Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
29 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
รักแห่งสยาม(เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากหนัง)ตอนที่6

หมายเหตุ

บทความเหล่านี้ มาจากกระแสความดังของหนังเรื่องรักแห่งสยาม เนื้อหาที่ท่านจะได้อ่านต่อจากนี้ ผมได้รับเรื่องเหล่านี้จากการดาวน์โหลดไฟล์มา และเห็นว่า ยังไม่เคยมีใครเอามาลงให้อ่านกัน จึงนำมาเสนอเพื่อนๆนะคับ ถ้าใครบอกได้ว่าใครเป็นผู้ที่แต่งเรื่องนี้ขึ้น ก็มาบอกได้ทางคอมเมนต์นะคับ ถ้าหากคุณไม่พอใจกับการที่ผมเอาเรื่องนี้มาให้อ่านก็ขออภัยนะคับ



(ต่อจากตอนที่แล้ว)


“มิว มิว มิวอยู่หรือเปล่า มิว” โต้งตะโกนเรียกมิวอยู่หน้าบ้านของมิวเอง

“ใครมันมาตะโกนวะ ดึกดื่นคนจะหลับจะนอนกัน” เสียงชาวบ้านละแวกนั้นตะโกนต่อว่ากลับมา

“มิว ลงมาคุยกันก่อนมิว” โต้งไม่สนใจเสียงชาวบ้านที่ยังคงตะโกนด่าอยู่

“ถ้ามิวไม่ลงมาเราก็จะตะโกนอยู่อย่างนี้แหละ” โต้งตะโกนบอก พร้อมทุบประตูเหล็กไปด้วย
ชั้นบนมิวเกาะที่หน้าต่างมองลงไปด้านล่างตามเสียงโต้งที่ตะโกนขึ้นมา และมองไปรอบๆตามเสียงชาวบ้านที่ด่าเป็นครั้งคราวจนพบว่า ไฟที่ห้องของหญิงเปิดอยู่และหญิงก็ยืนมองมิวอยู่ด้วยสายตาที่เป็นห่วง พร้อมพยักหน้าให้มิวหันหลังให้หน้าต่าง ถอนหายใจช้าๆ ยาวๆ และเดินลงไปด้านล่างช้าๆ มิวค่อยๆ เปิดประตูออก เห็นโต้งยืนเรียกมิวอยู่น้ำตาคลอเบ้า

“นึกว่าเราจะไม่มีอะไรคุยกันอีกซะแล้ว” มิวบอกโต้งน้ำเสียงเรียบเฉย

“เราอยากมาเคลียร์” โต้งตอบตั้งท่ากำลังจะเดินเข้าบ้าน มิวเอาตัวขวางไว้

“เพราะเราไม่ใช่โดนัทเหรอ มิวเลยไม่ให้เราเข้าไป” โต้งบอกน้ำเสียงหงุดหงิด แต่ใบหน้าดูเศร้า

“ไม่เกี่ยวกับคนอื่น ทำไมไม่ดูตัวเองก่อนว่าทำอะไรอยู่ อย่ามาใส่ใจเราเลย” มิวตอบเสียงสั่นน้ำตาคลอ

“มิวเข้าใจผิด มันไม่มีอะไร…”

“ใครๆ ก็พูดได้ว่ามันไม่มีอะไรทั้งๆ ที่เห็นๆ กันอยู่” มิวเริ่มน้ำตาไหล

“มันไม่มีอะไรจริงๆ เราจะบอกมิวทุกอย่างขอแค่มิวฟัง” โต้งพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าอ่อนโยน ส่งสายตาวิงวอน

“อย่าเลยโต้ง พอเถอะนะ” มิวหันหลังให้โต้งเพราะว่าตอนนี้น้ำตามิวเอ่อล้นออกมาอย่างหยุดไม่ได้ มิวเริ่มสะอื้นและเดินหนี

“อย่าไปนะมิว อย่าไป” โต้งเดินตามเข้าไปกอดมิวไว้ มิวสะอื้นดังขึ้น “เราไม่เคยทำแบบนี้กับใคร เรากอดคนอื่นไม่ได้ เราไม่มีอะไรกับผู้ชายคนนั้นจริงๆ” มิวร้องไห้หนักขึ้น โต้งเอาหน้าซุกลงบนหลัง

มิว “มิว…เราขอโทษ” โต้งน้ำตาซึม มิวหันหน้ามาหาโต้ง สายตาที่มิวมองโต้งนั้น แม้จะดูเศร้าน้ำตาและก็ดูอ่อนโยนอย่าน่าอัศจรรย์ “เรารักมิวนะ” โต้งดึงมิวมาสวมกอด มิวค่อยๆ ยกมือขึ้นกอดโต้งกลับเช่นกัน เหมือนเวลาถูกหยุดไว้ ณ จุดนั้น จุดเล็กๆ ที่มีคนสองคน จุดเล็กๆ แต่อัดแน่นไปด้วยความรักที่อบอุ่นของคนสองคน

