดย: ชะตาฟ้า วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:18:47:01 น.  

 

หวัดดีค่ะป้าหู้ขา

ม๊าเองก็เข้าๆออกๆอยู่ไม่ไกลไปไหนได้เลย คิกๆๆๆ

นู๋นิดหายป่วยแล้วนะค่ะ คุณหมอบอกว่า ซนจนข้อเคล็ด

แล้วคงจะยืดตัวชักร่างเหมือนเด็กๆนะค่ะ เลยมีอาการท้องเสียปน

ตอนนี้กลับมาแล้ว ซนยิ่งกว่าลิงอีกนะค่ะ

ม๊าว่าจะเอายานอนหลับให้กิน จะได้ไม่ซน ไม่เห็นรักเขาเลยนะค่ะ

ป้าหูขา ม๊าเอารูปนางสงกรานต์ที่ตะกั่วทุ่งมาฝากป้าหู้ค่ะ

กับคนอื่นไม่กล้าฝาก อายคนเขานะค่ะ กับป้าหู้จะกล้ามาก

เพราะป้าหู้เป็นเหมือนพี่สาวของม๊านะค่ะ เลยเอาหลานสาว

มาไหว้ป้าหู้ด้วยคนค่ะ



โดย: mom (นางมารร้ายจีจี้ ) วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:21:39:32 น.  

 
แวะมาราตรีสวัสดิ์ค่ะ ป้าหู้



โดย: ดวงตะวัน (Doungtawan ) วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:22:15:56 น.  

 
ความรู้ทางด้านนี้ของป๋า ... เข้าหม้อไปหมดแล้ว นี่ถ้าไม่ได้ หนูบอก ป๋าคงจะ ไม่ใช่คนไทยเลย (มั้ง)


โดย: %u0E2A%u0E22%u0E36%u0E21%u0E01%u0E36%u0E4B%u0E22 (สยึมกึ๋ย ) วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:4:42:30 น.  

 
ไปแอบเห็นที่บล็อกแม่หมูอ้วน ว่าป้าหู้ไม่ค่อยสบาย

พักผ่อนเยอะๆนะคะ นอนยกขาสูงไว้อย่างที่คุณหมอบอกจะได้ไม่บวม อย่าทานของเค็มด้วยนะคะป้าขา


โดย: พจมารร้าย วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:8:01:46 น.  

 


Good Morning ka .. คุณป้าหู้ .. 2 วันมานี้จิตตกเล็กน้อย .. เจอคนพูดจาปิดบัง พูดไม่จริงอ่ะค่ะ ก้อเลยแอบเซ็ง .. แต่วันนี้วันจันทร์แย้ว .. เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ด้วย รอยยิ้ม กะ จิตใจที่เป็นสุข ดีกว่า .. ขอบคุณที่ส่งนู๋เข้านอนนะคะ ..


โดย: Bongboeaw (bongboeaw ) วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:8:05:36 น.  

 
ข้อมูลเพียบเลยนะคะ...


โดย: คริสตอลสีชมพู วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:9:38:04 น.  

 
สาระเพียบวันนี้

เคยรู้มาแต่ก็ลืมจริงๆนะค่ะเรื่องวันจักรี

เพราะว่ามันนานมาแล้วอะค่ะ


โดย: Sugar and spice วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:10:03:18 น.  

 
สวัสดีตอนสายค่ะ ป้าหู้

วันนี้อากาศแจ่มใสมาก (ร้อนนั่นเอง)

ป้าหู้สบายดีนะคะ คิดถึงจังเลย


โดย: ดวงตะวัน (Doungtawan ) วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:10:33:24 น.  

 
โอ้ว ความรู้เพียบ แต่อ่านทีไร จำไม่เคยได้สักที ประวัติศาสตร์


โดย: b@rbOr วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:14:50:28 น.  

 
มาส่งความคิดถึงให้ป้าหู้จ้ะ

อากาศร้อนๆดูแลสุขภาพด้วยนะค้ะ


โดย: ชะตาฟ้า วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:15:10:07 น.  

 
หวาดดีก้าป้าหู้ สบายดีน้อ


โดย: zMee วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:22:28:11 น.  

 
สวัสดีค่ะป้าหู้ขา
ไม่ได้แวะมาสวัสดีค่ะป้าหู้เลย
ป้าหู้สบายดีนะคะ



โดย: พลอยสีรุ้ง วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:0:22:56 น.  

 

สวัสดีค่ะป้าหู้ สบายดีนะคะ ฝนแวะมาอ่านประวัติวันจักรีค่ะ
ขอบคุณที่เอามาฝากนะคะ ฝนเพิ่งกลับมาจากไปเที่ยว
ก็เลยเข้ามาทักทายป้าหู้ค่ะ


สงกรานต์นี้ป้าหู้มีแผนจะไปเที่ยวไหนไม๊น้อ???