บนห้องของมิว มิวนั่งอยู่ที่เตียง โดยมีโต้งนั่งอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ โต้งเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้มิวฟังทั้งหมด สายตาเหงาๆ ของโต้งเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง มิวนั่งฟังอย่างตั้งใจสายตาอ่อนโยนของมิวมองโต้งอยู่ตลอดเวลา

“แต่ยังไงโต้งก็น่าจะกลับบ้าน น้านีย์ร้อนใจมากนะ” มิวบอกโต้งอย่างอ่อนโยน

“เราก็คิดอยู่ แต่เราทำตัวไม่ถูกตอนที่ต้องเจอหน้าเขา” โต้งบอกมิว สีหน้าเป็นกังวล

“ถ้าไม่รู้จะทำยังไงต่อไป ก็ไปเจอเลยจะได้รู้ไงว่าโต้งจะทำยังไง” มิวบอกโต้งและยิ้มให้

“แล้วเรื่องวงโอเคมั้ยมิว” โต้งถามมิว

“ก็เรื่อยๆ แหละ โดนว่าบ้างตอนซ้อมเพราะร้องไม่ค่อยออก”

“ทำไมล่ะ”

“ไม่ค่อยมีอารมณ์ร้องน่ะ แต่ก็พยายามเพื่อวง เพราะในวงมีคนอื่นที่พยายามอยู่ด้วยไม่ได้มีเราคนเดียว”

“ดีแล้วล่ะ เราจะเป็นกำลังใจให้นะ”

“พูดจาแบบนี้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” มิวถามพลางยิ้ม

“อย่าแซวสิ” โต้งหันหน้าหนีและยิ้มเขินๆ “แล้วมิวสนิทกับโดนัทตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ”

“ก็ถ่าย mv ด้วยกันตอนที่โต้งหายไปโดนัทชอบชวนไปสยามน่ะ เราไปตามหาโต้งก็เลยไปด้วยกัน”

“แล้ว…โดนัท” โต้งทิ้งประโยค คิดว่าจะถามดีหรือไม่

“ไม่รู้หรอก เราไม่ได้บอกว่าไปทำอะไร ก็เหมือนไปเดินเที่ยวกัน”

“ก็เลยกลายเป็นแฟนกัน” โต้งพูดทำหน้ากวนๆ ใส่

“ก็ทำนองนั้น” มิวกวนตอบไป “สิ้นเดือนนี้จะมีมินิคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้ม จัดที่สยามด้วยนะ ที่เดิมที่เคยเล่นเลย”

“ไว้เราจะไปดูนะ ไปฟังเพลงของเรา” โต้งหันมายิ้มให้อย่างมีความสุข มิวยิ้มให้อย่างเขินๆ

“คืนนี้ดึกมากแล้ว นอนก่อนเถอะโต้ง เรื่องของพรุ่งนี้ค่อยคิดกันว่าจะเอายังไง” มิวบอกโต้งพลางเดินไปจับไหล่อย่างห่วงใย

“อืมๆ” โต้งลุกขึ้นไป ล้มตัวลงนอนบนที่นอน มิวเดินอ้อมเตียงไปนอนอีกฝั่ง

“เขาบอกว่า คนเราถ้ามีความรักโลกจะหยุดหมุน”มิวที่นอนหันมาทางโต้งบอกโต้งที่นอนหงายมองเพดานอยู่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“เหรอ ใครบอกล่ะ” โต้งถามทั้งที่ยังมองเพดานอยู่

“เคยอ่านผ่านๆ ตามาน่ะ จำไม่ได้ว่าที่ไหน”

“ตอนนี้โลกคงหยุดหมุนอยู่สินะ” มิวบอกยิ้มๆ

“คงงั้นมั้ง” โต้งละสายตาจากเพดาน มองมาที่มิวหันไปสวมกอดมิว

“ฝันดีนะ” มิวตอบและหลับตาลงนอน

โต้งตื่นมาราวๆ บ่ายสองโมง ค่อยพยุงตัวลุกขึ้นยืนขยี้ตา และเดินไปเปิดม่านให้แดดส่องเข้ามา มองหามิว แต่ไม่เจอมิวอยู่ในห้องนอน โต้งเดินลงบันไดมา พร้อมส่งเสียงร้องเรียกมิว
“มิว อยู่ไหนน่ะ”

“งั้นตามนั้นนะครับน้านีย์ แล้วเดี๋ยวผมจะบอกให้โต้งเตรียมตัวไว้ แค่นี้นะครับ” มิวกดวางโทรศัพท์

“คุยกับใครเหรอมิว” โต้งเดินลงมาถามมิว

“เราโทรบอกน้านีย์แล้วนะ เดี๋ยวน้านีย์มารับ” มิวบอกและยิ้มให้

“อืม” โต้งก้มหน้าก้มตาตอบ หน้าเศร้าลงไปเล็กน้อย เดินหันหลังขึ้นไปเก็บข้าวของ และอาบน้ำ
มิวเดินตามขึ้นมาบนห้อง ดูไปรอบๆห้องเห็นเป้ของโต้ง มีตุ๊กตาที่มิวให้แขวนอยู่มิวแกะออกและหยิบมันขึ้นมาดูเห็นว่า พี่เท้าอีกข้างมีชื่อโต้งเย็บติดในลักษณะเดียวกัน รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏบนหน้ามิว โต้งที่อาบน้ำเสร็จแล้ว เดินเข้ามาในห้องพอดีเห็นมิวกำลังนั่งดูตุ๊กตาอยู่

“เห็นแล้วเหรอ” โต้งถามขณะเดิน “ไม่อยากให้มีชื่อมิวคนเดียวน่ะ กลัวมิวจะเหงา” โต้งบอกพลางยิ้มให้ พร้อมกับเช็ดหัวที่เปียกอยู่ไปด้วย

“ขอบใจนะ” มิวตอบและยิ้มอีกครั้งสายตายังคงมองทีชื่อโต้งอยู่ “สงสัยน้านีย์มาแล้ว” มิวบอกหลังจากได้ยินเสียงจอดรถและเสียงเปิดประตู “เดี๋ยวเราลงไปก่อนนะ โต้งเปลี่ยนเสื้อผ้า เก็บของเสร็จแล้วตามลงไปนะ” มิวลุกขึ้นเดินผ่านหน้าโต้ง โต้งดึงมือมิวไว้

“ไม่ว่าต่อจากนี้จะมีอะไรเกิดขึ้น มิวจำคำที่เราบอกมิวเมื่อคืนไว้นะ” โต้งบอกมิวด้วยคำพูดที่อ่อนโยน แต่สายตาสื่อความหมายมากกว่าคำที่พูดออกมาหลายร้อยหลายพันเท่า

“แล้วเราจะไปดูคอนเสิร์ตของมิวนะ”มิวพยักหน้า ยิ้มๆ เป็นการตอบ และเดินออกจากห้องไป

“โต้ง อยู่ไหนน่ะ กลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ” กรโวยวายอยู่ชั้นล่างของบ้านมิวแทนที่จะเป็นสุนีย์ มิวตกใจและรีบวิ่งลงไป

“หวัดดีครับน้ากร” มิวยกมือไหว้ แต่กรไม่ใส่ใจ

“ไอ้เจ้าโต้งมันอยู่ไหน” กรถามอย่างคนเมาแต่น้ำเสียงเฉียบขาด และดุดัน

“เดี๋ยวลงมาครับน้ากร เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้” มิวตอบ เสียงสั่นด้วยความกลัวเล็กน้อย

“ไม่ต้อง” กรตอบ
“พ่อ” โต้งร้องเสียงดังด้วยความตกใจเมื่อเห็นกร ขณะเดินลงมาจากชั้นบน

“กลับบ้านเดี๋ยวนี้” กรเดินไปดึงมือโต้งรีบเดินออกไปจากบ้าน

“แล้วแม่ล่ะ”

“แม่แกให้พ่อมารับแทน ไม่ต้องพูดอะไรมากไปขึ้นรถ”

โต้งหันมามองมิว มิวมีสีหน้าเป็นกังวลพยักหน้าให้ไปเถอะ
กรลากโต้งไปขึ้นรถโต้งยอมตามไป นั่งในรถแต่สายตายังคงมองมิวอยู่ตลอดเวลา กรถอยรถออกไปอย่างรวดเร็ว มิวเดินออกไปหน้าบ้านมองรถโต้งขับออกไป

หญิงเดินเข้ามาหาจับไหล่โต้งสีหน้าเป็นห่วงเพื่อนมาก

“ไม่เป็นไรนะมิว”

“อืมไม่เป็นไรหรอก”
โทรศัพท์ของมิวดังขึ้น “มิว นั่นมิวใช่มั้ย นี่น้านะ น้ากรไปที่นั่นหรือเปล่า” เสียงสุนีย์ดังมาจากโทรศัพท์น้ำเสียงรอนรน

“ครับ น้ากรมาที่นี่ครับน้านีย์” มิวตอบด้วยความสงสัยปนตกใจ

“มิวให้โต้งรั้งตัวไว้นะ น้ากรเมาอยู่และหยิบกุญแจขับรถออกมาก่อน น้ากำลังรีบนั่งแท็กซี่ตามมา” สุนีย์รีบพูดด้วย