มีความสุขมากๆ นะคะ


... ...


โดย: Malee30 วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:3:02:48 น.  

 
ทรงพระเจริญ


โดย: แมท (everything on ) วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:4:28:15 น.  

 
เห็นรูปแมวแล้วอดนึกถึงป้าหู้ไม่ได้
เลยต้องเอารูปแมวฝรั่งบ้านคุณ JewNid มาฝากค่ะ



โดย: หอมกร วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:7:35:27 น.  

 

ชวนเพื่อนไปไหว้พระเก้าวัดสารทไทย..
สำหรับเราจบเก้าวัดด้วยความอ่อนล้า..แต่อิ่มบุญมากล้นค่ะ
นำมาฝากเพื่อนๆๆทุกคนเลยนะค่ะ.....

สำหรับพระนี้ได้บุญมากหลาย...
ระลึกถึงทุกคนเมื่อไหว้กราบพระ
ด้วยจิตสงบและใจสดใส..
นำบุญกลับมาฝังในจิตใจ..
มิลืมสลาย..มอบตอบแทนกัน..แด่เพื่อนยาใจ

อนุโมทนาค่ะ





นึกถึงเสมอค่ะในวันบุญ
บล๊อกสดชื่นจังค่ะ







โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:11:14:28 น.  

 
ออกเมืองแล้วค่ะป้าหู้...

มีภาพ "เขา" และ "เธอ" มาฝากจ้า



โดย: WhileLife วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:12:08:44 น.  

 


ป้าหู้ค่ะ

ป้าหู้บ้านอยู่แถวไหนอ่ะค่ะ ม๊าอยากจะไปเยี่ยมป้าหู้มากๆเลย

ม๊าจะขึ้นไปทำธุระที่เมืองจันทน์ แต่ก็จะพาหมูอ้วนแวะเที่ยวด้วย

ม๊าเป็นห่วงป้าหู้มากๆเลย เพราะสุขภาพไม่ค่อยจะดี

จริงๆนะค่ะ................



โดย: mom (นางมารร้ายจีจี้ ) วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:13:12:51 น.  

 
ข้อมูลครบถ้วน เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ มากค่ะคุณป้าหู้

ขอบพระคุณคุณป้าอย่างสูงยิ่งสำหรับกำลังใจที่มอบให้

ดีใจมากๆที่ได้รู้จักคนดีๆ อย่างคุณป้า รักษาสุขภาพด้วยนะคะ แล้วจะมาเยี่ยมคุณป้าอีก


โดย: ซออู้ วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:16:01:28 น.  

 
ยอดไปเฃยครับป้าหู้ มีครบทุกรัชกาลเลย


โดย: Opico วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:16:31:50 น.  

 
อ่า ได้ข่าวว่าป้าชอบดูซอดองโยชอบเหมือนก้องเลยครับ
ก้องชอบทั้งเพลงทั้งหนัง โดยเฉพาะเพลง flower light ก้องชอบมากเลยครับ ฮิ้ว นางเอกสวยมากกกกก


โดย: ก้อง (zhugezen ) วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:19:08:51 น.  

 
ป้าหู้ชอบแมว หนูชอบหมา แวะไปดูหมาบ้านหนูสิคะ

โห อัพเดตวันจักรีมากมากเลย


โดย: ปุ๊กกี้&คิตตี้ (ปุ๊กกี้&คิตตี้ ) วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:21:12:00 น.  

 
อ่า ป้าหู้อยู่เมืองจันท์เหรอคะ

หนูก็มีบ้านอยู่ที่นั่นค่ะ


โดย: ปุ๊กกี้&คิตตี้ (ปุ๊กกี้&คิตตี้ ) วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:21:13:13 น.  

 
ราตรีสวัสดิ์ค่ะป้าหู้

ฝันดีนะคะ



ปล.คิดถึงนะคะ


โดย: ดวงตะวัน (Doungtawan ) วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:21:25:23 น.  