“น้ากรกับโต้งขับรถออกไปแล้วครับ น้านีย์ไปเมื่อกี๊นี้เอง” มิวตอบน้ำเสียงร้อนรนไม่แพ้อีกฝ่าย

“โอเค งั้นไม่เป็นไรนะมิว แค่นี้นะ” สุนีย์วางสายไป มิวสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“มีอะไรเหรอมิว” หญิงถาม

“น้านีย์ไม่ได้เป็นคนให้น้ากรมารับโต้ง และน้ากรก็เมาอยู่ด้วย” มิวตอบเสียงสั่น

“ตายจริง ทำไงดีล่ะ”

“เราจะตามไป” มิวบอกแล้วรีบเข้าบ้านไปหยิบของ จัดแจงปิดบ้าน หญิงรีบวิ่งเข้าไปหยิบของในบ้าน เสียงหม่าม้าหญิงโวยวายตามหลังหญิงที่วิ่งอย่างรีบร้อนมา

“เราไปเป็นเพื่อน” หญิงตอบ มิวพยักหน้าแล้วทั้งคู่รีบวิ่งไปเรียกรถแท๊กซี่

บนรถที่แล่นด้วยความเร็วสูง กรและโต้งระเบิดอารมณ์ใส่กันอีกครั้ง

“พ่อไม่ได้อยากเลี้ยงโต้งมาให้เป็นคนแบบนี้”

“โต้งไม่ได้ทำอะไรผิด” ทั้งคู่ตะโกนใส่กันอย่างไม่ยั้งอารมณ์

“แกเป็นผู้ชายแต่แกชอบผู้ชายมันไม่เรียกว่าผิดแล้วให้เรียกว่าอะไร” กรหันมาตะคอกใส่โต้ง

“โต้งไม่ได้ชอบมิวเพราะมิวเป็นผู้ชาย โต้งไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นกับผู้ชายคนไหน โต้งรักมิวเพราะมิวคือมิว”
กรอึ้งไปเล็กน้อยกับคำพูดนั้น แต่ก็หันมาระเบิดอารมณ์ใส่โต้งต่อ “ฉันเสียใจที่เลี้ยงแกไม่ได้ดี”

“พ่อเลี้ยงเหรอ แม่ต่างหาก โต้งก็เสียใจที่มีพ่อที่ไม่เปิดใจรับฟังใคร” โต้งยังคงเถียงต่อ

“แก ไอ้โต้ง…”
เสียงแตรรถบีบเสียงดังยาว กรและโต้งหันไปทองเห็นรถของเขากำลังจะพุ่งชนรถเมล์ กรหักหลบทำให้รถเสียหลักไถลไปตามถนนพุ่งเข้าชนกับต้นไม้ข้างทางอย่างแรงจนต้นไม้แทบจะหักลงมา ทั้งกรและโต้งมีเลือดออกตามตัวและหมดสติไป

บนรถแท็กซี่มิวและหญิงนั่งชะเง้อมองตลอดทาง หน้าตามิวเป็นกังวลอย่างมาก หญิงคอยตบไหล่มิวปลอบให้มิวใจเย็นลง แต่เหมือนไม่เกิดผลรถแล่นไปไกลเท่าไหร่ใจมิวยิ่งร้อนขึ้นเท่านั้น

“พี่คะๆ ขับไวๆกว่านี้หน่อยค่ะ” หญิงบอกคนขับ “ขับไวได้ไงหนู รถมันติดเห็นไหมข้างหน้ารถชนกันมั้ง”

มิวใจหายวูบที่ได้ยินคำว่ารถชน หญิงเปิดกระจกชะเง้อมองเอาตัวออกไปนอกรถเขย่งดูเหตุการณ์ด้านหน้า “มีรถชนจริงๆ แหละคนมุงเต็มเลย” มิวนั่งบีบมือตัวเองจนสั่น หญิงหันมามองเพื่อนสังเกตเห็นจึงเข้ามานั่งโอบไหล่มิว “ไม่ใช่หรอกมิว ไม่ใช่หรอก” มิวกุมมือตัวเองก้มหน้าลงหลับตา คิดในใจว่าต้องไม่ใช่ๆ ๆ ๆ ๆ”

รถยังไม่สามารถขยับไปไหนได้ หญิงและมิวได้ยินเสียงสัญญาณไซเรนดังมา ทำให้หญิงชะโงกตัวขึ้นไปดูอีกครั้งพบว่ามีรถกู้ภัยและรถตำรวจขับสวนมาจากอีกเลนเข้าจอดตรงที่เกิดเหตุ มิวทนไม่ไหวลงจากรถวิ่งไปดูที่เกิดเหตุ หญิงเห็นดังนั้นรีบจ่ายเงินค่าแท็กซี่แล้ววิ่งตามไป
มิววิ่งจนมาถึงที่เกิดเหตุพยายามแทรกตัวเข้าไปตามไทยมุงที่มุงกันอยู่เต็มไปหมด เขาหัวใจแทบสลายเมื่อเห็นว่ารถคันที่เห็นมีลักษณะเหมือนรถที่โต้งนั่งกลับไป เขามองดูที่ทะเบียนรถแต่เขาจำไม่ได้ว่ารถบ้านมิวทะเบียนอะไร พยายามนึกแต่นึกไม่ออก อธิษฐานในใจว่าไม่ใช่ๆๆๆ เสียงผู้คนรอบข้างวิจารณ์เหตุการณ์ดังกล่าวอย่างไม่ขาดสาย เขาค่อยๆ ก้าวเท้าเดินไปด้านข้างของรถเรื่อยๆ เพื่อจะได้เห็นในตัวรถ พยายามสั่งให้เท้าก้าวออกไปแต่เท้าก้าวไม่ค่อยจะออกตามใจนึก

จนในที่สุดมิวมองเห็นด้านข้างรถเห็นพนักงานกำลังนำร่างหนึ่งออกมาจากตัวรถด้านซ้ายที่มิวยืนอยู่ มิวแทบหยุดหายใจรู้สึกชาไปทั่วร่าง เมื่อเห็นใบหน้าของเจ้าของร่างนั้น โต้งกำลังถูกนำร่างขึ้นเปลสนาม พยาบาลรีบสิ่งเอาอุปกรณ์ช่วยหายใจมาครอบจมูกและปากให้โต้ง ทุกคนค่อยๆ นำโต้งไปที่รถพยาบาลที่จอดรออยู่ด้านข้าง มิวน้ำตาไหลออกมา ร้องไห้เหมือนจะขาดใจ ปากตะโกนร้องเรียกชื่อโต้งตลอดเวลาพร้อมกับวิ่งไปที่กลุ่มอาสาที่นำโต้งไป พยาบาลกับอาสาจำนวนหนึ่งเข้ามาพูดคุยและดึงตัวมิวไว้ แต่มิวไม่มีสติจะฟังใครพยายามสะบัดตัวให้พ้นจากคนที่ดึงเขาไว้ โต้งถูกนำขึ้นรถพยาบาลปิดประตูแล้วออกไป ขณะเดียวกันร่างของกรถูกนำไปขึ้นรถพยาบาลอีกคัน มิววิ่งสะบัดตัวหลุดร้องเรียกและวิ่งตามไปอย่างไม่คิดชีวิต หญิงวิ่งตามมาทันคว้าตัวมิวไว้หญิงน้ำตาไหลร้องเรียกมิวให้ได้สติ มิวทรุดลงนั่งกับพื้นร้องไห้สะอื้นเหมือนใจจะขาดหญิงร้องไห้และสะอื้นตามมิว ทั้งเป็นห่วงโต้งทั้งสงสารมิว หญิงกอดมิวไว้มีพยาบาลเดินมาดูทั้งสองคน
หญิงตั้งสติถาม “พี่คะพี่เขาพาคนเจ็บไปที่โรงพยาบาลไหนคะ”

“โรงพยาบาล…น้อง ไปรถพี่ไหมเดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“ขอบคุณค่ะ” หญิงกับพี่พยาบาลอีกคนช่วยกันพยุงมิวที่ร้องไห้อยู่ตลอดเวลาขึ้นรถพยาบาลไป

ทางด้านสุนีย์นั่งรถแท็กซี่ตามมาจนถึงที่เกิดเหตุ สุนีย์รีบลงไปดูทันทีเมื่อฝ่าฝูงคนเข้าไปได้ ก็ได้เห็นรถที่มีสภาพเสียหายแต่ยังจำได้ว่าเป็นรถของเธอ สุนีย์เดินเข้าไปใกล้รถพบคราบเลือดอยู่บริเวณหน้ารถมีตำรวจมากันตัวสุนีย์ออกไป สุนีย์เป็นลมล้มลงทันที

ที่บริษัทเพลง วงออกัสทุกคนอยู่ในห้องซ้อม มีผู้จัดการวงมาดูวงซ้อมด้วยวันนี้ เอ็กซ์กำลังโทรตามมิวอยู่
“โทรไปหลายรอบแล้วไม่มีคนรับเลยครับ” เอ็กซ์บอกหัวหน้าวง

“ไม่สบายหรือเปล่า” เพชรบอก

“ถ้ามันไม่สบายมันก็น่าจะโทรมาบอก” ผู้จัดการวงตอบอย่างหัวเสีย “เหลวไหลขนาดนี้พี่ไม่เอาไว้หรอกนะ นี่ขนาดยังไม่ดังมากเหลิงขนาดนี้”