 
แวะมาบอกว่าขอปิดบล็อคชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนด ขอบคุณนะค่ะที่แวะไปหาค่ะ
เนื่องจากแฟนเป็นมะเร็งที่ปอด ทำให้เราต้องให้เวลากับเค้ามากขึ้นเป็นพิเศษ เค้าพึ่งจะตรวจเจอเมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง จริงๆเค้าก็ตรวจสุขภาพอยู่บ่อยมาก เสียใจมาก ท้อแท้ ว่าทำไมถึงได้เกิดกับเรา หลายครั้งที่เราดูโทรทัศน์แล้วเห็นเด็กขอซื้อปาฎิหาริย์ในราคา 70 บาท ทำให้เราอยากจะซื้อปาฎิหาริย์เหมือนเด็กผู้ชายคนนั้นจังเลย ช่วงนี้อยู่ในช่วงทำคลีโม เราตั้งจิตอฐิธานขอให้ประสพความสำเร็จ
ได้แต่ขอให้มีปาฎิหาริย์ ขอให้ผลบุญที่เราสร้างมาช่วยดลบันดาลให้การทำคลีโมประสพความสำเร็จ ขอให้เค้าได้อยู่กับเรานานๆ
ขอให้มีความสุขมากๆนะค่ะ



โดย: สักกะนิด วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:21:48:45 น.  

 
วันหยุดสงกรานต์ ป้าหู้ไปเที่ยวไหนคะ


โดย: Love_Forget Me Not วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:0:37:53 น.  

 
บล๊อคสวยงามมากๆเลยค่ะ ได้ความรู้ด้วยค่ะ
ขอบพระคุณที่ไปเยี่ยมเยียนที่บล๊อคของอินทรีทองคำบ่อยๆค่ะ ดีใจจังค่ะ


โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:10:47:18 น.  

 
ป้าหู้ขา ต้นข้าวบอกขอบคุณที่ป้าหู้ให้ความรู้ค่ะ ต้นข้าวก็เป็นแฟนป้าหู้อีกคนแล้วนะ



โดย: เสลาสีม่วง (เสลาสีม่วง ) วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:13:35:50 น.  

 
สวัสดีค่ะป้าหู้ สงกรานต์นี้ไปเล่นน้ำที่ไหนคะ อิอิ


โดย: b@rbOr วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:13:37:00 น.  

 



ป้าหู้ค้า.. แวะมาเที่ยวบ้านป้าค่ะ เขียวสบายตาจัง
สวสดีวันจักรีที่ผ่านมาด้วยนะคะ หวังว่าป้าคงสบายดี และยังจำหลานคนนี้ได้นะจ๊ะ คิดถึงค่ะ


โดย: สาวชาววัง วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:18:28:54 น.  

 
โอ้ว...ความรู้ล้นทะลักเยย


โดย: CDCR265 วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:19:19:16 น.  

 
แวะมาสวัสดีป้าหู้ตอนเย็นๆค่ะ
คิดถึงป้าหู้นะค้ะ


โดย: ชะตาฟ้า วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:21:20:24 น.  

 
มาขอบคุณป้าหู้ที่ไปเยี่ยมตอนไม่อยู่


โดย: ลุงแมว วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:22:15:48 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ...คุณป้าหู้




โดย: ไม้หอม (Maihom ) วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:23:40:22 น.  

 


ว๊าวๆๆๆ ... สงกรานต์แล้วคร๊า "สุขสันต์วันสงกรานต์" ปีใหม่แบบไทยๆนะคะ ขอให้มีความสุขมากๆค่ะ ถ้าไปเที่ยวไหนขอให้ขับรถระมัดระวังด้วยน๊า


โดย: @ ปั๊กกาเป้า @..อิอิ วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:0:42:48 น.  

 
แวะมาหาป้าหู้ก่อนไปทำงานค่ะ


โดย: Candydolls วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:2:06:56 น.  

 


โดย: โสมรัศมี วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:12:02:36 น.  

 
ขอให้ราชวงค์นี้คงอยู่ตลอดไปครับ


โดย: PIWAT วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:13:05:46 น.  

 
สาระ สาระ ครับ

คิดว่า ข้อมูลอาจจะเหมาะกับนักศึกษา และผู้สนใจ มากๆ

แต่ผม ระดับชาวบ้าน อิอิ บ้านนอกด้วย มั๊ง!!!


โดย: yyswim วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:14:44:56 น.  

 

และประเพณีที่ทุกคนชื่นชอบ...คือการเล่นสาดน้ำไง....
ขอให้ทุกคนมีความสุขนะคะ
ช่วงนี้ป้าอาจจะผลุบ๐โผล่ๆนะคะ
มีหน้าที่ต้องดูคุณป้าแมวอย่างใกล้ชิดอ่ะค่ะ
ช่วงนี้พอดีพี่ขวัญอยู่บ้านเลยรีบมาอัพบล๊อกซะก่อน
***รักและคิดถึงทุกๆคนนะคะ***



โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:16:09:20 น.  

 
ความรู้เพียบเลยครับหน้านี้


โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:20:37:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

fifty-four
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อ้วนดำ...จายดี..นะจ๊ะ

Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
6 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add fifty-four's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.