“เดี๋ยวผมโทรถามเพื่อนข้างบ้านมิวดูครับ” เอ็กซ์ตอบ

“เพื่อนข้างบ้านไอ้มิวก็แฟนมึงแหละพูดให้ยาว” เพื่อนในวงคนหนึ่งแซวขึ้นมา คนอื่นหัวเราะแต่โดยสายตาของผู้จัดการวงปรามไว้

“หญิงเหรอ ไอ้มิวมันไปไหนน่ะ พี่เค้ามารอแล้ววันนี้มีเล่นให้พี่ๆ เค้าดูด้วย” เอ็กซ์ทำหน้าตื่นและกดวางโทรศัพท์

“หม่าม้าหญิงรับน่ะ หม่าม้าบอกว่าหญิงไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปด้วยแต่หญิงไปกะไอ้มิว แต่ไม่รู้ไปไหน” เอ็กซ์บอกกับทุกๆ คน

“เหลวไหล งั้นวันนี้พักวง พี่ให้เวลาได้ไม่มากนะ ถ้ามิวไม่กลับมาซ้อมพี่จะตัดคิวของออกัสไปเสริมเวลาให้วงอื่นที่ขึ้นคอนเสิร์ตวันนั้นเหมือนกันแทน” ผู้จัดการเดินออกไปอย่างหัวเสีย ทุกๆ คนในวงจ๋อยไปตามๆกัน

“ไอ้มิวแม่งเห็นแก่ตัว ชอบสร้างปัญหาทุกที” เพื่อนคนนึงในวงโพล่งขึ้นมา

“พี่เค้าอาจจะมีเหตุผลอะไรก็ได้ พี่รอฟังพี่มิวก่อนสิ” เพชรบอก

“เหตุผลอะไรมันจะสำคัญไปกว่าหน้าที่วะ กูซ้อมแทบตายสุดท้ายก็เป็นศูนย์” คนเดิมกล่าวเสียงดัง

เอ็กซ์วิ่งไปกระชากคอเสื้อเพื่อนคนดังกล่าวทุกๆ คนตกใจรีบวิ่งมาดึงเอ็กซ์ออก “มันพยายามกว่าพวกเราหลายเท่า มันต้องแต่งเพลง มาให้พวกมึงเล่น มันต้องมาซ้อมร้องกับมึง แต่มันไม่เคยเรียกร้องอะไรจากมึงเลยซักอย่าง มันไม่เคยสำคัญตัวว่ามันยิ่งใหญ่กว่าคนอื่น แล้วนี่คือสิ่งที่มึงให้มันเหรอ ไอ้มิวเป็นเพื่อนมึงหรือเปล่าวะ” เอ็กซ์ที่โดนเพื่อนๆ รั้งไว้ตะโกนใส่หน้าเพื่อนที่ต่อว่ามิว
เพื่อนคนดังกล่าวสลดลงไป “กูขอโทษ กูแค่กลัวว่าเราจะโดนยุบวง”

…………………………………………………………………………………………

ที่โรงพยาบาลโต้งและกรถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินคนละชั้นกัน ทั้งคู่ยังคงแน่นิ่งไม่ได้สติ
“อาการคนไข้เป็นยังไงบ้าง” เสียงแพทย์ที่รีบวิ่งเข้ามาในห้องฉุกเฉินถามผู้ช่วยแพทย์ สมองได้รับความกระทบกระเทือนแต่ไม่มีอาการบวมและศรีษะไม่แตก อวัยวะภายในได้รับความกระทบกระเทือนเล็กน้อย ข้อมือมีแผลกระจกบาด คนไข้เสียเลือดมาก ตอนนี้ให้เลือดไว้แล้ว แต่ว่าเลือดสำรองกรุ๊ปโอเราจะหมดแล้วครับเพราะว่ามีคนไข้อีกคนใช้เลือดกรุ๊ปนี้เหมือนกัน”

“ประสานงานไปให้ติดต่อโรงพยาบาลใกล้เคียงหรือหน่วยงานอื่นขอเลือดกรุ๊ปโอด่วนนะ เราอาจจะต้องผ่าตัด”

“ผลเอ็กซ์เรย์มาแล้วค่ะ”พยาบาลเอาผลเอ็กซ์เรย์มาให้แพทย์ดู

“เอ็นและเส้นเลือดขาดนะ เตรียมตัวผ่าตัด”

มิวกับหญิงมาถึงโรงพยาบาล ทั้งคู่รีบวิ่งไปที่เคาท์เตอร์
“คนไข้ที่รถคว่ำที่เพิ่งมาถึงเมื่อกี๊อยู่ห้องไหนนะ” หญิงถามด้วยความเร่งรีบ

“ห้องฉุกเฉินชั้น 3 ค่ะ อีกคนก็ชั้น 4 ค่ะ”

“ลูกเค้าน่ะค่ะ เด็กผู้ชายอยู่ชั้นไหนคะ”

“ชั้น 4 ค่ะทางขึ้นทางนั้นนะคะ” พยาบาลบอกพร้อมชี้มือบอกทาง

หญิงกับมิววิ่งไปที่ลิฟท์ มิวมือสั่นหญิงบีบมือมิวไว้ให้มิวคลายเครียดลงบ้าง เมื่อลิฟท์มาถึงชั้น 4 หญิงและมิววิ่งหาห้องที่โต้งอยู่จนพบ เห็นพยาบาลกำลังจะเข้าห้องไป มิวฉุดแขนไว้
“โต้งเป็นยังไงมั่งครับ” มิวถามเสียงเครือน้ำตายังไม่หยุดไหล

“คนไข้เสียเลือดมากนะคะ เส้นเลือดฉีกขาด คุณหมอกำลังเตรียมผ่าตัดค่ะ คุณเป็นญาติของคนไข้หรือเปล่าคะ”

“ผมเป็นเพื่อนน่ะครับ”

“เราต้องการติดต่อญาติให้มาเซ็นต์ยินยอมการผ่าตัดนะคะ คุณพวกติดต่อเขาได้ไหม”

“ดิฉันเป็นแม่ค่ะ” สุนีย์เดินมาทันพอดี

“งั้นเดี๋ยวตามชั้นมาเซ็นต์เอกสารทางนี้นะคะ” พยาบาลนำทางไป มิวและหญิงมองตามสุนีย์ไปจนลับไปที่หัวมุม

หญิงและมิวนั่งอยู่บริเวณม้านั่งหน้าห้องผ่าตัด
“ไม่เป็นไรหรอกมิวเป็นแผลที่แขนเท่านั้นเอง” หญิงพยายามปลอบมิว

“เพราะเราหญิง เพราะเรา” มิวพร่ำบ่นออกมาน้ำตาไหลรินอาบแก้มหยดลงสู่พื้นเบื้องล่าง

“คุณเลือดกรุ๊ปบีค่ะให้เลือดลูกชายไม่ได้ค่ะ เราต้องการเลือดกรุ๊ปโอตอนนี้กำลังประสานงานให้อยู่นะคะคุณใจเย็นๆ” พยาบาลเดินนำมาที่ห้องผ่าตัดโดยมีสุนีย์เดินตามมาข้างๆ

“จะให้ชั้นใจเย็นได้ยังไงกันเล่า ลูกชั้นทั้งคนนะคุณพยาบาล”สุนีย์เดินตามมา ร้องไห้พร้อมต่อว่าพยาบาลอย่างหัวเสีย

“ผมเลือดกรุ๊ปโอครับ ผมจะให้เลือด” มิววิ่งเข้าไปหาพยาบาลแล้วบอก

“ไหวแน่เหรอคะ” พยาบาลมองแล้วถาม สุนีย์มองมิวอย่างอ่อนโยน

“ไหวครับ ยังไงก็ไหว” พยาบาลนำมิวเข้าไปในห้องให้เลือดทำการตรวจและเจาะเลือดมิว มิวบีบเลือดใส่ถุงอย่างรวดเร็วถุงจนผ่านไปสามถุง

“พอแล้วค่ะพอก่อน น้องจะไม่ไหวเอานะคะ” พยาบาลบอกให้พอ ทำการดึกเข็มออกทำแผลและให้มิวนอนพักอยู่บนเตียงก่อน จากนั้นพยาบาลนำถุงเลือดรีบเดินออกไป สุนีย์และหญิงเดินสวนเข้ามา สุนีย์มองมิวและค่อยๆ เดินไปที่เตียง

“ผมขอโทษครับน้านีย์ ผมขอโทษ” มิวร้องไห้อีกครั้ง พยายามจะลุกขึ้นไหว้ขอโทษสุนีย์

“อย่าโทษตัวเองเลยมิว มิวช่วยเค้านะ น้าต้องขอบใจมิวสิ” สุนีย์ยิ้มเล็กๆ ให้มิว

“ผมอยากไปเฝ้าโต้ง ได้ไหมครับ”

“ไปสิ” สุนีย์กับหญิงช่วยกันประคองโต้งลุกขึ้นและเดินไปที่ม้านั่ง มิวหน้าซีดและดูอ่อนแรง

“นอนลงไปเลยดีกว่ามิว มิวนั่งไม่ไหหรอก เดี๋ยวจะพาลเป็นลมเอา” หญิงบอกให้มิวนอนไปกับม้านั่ง มิวไม่ยอมแต่สุนีย์เข้ามาจับให้มิวนอนลงมิวจึงยอม

“หนูฝากมิวแป๊บนะคะ หนูออกมาไม่ได้บอกหม่าม้านะค่ะ” สุนีย์พยักหน้า หญิงวิ่งไปโทรศัพท์บอกที่บ้าน เพราะเพลียจากเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา และการให้เลือด สุนีย์เดินมาใกล้กับตัวมิว มองหน้ามิวพลางลูบศีรษะ “คนที่ทำให้เป็นแบบนี้อาจเป็นเพราะพวกน้าก็ได้” สุนีย์พูดน้ำตาคลอ
สักพักหญิงเดินกลับมาเห็นภาพดังกล่าวก็ยิ้มได้เล็กน้อย

“น้าคะ น้าไปดูน้าผู้ชายเถอะค่ะ ทางนี้มีหนูกับมิวอยู่แล้ว เดี๋ยวมีอะไรหนูจะลงไปเรียกให้นะคะ” หญิงบอก สุนีย์ขอบใจและเดินลงไปชั้นสาม

“คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ หมอเย็บแผลที่ศีรษะให้และทำแผลตามที่อื่นๆที่โดนกระจกบาด หมอให้เลือดไว้ ส่วนอื่นๆ ไม่กระเทือนอะไรมาก แต่ว่าคนไข้สุขภาพไม่ค่อยดีมาก่อนแล้วอาจต้องพักฟื้นซักระยะ” สุนีย์ใจชื้นขึ้นเดินตามเตียงที่เข็นกรออกไปสู่ห้องพักฟื้น จัดแจงเรื่องห้องพักให้กรจากนั้นจึงตามไปเฝ้าอาการโต้งต่อ

ทางด้านโต้งเวลาผ่านไปราวชั่วโมงครึ่งหมอจึงออกมา สุนีย์ หญิงและมิวที่ตื่นแล้วรีบเข้าไปถามอาการโต้งในทันที
“คนไข้เกร็ดเลือดน้อย เลือดไม่ค่อยแข็งตัวทำให้เสียเลือดมาก ขณะผ่าตัดคนไข้มีอาการช๊อค ตอนนี้หมอต่อเส้นเลือดและเส้นเอ็นที่ขาดให้แล้ว บาดแผลตามที่ต่างๆ หมอให้พยาบาลทำแผลให้อยู่ แต่ว่ามีรอยช้ำที่บริเวณหน้าผากนะ หมอคิดว่าศีรษะอาจได้รับความกระทบกระเทือนบางส่วนแต่ว่าเอ็กซ์เรย์ไม่พบอาการผิดปกติ ยังไงเดี๋ยวทำแผลเสร็จพักสักหน่อยอาการน่าจะดีขึ้น คอยเฝ้าระวังอาการทางสมองที่ตรวจไม่พบเท่านั้นเอง” แพทย์กล่าว

“แล้วมันจะมีผลยังไงมั่งไหมคะหมอ อาการที่ตรวจหาไม่เจอ” สุนีย์ถามหมออย่างร้อนรน

“เป็นได้หลายอย่างนะครับ แต่ที่น่าเป็นห่วงขอคนไข้เคสนี้ก็คือ…”

“คืออะไรครับหมอ” มิวถามเสียงดัง

“ถ้าคนไข้ไม่ฟื้นหรือไม่รู้สึกตัวภายใน 7 วัน คนไข้อาจจะเป็นเจ้าชายนิทราได้ครับ แต่โอกาสมีไม่สูงหรอกครับ หมอขอให้พวกคุณอย่าวิตกกันมากนะ หมอขอตัวก่อนนะครับ” หมอพูดจบก็เดินจากไป

สุนีย์และหญิงยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้น มิวทรุดลงกับพื้นน้ำตาไหลแต่ไม่มีเสียงใดๆ ออกมาจากมิว

(โปรดติดตามตอนต่อไป)



Create Date : 29 ธันวาคม 2550
Last Update : 29 ธันวาคม 2550 14:50:59 น. 1 comments
Counter : 730 Pageviews.

 
โอ้ จอร์จ มันยาวมากเลย ว่าแต่รักแห่งสยามจะทำเป็นแผ่นขายเมื่อไหร่ละ จะได้ไปซื้อมาดู


โดย: ฮิโระ (ordinary_hero ) วันที่: 29 ธันวาคม 2550 เวลา:23:41:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

K_chang
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เฟิร์นคับ เป็นคนภูเก็ต แต่ต้องมาใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ งานอดิเรกก็มีบ้าง แต่ที่ติดอยู่ตอนนี้คือการทำบล็อก
และก็คงจะไม่เลิกง่ายๆซะด้วย

ยินดีต้อนรับเข้าสู่K_chang BLOG นะคับ…
Kittipong Jarusathorn
Instagram

Google
free counters
New Comments
Friends' blogs
[Add K_chang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.